Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2559
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
2829 
 
18 กุมภาพันธ์ 2559
 
All Blogs
 
มาดามโบวารี

18 กุมภาพันธ์ 2559

 








หนังสือเล่มที่ผมอ่านในวันนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นสุดยอดวรรณกรรมคลาสสิกเล่มหนึ่งของโลก ซี่งก็คือนวนิยายเรื่อง “มาดามโบวารี” ของนักเขียนฝรั่งเศสนาม กุสตาฟ โฟลแบรต์ เล่มนี้ถูกเขียนเป็นภาษาฝรั่งเศสก่อนที่จะแปลเป็นภาษาอังกฤษ สำหรับฉบับที่ถูกแปลเป็นภาษาไทยที่อยู่ในมือผมนี้เป็นสำนวนการแปลโดย วิทย์ ศิวะศริยานนท์ ซึ่งแปลไว้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2494

จริง ๆ แล้วผมมีปัญหากับการอ่านหนังสือแปลเป็นอย่างมาก ผมมักจะอ่านหนังสือแปลไม่ค่อยจะจบเล่มเลย รวมทั้ง “มาดามโบวารี” เล่มนี้ด้วย ผมต้องใช้ความพยายามในการอ่านถึง 3 ครั้งกว่าที่จะอ่านได้จบ ทั้ง 2 ครั้งที่ผ่านมาผมอ่านค้างไว้แค่ครึ่งเรื่องแล้วก็ทิ้งไม่ได้อ่านต่อ จนกระทั่งครั้งสุดท้ายนี้ผมต้องพยายามฝืนทนอ่านให้จบ ส่วนสาเหตุที่ผมอยากจะอ่านเรื่องนี้ก็เป็นเพราะว่าผมได้ยินชื่อเรื่อง “มาดามโบวารี” นี้เกือบทุกครั้งที่ได้เรียนเกี่ยวกับการเขียน ทั้งหนังสือวิชาการทางด้านการประพันธ์ต่างก็แนะนำให้อ่านเรื่องนี้ จนผมต้องไปหามาอ่านเพื่อให้รู้แน่ชัดว่าเองนี้มันดีอย่างไร? อีกทั้งการที่ได้อ่านหนังสือที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นวรรณกรรมเอกนั้นผมจะได้รับอะไรกลับมาบ้าง?

ผมเคยอ่านบทความชิ้นหนึ่งที่ตั้งหัวข้อไว้ว่า “ทำไมต้องอ่านวรรณกรรม” ซึ่งได้ข้อสรุปว่า ถึงแม้วรรณกรรมจะอ่านยากเพียงไร แต่ถ้าเราพยายามอ่านจนจบได้เราก็จะได้รับหลายสิ่งหลายอย่างที่ซ่อนอยู่ในวรรณกรรมนั้น อีกทั้งการอ่านวรรณกรรมคือการบอกตัวเองว่าเราสามารถอ่านและตีความได้ในระดับใดด้วย



“ นั่นคือ เรามีความจำเป็นส่วนหนึ่งในการที่จะต้องอ่านอย่างเข้าใจยุคสมัยที่วรรณกรรมนั้น ๆ ถือเกิดขึ้น ไปพร้อมกับความโดดเด่นที่ผู้ประพันธ์สามารถก้าวพ้นคตินิยมของยุคที่เขามีชีวิตอยู่ ซึ่งประกอบกันสองส่วน คือ หนึ่ง-มุมมองหรือวิสัยทัศน์ต่อปัญหาใดปัญหาหนึ่ง และ สอง-กรรมวิธีในการสะท้อนหรือนำเสนอในเชิงวรรณศิลป์ ”
จาก สำนักพิมพ์แถลง หน้า (5)




