บัวลอยไข่เค็ม หา จุดต่าง สร้างอาชีพ
ยุคนี้สมัยนี้ขนม บัวลอย มีการทำขาย-หากินได้ตลอดทั้งปีไม่เลือกฤดู แถมยังมีบัวลอยแบบแปลก ๆ ใหม่ ๆ ออกมานำเสนอแก่ผู้บริโภคเสมอ ๆ อาทิ บัวลอยเผือก บัวลอยทรงเครื่องไข่นกกระทา ขึ้นอยู่กับความคิดสร้างสรรค์ การพลิกแพลงของผู้ทำขาย เพื่อดึงดูดความสนใจจากลูกค้า อย่าง บัวลอยไข่เค็ม ที่ออกมาประชันกับบัวลอยไข่หวาน ที่ทีม ช่องทางทำกิน นำเสนอในวันนี้ ก็น่าสนใจ.....
เจ้าของสูตร บัวลอยไข่เค็ม ทำงานประจำอยู่แล้ว แต่เมื่อ 5 ปีที่แล้ววิเคราะห์ว่าเศรษฐกิจภาพรวมในอนาคตอาจจะไม่ค่อยดีนัก ต้องหารายได้เพิ่ม จึงไปเรียนปั้นขนมบัวลอยกับญาติที่อยุธยา เพราะทานแล้วรู้สึกชอบ เมื่อทำเป็นก็เปิดร้านเอง แรก ๆ ก็ขายตามตลาดนัด และค่อย ๆ ขยับขยายมาขายในตึกแถวเป็นหลักแหล่ง
ที่เป็นบัวลอยไข่เค็มนั้น ปรียาพรรณ ทิพหา เจ้าของสูตรเล่าว่า เคยได้ยินว่ามีคนทำขายย่านฝั่งธนฯ จึงลองหัดทำเองดูบ้าง ปรากฏว่าก็ทำได้ เพราะมีพื้นฐานการทำขนมเป็นอยู่แล้ว ส่วนที่เพิ่มเติมก็ไม่ยากอะไร และนอกจากตนเองที่ทำเป็นแล้ว ก็ยังสอนให้คนในครอบครัวอีก 3-4 คนทำได้หมดอีกด้วย
ในแต่ละวันร้านบัวลอยไข่เค็มร้านนี้จะใช้แป้งข้าวเหนียวสด 7 กก. ขายทั้งบัวลอยธรรมดา บัวลอยไข่หวาน และบัวลอยไข่เค็ม แป้งบัวลอยจะมี 5 สีคือ สีขาว (เผือก), สีเหลือง (ฟักทอง), สีชมพู (แก้วมังกร), สีเขียว (ใบเตย), สีน้ำเงินม่วง (ดอกอัญชัน) โดยแป้งข้าวเหนียวเมื่อกลายเป็นแป้งบัวลอยแล้วจะเพิ่มน้ำหนักเป็น 15 กก. ตามเนื้อ และน้ำผลไม้-สมุนไพรที่เพิ่มเข้าไป หลัก ๆ จะเป็นแป้งบัวลอยเผือก 2 กก. แป้งบัวลอยฟักทอง 2 กก. ส่วนที่เหลือกนั้นจะใช้อย่างละ 1 กก. และการทำเป็นแป้งบัวลอย 5 สีนั้นถ้าเป็นแป้งบัวลอยสีขาวจะใช้เผือกต้มสุก 1 กก., แป้งบัวลอยสีเหลืองจะใช้ฟัก ทองต้มสุก 1 กก., แป้งบัวลอยสีชมพูใช้เนื้อผลไม้แก้วมังกรแดง 1 กก. ส่วนแป้งบัวลอยอีก 2 นั้น จะใช้ใบเตยสีเขียวเข้มกำใหญ่ และดอกอัญชันสีเข้มจำนวนหนึ่ง
การนวดแป้งก็จะเหมือนนวดแป้งทั่วไป ใช้มือนวด นวดโดยเจือด้วยน้ำต้มสุก พร้อมเนื้อผลไม้และน้ำสมุนไพร ค่อย ๆ นวดไป เติมน้ำและเนื้อไป ดูจนเข้ากันพอดีก็ใช้ได้ ซึ่งในส่วนแป้งสีชมพูนั้น แก้วมังกรแดงไม่ต้องต้มเหมือนเผือกหรือฟักทอง ใช้เนื้อผลไม้ได้เลย ส่วนใบเตยและดอกอัญชันนำไปปั่นกับน้ำต้มสุกค่อนขวด (ขวดขนาด 1/2 ลิตร) ปั่นแล้ว กรองเอาแต่น้ำออกมา ก็จะได้น้ำสมุนไพรชนิด เข้มข้นสุด ๆ นำน้ำนี้นวดกับแป้งข้าวเหนียว
