|
ไก่ทอดเก็บตะวัน-น้ำพริกยังจำไว้" ไปต่อไป...ไม่รอโชค!
ไก่ทอดเก็บตะวัน-น้ำพริกยังจำไว้" ไปต่อไป...ไม่รอโชค!
แม้เวลาจะล่วงเลยมานานหลายปีแล้ว แต่เชื่อว่าชื่อของ "อิทธิ พลางกูร" นักร้องเจ้าของบทเพลงไพเราะมากมาย ยังคงแจ่มชัดอยู่ในความทรงจำของใครหลายคน การจากไปก่อนวัยอันเหมาะสมนั้น นอกจากจะทิ้งความเศร้าและเสียดายไว้ให้กับแฟนเพลงจำนวนไม่น้อยแล้ว ยังปล่อยให้ครอบครัวเล็กๆ อันเป็นที่รักของเขา ต้องเผชิญกับมรสุมชีวิตลูกใหญ่อีกด้วย
ถึงดวงชะตาของคนที่ยังอยู่จะผันผวนจากหน้าเป็นหลังมือ แต่ผู้เป็นภรรยา ซึ่งปรับสถานะมาเป็น "หัวหน้าครอบครัว" คนใหม่นั้น ก็ไม่เคยย่อท้องอมือเท้า หรือรอคอยให้ "โชค" มาดลบันดาล ด้วยเพราะเธอลุกขึ้นสู้เพื่อตัวเองและลูกสาวทั้ง 3 คนชนิด "ปากกัดตีนถีบ" จนมาถึงวันนี้ วันที่มีความหวัง "ลืมตาอ้าปาก" ได้ไม่อายใคร
จานโปรดของสามี
แรงดลใจสำคัญ
คุณชาญดา ลียวณิช ภรรยาของ คุณอิทธิ พลางกูร หรือที่เรียกกันง่ายๆ ว่า "คุณเจี๊ยบ" ในฐานะเจ้าของกิจการ "ไก่ทอดเก็บตะวัน" ซึ่งมีหน้าร้านอยู่ที่บริเวณศูนย์อาหาร ของห้างสรรพสินค้าอิมพิเรียล สาขาลาดพร้าว กรุณาสละเวลามาพูดคุยอย่างเป็นกันเองด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เริ่มต้นบทสนทนาด้วยการย้อนความเป็นมาส่วนตัวให้รู้จักกันเล็กน้อยว่า เคยทำงานเป็นผู้จัดการในบริษัทเครื่องหนังแห่งหนึ่ง หลังจากแต่งงานลาออกมาเป็นแม่บ้าน ตลอด 17 ปีที่ผ่านมา จึงไม่เคยทำงานอื่นนอกจากดูแลสามีและลูก จนกระทั่งช่วง 2 ปีก่อนหน้าที่สามีจะเสียชีวิต ได้ไปทำงานเป็นตัวแทนของบริษัทประกันชีวิตแห่งหนึ่ง ซึ่งทำให้มีรายได้ดีพอสมควร แต่ระยะหลังมีเรื่องของการแก่งแย่งผลประโยชน์เข้ามารุมเร้ามากเสียจนต้องถอดใจและลาออกมาในที่สุด
ช่วงที่ลาออกจากการเป็นตัวแทนบริษัทประกัน ทำให้คุณเจี๊ยบต้องอยู่ในสภาพ "ตกงาน" เป็นเวลานานนับได้ปีเศษ รายรับไม่มีเข้าบ้าน จึงต้องเก็บสมบัติที่มีอยู่ออกขายเพื่อนำเงินมาผ่อนบ้านและรถซึ่งยังติดผ่อนชำระกับธนาคารหลายแห่ง จังหวะนี้เองที่มีเพื่อนฝูงในแวดวงบันเทิงยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ โดยเริ่มจาก คุณจุ๋ม-อัญชลี ไชยศิริ ได้นำความเดือดร้อนของเธอไปบอกเล่าให้ คุณปู-ปริศนา กล่ำพินิจ ซึ่งดูแลการจัดงานมหกรรมดาราที่บริเวณใต้ถุนอาคารมาลีนนท์ของช่อง 3 อยู่ คุณปูจึงเปิดโอกาสให้เธอได้เข้าไปทดลองอาชีพใหม่ด้วยการเปิดท้ายขายของ