สำหรับเรื่อง “มาดามโบวารี” นี้เป็นเรื่องราวของการแสวงหาความรักของตัวละครหญิงที่ชื่อว่า เอ็มม่า โบวารี ที่เป็นภรรยาของคุณหมอชาร์ลส์ โบวารี นายแพทย์ประจำหมู่บ้านผู้ที่ได้การเคารพจากคนในเมือง ตัวเอ็มม่า โบาวารีนั้นเป็นสตรีผู้ไม่เคยเข้าใจในเรื่องความรักอย่างแท้จริง เธอแต่งงานกับคุณหมอชาร์ลส์ก็เพราะแรงปรารถนาของตัวเองที่ต้องการหลุดพ้นจากชีวิตโสดอันจำเจ แต่การแต่งงานไม่ใช่สิ่งที่ทำให้เกิดความรักขึ้นแก่เธอเลย การที่ต้องทนอยู่กับคนที่เธอไม่ได้รักนั้นสร้างความอัดอั้นตันใจให้แก่เธอมาก ในขณะที่คุณหมอชาร์ลส์ผู้เป็นสามีรักภรรยามาก รักมากจนยอมทำตามทุกอย่างที่เธอต้องการ จนกระทั่งในท้ายที่สุดมาดามโบวารีผู้ไม่เคยสัมผัสความรักที่แท้จริงต้องแหกกรอบศีลธรรมไปค้นหาความรักจากชายคนอื่น ซึ่งก็คือการคบชู้นั้นเอง



“ แล้วเธอก็ระลึกถึงนางเอกในหนังสือที่เคยอ่าน และเหล่าหญิงที่คบชู้นี้เริ่มร้องเพลงซึ่งเธอฟังเหมือนเสียงของคนหัวอกเดียวกัน เป็นที่พอใจเธอมาก ตัวเธอเองรู้สึกเหมือนได้ร่วมบทบาทจริง ๆ ในจินตภาพเหล่านี้ และได้เห็นความใฝ่ฝันแต่เมื่อรุ่นเป็นจริงเป็นจังขึ้นมา โดยที่เธอนับตนเองว่าอยู่ในจำพวกหญิงที่กำลังอยู่ในความรัก ซึ่งเธอเคยอิจฉามานานแล้ว นอกจากนั้น เอ็มม่ารู้สึกว่าได้แก้แค้นสะใจ เธอไม่ได้ทนทุกข์ทรมานมานานนักหนาแล้วหรือ! แต่บัดนี้เธอมีชัยแล้ว และความรักที่อัดอั้นมานานได้พรั่งพรูออกมาจนหมดสิ้น เธอได้ลิ้มรสรักโดยปราศจากความสำนึกผิด ปราศจากความกระวนกระวายใจแต่อย่างใด ”
(หน้า 197)




สาเหตุที่เรื่อง “มาดามโบวารี” นี้อ่านไม่สนุกสำหรับผมก็น่าจะเป็นเพราะว่า ในเรื่องเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศฝรั่งเศสในช่วงเวลาหนึ่ง(ในอดีต) ซึ่งผมรู้สึกว่าไม่มีประสบการณ์ร่วมไปกับเรื่องราวเลย ผมรู้สึกห่างไกลจากรายละเอียดในเรื่องมาก ผมไม่รู้เรื่องประเพณีและวัฒนธรรมความเป็นอยู่ของคนฝรั่งเศสสักเท่าไหร่ แต่มีเรื่องราวของความรักที่เป็นสากลที่ผู้อ่านสามารถรับรู้ได้ อีกทั้งในฐานะผู้อ่านผมไม่ได้เอาใจช่วยตัวละครมาดามโบวารีเลย เพราะผมรู้อยู่ตลอดเวลาว่ามันเป็นสิ่งที่ผิด อีกทั้งรังเกียจตัวละครมาดามโบวารีที่ไปคบชู้ด้วย แต่สาเหตุประการเดียวที่ผมทนอ่านจนจบได้ก็คืออยากจะรู้ว่าเรื่องราวนี้จะจบลงอย่างไร

ได้อ่านบทนำที่มีอยู่ในเล่มจึงทำให้พอทราบได้ว่า ในสมัยที่เรื่อง “มาดามโบวารี” นี้ถูกตีพิมพ์ก็ได้รับกระแสการต่อต้านมากพอสมควร เพราะว่าเป็นเรื่องไม่เหมาะสมและผิดศีลธรรม ผู้แต่งโดนฟ้องร้องประเด็นนี้ด้วย แต่ต้องยอมรับอยู่อย่างหนึ่งว่า เรื่องนี้เป็นวรรณกรรมแนวสัจนิยมเรื่องแรกของโลก วิธีการเขียนที่มีการอธิบายให้เห็นภาพ(ในจินตนาการของผู้อ่าน) ,การบรรยายรายละเอียดต่าง ๆ ของฉาก , การเปรียบเทียบเชิงพรรณนา ฯลฯ สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่ใหม่มากสำหรับในเวลานั้น (ประมาณ พ.ศ.2400) ดังนั้นเรื่องนี้จึงถือได้ว่ามีวิธีการเขียนที่โดดเด่นมาก สำหรับท่านที่ต้องการจะศึกษาวิธีการเขียนในแนวสัจนิยมก็ควรจะอ่านเรื่องนี้โดยไม่ต้องไปสนใจกับพล็อตเรื่องมากนัก



“ เขาไม่มีอะไรจะพูดกันอีกหรือ แต่นัยน์ตาของทั้งสองเต็มไปด้วยถ้อยคำที่สลักสำคัญยิ่งกว่า และขณะที่สรรหาคำพูดที่ไม่ใคร่เป็นเรื่องเป็นราวเพื่อกลบความรู้สึกที่แท้จริง ความเชื่อมซึมอย่างแสนหวานก็กำลังเข้ามาสู่เขาทั้งสอง เป็นเสียงกระซิบของวิญญาณลึกซึ้งต่อกันซึ่งข่มเสียงที่พูดออกมา ถึงแม้จะประหลาดใจในความหวานจับอกจับใจพิกลยิ่งนี้ เขาก็ไม่อยากออกปากพูดถึงความรู้สึกอันนี้ให้อีกฝ่ายหนึ่งทราบ หรือค้นหาต้นสายปลายเหตุ ความยินดีปรีดาที่จะมาถึงภายหน้านั้นเหมือนกับฝั่งทะเลในประเทศร้อน ย่อมแผ่ความนุ่มนวลรัญจวนใจซึ่งมีประจำอยู่ เหมือนลมหอบออกปกคลุมเนื้อที่อันไพศาลที่มาถึงก่อน และคนเราก็ถูกทำให้เคลิบเคลิ้มไปกับกลิ่นมึนเมานี้โดยไม่พะวงถึงขอบฟ้าซึ่งยังไม่เห็น ”
(หน้า 114)




ต้องขอยกย่องคุณวิทย์ ศิวะศริยานนท์ ผู้แปลเรื่อง “มาดามโบวารี” นี้ด้วย โดยจะเห็นได้จากย่อหน้าที่ผมยกมาให้ได้อ่านกันนี้ ท่านแปลโดยใช้คำที่สละสลวยทำให้อ่านแล้วรู้สึกได้อารมณ์คล้อยตามไปด้วย ต้องถือว่าเป็นผลงานการแปลที่สุดยอดไปด้วยวรรณศิลป์อย่างแท้จริง ในบทนำของหนังสือก็มีบทความเขียนเพื่อระลึกถึง “วิทย์ ศิวะศริยานนท์ แบบฉบับของนักวิชาการที่แท้จริง” ที่เขียนยกย่องโดย ทวีป วรดิลก

ถ้าถามผมว่า หลังจากทนอ่านเรื่อง “มาดามโบวารี” จบแล้วได้อะไรกลับมาบ้าง? ผมคิดว่าผมได้รู้เกี่ยวกับกลวิธีในการประพันธ์ ได้รู้เกี่ยวกับรูปแบบของการวางโครงเรื่อง การลำดับเรื่อง และการดำเนินเรื่อง อีกทั้งได้ทราบรายละเอียดต่าง ๆ เกี่ยวกับแง่คิดและชีวิตความเป็นอยู่ของคนฝรั่งเศสในยุคก่อนมากขึ้นด้วย ส่วนเรื่องราวเกี่ยวกับความรักในเรื่องนี้ ผมก็คิดว่าได้รู้จักกับอีกหนึ่งรูปแบบของความรักที่ผมไม่กล้าตัดสินว่าถูกหรือผิด ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าผิดศีลธรรมแต่ก็เข้าใจว่าเป็นความต้องการลึก ๆ ในใจของตัวละคร ผมคิดว่าท่านใดที่คิดว่าความรักของตัวเองไม่สมบูรณ์แบบ ท่านใดไม่พอใจความรักที่ตัวเองมีอยู่ หรือท่านใดกำลังลังเลว่าความรักที่มีอยู่นั้นเป็นความรักที่แท้จริงหรือไม่? ท่านก็ควรจะลองหาเรื่องนี้มาอ่านดู ลองเอาประสบการณ์ความรักของตัวท่านมาลองตัดสินตัวละครเอกที่ชื่อ มาดามโบวารี ดูก็แล้วกัน

