ถนนสายนี้มีตะพาบโจทย์ประจำหลักกิโลเมตรที่ 132 ถ้าวันนั้น
ถนนสายนี้มีตะพาบโจทย์ประจำหลักกิโลเมตรที่ 132
ถ้าวันนั้น โจทย์โดยมี๊เก๋ คุณแม่น้องซีทะเลนั่นเอง
ถ้าวันนั้น...
หากชีวิตคือละคร คงเป็นละครที่ยาวนานที่สุดเรื่องหนึ่ง
เป็นละครที่เราและทุกคนที่อยู่รอบๆตัวเราเป็นผู้ร่วมแสดงละคร
ในเรื่องนี้ด้วยกัน แถมเราเลือกที่จะแสดงบทบาทอย่างไรก็ได้
แล้วแต่ช่วงเวลานั้น เรามีความรู้สึกอย่างไร อยากจะแสดงอะไรออกไป
ไม่ว่าเราจะชอบหรือไม่ชอบในสิ่งที่เรากระทำไปแล้ว
อยู่ใต้กฏเหล็กข้อหนึ่งที่ว่า
การกระทำใดๆก็ตาม เมื่อทำไปแล้วไม่สามารถกลับไปแก้ไขมันได้
เหลือไว้เป็นอดีตให้คิดวกวนในใจว่า
"ถ้าวันนั้น..."ต่างเรื่องต่างราว ต่างเหตุการณ์ ทั้งชอบและชัง
ถึงเราจะลบอดีตไม่ได้ แต่เราเปลี่ยนแปลงความรู้สึกที่เรามีต่ออดีตได้
นั้นคือความหมายสำคัญของคำว่า ถ้าในวันนั้น
ถ้าวันนั้น... เราเพียงกล้าพอที่จะทำในสิ่งที่ถูกต้อง
เรากล้าที่จะพูดในสิ่งที่อยากพูด
กล้าที่จะขอโทษ กล้าที่จะยอมรับความผิดพลาด
กล้าที่จะทำในสิ่งที่อยากทำ
ไม่พลัดวันประกันพรุ่งจนเวลาผ่านไป...
...เราจะได้ไม่เสียใจเหมือนในวันนี้
ถ้าวันนั้น... เราไม่เคยเจอจุดหักเหในชีวิตที่สำคัญที่สุด
ยังใช้ชีวิตไปเรื่อยเปื่อยตามความพอใจ
ไม่มีใครรักและคอยตักเตือนให้แก้ไขตัวเองเสียบ้าง
ชีวิตเราจะแย่ลงไปสักเพียงไหน
"ถ้าวันนั้น..."เราไม่เคยลำบากที่สุด เหนื่อยที่สุด
จนฝ่าวิกฤติมาได้ด้วยความเข้มแข็ง อดทน อดกลั้น
เราจะไม่เห็นความสำคัญของเวลาในช่วงชีวิตเรานี้สำคัญแค่ไหน
เพราะแต่ละวินาทียาวนานเหมือนเป็นวันๆในช่วงเวลาแห่งความทุกข์
"ถ้าวันนั้น..."เราไม่เคย ลำยาก ยากจนมาก่อน
เราคงไม่อดทนเข้มแข็งอย่างทุกวันนี้
"ถ้าวันนั้น..."เราไม่สามารถคว้าโอกาสในการเรียนต่อ
ซึ่งเป็นโอกาสเดียวในชีวิตนั้นไว้ได้ ชีวิตเราจะยากลำบากขนาดไหน
"ถ้าวันนั้น..."เราไม่เจออาจารย์ที่ชี้นำแนวทางในชีวิตที่ถูกต้องให้เรา
เราจะใช้ชีวิตของเราอย่างไร คงจะมืดมนสับสนกับชีวิตต่อไป
ถ้าวันนั้น... ไม่มีความรักของพ่อแม่พี่น้องอันอบอุ่น
ไม่มีความรักจากคู่ชีวิตที่รักห่วงใยดูแลเราอย่างดีที่สุด
ถ้าเราไม่มีลูกที่น่ารักที่เป็นกำลังใจที่จะอดทนต่อการทำงานหนัก
เราคงไม่สามารถยืนหยัดในการทำหน้าที่ได้จนถึงทุกวันนี้
ถ้าวันนั้น... เราไม่ถูกกลั่นแกล้งจากเพื่อนร่วมงาน
ที่ไม่ถือว่าเราเป็นหมู่เป็นพวกด้วย ทำเหมือนเราไม่มีตัวตน
ทำเหมือนเราไม่ใช่คนๆหนึ่ง
เราคงไม่มีโอกาสได้เข้ามาเขียนเรื่องราวบล็อกในที่นี้
จนได้เจอเพื่อนที่ดีๆมากมายในโลกเสมือนจริงแห่งนี้
ถ้าวันนั้น... เราไม่เรียนย่ำแย่ แถมยังสอบตกวิชาหนึ่งในมหาลัยโดยบังเอิญ
ถ้าเรายังคงเรียนเก่งเรียน เรียนได้ดีเหมือนในชั้นประถมและมัธยม
เราคงจะหมดเวลาไปกับการเรียน เรียนและเรียน
คงไม่มีโอกาสทบทวนการใช้ชีวิตของเราที่ผ่านมา
คงไม่หันมาทำกิจกรรมดีๆเป็นประโยชน์ในมหาลัย
และไม่มีโอกาสได้ศึกษาธรรมะ
ที่ทำให้เราเข้าใจโลก เข้าใจตัวเอง
ยอมรับความจริง และปล่อยวางสิ่งต่างๆในชีวิตได้แบบทุกวันนี้
ถ้าวันนั้น... เราไม่เคยเจ็บป่วยมากจนต้องผ่าตัดหลายครั้ง
ต้องทรมานกับโรคประจำตัวถึงสามสิบปี
เราคงไม่เข้าใจและเห็นใจคนอื่นที่เขาเดือดร้อนทุกข์ยากลำบากกายใจ
และคงคิดว่าชีวิตมีแต่ความสุข สนุกสบายเพียงอย่างเดียว
ความหมายของ ถ้าวันนั้น...
