Group Blog
 
<<
เมษายน 2559
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
28 เมษายน 2559
 
All Blogs
 
หลงกลิ่นโลกีย์




28 เมษายน 2559











นวนิยายชื่อเรื่องชวนให้สงสัยเล่มนี้เป็นผลงานของนักปราชญ์ชาวอินเดียที่มีชื่อว่า รพินทรนาถ ฐากูร ผู้ที่เป็นชาวเอเซียคนแรกที่ได้รับรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรม ในปี พ.ศ.2456 “หลงกลิ่นโลกีย์” เป็นหนังสือที่แปลมาจากภาษาอังกฤษที่มีชื่อเรื่องว่า The Home and the World แปลเป็นภาษาไทยโดยคุณ กิติมา อมรทัต (ผู้เป็นน้องสาวของ อิศรา อมันตกุล) เล่มนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของคู่สามีภรรยาที่มีบุคคลที่สามเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย รวมทั้งมีเรื่องราวทางการเมืองที่เป็นการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ทางสังคม ถือว่าเป็นหนังสือแนวปรัชญาที่ให้แง่คิดเกี่ยวกับการรู้จักชีวิตได้เป็นอย่างดี



“ หลงกลิ่นโลกีย์ (The Home and the World) วรรณกรรมเรื่องเอกของนักเขียนรางวัลโนเบล รพินทรนาถ ฐากูร นำเสนอบรรยากาศความขัดแย้งทางความคิดในช่วงการต่อต้านวัฒนธรรมตะวันตกในประเทศอินเดีย ออกมาในรูปแบบของนวนิยายความรักและการเมือง ถ่ายทอดแรงกดดัน เหตุผล ตรรกะ ความคิดเห็นที่แตกต่างกันของตัวละคร สะท้อนให้เห็นถึงความคิดของผู้คนในอินเดียสมัยนั้นออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม จึงเป็นงานวรรณกรรมคลาสสิกระดับโลกที่ได้รับการแปลเป็ฯภาษาต่าง ๆ มากมาย”
(จากคำโปรยที่ปกหลัง)




“หลงกลิ่นโลกีย์” เล่มนี้สำหรับตัวผมเป็นหนังสืออ่านยากเล่มหนึ่งเลย สาเหตุไม่ได้เป็นเพราะว่าไม่สนุก แต่เป็นเพราะเรื่องราวนี้เกิดขึ้นเมื่อ 100 ปีที่แล้วในประเทศอินเดีย ตัวผมนั้นแทบไม่รู้จักวัฒนธรรมของชาวอินเดียเลย ผมรู้จักประเทศอินเดียก็ผ่านทางทางโทรทัศน์และรายการสารคดีเท่านั้น ดังนั้นเมื่อต้องมาเจอกับวัฒนธรรมดั้งเดิมของอินเดียในเรื่อง ผมจึงต้องทำความเข้าใจให้มากขึ้น เรียกว่าหนังสือเล่มนี้สำหรับผมต้องมีสมาธิในการอ่านเป็นอย่างมาก ตัวละครในเรื่องเป็นชาวอินเดียที่นับถือศาสนาฮินดู ซึ่งผมไม่รู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมของชาวฮินดูมาก่อนเลย ส่วนประเด็นหลักที่ทำให้หนังสือเล่มนี้อ่านยากก็คือ ในหนังสือเล่มนี้มีการเขียนโดยเปลี่ยนผู้เล่าเรื่องไปมาตลอดเรื่อง ในทางวรรณกรรมเรียกว่ามีการเปลี่ยนมุมมองของผู้เล่าเรื่อง (Point of view) ไปตลอด แต่เป็นการเล่าด้วยมุมมองบุรุษที่ 1 ทั้งหมด (POV. บุรุษที่1 ) แค่นึกท่านก็งงแล้วใช่ไหมครับ? แต่มันเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ครับ

