Group Blog
 
<<
มีนาคม 2559
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
30 มีนาคม 2559
 
All Blogs
 
ตาคลี น้ำตาไม่มีเสียงร้องไห้



30 มีนาคม 2559











หนังสือเล่มไม่หนาอันทรงเสน่ห์เล่มที่ผมอ่านในวันนี้เป็นผลงานของนักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ตลอดกาลของเมืองไทย ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นพญาอินทรีแห่งสวนอักษร เขาคือ ‘รงค์ วงษ์สวรรค์ (หนุ่ม) หนังสือเล่มนี้เป็นการรายงานเชิงสารคดีสู่แนวหลังของสงครามอินโดจีน ที่ประเทศไทยมีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้องโดยการให้ทางการสหรัฐเข้ามาตั้งฐานทัพได้ ซึ่งผลพลอยรายได้จากเหตุการณ์ในครั้งนี้นอกจากจะมีด้านที่ดีงามตามที่ได้เปิดเผยให้ทราบแล้ว แต่ผลอีกด้านหนึ่งที่อาจจะยังไม่เคยถูกเปิดเผยอย่างเป็นทางการนั้น ‘รงค์ วงษ์สวรรค์ (หนุ่ม) นักเขียนสำนวนเพรียวนมได้นำเสนอไว้ผ่านหนังสือเล่มนี้แล้ว

มีคนบอกว่า สงครามสร้างแต่ความหายนะ ซึ่งอาจจะเป็นจริงตามที่กล่าว แต่ในอีกแง่มุมหนึ่งนั้นสงครามเป็นตัวนำพาซึ่งอะไร ๆ หลายสิ่งหลายอย่างเข้าสู่พื้นที่แห่งสงครามนั้น สิ่งที่ตามมาจากสงครามนั้นอาจจะมีทั้งด้านดีและด้านเสีย แต่เชื่อว่าคนส่วนใหญ่มักจะได้รับรายงานข่าวทางด้านที่ดีมากกว่า ส่วนอีกด้านที่ไม่อยากจะเปิดเผยนั้นอาจจะลบเลือนไปพร้อมกับเสียงปืนที่สิ้นสุดลง ดังนั้นบันทึกเชิงความจริงที่เป็นรายงานเชิงสารคดีของ ‘รงค์ วงษ์สวรรค์ (หนุ่ม) เล่มนี้ถือได้ว่าเป็นการเผยแพร่อีกหนึ่งรอยจารึกของสงครามให้คนทั่วไปได้ทราบ



“บทบันทึกของ‘รงค์ และเพื่อนหนุ่มในแนวหลังสงคราม พ.ศ.ที่แล้ว บอกให้ผู้อ่านได้รู้ว่าสยามเมืองยิ้มอุดมไปด้วยฐานทัพจีไอ นับจากอุบลราชธานี นครพนม อุดรธานี นครราชสีมา ตาคลี และสัตหีบ ...

ในนามผู้นำโลกเสรีที่มุ่งปราบมารคอมมิวนิสต์ รัฐบาลทหารไทยจึงเปิดบ้านต้อนรับการเข้ามาของมหาอำนาจสหรัฐอเมริกาอย่างหน้าชื่นตาบาน ... ในนามภาคีแห่งการป้องกันดินแดนแหลมทอง รัฐบาลทหารไทยจึงส่งทหารไปรบแบบเปิดเผยในเวียดนาม และรบแบบลับ ๆ ล่อ ๆ ทั้งใน ซำทอง ล่องแจ้ง ทุ่งไหหิน ปากเซ ปากซอง อัตตะเบือ ฯลฯ “
(จากเสมือนคำนำสำนักพิมพ์ โดย แคน สาริกา , แหน้า 8)




