เกร็ดความคิดบนก้าววิ่ง
23 เมษายน 2559
หนังสือเล่มนี้เกี่ยวข้องกับการวิ่ง ทั้งที่เป็นการวิ่งออกกำลังกายและการวิ่งแข่งมาราธอน ผมเชื่อว่าท่านที่เป็นนักวิ่งคงจะรู้จักหนังสือเล่มนี้เป็นอย่างดี เกร็ดความคิดบนก้าววิ่ง เป็นงานเขียนเชิงความเรียงของนักเขียนดังของญี่ปุ่นที่มีนามว่า ฮารูกิ มูราคามิ เล่มนี้แปลมาจากภาษาญี่ปุ่นที่มีชื่อเรื่องเป็นภาษาอังกฤษว่า WHAT I TALK ABOUT WHEN I TALK ABOUT RUNNING ใช่แล้วครับ ... หนังสือเล่มนี้เป็นแรงบันดาลใจของนักเขียนที่เป็นนักวิ่งทั้งหลาย
เกร็ดความคิดบนก้าววิ่ง เป็นการนำเรื่องราวเกี่ยวกับการวิ่งของมูราคามิที่บันทึกไว้ตลอดชีวิตการวิ่งของเขามานำเสนอให้ผู้อ่านได้คิดตาม มูราคามิใช้เวลาเขียนหนังสือเล่มนี้ 2 ปี ตั้งแต่ฤดูร้อนปี 2005 จนถึงฤดูใบไม้ร่วงปี 2006 โดยเอารายละเอียดจากประสบการณ์การวิ่งในอดีตมาผนวกรวมกับการวิ่งในปัจจุบัน (ในช่วง 2 ปีที่เขียน) จึงถือได้ว่าหนังสือเล่มนี้เป็นบันทึกการย่ำเท้าวิ่งของมูราคามิ ที่เขาบอกไว้เสมอว่า การวิ่งคือแกนหลักของชีวิต ดังนั้นรายละเอียดในเล่มจึงเป็นประสบการณ์การวิ่งที่ผู้อ่านสามารถเรียนรู้และนำไปปฏิบัติใช้ได้จริง
มูราคามิบอกว่า ถ้าจะลงแข่งขันวิ่งมาราธอนจะต้องมีการฝึกซ้อมให้เพียงพอ คือต้องวิ่งสะสมกิโลฯ ทุกวันจนกระทั่งถึงวันแข่งจริง ซึ่งตัวมูราคามิเองได้ลงแข่งขันวิ่งมาราธอนทุกปีอย่างน้อยปีละ 1 รายการ ตลอดระยะเวลา 23 ปีต่อเนื่องมาตลอด ดังนั้นจึงเรียกได้ว่า ในวันใดที่ฝนไม่ตกและอากาศเป็นใจไม่เลวร้ายจนเกินไปนักเขียนรันนิ่งผู้นี้จะต้องออกวิ่งเพื่อฝึกซ้อมเสมอ ถามว่าทำไมเขาต้องวิ่งด้วย? ถ้าให้ตอบก็คงเป็นเพราะว่าตัวมูราคามิเป็นนักเขียน อาชีพของนักเขียนจำเป็นต้องนั่งอยู่กับที่ตลอด ถ้าไม่ขยับตัวเสียบ้างปัญหาเรื่องสุขภาพอาจจะตามมาได้ ดังนั้นการตัดสินใจที่จะออกกำลังกายด้วยวิธีการวิ่งนั้นเป็นการช่วยให้สุขภาพดีขึ้นได้
... การวิ่งมีประโยชน์หลายสถาน ข้อแรก ไม่ต้องการเพื่อนร่วมทีม ไม่ต้องมีอุปกรณ์พิเศษ ไม่ต้องไปสนามเฉพาะเจาะจงเพื่อไปออกกำลังกาย ตราบเท่าที่มีรองเท้าวิ่งสบายเท้าและมีถนนทอดยาวไกล เราพอจะวิ่งได้สุดหัวใจปรารถนา เทนนิสไม่เป็นเช่นนั้น เราต้องไปสนามเทนนิสและต้องมีเพื่อนเล่นด้วยกัน การว่ายน้ำทำคนเดียวได้แต่ก็ยังต้องไปสระน้ำ... (หน้า 44)