สำหรับหนังสือเรื่อง “มาดามโบวารี” เล่มที่อยู่ในมือผมนี้เป็นฉบับพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ ทับหนังสือ ผู้เป็นเจ้าพ่อแห่งการจัดพิมพ์หนังสือวรรณกรรมคลาสสิก ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 5 ในปี 2549 ปกแข็งราคาปก 400 บาท ด้วยความหนาเนื้อเรื่อง 406 หน้า + คำอธิบายเพิ่มเติม 20 หน้า + บทนำ 47 หน้า คุ้มค่าแก่การหามาอ่านให้ปวดหัวเล่นเป็นอย่างยิ่ง (ถึงจะปวดหัวแต่ก็เข้าใจอะไรมากขึ้นนะ)

 



เคยมีคนตะโกนให้ได้ยินเล่น ๆ ว่า ... “เอาชนะวรรณกรรมให้ได้ แล้วค่อยไปเอาชนะชีวิตตัวเอง” แสดงว่าคน ๆ นั้นเชียร์ให้ทุกท่านหาหนังสือวรรณกรรมดี ๆ มาอ่านครับ

ขอให้ทุกท่านมีความสุขกับการอ่านหนังสือนะครับ






Create Date : 18 กุมภาพันธ์ 2559
Last Update : 18 กุมภาพันธ์ 2559 0:25:52 น. 30 comments
Counter : 4080 Pageviews.

 
แวะมาโหวต Book Blog ให้น้องกล่องจ้า
แวะมาอ่านตอนดึก
พอดีฟังข่าวไฟไหม้ แค้มปืคนงานแถววัดอุทัยทาราม
ถนนเพชรบุรีตัดใหม่


โดย: อุ้มสี วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:0:40:40 น.  

 
มาแปะหัวใจให้คุณกล่องค่ะ


โดย: sawkitty วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:18:30:59 น.  

 
ขอบคุณครับพี่สำหรับหัวใจ
เม้นท์ของพี่อาคุง
ผมนึกไปถึงฟนังผีเลยครับ 555
แล้วเธอก็ลอยหายไป 555

รถเมล์ในกรุงเทพเคยนั่ง
แต่นานมาแล้วครับ
สมัยเรียนลาดกระบังนั่ง ปอ.18
สุดสายมาเที่ยวจตุจักรครับ 555






โดย: กะว่าก๋า วันที่: 19 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:22:11:01 น.  

 
มาดามโบวารียังไม่เคยอ่าน
และยังไม่ได้คิดจะอ่านเลยครับพี่ 555

ผมชอบเป็นเรื่องสั้นนะครับ
นักเขียนรัซเซียเขียนเรื่องสั้นเก่งๆหลายคนเลย
แต่พอเขียนนิยาย
มันหนาและหนักมากครับ 555



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 19 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:22:12:00 น.  

 
คุณกล่องชักชวนให้อ่านวรรณกรรมเล่มมนี้ได้อย่างออกรสออกชาติ ผมผ่านตาหนังสือเล่มนี้จนจำชื่อเรื่องได้ รวมทั้งชื่อผู้แปลด้วย แต่ไม่กล้าบอกว่าอ่านมาแล้วตลอดเล่ม
โหวตหมวดหนังสือครับ


โดย: Insignia_Museum วันที่: 19 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:22:13:18 น.  

 
มาเยี่ยมพร้อมคำขอบคุณ...คุณกล่องคะ
ด้วยหัวใจไว้ 1 ดวงคะ

-อ่านที่ จขบ.รีวิวหนังสือเล่มนี้ น่าสนใจตามไปด้วยเลยคะ
จริงๆคะ อ่านให้จบได้ เพราะอยากรู้เรื่องตอนจบว่าจะเป็นอย่างไรนะคะ
คนที่มีทัศนคติไม่ดีกับความรัก...แต่งงานกับคนไที่ไม่ได้รัก
ผู้เขียนคงนำเสนอให้ผู้อ่านอยากรู้ละเข้าใจโดยผ่านตัวละครของเขา
ขอบคุณคะ ชอบรีวิวนี้จัง

โหวต Book blog ให้ด้วยเลยนะคร้า...



โดย: Tui Laksi วันที่: 19 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:22:29:49 น.  