ในหนังสือเล่มนี้ ‘รงค์ วงษ์สวรรค์ (หนุ่ม) เล่ารายละเอียดของเมืองตาคลี จังหวัดนครสววรค์ ในช่วงปี พ.ศ. 2515 ที่มีฐานทัพของทหารอเมริกันตั้งอยู่ บรรยากาศของเมืองที่เคยเป็นเมืองธรรมดาได้แปรเปลี่ยนไปในทันทีที่ทหารอเมริกันก้าวเท้ามาเหยียบย่ำ ภาพชีวิตของผู้คนจากหลากหลายถิ่นที่มุ่งหน้าเข้าสู่เมืองตาคลี ด้วยความหวังที่จะร่ำรวยและกอบโกยผลประโยชน์จากเงินสกุลดอลล่าร์อเมริกัน ภาพของถนนสายบันเทิงที่มีชื่อร้านเป็นภาษาฝรั่งสำหรับรองรับการใช้จ่ายเงินดอลล่าร์เพื่อบันเทิงเริงรมย์ของทหารอเมริกัน ฯลฯ ภาพชีวิตทั้งหลายเหล่านี้ ‘รงค์ วงษ์สวรรค์ (หนุ่ม) เล่าผ่านตัวละครที่มีชีวิตจริง จนเรียกได้ว่าแทบจะเล่าออกมาจากปากของคนผู้นั้นอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็น กระหรี่ , โสเภณี , แมงดา , คนขี่รถสามล้อรับจ้าง , บาร์เทนเดอร์ , แม่ค้าพ่อค้า , หาบเร่ ฯลฯ จนถึงกระทั่งตำรวจในพื้นที่ ต้องถือได้ว่า ‘รงค์ วงษ์สวรรค์ (หนุ่ม) เป็นนักสังเกตการณ์ชั้นดี ที่สังเกตชีวิตของผู้คนเอามาถ่ายทอดได้อย่างงดงามในเชิงวรรณศิลป์

เรื่องเล่าทั้งหมดในเล่มนี้เล่าเป็นตอน ๆ โดยการตั้งกระทู้เป็นประโยคหัวเรื่อง เช่น สถานการณ์ทางอารมณ์ที่แตกต่างกัน ระหว่างปัญญาชนกับผู้หญิง 30บาท , คนแปลกหน้ายังเดินทางมาตาคลีทุกวัน เพื่อจะรู้จักและไม่รู้จักอเมริกัน , เหตุการณ์ที่ยังมาไม่ถึงมักจะน่ากลัว แต่ที่ตาคลีไม่มีใครอยากพูดถึงอนาคต , ธุรกิจเงียบ ! การฆ่าตัวตายแบบผ่อนส่งของพาร์ทเนอร์และเมียเช่า ฯลฯ ซึ่งแต่ละตอนแต่ละเรื่องราวที่นำเสนอ ‘รงค์ วงษ์สวรรค์ (หนุ่ม) ได้เล่าถึงคนต่าง ๆ ที่เขาเจอหรือประสบพบเห็นในตาคลี โดยคนเหล่านั้นต่างก็กลายมาเป็นตัวละครในเรื่องราวชั้นดีของเขา



“ราคาเรื่องบิน บี.52 ตามที่เปิดเผยราว 160 ล้านบาท แฟนทอม เอฟ 4 ไม่ต่ำกว่า 80 ล้านบาท นักการทหารและวิศวกรเครื่องบินคงคิดว่า มันเป็นราคาสมเหตุผลเมื่อเทียบกับประสิทธิภาพของมัน แต่คนเดินถนน-ไม่ว่าคนเดินถนนที่นิวยอร์กหรือที่ตาคลี-รู้สึกว่ามันแพงอยางน่าใจหาย!

การขึ้นบินทำงานแต่ละครั้งของ บี.52 สิ้นเปลืองราว 820,000 บาท แฟนทอม เอฟ 4 ราว 170,000 บาท

คนที่ทำงานตลอดชีวิตไม่เคยหยิบเงินหมื่น ย่อมคิดว่ามันเป็นสงครามของเศรษฐีอย่างแท้จริง และช่วยไม่ได้ ถ้าคนพื้นเมืองในทุกแห่งหนที่ทหารอเมริกันไปถึงจะพากันคิดว่าอเมริกันทุกคนร่ำรวย แล้วหาโอกาสตักตวงผลประโยชน์จากอเมริกันเหล่านั้น”
(หน้า 129
)



