|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ไอศกรีมโฮมเมด รสเบียร์-เรดไวน์ ขายดี
ไอศกรีมโฮมเมด รสเบียร์-เรดไวน์ ขายดี ทีม ช่องทางทำกิน เดินทางไป จ.เชียงราย กับคณะของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ไปเยี่ยมชมการดำเนินการโครงการส่งเสริมผู้ประกอบการใหม่ ซึ่งผู้ประกอบการหลายรายต่างพยายามคิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ขึ้น เพื่อสร้างตลาด สร้างเอกลักษณ์แก่ธุรกิจของตนเอง การพัฒนาปรับปรุงสินค้านั้นก็ไม่จำกัดเฉพาะแค่สินค้างานประดิษฐ์ สินค้าด้านอื่นก็จำเป็นต้องคิดค้นสิ่งใหม่ ๆ เพื่อนำมาช่วยเพิ่มแรงจูงใจให้กับการขายเช่นกัน เช่น โศรยา พรินทรากุล กับ ไอศกรีมรสเบียร์และเรดไวน์ รายนี้....
เจ้าของสูตรไอศกรีมเล่าว่า เคยทำงานในตำแหน่งผู้จัด การของบริษัทเอกชนยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจออกมาเปิดร้านขายไอศกรีมของตนเองในบริเวณทางเข้าด้านหน้าของมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง โดยได้อบรมการทำไอศกรีมมาจากภาควิชาเทคโนโลยีอุตสาหกรรมเกษตร สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ในตอนแรกเปิดขายเป็นร้านกาแฟแล้วขายไอศกรีมควบคู่ไปด้วย แต่ทำไปทำมากลายเป็นว่าไอศกรีมนั้นกลับขายได้ดีกว่า จึงเปิดเป็นร้านไอศกรีมแบบเต็มตัว ตัดสินใจเปิดร้านของตัวเองขึ้นในปี 2547 แรก ๆ ยังเน้นไปที่กาแฟกับ เบเกอรี่เป็นหลัก แต่ขายไปสักพักกลับกลายเป็นว่าไอศกรีมโฮมเมดของเราขายดีและลูกค้าชอบมากที่สุด เนื่องจากรสชาติดี ราคาไม่แพง เมื่อเทียบกับไอศกรีมต่างประเทศ ตอนหลังจึงเน้นมาที่การขายไอศกรีมมากกว่า นอกจากจะผลิตเพื่อจำหน่ายในร้านของตนเองแล้ว ยังผลิตส่งให้กับรีสอร์ตและโรงแรมต่าง ๆ ด้วย โดยใช้ชื่อไอศกรีมว่า Happy Plus มีให้เลือกประมาณ 40 รส แบ่งเป็นไอศกรีมนมรสชาติต่าง ๆ อาทิ บราวนี่ฟัดจ์, เอแคลร์, รัมเรซิ่น, งาดำ, ชานม, เม็ดมะม่วง ไอศกรีมผลไม้ อาทิ บลูเบอรี่, สตรอเบอรี่, มะขาม, มะยม, กระเจี๊ยบ, เสาวรส, สับปะรด และไอศกรีมที่ผลิตจากโยเกิร์ต เป็นต้น แต่จุดเด่นที่ได้รับความสนใจเป็นพิเศษคือ ไอศกรีมรสเบียร์ และ ไอศกรีมรสเรดไวน์ (สปายไวน์คูลเลอร์) ซึ่งเป็นสูตรพิเศษที่คิดค้นขึ้นมาเองเป็นเอกลักษณ์ของร้าน... สาเหตุที่ทำให้ต้องคิดค้นไอศกรีมสูตรพิเศษนี้ขึ้นมา เนื่องจากทำเลที่ตั้งร้านอยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัย ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นนักศึกษา พฤติกรรมการบริโภคของลูกค้ากลุ่มนี้มักชอบสินค้าที่แปลกใหม่ ไม่เหมือนใคร จึงนำจุดนี้มาคิดค้นสูตรไอศกรีมพิเศษที่ว่านี้ขึ้น เพื่อต้องการดึงดูดใจลูกค้ากลุ่มนี้โดยเฉพาะ แม้จะทำจากไวน์และเบียร์ แต่ก็ใช้ในปริมาณไม่มาก ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลว่าจะมีแอลกอฮอล์สูง ที่ต้องการให้ลูกค้าได้รับจริง ๆ ก็มีเพียงแค่กลิ่นและรสชาติเท่านั้น ทุนเบื้องต้นที่ใช้สำหรับธุรกิจการทำไอศกรีม โฮมเมดนั้น เธอบอกว่าอยู่ที่ประมาณ 100,000-150,000 บาท ส่วนใหญ่เป็นค่าวัตถุดิบ และอุปกรณ์ในการทำและการเก็บรักษาไอศกรีม อาทิ เครื่องปั่นไอศกรีมราคาประมาณ 4,000 บาทต่อเครื่อง ตู้แช่ไอศกรีม ราคาประมาณ 15,500-20,000 บาทต่อตู้ ขึ้นกับขนาดและความต้องการในการแช่เป็นสำคัญ ถาดใส่ไอศกรีม ตกประมาณถาดละ 400 บาท ที่เหลือก็จะเป็นค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับอุปกรณ์ตกแต่งและภาชนะซึ่งขึ้นอยู่กับขนาดร้านและการตกแต่งร้านของแต่ละคนส่วนทุนวัตถุดิบสำหรับทำไอศกรีมปริมาณ 1 กิโลกรัมนั้น ประมาณ 120 บาท โดยสามารถตักขายได้ประมาณ 15 ถ้วย ในราคาก้อนละ 25 บาท ดังนั้น ขายไอศกรีมหมด 1 กิโลกรัมก็จะมีรายได้ประมาณ 375 บาท สำหรับวัตถุดิบที่ใช้ก็มีไอศกรีมผง 250 กรัม ซึ่งมีส่วนประกอบของนมและน้ำตาล โดยปริมาณนี้จะทำไอศกรีมได้ประมาณ 1 กิโลกรัม เบียร์ 1 กระป๋องขนาด 330 ซีซี หรือหากจะทำไอศกรีมรสเรดไวน์ก็ให้ใช้สปายไวน์จำนวน 1 ขวด และครีมสดไขมันต่ำ 1 ถ้วยตวง ขั้นตอนการทำ... เริ่มจากการทำไอศกรีมจากไอศกรีมผงด้วยการใส่น้ำสะอาดลงไปในหม้อต้มประมาณ 2 ถ้วยตวง ทิ้งไว้ให้เดือด เมื่อน้ำเดือดแล้วให้เทไอศกรีมผงลงไป จากนั้นใช้ตะกร้อมือคนให้ไอศกรีมผงละลายหรือแตกตัวออกอย่างรวดเร็ว