ก็คือไม่ว่าจะเกิดอะไรก็ตามในชีวิตของเรา
ล้วนดีทั้งนั้น เพราะมันจะสอนบทเรียนที่สำคัญที่สุดบทหนึ่งเสมอ
ถ้าเรายอมรับมันได้ เราก็จะมีความสุขกับอดีตของเราได้เสมอ
เพราะไม่มีใครรู้อะไร เข้าใจอะไรได้มาตั้งแต่เกิด
ความผิดพลาดคือวิธีการที่เราใช้เพื่อเรียนรู้สิ่งต่างๆ
คนดีที่สุดสอนสิ่งที่เราควรทำตาม
คนเลวที่สุดก็สอนสิ่งที่เราไม่ควรทำต่อผู้อื่น
ทุกย่างก้าวไม่ว่าจะโรยด้วยกุหลาบ
หรือจะมีขวากหนามทิ่มแทงเท้า
นั้นสอนสิ่งหนึ่งก็คือความจริงของสิ่งทั้งหลายในโลก
ที่มีทั้งสุขและทุกข์ มีดีมีชั่ว มีสมหวัง มีผิดหวัง มีดีใจ มีเสียใจ
ไม่มีใครได้สิ่งที่พอหรือเสียใจเพียงส่วนเดียว
ความสุขทำให้เราหลงไปในโลกของความฝัน
แต่ความทุกข์พาเรากลับมาสู่โลกของความจริง
ทั้งสุขและทุกข์ที่เกิดขึ้นเป็นธรรมดา
ล้วนดับไปธรรมดาเพียงชั่วพริบตาที่มีสติขึ้นมา
หาได้มีตัวเราที่แท้จริงแต่อย่างใดไม่
ความผิดพลาดเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนรู้
ความล้มเหลวเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จ
ความอดทนเป็นส่วนหนึ่งของการฝึกฝน
ความทุกข์เป็นส่วนหนึ่งของปัญญา
สิ่งทั้งหลายในโลกเราทำผิดกับมันแค่สองอย่าง
คือหลงไปรักมันและหลงไปเกลียดมัน
รักก็อยากกอดมันไว้ให้นานที่สุด เสียใจร้องไห้เมื่อเราต้องจากมัน
เกลียดก็อยากผลักมันออกไปให้ไกลที่สุด ดีใจที่ได้ทำร้ายมันให้สมใจเรา
เหนื่อยพอแล้วหรือยังที่จะถูกความอยากและความเกลียดปั่นหัวเราตลอดเวลา
อดีตทั้งดีและไม่ดี ประสบการณ์สิ่งแวดล้อม หล่อหลอมเรามาเป็นเราแบบทุกวันนี้
ทั้งสองอย่างแปรเปลี่ยนไปเป็นความพอใจและไม่พอใจในอดีต
ที่อยากแก้ไขกับความทรงจำอันรางเลือนกับคำว่า...
ถ้าวันนั้น...
เรื่องและภาพประกอบ วนารักษ์
ขอบคุณเพื่อนๆทุกๆคนที่เข้ามาอ่าน เม๊นท์และติชม
ขอบคุณเพื่อนประจำบล็อกทุกคนที่ยังไม่ลืมกัน
ขอบคุณโจทย์ดีๆจากมี๊เก๋
ขอบคุณน้องเป็ดสวรรค์ผู้จัดงานตะพาบทุกครั้ง
ขอบคุณทุกๆประสบการณ์ใน"วันนั้น"ที่ทำให้เรามีทุกอย่างใน"วันนี้"
Create Date : 14 มิถุนายน 2558 |
|
38 comments |
Last Update : 18 มิถุนายน 2558 22:15:20 น. |
Counter : 1758 Pageviews. |
|
|
|