"งานที่ช่อง 3 จัดทุกสิ้นเดือนนั้น เราได้เข้าไปขายสบู่สมุนไพร อาหารเสริม โดยรับมาจากเพื่อนอีกต่อหนึ่ง เพราะไม่มีเงินมากพอที่จะลงทุนผลิตสินค้าเอง ซึ่งเมื่อหักค่าใช้จ่ายเบ็ดเสร็จมีกำไรพอนำมาจ่ายค่าน้ำ-ค่าไฟในบ้านได้บ้าง" คุณเจี๊ยบ เล่าอย่างนั้น ก่อนเผยให้ฟังถึงจุดเปลี่ยนสำคัญในอาชีพใหม่นี้ว่า
"ช่วงราวเดือนเมษาฯ ปีที่แล้ว ได้พบกับ คุณแหม่ม ภรรยาของ คุณเอ เชิญยิ้ม ที่ขายยำปลาดุกฟู อยู่ มาแนะนำว่าถ้าเราขายสินค้าประเภทของกิน อาจทำให้มีรายรับมากกว่าที่เป็นอยู่ เพราะคนยังไงก็ต้องกิน เลยเห็นด้วย และกลับมานอนคิดว่าจะขายของกินประเภทไหนดี"
คุณเจี๊ยบ เล่าอีกว่า ช่วงแรกยังคิดไม่ออกว่าจะทำของกินประเภทไหนขายดี กระทั่งคิดถึงช่วงที่สามียังมีชีวิตอยู่ อาหารจานโปรดของเขานั้น มักหนีไม่พ้น "ข้าวเหนียว-ไก่ทอด-น้ำพริกหนุ่ม" แต่ไก่ทอดในแบบที่สามีของเธอรับได้นั้น แตกต่างจากไก่ทอดที่ขายกันอยู่ทั่วไป เพราะต้องเป็นสูตรที่ทอดออกมาแล้ว ได้ไก่เนื้อขาวไม่มีกระดูกและมีความนิ่มเป็นพิเศษด้วย
"ครอบครัวเราเคยไปอยู่ที่เชียงใหม่ร่วม 10 ปี ทุกครั้งที่พี่อิทธิขึ้นไปหาเขาจะร้องขอกินไก่ทอด ข้าวเหนียว น้ำพริกหนุ่ม มันเป็นความอบอุ่นและประทับใจนะ เวลาที่เราล้อมวงกันทานใต้ต้นลำไย เลยได้ความคิดว่า ไก่ทอดนี่แหละเป็นอาหารที่เด็กทานได้ ผู้ใหญ่ทานดี" คุณเจี๊ยบ ย้อนความทรงจำด้วยสีหน้ามีความสุข
งานแรกขายเป็นหมื่น
ประเดิมได้สวย
หลังจากได้ข้อสรุปแล้วว่าสินค้าที่จะขายเพื่อหารายได้มาเลี้ยงครอบครัวนั้น คือไก่ทอดและน้ำพริกหนุ่ม คุณเจี๊ยบจึงตั้งต้นอาชีพนี้ด้วยเงินทุนราว 3,000 บาท ซึ่งส่วนใหญ่หมดไปกับค่าไก่สด แป้ง น้ำมัน และเครื่องปรุง ส่วนอุปกรณ์สำคัญๆ อย่าง กระทะ เตา ตะแกรง ถาดสเตนเลส นั้นเธอมีไว้ใช้ในบ้านอยู่แล้ว เพราะช่วงที่สามีล้มป่วย จะมีเพื่อนฝูงมาเยี่ยมเยียนผลัดเปลี่ยนเวียนกันมา จึงมักมีการทำอาหารเลี้ยงคนกลุ่มใหญ่เป็นประจำ
เมื่อถามถึงสูตรของไก่ทอดที่คิดทำออกขาย คุณเจี๊ยบ บอกว่า เป็นสูตรพิเศษที่ทำให้สามีและลูกๆ รับประทานเป็นประจำ คือใช้เนื้อไก่บริเวณสะโพกที่ติดมันเล็กน้อย เพราะเวลาทอดออกมาจะมีความนิ่มกว่าเนื้อหน้าอก และต้องเลาะกระดูกออกก่อนทุบด้วยค้อนทุบเนื้อสเต๊ก จากนั้นจึงนำไปแช่ในน้ำนมและหมักด้วยเครื่องปรุง ใช้เวลาครู่ใหญ่เมื่อได้ที่จึงนำลงทอดในน้ำมันใหม่ซึ่งไม่มีการใช้ซ้ำ