ในเรื่องนี้มีตัวละครเอกที่ทำหน้าที่เล่าเรื่องอยู่ 3 คน คือตัวละครหลักที่ชื่อว่าพิมาลา เป็นนางเอกของเรื่อง , ตัวละครนิคหิล เป็นพระเอกของเรื่อง และตัวละครสัณฑิป ที่เป็นผู้ร้ายในเรื่อง ในการขึ้นบทใหม่จะบอกไว้ว่าบทต่อไปนี้เป็นเรื่องของใคร(เล่าผ่านมุมมองใคร) เรื่องส่วนใหญ่จะเล่าผ่านมุมมองของพิมาลาเป็นหลักประมาณ 50% แต่ก็มีในส่วนที่เล่าโดยนิคหิลและสัณฑิปรวมกันประมาณ 50% เช่นกัน ดังนั้นในขณะที่ท่านกำลังอ่านอยู่ท่านจะละสมาธิไปจากเรื่องราวไม่ได้เลย เพราะท่านจะงงว่าตัวละคร “ฉัน” ที่ท่านกำลังอ่านอยู่คือตัวละครตัวใด แต่มีข้อสังเกตบางประการเกี่ยงกับวิธีการเล่าเรื่องผ่านตัวละครทั้ง 3 นี้คือ เป็นการทำให้ผู้อ่านได้รู้จักตัวละครทั้งสามตัวได้อย่างลึกซึ้ง เพราะรู้ถึงความรู้สึกนึกคิดที่อยู่ในใจของตัวละครได้เป็นอย่างดี ซึ่งวิธีการเขียนในรูปแบบนี้ผมเพิ่งจะเคยเจอเป็นครั้งแรกจากเรื่องนี้



“ฉันจะไม่หลีกเลี่ยงความจริงละ เจ้าตัณหาอันวุ่นวายระส่ำระสายนี้มันดึงฉันไปทั้งวันทั้งคืน ดูเหมือนว่ามันจะเป็นสิ่งที่ยั่วยวนชวนใจอย่างเหลือเกิน ทำให้ตัวฉันเองต้องตกอยู่ในอันตราย มันช่างน่าละอาย ร้ายกาจ แต่ก็ช่างหวานชื่นอะไรเช่นนั้น! มิหนำซ้ำยังมีความอยากรู้อยากเห็นอันรุนแรงของฉันอีก ซึ่งดูเหมือนว่าจะไม่มีขีดจำกัดเอาเสียเลย เขาผู้ซึ่งฉันรู้จักมาเพียงเล็กน้อย ผู้ไม่อาจจะเป็นของฉันได้อย่างแน่นอน ผู้ที่วัยหนุ่มของเขาลุกโพลงเป็นเปลวเพลิงอันร้อนแรงนับร้อยแฉก โอ้ ตัณหาของเขาช่างร้อนแรง ช่างเข้มข้น และช่างโกลาหลเสียนี่กระไร!”
(จาก เรื่องของพิมาลา หน้า 86)













ผมยอมรับว่าในครั้งแรกที่ผมอยากอ่านหนังสือเล่มนี้ก็เพราะชื่อเรื่องที่บอกว่าหลงกลิ่นโลกีย์ ผมก็อยากจะรู้ว่าเรื่องโลกีย์ในยุคก่อนนั้นเป็นอย่างไร แต่เมื่อผมอ่านเรื่องนี้จบแล้วผมบอกได้ว่าชื่อเรื่องจริง ๆ แล้วน่าจะชื่อว่า “หลงกลิ่นคำลวง” มากกว่า เพราะเรื่องโลกีย์อย่างว่านั้นในเรื่องเป็นเพียงแค่การนอกใจธรรมดายังไม่ถึงขั้นเป็นชู้ แค่คิดเป็นชู้ทางใจเท่านั้นยังไม่มีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ถูกต้องเลย แต่เรื่องการนอกใจนี้น่าจะเป็นประเด็นที่มีนำหนักมากที่สุด เพราะในเรื่องตัวพระเอก นิคหิลนั้นเป็นคนที่อยู่ในราชวงค์ระดับสูง ในเรื่องตัวละครอื่นเรียกเขาว่าท่านมหาราชาตลอด ส่วนตัวนางเอกพิมาลานั้นเมื่อได้แต่งงานกับผู้สูงศักดิ์แล้วมีตำแหน่งเป็นถึงท่านแม่รานีของวัง ส่วนสัณฑิปผู้เป็นมือที่สามนั้นเป็นเพื่อนสนิทของนิคหิล ตัวเขาถือว่าเป็นนักปราชญ์ของยุคนั้นเลย ดังนั้นเมื่อเกิดเรื่องนอกใจกันขึ้นมาจึงสร้างความเจ็บปวดให้แก่นิคหิลเป็นอย่างมาก แต่ตัวสัณฑิปนั้นกลับได้รับความฮึกเหิมและได้ใจ ส่วนตัวพิมาลาต้องอยู่อย่างทนทรมานระหว่างความเจ็บปวดที่กลัวจะถูกประนามกับความต้องการลึก ๆ ในหัวใจของตัวเอง