นวดแป้งเสร็จแล้ว ที่ร้านนี้จะใช้วิธีปั้นออกเป็นเม็ดเล็ก ๆ ทั้งหมดเลย คลุกเคล้าทุกสีให้เข้ากัน แล้วนำแป้งบัวลอยจำนวนหนึ่งไปต้มสุก แล้วแช่น้ำไว้ จะไม่ต้มทั้งหมด เพราะถ้าขายไม่ทันแป้งจะแข็งเป็นไต และจะไม่ปั้นไปขายไป เพราะเสียเวลา จากนั้นก็ทำน้ำกะทิ ใช้หัวกะทิ 15 กก. และเนื้อมะพร้าวอ่อนหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ 15-20 ลูก (ไม่ใช้มะพร้าวแช่น้ำเพราะจะเสียเร็ว) อุ่นกะทิให้ร้อน ก็ใช้ได้ กะทินี้ต้องอุ่นให้ร้อนตลอดเวลา
ส่วนน้ำเชื่อม ใช้กระทะทองเหลืองเบอร์ 16 เป็นภาชนะทำ ใช้น้ำตาลทราย 2 กก. และน้ำเปล่า 2 ลิตร เคี่ยวให้กลายเป็นน้ำเชื่อม ซึ่งน้ำเชื่อมนี้ใช้สำหรับทำต้มไข่หวาน (ใช้ไข่ไก่วันละ 90 ฟอง) ซึ่งจะทำทิ้งคราวละไม่มาก เพราะถ้าทำมาก ๆ แล้วทิ้งไว้นาน ๆ ไข่จะแข็ง
สำหรับ ไข่เค็ม ใช้ไข่เค็มดิบเบอร์ใหญ่สุด (ใช้ไข่เค็มวันละ 60 ฟอง) ตอกแล้วช้อนแต่ส่วนไข่แดงออกมา แล้วนำไปต้มสุก ใช้เวลาต้ม 10 นาที ก็ใช้ได้
เมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็เตรียมขายได้เลย โดยแต่ละชุดจะตักแป้งบัวลอย 1 ตะบวยเล็ก ใส่ไข่ (จะเป็นไข่หวานหรือไข่เค็มก็แล้วแต่) ตักน้ำเชื่อมใส่ และราดด้วยน้ำกะทิเป็นอันดับสุดท้าย
บัวลอยไข่เค็มจะมีรสชาติไม่เค็มมาก ใช้เฉพาะไข่แดงสด ต้มให้สุก ส่วนกะทิก็ออกรสเค็ม ๆ มัน ๆ เติมน้ำเชื่อมอีกหน่อย รสชาติก็ลงตัวพอดี ปรียาพรรณบอก
ราคาขายบัวลอยเจ้านี้ แบบไม่ใส่ไข่ 10 บาท , บัวลอยไข่หวาน 15 บาท ส่วน บัวลอยไข่เค็มชุดละ 20 บาท ซึ่งถ้าทำในปริมาณที่ว่ามาข้างต้นจะลงทุนประมาณ 1,000-1,500บาท ขายหมดจะได้ประมาณ 2,500-3,000 บาท โดยทุนอุปกรณ์ในเบื้องต้นอยู่ประมาณ 15,000 บาท
ร้านขายบัวลอยต่าง ๆ รวมถึง บัวลอยไข่เค็ม ของปรียาพรรณ อยู่ในกรุงเทพฯ อยู่ริมถนนนวลจันทร์ ฝั่งเยื้องกับซอยนวลจันทร์ 18-20 หมายเลขโทรศัพท์ 08-6900-2405, 08-9894-6226 ขายทุกวันตั้งแต่เวลา 16.00-22.00 น. ใครสนใจชิมรสชาติก็เชิญได้ และนี่ก็เป็นอีก ช่องทางทำกิน ที่น่าพิจารณา !!.
สุภารัตน์ ยอดศิริวิชัยกุล
Create Date : 25 เมษายน 2551 |
Last Update : 25 เมษายน 2551 9:26:26 น. |
|
0 comments
|
Counter : 7071 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|