ตาคลี น้ำตาไม่มีเสียงร้องไห้
30 มีนาคม 2559
หนังสือเล่มไม่หนาอันทรงเสน่ห์เล่มที่ผมอ่านในวันนี้เป็นผลงานของนักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ตลอดกาลของเมืองไทย ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นพญาอินทรีแห่งสวนอักษร เขาคือ รงค์ วงษ์สวรรค์ (หนุ่ม) หนังสือเล่มนี้เป็นการรายงานเชิงสารคดีสู่แนวหลังของสงครามอินโดจีน ที่ประเทศไทยมีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้องโดยการให้ทางการสหรัฐเข้ามาตั้งฐานทัพได้ ซึ่งผลพลอยรายได้จากเหตุการณ์ในครั้งนี้นอกจากจะมีด้านที่ดีงามตามที่ได้เปิดเผยให้ทราบแล้ว แต่ผลอีกด้านหนึ่งที่อาจจะยังไม่เคยถูกเปิดเผยอย่างเป็นทางการนั้น รงค์ วงษ์สวรรค์ (หนุ่ม) นักเขียนสำนวนเพรียวนมได้นำเสนอไว้ผ่านหนังสือเล่มนี้แล้ว
มีคนบอกว่า สงครามสร้างแต่ความหายนะ ซึ่งอาจจะเป็นจริงตามที่กล่าว แต่ในอีกแง่มุมหนึ่งนั้นสงครามเป็นตัวนำพาซึ่งอะไร ๆ หลายสิ่งหลายอย่างเข้าสู่พื้นที่แห่งสงครามนั้น สิ่งที่ตามมาจากสงครามนั้นอาจจะมีทั้งด้านดีและด้านเสีย แต่เชื่อว่าคนส่วนใหญ่มักจะได้รับรายงานข่าวทางด้านที่ดีมากกว่า ส่วนอีกด้านที่ไม่อยากจะเปิดเผยนั้นอาจจะลบเลือนไปพร้อมกับเสียงปืนที่สิ้นสุดลง ดังนั้นบันทึกเชิงความจริงที่เป็นรายงานเชิงสารคดีของ รงค์ วงษ์สวรรค์ (หนุ่ม) เล่มนี้ถือได้ว่าเป็นการเผยแพร่อีกหนึ่งรอยจารึกของสงครามให้คนทั่วไปได้ทราบ
บทบันทึกของรงค์ และเพื่อนหนุ่มในแนวหลังสงคราม พ.ศ.ที่แล้ว บอกให้ผู้อ่านได้รู้ว่าสยามเมืองยิ้มอุดมไปด้วยฐานทัพจีไอ นับจากอุบลราชธานี นครพนม อุดรธานี นครราชสีมา ตาคลี และสัตหีบ ...
ในนามผู้นำโลกเสรีที่มุ่งปราบมารคอมมิวนิสต์ รัฐบาลทหารไทยจึงเปิดบ้านต้อนรับการเข้ามาของมหาอำนาจสหรัฐอเมริกาอย่างหน้าชื่นตาบาน ... ในนามภาคีแห่งการป้องกันดินแดนแหลมทอง รัฐบาลทหารไทยจึงส่งทหารไปรบแบบเปิดเผยในเวียดนาม และรบแบบลับ ๆ ล่อ ๆ ทั้งใน ซำทอง ล่องแจ้ง ทุ่งไหหิน ปากเซ ปากซอง อัตตะเบือ ฯลฯ (จากเสมือนคำนำสำนักพิมพ์ โดย แคน สาริกา , แหน้า 8)
ในหนังสือเล่มนี้ รงค์ วงษ์สวรรค์ (หนุ่ม) เล่ารายละเอียดของเมืองตาคลี จังหวัดนครสววรค์ ในช่วงปี พ.