“ ไม่ใช่ว่าฉันจะมีความละอายใจหลอก ๆ อะไรเลย ในเรื่องพิมาลากลายเป็นสิ่งที่ฉันปรารถนา ก็เห็นได้แจ่มแจ้งเกินไปอยู่แล้วว่าเธอต้องการฉัน ดังนั้นฉันจึงมองดูเธอเหมือนกับเธอเป็นของฉันโดยถูกต้องตามกฎหมาย ผลไม้ห้อยติดอยู่กับกิ่งด้วยก้านของมัน แต่นั้นก็ไม่ใช่เหตุผลว่าทำไมก้านจะต้องถือสิทธิว่าเป็นเจ้าของผลไม้ไปชั่วนิรันดร์กาล ผลไม้สุกย่อมจะติดอยู่กับก้านที่หย่อนยานไปแล้วตลอดไม่ได้ดอก ความหวานทั้งหมดของมันนั้นถูกสะสมไว้เพื่อฉัน เหตุผลที่มันมีอยู่ก็คือ เพื่อยอมตนมาอยู่ในมือของฉัน นั่นคือธรรมชาติโดยแท้ของมัน คือหลักศีลธรรมอันแท้จริงของมัน ดังนั้นฉันจึงต้องเด็ดมันเสีย ฉันจะปล่อยไว้โดยเปล่าประโยชน์ไม่ได้หรอก”
(จาก เรื่องของสัณฑิป หน้า 103)




สำหรับชื่อเรื่องที่เป็นภาษาอังกฤษว่า The Home and the World นั้น ผมอาจจะแปลว่า “บ้านและโลกภายนอก” เพราะว่าเรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นในบ้าน สถานที่หรือฉากในเรื่องทั้งหมดคือบ้าน คือทุกเหตุการณ์เกิดขึ้นในวังของนิคหิลทั้งหมด แต่สัณฑิปและนิคหิลนำเรื่องภายนอกเข้ามาในบ้าน เรื่องภายนอกก็คือเรื่องราวการต่อสู้ในประเทศอินเดียที่ต่อต้านวัฒธรรมตะวันตก ให้เลิกใช้สินค้าสิ่งของที่ผลิตในตะวันตก ซึ่งตัวสัณฑิปเป็นผู้นำในการต่อต้านครั้งนี้ ส่วนตัวนิคหิลนั้นเป็นเจ้าของร้านค้าที่ขายสินค้าจากต่างประเทศ ความขัดแย้งระหว่างเพื่อนสนิททั้งสองก็เกิดขึ้น ส่วนตัวพิมาลานั้นเมื่อได้แต่งงานก็เข้ามาอยู่ในวังของสามี เธอจึงเป็นรานีของนิคหิลที่เป็นคนรักเพียงคนเดียว เมื่อมีโลกภายนอกเข้ามาในบ้าน ก็คือสัณฑิปเปรียบเสมือนโลกภายนอกที่พิมาลายังไม่เคยรู้จักมาก่อน พิมาลากลับหลงใหลในความที่ไม่เคยได้สัมผัสได้ลอง ซึ่งสัณฑิปก็นำเธอออกสู่นอกภายนอกที่เป็นความรักอีกรูปแบบหนึ่ง