เท่าที่ผมเคยอ่านผลงานของ ‘รงค์ วงษ์สวรรค์ (หนุ่ม) ก็รู้ได้เป็นอย่างดีว่าภาษาของเขางดงาม แต่ผมก็เคยอ่านบทวิจารณ์วรรณกรรมที่ต่อว่าและต่อต้านผลงานของ‘รงค์ วงษ์สวรรค์ เหมือนกัน โดยผู้วิจารณ์บอกว่าเขาเขียนผิดหลักภาษาไทย โดยเอาหลักเกณฑ์ของการเขียนแบบภาษาอังกฤษมาใช้ ดังเช่นประโยชน์ในตัวอย่างที่ผมยกมาข้างต้นนี้ “แต่คนเดินถนน-ไม่ว่าคนเดินถนนที่นิวยอร์กหรือที่ตาคลี-รู้สึกว่ามันแพงอยางน่าใจหาย” จะเห็นว่า‘รงค์ วงษ์สวรรค์ใช้วิธีการอธิบายคำนามด้วยประโยคขยายแบบที่ใช้ในภาษาอังกฤษ โดยอธิบายคำว่า “คนเดินถนน” โดยใช้ประโยคที่ทำหน้าที่ขยายว่า “ไม่ว่าคนเดินถนนที่นิวยอร์กหรือที่ตาคลี” แต่ผมคิดว่าวิธีการเขียนแบบนี้ของ ‘รงค์ วงษ์สวรรค์ ไม่แตกต่างจากการเขียนหนังสือแปลในปัจจุบันสักเท่าไหร่ จนอาจจะกล่าวได้ว่า ‘รงค์ วงษ์สวรรค์ เป็นนายของภาษาอย่างแท้จริง เขียนแบบไม่สนใจในหลักเกณฑ์แต่เขียนออกมาแล้วมีเสน่ห์ที่งดงามในเชิงวรรณศิลป์อย่างมาก

หนังสือเรื่อง “ตาคลี น้ำตาไม่มีเสียงร้องไห้” เล่มนี้ ‘รงค์ วงษ์สวรรค์เขียนขึ้นในปี พ.ศ.2515 เขาเขียนเพื่อเป็นการบันทึกเรื่องราวเอาไว้ในประวัติศาสตร์ ถึงแม้ว่าจะเป็นเศษเลี้ยวของประวัติศาสตร์ที่อาจจะตกหล่นไปบ้างก็ตาม แต่ต้องถือว่าเป็นหน้าที่สำคัญประการหนึ่งของนักเขียน สำหรับท่านใดที่สนใจอยากจะรู้เรื่องราวของเมืองไทยในยุคสมัยที่เกิดสงครามเวียดนาม หรืออยากจะรู้ว่าในพื้นที่ที่มีฐานทัพของอเมริกันตั้งอยู่นั้นมีบรรยากาศเป็นอย่างไรนั้น หนังสือเล่มนี้คงจะทำหน้าที่ดังกล่าวนี้ได้อย่างดี



อีกหนึ่งผลงานของนักเขียนผู้ยิ่งใหญ่เล่มที่อยู่ในมือของผมนี้ ผมซื้อมาจากบูธของสำนักพิมพ์สามัญชน เมื่องานสัปดาห์หนังสือปี 2554 เป็นฉบับพิมพ์ครั้งที่ 2 เดือนพฤษภาคม 2552 โดยสำนักพิมพ์สามัญชน ด้วยความหนาไม่มากแบบอ่านสบาย ผมสามารถอ่านได้รวดเดียวจบในเวลา 3 ชั่วโมงจำนวน 182 หน้า ราคาปก 155 บาท ท่านที่สนใจก็ลองไปหามาอ่านกันดูนะครับ เล่มนี้อ่านง่ายเพลิดเพลิน อ่านแล้วทำให้เราต้องหวนคิดภาพย้อนหลังไปเมื่อ 50 กว่าปี แล้วก็คิดต่อว่าเหตุการณ์บางอย่างในเรื่องนี้ยังคงหลงเหลืออยู่มาถึงปัจจุบันนี้บ้างหรือไม่?

ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมชม ขอให้ท่านมีความสุขกับการอ่านหนังสือนะครับ






Create Date : 30 มีนาคม 2559
Last Update : 30 มีนาคม 2559 14:00:18 น. 18 comments
Counter : 8298 Pageviews.

 
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ทนายอ้วน Travel Blog ดู Blog
ที่เห็นและเป็นมา Art Blog ดู Blog
toor36 Cartoon Blog ดู Blog
สมาชิกหมายเลข 2230794 Travel Blog ดู Blog
ผู้ชายในสายลมหนาว Education Blog ดู Blog
kae+aoe Parenting Blog ดู Blog
mariabamboo Photo Blog ดู Blog
Raizin Heart Literature Blog ดู Blog
อาคุงกล่อง Book Blog ดู Blog


เล่มนี้ของคุณรงค์ยังไม่เคยอ่านค่ะ

งานหนังสือปีนี้ไปมั้ยคะคุณกล่อง?