ศ. 2515 ที่มีฐานทัพของทหารอเมริกันตั้งอยู่ บรรยากาศของเมืองที่เคยเป็นเมืองธรรมดาได้แปรเปลี่ยนไปในทันทีที่ทหารอเมริกันก้าวเท้ามาเหยียบย่ำ ภาพชีวิตของผู้คนจากหลากหลายถิ่นที่มุ่งหน้าเข้าสู่เมืองตาคลี ด้วยความหวังที่จะร่ำรวยและกอบโกยผลประโยชน์จากเงินสกุลดอลล่าร์อเมริกัน ภาพของถนนสายบันเทิงที่มีชื่อร้านเป็นภาษาฝรั่งสำหรับรองรับการใช้จ่ายเงินดอลล่าร์เพื่อบันเทิงเริงรมย์ของทหารอเมริกัน ฯลฯ ภาพชีวิตทั้งหลายเหล่านี้ รงค์ วงษ์สวรรค์ (หนุ่ม) เล่าผ่านตัวละครที่มีชีวิตจริง จนเรียกได้ว่าแทบจะเล่าออกมาจากปากของคนผู้นั้นอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็น กระหรี่ , โสเภณี , แมงดา , คนขี่รถสามล้อรับจ้าง , บาร์เทนเดอร์ , แม่ค้าพ่อค้า , หาบเร่ ฯลฯ จนถึงกระทั่งตำรวจในพื้นที่ ต้องถือได้ว่า รงค์ วงษ์สวรรค์ (หนุ่ม) เป็นนักสังเกตการณ์ชั้นดี ที่สังเกตชีวิตของผู้คนเอามาถ่ายทอดได้อย่างงดงามในเชิงวรรณศิลป์
เรื่องเล่าทั้งหมดในเล่มนี้เล่าเป็นตอน ๆ โดยการตั้งกระทู้เป็นประโยคหัวเรื่อง เช่น สถานการณ์ทางอารมณ์ที่แตกต่างกัน ระหว่างปัญญาชนกับผู้หญิง 30บาท , คนแปลกหน้ายังเดินทางมาตาคลีทุกวัน เพื่อจะรู้จักและไม่รู้จักอเมริกัน , เหตุการณ์ที่ยังมาไม่ถึงมักจะน่ากลัว แต่ที่ตาคลีไม่มีใครอยากพูดถึงอนาคต , ธุรกิจเงียบ ! การฆ่าตัวตายแบบผ่อนส่งของพาร์ทเนอร์และเมียเช่า ฯลฯ ซึ่งแต่ละตอนแต่ละเรื่องราวที่นำเสนอ รงค์ วงษ์สวรรค์ (หนุ่ม) ได้เล่าถึงคนต่าง ๆ ที่เขาเจอหรือประสบพบเห็นในตาคลี โดยคนเหล่านั้นต่างก็กลายมาเป็นตัวละครในเรื่องราวชั้นดีของเขา
ราคาเรื่องบิน บี.52 ตามที่เปิดเผยราว 160 ล้านบาท แฟนทอม เอฟ 4 ไม่ต่ำกว่า 80 ล้านบาท นักการทหารและวิศวกรเครื่องบินคงคิดว่า มันเป็นราคาสมเหตุผลเมื่อเทียบกับประสิทธิภาพของมัน แต่คนเดินถนน-ไม่ว่าคนเดินถนนที่นิวยอร์กหรือที่ตาคลี-รู้สึกว่ามันแพงอยางน่าใจหาย!
การขึ้นบินทำงานแต่ละครั้งของ บี.52 สิ้นเปลืองราว 820,000 บาท แฟนทอม เอฟ 4 ราว 170,000 บาท
คนที่ทำงานตลอดชีวิตไม่เคยหยิบเงินหมื่น ย่อมคิดว่ามันเป็นสงครามของเศรษฐีอย่างแท้จริง และช่วยไม่ได้ ถ้าคนพื้นเมืองในทุกแห่งหนที่ทหารอเมริกันไปถึงจะพากันคิดว่าอเมริกันทุกคนร่ำรวย แล้วหาโอกาสตักตวงผลประโยชน์จากอเมริกันเหล่านั้น (หน้า 129)
เท่าที่ผมเคยอ่านผลงานของ รงค์ วงษ์สวรรค์ (หนุ่ม) ก็รู้ได้เป็นอย่างดีว่าภาษาของเขางดงาม แต่ผมก็เคยอ่านบทวิจารณ์วรรณกรรมที่ต่อว่าและต่อต้านผลงานของรงค์ วงษ์สวรรค์ เหมือนกัน โดยผู้วิจารณ์บอกว่าเขาเขียนผิดหลักภาษาไทย โดยเอาหลักเกณฑ์ของการเขียนแบบภาษาอังกฤษมาใช้ ดังเช่นประโยชน์ในตัวอย่างที่ผมยกมาข้างต้นนี้ แต่คนเดินถนน-ไม่ว่าคนเดินถนนที่นิวยอร์กหรือที่ตาคลี-รู้สึกว่ามันแพงอยางน่าใจหาย