 
ขออำภัยที่แวะมาช้าไปหน่อย
ขอบคุณคุณกล่องมากนะคะที่แวะไปชมนิทรรศการและโหวตให้
ที่หอศิลป์จามจุรีมีงานศิลปะดี ๆ มาจัดแสดงตลอด
เดินทางสะดวก ดินจากมาบุญครองไม่กี่นาทีก็ถึงค่ะ
กดไลค์กับโหวตหมวดหนังสือแถมหัวใจให้ค่า


โดย: haiku วันที่: 19 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:23:23:59 น.  

 
มาแปะหัวใจก่อนนะคะคุณกล่อง
พรุ่งนี้มาอ่านค่า
มัวแต่ทำบล็อก ดึกเลย
ชื่อเรื่องน่าสนใจ
ต้องอ่านละเอียดๆ ขอบคุณมากๆ ค่า


โดย: lovereason วันที่: 20 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:1:39:13 น.  

 
มาแปะหัวใจให้พี่อาคุงด้วยเช่นกันนะครับ



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 20 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:6:30:52 น.  

 
เราว่าเราเคยอ่านค่ะ คุ้น ๆ

ปล.พระลอ มีโบราณสถานที่เมืองสองค่ะ มีแนวกำแพงโบราณด้วยตรงนั้นเลยไม่ทราบว่าเรื่องเล่าอาจจริงก็ได้


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 20 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:8:09:29 น.  

 


โดย: ชมพร วันที่: 20 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:10:14:00 น.  

 
ได้ทำการแปะห้วใจให้ อาคุณกล่องเรียบร้อยแล้วนะค๊ะ


โดย: ป้าเก๋า (ชมพร ) วันที่: 20 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:10:44:43 น.  

 
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
newyorknurse Klaibann Blog ดู Blog
กิ่งฟ้า Diarist ดู Blog
อาคุงกล่อง Book Blog ดู Blog

หนังสือแปล...เมื่อก่อนผมอ่านหลายเล่ม... ระยะหลังอ่าน
น้อยมาก.. ปกติแล้ว หนัง หรือหนังสือต่างประเทศไม่ค่อย
กล่าวถึงเรื่องผิดศิลธรรมมากนัก..

ถ้าเป็นหนังสือของไทย หรือละครไทย ที่ดัง ๆ หมิ่นเหม่..ผม
ก็ไม่อ่านหรือดูครับ ไม่ว่าจะเป็นหนังสือขายดีหรือ วรรณกรรม
ก็ไม่ชอบอ่านครับ..มันหนักหัว 555

ดีใจด้วยนะครับที่ คุณกล่องเขียนเรื่องได้ลง นิตยสาร สุดยอด
จริง ๆ


โดย: ไวน์กับสายน้ำ วันที่: 20 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:14:23:47 น.  

 
ปกหนังสือสวยคลาสสิกนะคะ

บอกตามตรงว่าไม่เคยหานิยายแปลรุนเก่าๆมาอ่านเลย ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะเกรงว่าเราจะเข้าไม่ถึงเหตุการณ์ในสมัยของผู้แต่ง แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งคือ เรื่อง "ขาดใจ" ของ สำนักพิพม์สันสกฤต ขออภัยที่จำชื่อผู้แต่งและผู้แปลไม่ได้

เรื่องนั้นเป็นเรื่องที่เราวางไม่ลงเพราะตัวละครเป็นเด็ก และเราก็เป็นแม่คน จึงเกิดอารมร์ร่วมได้ทันที


ขอบคุณที่รีวิวนะคะ และขอบคุณที่แวะไปอ่านงานตะพาบ จริงๆแล้ว ตอนที่คุณอาคุงกล่องไปเยี่ยมอ่านเป็นตอนที่สองค่ะ ตอนแรกก็เป็นโจทย์ตะพาบก่อนหน้า ชื่อโจทย์ "ที่เธอถาม" ค่ะ



โดย: ชลบุรีมามี่คลับ วันที่: 20 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:15:53:24 น.  