ถึงแม้ว่าเรื่องนี้จะถูกเขียนโดยภาษาที่ค่อนข้างอ่านยาก แต่จุดเด่นอีกประการหนึ่งของ “หลงกลิ่นโลกีย์” เล่มนี้ก็คือ ความเป็นปรัชญาที่มีอยู่ตลอดเรื่อง ซึ่งผู้เขียนนำเสนอด้วยวิธีการเปรียบเทียบ อุปมาอุปมัย คือมีสำนวนการเปรียบเปรยอยู่ตลอดเรื่อง ทำให้ผู้อ่านต้องคิดตามคำอุปมาอุปมัยนั้น เมื่อผู้อ่านคิดได้ก็จะทราบถึงความหมายที่กว้างไกลออกไปอีก ท่านใดที่อยากจะหาหนังสือที่มีเรื่องการเปรียบเปรยมาอ่านไว้เป็นตัวอย่าง ผมคิดว่าในเรื่องนี้มีมากกว่า 100 อย่างเป็นได้ ความเป็นปรัชญานี้จึงเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้หนังสือเล่มนี้อ่านยากและมีความเป็นวรรณกรรมสูง แต่ผมคิดว่าไม่ถึงกับต้องปีนบันไดอ่านหรอก เพียงแค่มีสมาธิจดจ่อไปกับเนื้อหาแล้วก็จะสามารถอ่านได้ เรื่องราวเริ่มมีความเข้มข้นมากขึ้นเมื่อผ่านครึ่งเรื่องไปแล้ว ตัวละครพิมาลานั้นเป็นผู้สร้างปมให้เกิดเรื่องขึ้น พอเรื่องเริ่มมีปมก็จะมีปมใหม่ ๆ เข้ามาโดยตลอด เปรียบเสมือนพิมาลากำลังถักสานตาข่ายแห่งความยุ่งยาก แล้วเธอกลับหลงติดอยู่ในตาข่ายนั้นด้วย กว่าจะคลี่คลายปมต่าง ๆ ได้ก็จบเรื่องพอดี แต่ว่าในตอนจบนั้นเป็นสิ่งที่ท่านคาดไม่ถึงเป็นอย่างแท้ ไม่ใช่การหักมุมจบแต่เป็นการจบแบบที่ทำให้ผู้อ่านคอพับได้ในทันทีที่ปิดหนังสือลง ถ้าท่านไม่เชื่อก็ต้องไปลองหาอ่านดูครับ



“ ท่านครูเอ่ยขึ้นว่า เราคิดว่าเราเป็นนายของตัวเอง ก็ต่อเมื่อเราได้สิ่งที่เราปรารถนาอยู่ในมือแล้ว แต่ที่แท้นั้น เราจะเป็นนายของตัวเราเองก็ต่อเมื่อเราสามารถที่จะเหวี่ยงความปรารถนาของเราออกไปจากจิตใจของเราได้เท่านั้น”
(จาก เรื่องของนิคหิล หน้า 182)



สำหรับหนังสือที่อ่านยากและมีอุปาอุปมัยเป็น 100 อย่างนี้ ผมคาดไม่ถึงว่าจะถูกเขียนขึ้นเมื่อ 100 ปีที่แล้ว หรืออาจจะเป็นได้ว่าในปัจจุบันนี้ได้นำเอากลวิธีการเขียนในลักษณะนี้มาสืบทอดต่อก็เป็นได้ ดังนั้นจึงถือได้ว่า “หลงกลิ่นโลกีย์” (The Home and the World) นี้เป็นหนึ่งในต้นแบบของวรรณกรรมในสมัยใหม่ที่ควรค่าแก่การอ่าน สำหรับหนังสือเล่มที่อยู่ในมือของผมนี้ เป็นฉบับพิมพ์เป็นภาษาไทยครั้งที่ 2 ซึ่งพิมพ์ครั้งที่ 2 ปี 2559 โดยสำนักพิมพ์ไทยควอลิตี้บุ๊คส์ (2006) ด้วยความหนาไม่มากแต่ต้องอ่านแบบมีสมาธิสูง เนื้อเรื่องหนาจำนวน 288 หน้า ราคาปก 210 บาท ท่านที่สนใจลองไปหาอ่านกันนะครับ



มีนักวิชาการทางวรรณกรรมบอกไว้ว่า การอ่านวรรณกรรมนั้นถึงแม้จะอ่านยากแต่ถ้าท่านอ่านได้ สมองของท่านจะคิดต่อยอดได้กว้างไกลมากขึ้น ดังนั้นการอ่านวรรณกรรมจึงเป็นวิธีการพัฒนาและยกระดับสมองในอีกรูปแบบหนึ่ง ดังนั้นผมจึงขอให้ทุกท่านมีความสุขกับการอ่านงานวรรณกรรมนะครับ








Create Date : 28 เมษายน 2559
Last Update : 28 เมษายน 2559 0:05:04 น. 26 comments
Counter : 4793 Pageviews.