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 30 มีนาคม 2559 เวลา:14:29:57 น.  

 
เคยอ่านหนังสือคุณรงค์ บ้างแต่ไม่มากนัก.. คงเป็นด้วย
ตามไม่ทันสำนวนใหม่ ๆ

แต่ก็เคยไปที่บ้านพัก แถวโป่งแยงเชียงใหม่ด้วยความชื่นชมต่อ
ผลงานอันประจักษ์ต่อ คนอื่น และทราบมา..ว่าคุณรงค์เขียน
แบบคนอื่นเขียนตามไม่ได้ 555

เรื่องตาคลี ยังไม่เคยอ่าน.... เขียนในปี 2515 นานมาก
นะครับ ตอนนั้น จีไอดัง.. ผมยังเคยพบ จีไอ ครั้งที่ไป
ทำงานที่อุบล... บ้านเช่าหายากมาก เพราะพวกเขาเช่ากัน
หมด.. เดือดร้อนซิครับ เราก็ต้องการเช่า


โดย: ไวน์กับสายน้ำ วันที่: 30 มีนาคม 2559 เวลา:15:39:01 น.  

 
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
Raizin Heart Diarist ดู Blog
newyorknurse Klaibann Blog ดู Blog
อาคุงกล่อง Book Blog ดู Blog

เม้นท์เพลินลืมโหวต เลยกลับมาใหม่ครับ


โดย: ไวน์กับสายน้ำ วันที่: 30 มีนาคม 2559 เวลา:15:39:58 น.  

 

อาคุงกล่อง Book Blog ดู Blog


คนอะไรชอบอ่านหนังสือหนักๆ
กลับมาเป็นคนเบาสมองเหมือนเดิมเถอะทิดกล่อง



โดย: หอมกร วันที่: 31 มีนาคม 2559 เวลา:9:28:03 น.  

 
สวัสดีค่ะอาคุงกล่อง..

ช่วงนี้ อ่านหนังสือน้อยมาก

แต่จะไปเดินงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติดู่ค่ะ

โหวตให้เลย

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
lovereason Literature Blog ดู Blog
ชมพร Cartoon Blog ดู Blog
ที่เห็นและเป็นมา Music Blog ดู Blog
ร่มไม้เย็น Dharma Blog ดู Blog
Close To Heaven Food Blog ดู Blog
AppleWi Beauty Blog ดู Blog
newyorknurse Klaibann Blog ดู Blog
หอมกร Movie Blog ดู Blog
sawkitty Literature Blog ดู Blog
อาคุงกล่อง Book Blog ดู Blog


โดย: อ้อมแอ้ม (คนผ่านทางมาเจอ ) วันที่: 31 มีนาคม 2559 เวลา:20:40:32 น.  

 
ยังไม่เคยอ่านงานของ 'รงค์ อย่างจริงจังซะที ...ทั้งๆ ที่มีอยู่ ....เอาไว้จะต้องหยิบมาเสพสำนวนดูบ้าง

ตอบ -- งานศิลปะจัดแสดงถึงวันที่ 8 เมษานะคะ


โดย: นัทธ์ วันที่: 31 มีนาคม 2559 เวลา:22:56:25 น.  

 
โห ดีใจ ดีใจ ตั้งใจนำมาฝากลูกหลานในช่วงปิดเทอม
แต่มีนักเรียนผู้ใหญ่มาฟังเยอะเลย
รวมทั้งป้าเก๋าเองด้วย


โดย: ป้าเก๋า (ชมพร ) วันที่: 31 มีนาคม 2559 เวลา:23:09:02 น.  

 

มาอ่านรีวิวหนังสือค่ะ
โหวดสาขา book blog ค่ะ


โดย: newyorknurse วันที่: 1 เมษายน 2559 เวลา:2:30:45 น.  