เมื่อไอศกรีมผงละลายหมดแล้วจะได้เนื้อของไอศกรีมที่จับตัวรวมกันเป็นเนื้อเดียวกันจากนั้นยกลงจากเตาแล้วเติมครีมสดไขมันต่ำประมาณ 1 ถ้วยตวงลงไปในเนื้อไอศกรีม นำไปบรรจุถุงหรือกล่อง และนำไปบ่มในตู้แช่แข็งโดยตั้งไว้ที่อุณหภูมิประมาณ 0-4 องศาเซลเซียสไม่ต่ำกว่า 4 ชั่วโมง ก็จะได้เนื้อไอศกรีมสำหรับนำไปผสมกับรส ชาติต่าง ๆ เราจะเรียกไอศกรีมที่ได้จากขั้นตอนนี้ว่า ไอศกรีมมิกซ์ ที่มีนมเป็นตัวหลัก เพื่อเอาไปทำเป็นไอศกรีมรสชาติต่าง ๆ โดยถ้าจะทำไอศกรีมนมก็ให้นำมาปั่นได้เลย เจ้าของสูตรแนะนำ การทำไอศกรีมรสเบียร์หรือเรดไวน์นั้น เริ่มจากเทไอศกรีมมิกซ์ลงในถังปั่นไอศกรีม เติมเบียร์หรือสปายเรดลงไปในไอศกรีมมิกซ์ จากนั้นเปิดเครื่องปั่นให้ทำงาน เครื่องจะทำการปั่นไอศกรีมมิกซ์และส่วนผสมให้เข้ากัน ระหว่างปั่นให้เติมเกลือและน้ำแข็งรอบ ๆ ถังปั่นเพื่อรักษาอุณหภูมิให้สม่ำเสมอ เมื่อไอศกรีมแข็งได้ที่ เครื่องจะหยุดปั่นเอง โดยจะใช้เวลาประมาณ 30 นาที เมื่อได้ไอศกรีมที่ต้องการแล้ว ให้ตักใส่ถ้วยเพื่อเสิร์ฟ หรือบรรจุกล่องสำหรับขาย การแช่แข็งต้องเลือกแช่ที่อุณหภูมิคงที่ประมาณ -18 องศาเซลเซียส ไอศกรีมถึงจะคงเนื้อและรสชาติได้ดีที่สุด
สนใจไอศกรีมรสเบียร์และเรดไวน์ของร้าน Happy Plus ร้านนี้อยู่หน้ามหา วิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง เลขที่ 264/5 หมู่ 1 ต.ท่าสุด อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย โทร. 0-5370-6505, 08-1764-6768, 08-4503-6263.
Create Date : 05 ตุลาคม 2549 |
| |
|
Last Update : 5 ตุลาคม 2549 20:24:54 น. |
| |
Counter : 2315 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ขนมปุยฝ้าย ทุนต่ำ-คนทำขายน้อย
ขนมปุยฝ้าย ทุนต่ำ-คนทำขายน้อย ขนมปุยฝ้าย เป็นขนมที่ไม่ต้องใช้วัสดุอุปกรณ์วิจิตรพิสดารอะไร ทำไม่ยาก รวมถึงส่วนผสมก็หาง่าย สมัยก่อนมักใช้ในพิธีมงคล ซึ่งเชื่อกันว่าจะได้รุ่งเรืองเฟื่องฟูเหมือนชื่อขนม คนรุ่นใหม่อาจไม่คุ้นเคย เนื่องจากสมัยนี้มีคนทำขายน้อย และนี่ก็จึงเป็น ช่องทางทำกิน ที่น่าสนใจ ที่ไม่ต้องลงทุนสูง...