 
สวัสดีค่ะ

โหวตแล้ว แต่ทำไมcopyไม่ได้..ไม่รู้ซิค่ะ

ขอขอบคุณที่ไปชมครอบครัวตัวออ.ถูกสัมภาษณ์ค่ะ


โดย: อ้อมแอ้ม (คนผ่านทางมาเจอ ) วันที่: 28 เมษายน 2559 เวลา:1:22:34 น.  

 
สวัสดีค่ะ
ขอบคุณสำหรับกำลังใจค่ะ

พี่ทำงานเป็นพยาบาลห้องคลอดที่นิวยอร์กซิตี้เป็นรพ.ใหญ่พอสมควรมีการคลอดเดือนละเกินสามพันราย และในสามพันรายมีการผ่าคลอดไม่ถึงห้าร้อยราย

เรื่องคลอดเมืองไทย หลานๆของพี่ผ่าคลอดทุกคน เรียกว่าเมืองไทย
พี่ไม่อยากพูด เคยตั้งกระทู้ด้วยซ้ำว่าหมอทำคลอดไม่เป็น ขนาดหลานสาวพี่คนหนี่งตั้งใจกันทั้งคู่ว่าจะคลอดเอง พอไปรพ ถึงวันครบกำหนดไม่เจ็บท้องหมอบอกต้องผ่าเลย ที่เมืองนอกเขาจะรับคนไข้ ให้ยาทำให้ปากมดลูกนิ่ม(soft cervic) แล้วก็ให้ยากระตุ้นมดลูก เพื่อให้ปากมดลูกเปิด ขณะเดียวกันก็ monitor แม่และเด็กให้ปลอดภัย ถ้ามีอะไรที่จะเริ่ม หรืออาจจะเป็นอันตรายต่อแม่หรือเด็กเขาก็จะผ่าตัดคลอด คุณแม่บางคนอยู่รพ.สามสี่วันถึงจะคลอด และก็คลอดเองได้ด้วย ปลอดภัยทั้งแม่และลูก และชื่นชมที่เราจ่ายค่าให้หมอดูแล และหมอก็ทุ่มแรงกายทั้งสามวันเผื่อดูแลทั้งแม่และลูก นอนค้างรพ.เลย เรียกว่าไม่เสียดายจ่ายค่าหมอเลย

โหวดสาขาหนังสือค่ะ


โดย: newyorknurse วันที่: 28 เมษายน 2559 เวลา:1:29:47 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณกล่อง

ช่วยลองกดๆใหม่ด้วยนะคะ งงเหมือนกันค่ะ


โดย: newyorknurse วันที่: 28 เมษายน 2559 เวลา:2:21:15 น.  

 
อ่านข้างบนแล้ว..... บอกตรงเลยนะครับ...

ชีวิตเราหนักหนา เลยไม่อยากจะอ่านอะไรที่หนักอีกแล้ว...

แต่อ่านที่คุณกล่องเขียน ตีแผ่ วิธีการเขียน การใช้วิธีการเล่าเรื่อง
กลับชอบการตีแผ่ ทำให้มีความรู้ การประพันธ์เรื่องครับ

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
อาคุงกล่อง Book Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น

อ้อ..ถ้าโหวตแล้ว ก๊อบมาไม่ลง

ใช้ก๊อบเหมือนเดิม พอวางแปะแล้วไม่ลง ให้ กด Ctrt
กับ กด ตัว v ก็จะแปะได้ครับ


โดย: ไวน์กับสายน้ำ วันที่: 28 เมษายน 2559 เวลา:6:48:06 น.  

 
ผมเคยอ่านแต่บทกวีของท่านครับ
ซึ่งก็ต้องบอกตามตรงว่าอ่านยากมาก

แต่ชอบบทสรุปที่พี่อาคุงเขียนไว้ครับ
เห็นด้วยเลย

โหวต Book Blog ครับพี่



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 28 เมษายน 2559 เวลา:7:37:09 น.  