ผมเชื่อว่านักเขียนหลาย ๆ ท่านมีความคิดเช่นเดียวกับมูราคามิ ที่ยึดเอาการวิ่งเป็นการออกกำลังกายประจำตัว อย่างในเมืองไทยเรามีนักเขียนหลายท่านที่บอกว่าตัวเองวิ่งควบคู่กับการเขียนไปโดยตลอด ตัวอย่างเช่น คามิน คมนีย์ เขียนหนังสือชื่อ เย็นวันเสาร์-เช้าวันอาทิตย์ เป็นหนังสือที่เกี่ยวกับการวิ่งเช่นกัน (ผมยังไม่ได้อ่านเล่มนี้เลยครับ) นอกจากนั้นก็ยังมีนักเขียนอีกหลายท่านเขียนหนังสือที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการวิ่งออกมาเหมือนกัน ดังนั้นผมอาจจะสรุปเอาเองว่า อาชีพนักเขียนควรจะมีการวิ่งเป็นการออกกำลังกายประจำตัว หรืออาจจะเป็นเพราะนักเขียนไส้แห้งจึงเล่นกีฬาอย่างอื่นลำบาก การวิ่งลงทุนถูกที่สุดก็เป็นได้
สำหรับเนื้อหาในหนังสือ เกร็ดความคิดบนก้าววิ่ง นี้เป็นประสบการณ์การวิ่งของมูราคามิที่อาจะกล่าวได้ว่าเล่มนี้เป็นหนังสือสารคดีที่ดีเล่มหนึ่ง เพราะนอกจากจะให้ประสบการณ์ในเรื่องการวิ่งแล้ว ยังให้ความรู้ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการวิ่งด้วย จากประสบการณ์การวิ่งของมูราคามิเองเขาได้ศึกษาจนได้ข้อสรุปมาเป็นข้อมูลสำคัญให้แก่ผู้อ่านแล้ว แต่ในเนื้อเรื่องมูราคามิบอกไว้ว่า ไม่ได้หวังว่าใครที่มาอ่านหนังสือเล่มนี้แล้วจะอยากวิ่งกันทุกคน
.... เมื่อถึงจุดหนึ่ง ผมตัดสินใจว่าจะรายงานเรื่องราวตามสัตย์จริง เรื่องที่ผมคิด สิ่งที่ผมรู้สึกระหว่างก้าววิ่ง ด้วยวิธีการบรรยายของผมเอง ผมเชื่อว่าน่าจะเป็นหนทางเดียวที่จะเริ่มต้นได้ ผมลงมือเขียนหนังสือเล่มนี้ทีละตอนสองตอน เริ่มต้นในฤดูร้อนปี 2015 เขียนเสร็จสิ้นในฤดูใบไม้ร่วงปี 2006 หากไม่นับเรื่องราวที่หยิบยืมมาจากงานเขียนอื่นของผม เนื้อหาทั้งหมดในหนังสือเล่มนี้บันทึกความคิดความรู้สึกที่เกิดขึ้นตามจริง เรื่องหนึ่งที่ผมสังเกตเห็น การเขียนโดยสัตย์จริงในเรื่องการวิ่งกับการเขียนโดยสัตย์จริงในเรื่องราวชีวิตของตัวเองแทบจะกลายเป็นเรื่องเดียวกัน ดังนั้นผมเชื่อว่าจะอ่านเป็นหนังสือบันทึกความทรงจำผ่านการวิ่งก็ย่อมทำได้ (จากบทนำ หน้า11)