"เริ่มต้นด้วยความไม่รู้ว่าสูตรที่ทำทานกันในครอบครัวนั้น จะขายได้หรือเปล่า ลูกค้าจะชอบมั้ย รู้แต่ว่าสมาชิกในบ้านเราชอบทาน เลยลองทำออกมาขาย งานแรกคือสัปดาห์พลังจิต จัดที่โรงเรียนสุรศักดิ์มนตรี เขตดินแดง ปรากฏว่าขายดีมาก ได้เงินเกือบหมื่นบาทต่อวัน" คุณเจี๊ยบ เล่าไปยิ้มไป ก่อนบอกด้วยว่า ตั้งชื่อสินค้าว่า "ไก่ทอดเก็บตะวัน" และ "น้ำพริกยังจำไว้" ตั้งแต่ขายครั้งแรก แต่ยังไม่มีป้ายชื่อเป็นเรื่องเป็นราว เพราะมีข้อจำกัดเรื่องเงินทุน
ส่วนที่มาของชื่อผลงาน ซึ่งล้วนมาจากชื่อบทเพลงดังในอดีตของผู้เป็นสามีนั้น คุณเจี๊ยบ บอกว่า
"คิดขึ้นเองด้วยความคิดถึงพี่เขา ได้ชื่อนี้ตั้งแต่คืนแรกที่คิดออกว่าจะขายอะไร โดยคิดว่าถ้าเอ่ยถึงเพลงเก็บตะวันแล้วคนส่วนใหญ่จะคิดถึงใคร ส่วนน้ำพริกยังจำไว้ คือทานแล้วอร่อยจนไม่ลืม คือกินแล้วก็ยังจำไว้"
จากการประเดิมบทบาทแม่ค้าขายไก่ทอดที่เริ่มต้นได้อย่างสวยงามนั้น ทำให้คุณเจี๊ยบมีกำลังใจมากขึ้น และได้ข้อสรุปกับตัวเองว่า "มาถูกทางแล้ว" แต่ด้วยความที่ไม่มีหน้าร้านเป็นหลักแหล่ง จึงใช้วิธีการออกร้านไปตามงานต่างๆ โดยผู้จัดงานหลายคนเห็นใจ จึงแบ่งพื้นที่ให้ขายโดยเธอไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเช่าพื้นที่
แต่การออกร้านในแต่ละครั้ง กำไรย่อมได้ไม่เท่ากัน โดยคุณเจี๊ยบ เล่าว่า การออกร้านครั้งที่ 2 ขายไม่ดีเหมือนครั้งแรก ทำให้ทุนหายกำไรหดเพราะขายไม่หมดต้องเททิ้ง แต่ไม่ใช่สิ่งที่มาบั่นทอนให้ย่อท้อ หากแต่เป็นการต่อยอดความรู้ให้แม่ค้ามือใหม่อย่างเธอได้เป็นอย่างดีว่าควรมีการเตรียมการรองรับสำหรับปัญหาความเสียหายของสินค้าไว้ด้วย
"การใช้ไก่สดถ้าเก็บไม่ดีมันจะเน่าง่าย ฉะนั้น ต้องมีถังน้ำแข็งไว้โดยเฉพาะ จากนั้นจึงค่อยๆ เรียนรู้ในกรณีที่ขายดีก็ขายได้ ขายไม่ดีของก็ไม่เสีย ว่าจะทำอย่างไร คำตอบเหล่านี้ล้วนเรียนรู้มาจากปัญหาที่ผ่านมาทั้งนั้น" คุณเจี๊ยบ บอกอย่างนั้น
มีหน้าร้านในห้าง
รับออกงานนอกสถานที่
ออกขาย "ไก่ทอดเก็บตะวัน-น้ำพริกยังจำไว้" ตามงานแสดงสินค้าต่างๆ อยู่นานเกือบปี กระทั่งมีผู้ใหญ่ให้ความเมตตาช่วยเหลือ เมื่อไม่นานมานี้ คุณเจี๊ยบจึงมีหน้าร้านเป็นของตัวเองตั้งอยู่ในศูนย์อาหารของห้างอิมพีเรียล ลาดพร้าว
ถามถึงการตอบรับจากลูกค้า คุณเจี๊ยบ บอกว่า ช่วงแรกสินค้าในร้านของเธอมีแต่ไก่ทอด ยอดขายจึงไม่ดีนัก แต่เมื่อปรับให้มีเมนูข้าวเข้ามาเสริม เช่น ข้าวไก่ทอด ข้าวไก่แซ่บ แล้ว รายรับขยับขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ทั้งนี้ อาจเป็นเพราะเป็นยุคประหยัด คนมักไม่รับประทานของประเภทกินเล่นก็เป็นได้ แต่เพื่อเป็นการเพิ่มทางเลือกให้ลูกค้ามากขึ้น ล่าสุดเธอได้ทำอาหารเมนูใหม่ออกมาอีกหลายรายการ อาทิ ป่อเปี๊ยะเจทอด ก๋วยเตี๋ยวลุยสวน ไก่สมุนไพร