 
เล่มนี้ยังไม่ได้อ่านค่ะ

ยังไม่มีครอบครองด้วย แง้ววว

ตอนนี้ขอทลายกองดองตัวเองก่อนค่ะ แหะๆ

บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
Max Bulliboo Klaibann Blog ดู Blog
ออโอ Book Blog ดู Blog
คนบ้านป่า Home & Garden Blog ดู Blog
สายหมอกและก้อนเมฆ Photo Blog ดู Blog
ตุ๊กจ้ะ Parenting Blog ดู Blog
ชีริว Travel Blog ดู Blog
กะว่าก๋า Photo Blog ดู Blog
อาคุงกล่อง Book Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 28 เมษายน 2559 เวลา:9:54:10 น.  

 
แวะมาโหวต หนังสือให้น้องกล่องจ๊ะ


โดย: อุ้มสี วันที่: 28 เมษายน 2559 เวลา:9:55:38 น.  

 
งานของรพิรทรนาถ ฐากูร
ฟ้าก็ยอมรับว่า จับต้องยากสำหรับตัวเองนะ 555
อุปมาอุปมัย เยอะเกินคิดทัน ^^

โหวตหนังสือนะคะ
+

ปล. การเดินทางอย่างที่เล่าผ่านบล็อกนั่น มันไม่ยากหรอก
อาจเพราะใช้เวลาสำหรับการทำความรู้จักด้วยมั้ง
ฟ้าว่ามันดูแปลกนะ ถ้าเราจะไปเที่ยวประเทศไหน
แล้วกลับไปคิดกลัวคนที่นั่นน่ะ


โดย: กาบริเอล วันที่: 28 เมษายน 2559 เวลา:11:35:41 น.  

 
โหวตให้แล้วค่ะ ชอบข้อความสุดท้ายมากค่ะ


โดย: Sab Zab' วันที่: 28 เมษายน 2559 เวลา:12:21:14 น.  

 
ผมเคยอ่านเรื่องสั้นของไทยเรา ที่ใช้วิธีให้ตัวละครเล่าเรื่อง ต่อเนื่องกันไป แต่ต่างมุมมอง จำไม่ได้ว่าใครเขียน และเร่ื่องอะไร แต่ผมทำไม่ได้เพราะคิดต่างไม่เป็น

ผมชอบเรื่องเดียวกันที่มีคนเล่าหลายคน อย่าง ราโชมอน ครับ.


โดย: เจียวต้าย วันที่: 28 เมษายน 2559 เวลา:13:55:51 น.  

 
เห็นชื่อเรื่องแล้วไม่ค่อยอยากอ่านเลยค่ะ "หลงกลิ่นโลกีย์" แต่อ่านที่คุณอาคุงกล่องเขียนแล้ว เออ ก็น่าสนใจนะเนี่ย ขอบคุณสำหรับรีวิวค่ะ

โหวตให้ Book Blog ค่ะ

ปล ที่เดาว่าเกดเป็นสายกิน... ถูกต้องคร้าาาาา เกดถือคติ เรื่องกินเรื่องใหญ่ กองทัพต้องเดินด้วยท้องค่ะ



โดย: Raizin Heart วันที่: 28 เมษายน 2559 เวลา:15:13:08 น.  

 
หนังสือเล่มนี้น่าอ่านมาก ชอบบทความทัศนาหนังสือเล่มนี้จัง


โดย: panneng (สมาชิกหมายเลข 2570365 ) วันที่: 28 เมษายน 2559 เวลา:15:21:24 น.  

 
หนังสือบางทีก็เหมาะกับคนอ่านถึงจะเข้าใจลึกซึ้งเหมือนกันนะคะ
+


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 28 เมษายน 2559 เวลา:15:54:44 น.  