ในฐานะที่ตัวผมเป็นคนที่ออกกำลังกายด้วยการวิ่งและตัวผมก็ตั้งใจในการเขียนหนังสืออยู่ด้วย ผมอ่านเรื่องราวในหนังสือเล่มนี้แล้วก็รับรู้ได้ถึงความรู้สึกหลาย ๆ อย่างตามที่มูราคามิเล่าให้ฟังผ่านการก้าวเท้าวิ่ง ผมคิดว่าได้ประโยชน์หลายประการจากวิธีการคิดของมูราคามิด้วย ซึ่งสิ่งที่มูราคามิพยายามจะบอกอยู่ตลอดที่นอกเหนือจากการวิ่งก็คือการใช้ชีวิต เป็นการใช้ชีวิตของผู้ที่เป็นนักคิดนักเขียน ซึ่งเป็นตัวอย่างอันดีสำหรับผู้ที่จะเดินไปในเส้นทางแบบนี้ เส้นทางแบบเดียวกันกับมูราคามิแต่เป็นเส้นทางของตัวเราเอง หนังสือเล่มนี้อาจจะไม่ไกด์บุ๊คส์ที่นำทางชีวิตไปตลอดจนสุดก็จริง แต่เล่มนี้อาจจะเป็นคัมภีร์บทปฐมเฉพาะกาลสำหรับผู้ที่จะใช้ชีวิตแบบวิ่งไปเขียนไปก็เป็นได้
ทุกครั้งที่อ่านหนังสือแล้วได้ประโยชน์หรือได้แง่คิดอะไรที่ดีจากหนังสือเล่มนั้น เราควรจะต้องขอบคุณผู้เขียนที่ทำให้เราได้รับสิ่งที่ดีงามนั้น แต่ผมเชื่อว่าสิ่งที่เราได้จากการอ่านหนังสือนั้น จริง ๆ แล้วผู้เขียนไม่ได้เป็นผู้ยัดเยียดสิ่งนั้นเข้าสู่สมองของเราหรอก แต่เป็นสมองของเราเองที่กำลังหาโอชาความรู้เข้าเติมเต็มในรอยหยักของความคิดมากกว่า เราจึงควรขอบคุณตัวเราเองด้วยที่เลือกวิธีหาความรู้ด้วยการอ่านหนังสือ
ท้ายสุดนี้ผมอยากจะบอกผู้ที่มีใจรักการวิ่งว่า ลุกขึ้นมาได้แล้ว ทุกคนเลย ออกไปวิ่งทุกเช้าเพื่อสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง (หน้า 10) วิ่งให้ร่างกายร้อนจนสุดขีดแล้วสมองจะได้ปลอดโปร่ง หลังจากนั้นท่านจะคิดอะไรที่ดี ๆ ได้ตลอดวัน ส่วนท่านใดที่รักการอ่านและอยากจะหาหนังสือ เกร็ดความคิดบนก้าววิ่ง เล่มนี้มาอ่านก็ลองหาดูได้นะครับ สำหรับหนังสือเล่มที่อยู่ในมือของผมนี้ เป็นฉบับพิมพ์ครั้งที่ 2 เดือนเมษายน 2555 โดยสำนักพิมพ์กำมะหยี่ หนังสือขนาดเหมาะมือแบบหยิบจับง่ายสไตล์ญี่ปุ่น ด้วยความหนา 195 หน้า มีสำนวนดีอ่านได้สบายรวดเดียวจบ ราคาปก 250 บาท (ปกแข็ง) ลองไปเดินหาดูตามร้านหนังสือนะครับ
ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านรีวิวนี้ ขอให้ท่านมีความสุขกับการอ่านหนังสือนะครับ
Create Date : 23 เมษายน 2559 |
Last Update : 23 เมษายน 2559 0:07:11 น. |
|
23 comments
|
Counter : 1471 Pageviews. |
|
|
ตอนนี้ผมเป็นอดีตนักวิ่งเสียแล้วครับ เปล่าวิ่งราวนะครับ 555