 
อาคุงกล่อง Book Blog

พญาอินทรีแห่งสวนอักษร ได้ยินแล้วดูไพเราะดีจังค่ะคำนี้ ต้องเก่งมากๆ เลยนะคะ ถึงได้ฉายานี้มา

หนังสือที่เขียนโดยเอาสงครามมาเกี่ยวก็ให้เราเห้นอีกแง่มุมนะคะ


โดย: kae+aoe วันที่: 1 เมษายน 2559 เวลา:11:24:52 น.  

 
แวะมาโหวตหนังสือให้น้องกล่องจ้า


โดย: อุ้มสี วันที่: 1 เมษายน 2559 เวลา:11:38:08 น.  

 
ไม่ได้เรียนในระบบหรอกค่ะ มีบางเรื่อง
เกิดขึ้นให้จำเป็นต้องเรียนรู้ให้ได้ เรียน
เองเนี่ยมันยากเข็ญจริงๆนะ

ขอบคุณที่ชอบการถอดความเพลงของ
Jai นะคะ ลองเอาใจแก่ๆไปใส่ใจวัยรุ่น
น่ะค่ะ ก็สนุกดี

มาแล้วก็แปะให้ด้วยนะคะ
อาคุงกล่อง Book Blog

จำวาทะไม่เป็นทางการหนึ่งของคุณรงค์ได้
เธอบอกว่า"ผู้ชายต้องชอบเผ็ด"



โดย: ภาวิดา (คนบ้านป่า ) วันที่: 1 เมษายน 2559 เวลา:13:34:46 น.  

 
เห็นหน้าปกก็รู้สึกหลงรักหนังสือเล่มนี้
ตอนที่เขียนบล็อกใหม่ๆ ผมอ่านแนวนี้อยู่หลายเล่ม และค้นหาอ่านในเน็ตหลายเรื่อง เพื่อทำบล็อกเกี่ยวกับเหตุการณ์ในยุคนั้นและเครื่องหมายทหารครับ
โหวต Book Blog


โดย: Insignia_Museum วันที่: 1 เมษายน 2559 เวลา:19:58:27 น.  

 
อ่านคำวิจารณ์ของคุณกล่องแล้วอยากเห็นฉบับจริงมากครับ

สมัยหนุ่มก่อนคุณรงค์ได้เป็นศิลปินแห่งชาติ ผมไม่ค่อยได้อ่านเรื่องของเขาครับ.


โดย: เจียวต้าย วันที่: 1 เมษายน 2559 เวลา:20:28:53 น.  

 
สวัสดี จ้ะ น้องกล่อง

ขอบใจจ้ะ ที่แวะไปเยี่ยมบล็อกครู และชมครูว่า เป็นคนสูงอายุที่มีคุณภาพ ห้าห้า ได้เที่ยว ไปในโลกกว้าง เป็นเป้าหมายอีกเป้าหมายหนึ่งของชีวิตครูเลยนะ อิอิ ตราบใดที่ยังมีแรงเดินได้ดี ก็จะไปเที่ยว จ้ะ มันเป็นกำไรของชีวิต จ้ะ
รีวิวหนังสือเรื่อง ตาคลี น้ำตาไม่มีเสียงร้องไห้ ครูยังไม่เคยก่อน อ่านจากรีวิว หนังสือเล่มนี้ของเธอแล้ว ก็เดาเนื้อหาได้ ช่วงนั้น เกิดนวนิยายสะท้อนสังคม หลายเรื่องนะ เช่น ข้าวนอกนา ผู้หญิงคนนั้นชื่อบุญรอด สร้างเป็นหนัง ละคร ดังมากอยู่เหมือนกัน อิอิ โหวดไปเลย บล็อกรีวิว หนังสือจ้ะ



โดย: อาจารย์สุวิมล วันที่: 1 เมษายน 2559 เวลา:20:45:27 น.  

 
เล่มนี้น่าสนใจค่ะ คงมองเห็นภาพได้ชัดเจน ตาคลี มีเรื่องพวกนี้ด้วย ลืมไปเลย นึกว่าทหารจีไอ อยู่แถวภาคอีสานแค่นั้นค่ะ


บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ฟ้าใสวันใหม่ Home & Garden Blog ดู Blog
เรียวรุ้ง Literature Blog ดู Blog
คนผ่านทางมาเจอ Health Blog ดู Blog
อาคุงกล่อง Book Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


*** ใช่ค่ะ ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ นี่ล่ะค่ะ ที่เค้าร่ำลือกัน

เด็ก ๆ โตกันเร็วมาก --- หมอกเมฆ เติบโตในบล็อก ปีนี้ปีที่ 6 แล้วค่ะ ถ้าเลี้ยงไม่โต แม่คงแย่แน่เลย


โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 2 เมษายน 2559 เวลา:16:54:05 น.  