จะเห็นว่ารงค์ วงษ์สวรรค์ใช้วิธีการอธิบายคำนามด้วยประโยคขยายแบบที่ใช้ในภาษาอังกฤษ โดยอธิบายคำว่า คนเดินถนน โดยใช้ประโยคที่ทำหน้าที่ขยายว่า ไม่ว่าคนเดินถนนที่นิวยอร์กหรือที่ตาคลี แต่ผมคิดว่าวิธีการเขียนแบบนี้ของ รงค์ วงษ์สวรรค์ ไม่แตกต่างจากการเขียนหนังสือแปลในปัจจุบันสักเท่าไหร่ จนอาจจะกล่าวได้ว่า รงค์ วงษ์สวรรค์ เป็นนายของภาษาอย่างแท้จริง เขียนแบบไม่สนใจในหลักเกณฑ์แต่เขียนออกมาแล้วมีเสน่ห์ที่งดงามในเชิงวรรณศิลป์อย่างมาก
หนังสือเรื่อง ตาคลี น้ำตาไม่มีเสียงร้องไห้ เล่มนี้ รงค์ วงษ์สวรรค์เขียนขึ้นในปี พ.ศ.2515 เขาเขียนเพื่อเป็นการบันทึกเรื่องราวเอาไว้ในประวัติศาสตร์ ถึงแม้ว่าจะเป็นเศษเลี้ยวของประวัติศาสตร์ที่อาจจะตกหล่นไปบ้างก็ตาม แต่ต้องถือว่าเป็นหน้าที่สำคัญประการหนึ่งของนักเขียน สำหรับท่านใดที่สนใจอยากจะรู้เรื่องราวของเมืองไทยในยุคสมัยที่เกิดสงครามเวียดนาม หรืออยากจะรู้ว่าในพื้นที่ที่มีฐานทัพของอเมริกันตั้งอยู่นั้นมีบรรยากาศเป็นอย่างไรนั้น หนังสือเล่มนี้คงจะทำหน้าที่ดังกล่าวนี้ได้อย่างดี
อีกหนึ่งผลงานของนักเขียนผู้ยิ่งใหญ่เล่มที่อยู่ในมือของผมนี้ ผมซื้อมาจากบูธของสำนักพิมพ์สามัญชน เมื่องานสัปดาห์หนังสือปี 2554 เป็นฉบับพิมพ์ครั้งที่ 2 เดือนพฤษภาคม 2552 โดยสำนักพิมพ์สามัญชน ด้วยความหนาไม่มากแบบอ่านสบาย ผมสามารถอ่านได้รวดเดียวจบในเวลา 3 ชั่วโมงจำนวน 182 หน้า ราคาปก 155 บาท ท่านที่สนใจก็ลองไปหามาอ่านกันดูนะครับ เล่มนี้อ่านง่ายเพลิดเพลิน อ่านแล้วทำให้เราต้องหวนคิดภาพย้อนหลังไปเมื่อ 50 กว่าปี แล้วก็คิดต่อว่าเหตุการณ์บางอย่างในเรื่องนี้ยังคงหลงเหลืออยู่มาถึงปัจจุบันนี้บ้างหรือไม่?
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมชม ขอให้ท่านมีความสุขกับการอ่านหนังสือนะครับ
Create Date : 30 มีนาคม 2559 |
Last Update : 30 มีนาคม 2559 14:00:18 น. |
|
18 comments
|
Counter : 8298 Pageviews. |
|
|
|
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ทนายอ้วน Travel Blog ดู Blog
ที่เห็นและเป็นมา Art Blog ดู Blog
toor36 Cartoon Blog ดู Blog
สมาชิกหมายเลข 2230794 Travel Blog ดู Blog
ผู้ชายในสายลมหนาว Education Blog ดู Blog
kae+aoe Parenting Blog ดู Blog
mariabamboo Photo Blog ดู Blog
Raizin Heart Literature Blog ดู Blog
อาคุงกล่อง Book Blog ดู Blog
เล่มนี้ของคุณรงค์ยังไม่เคยอ่านค่ะ
งานหนังสือปีนี้ไปมั้ยคะคุณกล่อง?