เฉลียว บังเผือนน้อย หรือ ป้าจ๋า อายุ 53 ปี อาชีพขายขนมไทยและดอกไม้ เล่าให้ฟังว่า เดิมทำงานบริษัททอผ้า พออายุ 45 ปี ก็ถูกปลดเกษียณ เป็นช่วงที่ลำบากสุด ๆ ไม่มีงาน เงินก็ไม่มี ต้องดิ้นรนทุกวิถีทางเพื่อหาเงินมาเลี้ยงลูก 2 คนที่กำลังอยู่ในวัยเรียน รับเลี้ยงเด็ก รับจ้างทำงานบ้านด้วย รายได้ก็ยังไม่พอใช้จ่ายในบ้าน มองหาอาชีพค้าขายมาเป็นรายได้เสริม เริ่มต้นเรียนวิชาชีพการทำขนมปุยฝ้าย น้ำเต้าหู้ จาก กทม. ขนมเค้ก-คุกกี้ศึกษาจากตำราในหนังสือ ขนมเปี๊ยะครูพักลักจำ อาศัยการฝึกหัด ลองผิดลองถูก และจดจำไว้เพื่อทำในครั้งต่อไป ซึ่งการทำ แรก ๆ ก็มีผิดพลาดบ้าง เช่น ส่วนผสมยังไม่เข้าที่ หรือยังไม่ทราบแน่ว่าต้องใช้เวลากี่นาที หรือยังมีเทคนิคเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่จะทราบได้ก็ต่อเมื่อได้ลงมือทำเอง เพราะเทคนิคเหล่านี้ในตำราไม่ได้บอกไว้ ป้าจ๋าบอกถึงลักษณะ ขนมปุยฝ้าย ที่ดีว่า หน้าขนมต้องแตกเป็นแฉก เนื้อขนมจะมีความละเอียด นุ่ม และเบาฟูเหมือนดอกฝ้าย รสหวานกลมกล่อม มีความหอมอ่อน ๆ จากอาชีพเสริม จนเป็นอาชีพหลักเลี้ยงครอบครัว ด้วย ขนมปุยฝ้าย ป้าจ๋าทำส่งขายตามโรงเรียน และที่ต่าง ๆ มานานนับสิบปี ตั้งแต่ลูกยังเล็กจนเรียนจบมหาวิทยาลัย ปัจจุบันนอกจากจะทำขนมปุยฝ้าย ขนมเปี๊ยะ และขนมเค้กขายแล้ว ป้าจ๋าก็ยังกำดอกไม้สดขาย อยู่ที่หน้าวัดไตรรัตนาราม ถนนรามอินทรา ซอย 8 ทุกวัน การทำขนมปุยฝ้ายขาย ส่วนผสมที่ใช้ก็มี... แป้งสาลีตราบัวแดง 800 กรัม, ผงฟู 4 ช้อนชา, น้ำตาลทรายขาว 700 กรัม, เอสพี (S.P.) 8 ช้อนชา, ไข่ไก่ 4 ฟองโต (หรือ 5 ฟองเล็ก), มะนาว 6 ช้อนชา, นมจืด 1 ถ้วยตวง, น้ำสะอาด 2 ถ้วยตวง, วานิลลา 1 ช้อนชา, หัวน้ำหอมมะลิ และสีผสมอาหาร วัตถุส่วนใหญ่ซื้อได้จากร้านขายวัตถุดิบทำขนม-ทำเบเกอรี่ สำหรับอุปกรณ์ที่ใช้หลัก ๆ ก็มี... หม้อนึ่ง หรือลังถึง, เครื่องตีไข่, ช้อน สเตนเลส, กะละมังพลาสติก, ถาด, ถ้วยตวง, ตาชั่ง, ถ้วยกระดาษ, ถ้วยอะลูมิเนียม, ไม้พายพลาสติกบาง, ตะแกรงร่อนแป้ง อุปกรณ์หลายอย่างอาจสามารถหยิบยืมได้จากในครัว ขั้นตอนการทำ ขนมปุยฝ้าย เริ่มจากนำแป้งสาลีมาร่อนรวมกับผงฟู 3 ครั้ง แล้วนำไปตากแดดจัด ๆ สักพัก เพื่อให้แป้งมีความร่วนซุยมากขึ้น และลดความหนืดของแป้ง นำน้ำสะอาดใส่กะละมัง หรืออ่างผสม เติม S.P. ลงไป ใช้เครื่องตีไข่ตีให้ S.P. ละลายกับน้ำ แล้วค่อย