 
เป็นอีกหนึ่งเล่มที่น่าอ่านของนักเขียนท่านนี้นะคะ
เรื่องโลกีย์ถ้าคนยึดในหลักของศีลธรรมและความถูกต้องนำทาง
โลกก็คงวุ่นวายน้อยลงนะคะ
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
Tristy Food Blog ดู Blog
Tui Laksi Sports Blog ดู Blog
Sweet_pills Travel Blog ดู Blog
อาคุงกล่อง Book Blog ดู Blog


โดย: เนินน้ำ วันที่: 28 เมษายน 2559 เวลา:18:12:09 น.  

 
หนังสือที่เป็นภาษาอ่านยากนี่จะทำให้เราได้ใช้ความคิดมากกว่าปกตินะคะ
คิดเยอะ จากนั้นก็จะเพลินอ่านไหลรื่นเพระาเราได้ทำความเข้าใจกับพล๊อตเรื่องไปแล้วค่า



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
เศษเสี้ยว Photo Blog ดู Blog
กะว่าก๋า Photo Blog ดู Blog
kae+aoe Parenting Blog ดู Blog
อาคุงกล่อง Book Blog ดู Blog





โดย: Rinsa Yoyolive วันที่: 28 เมษายน 2559 เวลา:23:11:16 น.  

 
บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
เศษเสี้ยว Photo Blog ดู Blog
moresaw Funniest Blog ดู Blog
newyorknurse Klaibann Blog ดู Blog
Sweet_pills Travel Blog ดู Blog
ร่มไม้เย็น Dharma Blog ดู Blog
ฟ้าใสวันใหม่ Food Blog ดู Blog
ซองขาวเบอร์ 9 Home & Garden Blog ดู Blog
The Kop Civil Movie Blog ดู Blog
Insignia_Museum Diarist ดู Blog
อาคุงกล่อง Book Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


โดย: Close To Heaven วันที่: 28 เมษายน 2559 เวลา:23:52:26 น.  

 

อาคุงกล่อง Book Blog ดู Blog


คนอะไรชอบอ่านหนังสือหนักๆ นะทิดกล่อง



โดย: หอมกร วันที่: 29 เมษายน 2559 เวลา:15:15:10 น.  

 
คุณกล่องสรุปได้ละเอียดดีมาก สมกับคนที่รู้ลึกเรื่องรูปแบบขั้นตอนการเขียนบทประพันธ์
ผมคงผ่านตาหนังสือเล่มนี้มาบ้าง แต่คงอ่านมาแค่ครึ่งๆกลางๆ ได้ฟังคุณกล่องเล่าแล้ว อยากไปทำสมาธิด้วยการอ่านวรรณกรรมเล่มนี้
ความคิดอย่างคนอินเดียลึกลับซับซ้อนเสมอ น่าสนใจที่เขาสามารถเขียนออกมาให้คนทั้งโลกอ่านและเห็นดีเห็นงานไปกับวิธีคิดนั้นได้อย่างยอดเยี่ยมครับ
โหวตหมวดหนังสือครับ


โดย: Insignia_Museum วันที่: 30 เมษายน 2559 เวลา:5:56:02 น.  

 
สงสัยเล่มนี้สาวขอผ่านค่ะ ชอบเบาๆ


โดย: sawkitty วันที่: 30 เมษายน 2559 เวลา:19:16:29 น.  

 
บางเนื้อหาอาจจะไม่เหมาะกะแป้ม เข้าไม่ถึงอ่า 555

จริงๆ ปกติแล้วก็จะไม่ได้ไปแถวนั้นหรอกค่ะ แต่เพื่อนชวนกิน และมันเป็นกึ่งกลางทางที่ทุกคนสะดวกมากัน ก็เลยเจอแถวนั้นอ่า มีเพื่อนสายกิน ก็เลยมีแอพดีๆ กินดี กินถูก อิอิ


โดย: ปลาแห้งนอกกรอบ (ปลาแห้งนอกกรอบ ) วันที่: 30 เมษายน 2559 เวลา:20:24:21 น.  

 
สวัสดีค่ะอาคุงกล่อง

หยุดหลายวัน จะไปเที่ยวไหนค่ะ..?



โดย: อ้อมแอ้ม (คนผ่านทางมาเจอ ) วันที่: 2 พฤษภาคม 2559 เวลา:12:26:30 น.  

 
หนูมาโหวตหนังสือให้ค่ะ


โดย: เจ้าการะเกด วันที่: 3 พฤษภาคม 2559 เวลา:16:32:24 น.  