 
เราก็โหวตเต็มแล้ว แต่ใจยังไม่หมด แปะใจให้ก่อนนะคะ

คุณได้ทำการแปะ ให้กับคุณ อาคุงกล่อง เรียบร้อยแล้วนะคะ

คุณเหลือ อีก 5 ดวง สำหรับวันนี้ค่ะ


หนังสือเล่มนี้อ่านมานานแล้ว เลือนๆ แล้วค่ะ

แนวมีชู้นี่ที่เรายอมรับว่าถึงไม่ชอบ แต่ก็เกลียดไม่ลงคือ สะพานนี้มีความรัก The Bridge of Madison County ค่ะ ทั้งหนังสือและหนังเลย


พรุ่งนี้ถ้าได้ออนจะมาโหวตให้นะคะ


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 20 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:16:36:01 น.  

 
รินก็เคยมีปัญหาเกี่ยวกับหนังสือแปลเหมือนกันนะคะ แบบว่า จินตนการยังไม่ถึงไรงี้ แต่ถ้าแปลออกมาคล้ายต้นฉบับเป๊ะๆ แบบน่าติดตาม วางไม่ลงก็น่าสนใจค่า
แต่เวลาจะมีไหมนั่นอีกเรื่องหนึ่งนะเนี่ย

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
เศษเสี้ยว Photo Blog ดู Blog
ALDI Klaibann Blog ดู Blog
mambymam Home & Garden Blog ดู Blog
ที่เห็นและเป็นมา Music Blog ดู Blog
อาคุงกล่อง Book Blog ดู Blog


โหวตค่า
ว่าแต่รินซ่อมรถเสร็จแล้วก็เที่ยวกันต่อเลยดีกว่าค่า









โดย: Rinsa Yoyolive วันที่: 20 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:22:36:10 น.  

 
สวัสดีค่า คุณกล่อง
แปะหัวใจไว้ก่อนนะคะ
เกือบไม่ทันเที่ยงคืนไม่ทันใช้โควต้าแย่เลย ^^

วรรณกรรมฝรั่งเศสซะด้วย นุ่นก็ไม่ค่อยถนัดค่ะ
ที่ชอบก็คงมีแค่การ์ตูนกุหลาบแวร์ซาย

แต่ที่อ่านแบบชอบจริงๆ น่าจะเป็นประวัติพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 กับพระนางมารีอังตัวแนตต์ แล้วก็นโปเลียน ค่ะ

มาดามโบวารี ไม่รู้อยู่ประมาณยุคไหนนะคะ
อ่านที่คุณกล่องรีวิวก็นึกถึงพระนางโจเซฟีนของนโปเลียนค่ะ
เป็นหญิงม่ายชอบสังคม แต่งงานกับผู้ชายรูปไม่งามแบบนโปเลียนเพราะผู้ชายแบบว่ารักเธอมากและให้เธอทุกอย่าง
อ่านแล้วก็นึกถึงเลย สุดท้ายก็ทนเหงาไม่ได้ ก็มีชู้อะไรแบบนี้อะ

ขอบคุณสำหรับรีวิวค่า
มีความสุขมากๆ ในวันหยุดนะคะ




โดย: lovereason วันที่: 20 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:23:44:14 น.  

 
ถ้าสุดยอดวรรณกรรม จะน่าสนใจน่าอ่านมากครับ
อาคุงกล่อง Book Blog ดู Blog


โดย: เศษเสี้ยว วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:0:01:42 น.  

 
เนินน้ำ Home & Garden Blog ดู Blog
prizella Travel Blog ดู Blog
อาคุงกล่อง Book Blog ดู Blog

มาโหวตค่า


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:0:22:01 น.  

 
โหวดสาขา book และแปะใจค่ะ


โดย: newyorknurse วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:5:55:16 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับ

คุณได้ทำการแปะ ให้กับคุณ อาคุงกล่อง เรียบร้อยแล้วนะคะ


โดย: **mp5** วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:6:34:48 น.  

 
ไม่ค่อยได้อ่านหนังสือแปลค่ะ

พิมพ์ครั้งที่ 5 ... ก็น่าจะได้รับการตอบรับดีอยู่นะคะ


คุณได้ทำการแปะ ให้กับคุณ อาคุงกล่อง เรียบร้อยแล้วนะคะ



บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
อุ้มสี Fanclub Blog ดู Blog
อาคุงกล่อง Book Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


ทริปใต้นี้ เพลิดเพลินกับอาหารการกินมากค่ะ ดีกว่าที่คิดไว้ อร่อย ราคาไม่แพงแทบจะทุกมื้อ มีความสุขกับการกินมากค่ะ


โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:18:11:20 น.  