 
หนังสือน่าอ่านจังครับ



โดย: The Kop Civil วันที่: 2 เมษายน 2559 เวลา:17:02:35 น.  

 
เห็นชื่อนักประพันธ์ก็รู้เลยว่าหนังสือต้องดีแน่
คุณกล่องเขียนรีวิวได้เยี่ยมเหมือนเคย แบบนี้ไม่โหวตได้ไงเนาะ
ขอบคุณมาก ๆ ที่แวะไปชมนิทรรศการและโหวตให้นะคะ
คิดว่าคงมีคนทราบข่าวนิทรรศการไม่มากเท่าไหร่
ขนาดเราไปที่ห้างแล้วถามประชาสัมพันธ์ยังบอกว่าไม่มีงานนี้เลยค่ะ
ต้องเปิดเวบหาข่าวให้เขาดูถึงบอกทางไปชมนิทรรศการได้
เพิ่งอัพบล็อกถวายพระพร สมเด็จพระเทพฯ
ไม่ค่อยมีเวลา กว่าจะอัพได้ก็เกือบหมดวันแล้ว
อัญเชิญภาพถ่ายฝีพระหัตถ์มาให้ชมค่ะ


โดย: haiku วันที่: 2 เมษายน 2559 เวลา:22:57:33 น.  

 
ผมเดาว่าอาจได้รับอิทธิพลจากผลงานของฝรั่ง เลยใช้สำนวนแบบนั้น ไม่รู้สิครับ สงครามยังไงมันก็มีแต่ความสูญเสีย ทั้งชีวิต และทรัพย์สิน และสุดท้ายยังไงมันก็ต้องจบลงด้วยการเจรจาให้มันจบ


อาคุงกล่อง Book Blog
+


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 2 เมษายน 2559 เวลา:23:10:12 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

อาคุงกล่อง
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 62 คน [?]




อาคุงกล่องเป็นชายไทยนิสัยดีมีความฝัน ผู้ผันตัวมาเป็นทาสวรรณกรรมอย่างแท้จริง ใช้ชื่อกำหนดตัวตนว่า “อาคุงกล่อง” เป็นนามปากกาสร้างสรรค์ผลงานในเชิงหัสนิยาย และงานเขียนในรูปแบบต่าง ๆ อาทิเช่น เรื่องสั้น นวนิยาย สารคดี ความเรียง บทกลอน ไดอารี่เพ้อเจ้อละเมอเพ้อฝันต่างๆ ฯลฯ

ปัจจุบัน “อาคุงกล่อง” เป็นนักอ่าน นักคิดและนักเขียน รวมทั้งเป็นนักจินตนาการออกมาเป็นตัวอักษรด้วย ผู้มีความฝันอันยิ่งใหญ่คือการเป็นนักเขียนมีคุณภาพที่สรรค์สร้างผลงานอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ คาดว่าในเวลาอันใกล้นี้นาม “อาคุงกล่อง” จะเกิดปรากฎชัดในโลกวรรณกรรม จนเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางในหมู่หนอนนักอ่านทั่วไทย



"ในชีวิตจริงของคนเรา มีอะไรอีกมากมายที่จะต้องรับรู้และรับผิดชอบ ในแต่ละวันเรามีโอกาสที่จะหัวเราะได้สักกี่ครั้ง? แต่ถ้าเราได้มีโอกาสหัวเราะเสียบ้างเพื่อเป็นการผ่อนคลายหรือคลายเครียด ก็คงจะเป็นสิ่งที่ดีนะครับ"

ถ้าคุณเข้ามาในบล็อคของผมแล้ว คุณสามารถอมยิ้มหรือหัวเราะได้ ผมก็คงจะดีใจแล้วครับ (กรุณาช่วยทิ้งคอมเม้นท์วิจารณ์ไว้ให้ผมด้วยนะครับ จักขอบพระคุณมากเลยครับ)

akungklong@gmail.com
Friends' blogs
[Add อาคุงกล่อง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.