 
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
อาคุงกล่อง Book Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


โดย: **mp5** วันที่: 3 พฤษภาคม 2559 เวลา:17:28:28 น.  

 
"ห้ามพลาด" กับสัมมนาชี้ 8 ช่องทางรวยด้วยออนไลน์
ลงทะเบียนฟรี !!
//execonline.weebly.com
รับจำนวนจำกัด 30 ท่านเท่านั้น
ขออภัยถ้าข้อความเป็นการรบกวน


โดย: หมีน้อย IP: 110.168.99.66 วันที่: 3 พฤษภาคม 2559 เวลา:19:43:58 น.  

 
เท่าที่อ่านมานี่ ก็เริ่มสงสัยว่า
ถ้าเราอ่านนี่จะใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะจบเล่มนี้

แลจะยากเกินไป

อ่านตรงนี้ของอาคุงกล่องพอแล้วดีกว่า แหะๆ


โดย: FreakGirL วันที่: 4 พฤษภาคม 2559 เวลา:16:14:07 น.  

 
เห็นชื่อเรื่องนี้แล้วเหมือนจะเคยได้ยินนักเขียนดังคนหนึ่ง
มีวาทะหนึ่งว่า "หอมกลิ่นผู้ชาย" แต่ไม่ได้ตามว่าแล้วมัน
เป็นอย่างไร รู้สึกขยาดคำตอบ

เพิ่งได้เห็นคอมเม้นท์ของคุณกล่องเรื่องเอื้องหมายนา
สีเหลือง คิดเหมือนกันเลยค่ะว่าเค้าแปลกตาดี ตอนพี่เทียน
จะให้ยังนึกไม่ออกเลยว่าหน้าตาดอกจะเป็นอย่างไร รอ
สองปีเลยค่ะกว่าจะได้เห็นดอกแรก



โดย: ภาวิดา (คนบ้านป่า ) วันที่: 5 พฤษภาคม 2559 เวลา:17:33:10 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

อาคุงกล่อง
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 62 คน [?]




อาคุงกล่องเป็นชายไทยนิสัยดีมีความฝัน ผู้ผันตัวมาเป็นทาสวรรณกรรมอย่างแท้จริง ใช้ชื่อกำหนดตัวตนว่า “อาคุงกล่อง” เป็นนามปากกาสร้างสรรค์ผลงานในเชิงหัสนิยาย และงานเขียนในรูปแบบต่าง ๆ อาทิเช่น เรื่องสั้น นวนิยาย สารคดี ความเรียง บทกลอน ไดอารี่เพ้อเจ้อละเมอเพ้อฝันต่างๆ ฯลฯ

ปัจจุบัน “อาคุงกล่อง” เป็นนักอ่าน นักคิดและนักเขียน รวมทั้งเป็นนักจินตนาการออกมาเป็นตัวอักษรด้วย ผู้มีความฝันอันยิ่งใหญ่คือการเป็นนักเขียนมีคุณภาพที่สรรค์สร้างผลงานอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ คาดว่าในเวลาอันใกล้นี้นาม “อาคุงกล่อง” จะเกิดปรากฎชัดในโลกวรรณกรรม จนเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางในหมู่หนอนนักอ่านทั่วไทย



"ในชีวิตจริงของคนเรา มีอะไรอีกมากมายที่จะต้องรับรู้และรับผิดชอบ ในแต่ละวันเรามีโอกาสที่จะหัวเราะได้สักกี่ครั้ง? แต่ถ้าเราได้มีโอกาสหัวเราะเสียบ้างเพื่อเป็นการผ่อนคลายหรือคลายเครียด ก็คงจะเป็นสิ่งที่ดีนะครับ"

ถ้าคุณเข้ามาในบล็อคของผมแล้ว คุณสามารถอมยิ้มหรือหัวเราะได้ ผมก็คงจะดีใจแล้วครับ (กรุณาช่วยทิ้งคอมเม้นท์วิจารณ์ไว้ให้ผมด้วยนะครับ จักขอบพระคุณมากเลยครับ)

akungklong@gmail.com
Friends' blogs
[Add อาคุงกล่อง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.