ๆ ใส่น้ำตาลทราย นมจืด และไข่ไก่ลงไป ใช้เครื่องตีความเร็วต่ำประมาณ 20 นาที ให้ขึ้นฟูขาวเป็นเนื้อครีม จากนั้นเติมน้ำมะนาว วานิลลา ตีให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากัน จากนั้นค่อย ๆ ใส่แป้งที่เตรียมไว้ทีละน้อย คนด้วยไม้พายเบา ๆ ให้เป็นเนื้อเดียวกันทั้งหมด ทำไปจนหมดแป้ง ถ้าต้องการให้ขนมเป็นสีขาวก็ไม่ต้องใส่สีผสมอาหาร แต่ถ้าต้องการจะให้เป็นหลายสีก็แบ่งแป้งที่ผสมเสร็จแล้วใส่ถ้วย แล้วหยดสีผสมอาหารและกลิ่นที่ต้องการลงไปเล็กน้อย คนเบา ๆ ให้เข้ากัน เตรียมถาดอะลูมิเนียม พร้อมกับนำถ้วยกระดาษใส่ลงไปในถ้วยพิมพ์อะลูมิเนียม ใช้ช้อนตักส่วนผสมที่เตรียมเสร็จแล้วหยอดใส่ถ้วยพอเต็ม นำขนมไปวางเรียงในลังถึง อย่าให้ปิดรูลังถึง ไม่อย่างนั้นหน้าปุยฝ้ายจะไม่แตก ยกขึ้นตั้งบนเตาน้ำเดือดพล่าน ปิดฝาลังถึงให้สนิท เวลานึ่งลดไฟลงค่อนข้างอ่อน นึ่งนาน 10-15 นาที (แล้วแต่ขนาดถ้วย) สังเกตว่าเมื่อขนมสุกจะมีหน้าแตก 3-4 แฉกสวยงามน่ารับประทาน เสร็จแล้วถอดถ้วยอะลูมิเนียมออก วางขนมทิ้งไว้บนตะแกรงให้เย็น บรรจุใส่ถุง หรือภาชนะอย่างอื่นที่เตรียมไว้ พร้อมขายได้เลย ป้าจ๋ายังบอกถึงเทคนิคในการทำขนมปุยฝ้ายว่า เวลาตีแป้งต้องตีไปทางเดียวกัน ห้ามตีย้อนไปย้อนมา เพราะส่วนผสมจะละเอียดไม่เท่ากัน และต้องตีด้วยจังหวะที่สม่ำเสมอกัน นอกจากนี้ เวลานึ่งต้องรอให้น้ำเดือดจัดก่อน และการนึ่งครั้งต่อไปต้องเช็ดไอน้ำที่เกาะอยู่ในฝาลังถึงก่อนปิดฝาทุกครั้ง ไม่อย่างนั้นไอน้ำจะหยดลงใส่ขนม ทำให้ขนมช้ำ ไม่สวย และเป็นก้อนแป้งแข็ง ๆ ตามสูตรที่ให้มาข้างต้น สามารถทำ ขนมปุยฝ้าย ถ้วยเล็กได้ประมาณ 185-190 ถ้วย ราคาขาย 7 ถ้วย 10 บาท
บางคนอาจสับสนระหว่างขนมสาลี่กับขนมปุยฝ้าย เพราะคล้ายกัน แต่ข้อแตกต่างที่เห็นได้ชัดระหว่างขนมสองอย่างนี้คือ ขนมสาลีจะมีหน้าเรียบ ส่วนขนมปุยฝ้ายลักษณะหน้าจะแตกเป็นกลีบสวยงาม เนื้อนุ่ม เบาเหมือนดอกฝ้าย ใครสนใจอาชีพการทำขนมปุยฝ้ายขาย หรือต้องการสั่งขนมไปใช้ในงานต่าง ๆ ติดต่อสอบถามรายละเอียดกับป้าจ๋าได้ที่ โทร. 08-5811-0417 หรือที่ลูกสาวป้าจ๋าที่ชื่อ ครูโอ๋ โทร. 08-7060-1533 นี่ก็เป็นอีกอาชีพหนึ่งที่น่าสนใจ !!!.
Create Date : 05 ตุลาคม 2549 |
| |
|
Last Update : 5 ตุลาคม 2549 20:20:52 น. |
| |
Counter : 12720 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|