 
เพลงจังหวะลาสโลบค่ะ มาแปะหัวใจให้ด้วย


โดย: sawkitty วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:18:49:02 น.  

 
ชอบประโยคลงท้ายค่ะ การผ่านอะไรที่รู้สึกว่ายากมาได้นี่ภูมิใจมากค่ะ


โดย: ออโอ วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:20:20:24 น.  

 

อาคุงกล่อง Book Blog ดู Blog
รอดูจอยตอนเป็นหนังแผ่นแล้วกันนะทิดกล่อง




โดย: หอมกร วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:0:46:18 น.  

 
แปะใจยามเช้าค่ะ


โดย: sawkitty วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:8:28:10 น.  

 
หัวใจยังไม่เต้นมาแปะใจค่า

คุณได้ทำการแปะ ให้กับคุณ อาคุงกล่อง เรียบร้อยแล้วนะคะ





โดย: Rinsa Yoyolive วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:11:54:00 น.  

 
มาร์ค ทเวน บอกว่าวรรณกรรมคลาสสิคคือเรื่องที่มีแต่คนยกย่องแต่ขายไม่ออกจริงไหมพี่


โดย: น้องผิง วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:11:55:12 น.  

 
น่าสนใจมากๆ เลยนะคะ ยิ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นสุดยอดวรรณกรรมคลาสสิกเล่มหนึ่งของโลกแล้วด้วย การได้อ่านหนังสือดีๆ เป็นเรื่องที่ดีเลยนะคะ น้องซีเองมีหนังสือเยอะเลยค่ะ แต่ก็เป็นเรื่องที่น่าเสียดายพอเข้า ป.1 เวลาที่จะอ่านหนังสือก็น้อยลง ต้องไปอ่านหนังสือเรียนแทน แต่ก็พยายามให้เธอรักการอ่านมากที่สุด


โดย: kae+aoe วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:15:41:40 น.  

 
คุณได้ทำการแปะ ให้กับคุณ อาคุงกล่อง เรียบร้อยแล้วนะคะ


โดย: kae+aoe วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:15:42:37 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

อาคุงกล่อง
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 62 คน [?]




อาคุงกล่องเป็นชายไทยนิสัยดีมีความฝัน ผู้ผันตัวมาเป็นทาสวรรณกรรมอย่างแท้จริง ใช้ชื่อกำหนดตัวตนว่า “อาคุงกล่อง” เป็นนามปากกาสร้างสรรค์ผลงานในเชิงหัสนิยาย และงานเขียนในรูปแบบต่าง ๆ อาทิเช่น เรื่องสั้น นวนิยาย สารคดี ความเรียง บทกลอน ไดอารี่เพ้อเจ้อละเมอเพ้อฝันต่างๆ ฯลฯ

ปัจจุบัน “อาคุงกล่อง” เป็นนักอ่าน นักคิดและนักเขียน รวมทั้งเป็นนักจินตนาการออกมาเป็นตัวอักษรด้วย ผู้มีความฝันอันยิ่งใหญ่คือการเป็นนักเขียนมีคุณภาพที่สรรค์สร้างผลงานอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ คาดว่าในเวลาอันใกล้นี้นาม “อาคุงกล่อง” จะเกิดปรากฎชัดในโลกวรรณกรรม จนเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางในหมู่หนอนนักอ่านทั่วไทย



"ในชีวิตจริงของคนเรา มีอะไรอีกมากมายที่จะต้องรับรู้และรับผิดชอบ ในแต่ละวันเรามีโอกาสที่จะหัวเราะได้สักกี่ครั้ง? แต่ถ้าเราได้มีโอกาสหัวเราะเสียบ้างเพื่อเป็นการผ่อนคลายหรือคลายเครียด ก็คงจะเป็นสิ่งที่ดีนะครับ"

ถ้าคุณเข้ามาในบล็อคของผมแล้ว คุณสามารถอมยิ้มหรือหัวเราะได้ ผมก็คงจะดีใจแล้วครับ (กรุณาช่วยทิ้งคอมเม้นท์วิจารณ์ไว้ให้ผมด้วยนะครับ จักขอบพระคุณมากเลยครับ)

akungklong@gmail.com
Friends' blogs
[Add อาคุงกล่อง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.