และถึงแม้วันนี้จะมีหน้าร้านอยู่ในห้างติดแอร์ แต่คุณเจี๊ยบยังคิดเพิ่มช่องทางสร้างรายได้ด้วยการรับงานนอกสถานที่ ด้วยการทำข้าวกล่องหรือไปทอดไก่ให้รับประทานกันแบบร้อน-ร้อน ตามงานต่างๆ โดยเธอเล่าจุดเริ่มต้นของการทำธุรกิจรูปแบบดังกล่าวให้ฟังว่า เริ่มจากลูกค้าอยากช่วยอุดหนุน แต่สินค้าน่าจะต้องเหมาะกับงานของเขาด้วย เมื่อรู้ว่ามีแต่ไก่ทอด เขาจึงถามไถ่ว่าสามารถทำข้าวกล่องได้ด้วยมั้ย
"งานแรก ทางสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง สั่งข้าวไก่ทอด 500 กล่อง ไปใช้ในงานรับน้องของคณะสถาปัตย์ การสั่งซื้อในครั้งแรกอาจมาจากความต้องการช่วยเหลือเราเพราะพี่อิทธิเป็นศิษย์เก่า แต่ทุกวันนี้ก็ยังสั่งอยู่เรื่อยๆ แทบทุกเดือน การซื้อซ้ำของลูกค้าน่าจะแปลว่าเขายอมรับในคุณภาพของสินค้าได้ในระดับหนึ่ง" คุณเจี๊ยบ วิเคราะห์ยิ้มๆ
ขอถามไถ่เกี่ยวกับภารกิจในแต่ละวัน คุณเจี๊ยบ เล่าว่า ถ้าไม่ต้องไปออกงานนอกสถานที่ เธอจะเข้าร้าน เพื่อช่วยกันขายกับลูกน้อง และถึงแม้จะเป็นร้านอยู่ในสวนอาหารที่เป็นการบริการตัวเอง แต่เธอจะพยายามไปเสิร์ฟให้ที่โต๊ะเพื่อแนะนำตัว ถามไถ่ถึงรสชาติ ขอคำแนะนำ และขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอุดหนุน
ครั้นถามถึงความตั้งใจในธุรกิจนี้ เจ้าของกิจการ บอกว่า ที่ผ่านมามีคนมาถามถึงการทำเป็นแฟรนไชส์หรือขายสูตรไก่ทอดอยู่บ้าง แต่ยังไม่คิดไปไกลถึงขั้นนั้น แต่หากถามถึงความหวังในใจลึกๆ แล้ว เธออยากทำเป็นอาหารแช่แข็ง เพราะมั่นใจในจุดขายสินค้าของเธอ แต่ยังไม่รู้จะเป็นจริงเมื่อไหร่ เพราะทุกวันนี้รายรับส่วนใหญ่หมดไปกับการผ่อนบ้าน-ผ่อนรถ
ก่อนจากกันไป คุณเจี๊ยบ ฝากทิ้งท้ายไว้ว่า
"ออกงานครั้งแรกขายได้หมื่นกว่าบาท งานที่ 2 ขายได้ 600 บาท แต่ไม่ท้อ คิดพัฒนาปรับปรุง หาจุดดีจุดด้อย หามันจนเจอ เหมือนขุดหลุมลึก ถ้าอีก 1 ฟุตอาจจะเจอเพชรแล้วก็ได้ แต่ถ้าท้อเสียก่อนคงไม่เจอเพชร ฉะนั้น จะทำอะไรขอให้จริงจังและมุ่งมั่น ขยันและอดทน 2 สิ่งนี้เท่านั้นที่จะทำให้คนเราอยู่ได้"
ไก่ทอดเก็บตะวัน-น้ำพริกยังจำไว้ สินค้าของครอบครัวอิทธิ พลางกูร ปัจจุบันมีหน้าร้านอยู่ภายในศูนย์อาหารของห้างสรรพสินค้าอิมพีเรียล ลาดพร้าว นอกจากนี้ ยังรับทำข้าวกล่องและจัดเลี้ยงนอกสถานที่ สนใจเป็นกำลังใจให้ ติดต่อได้ที่ คุณเจี๊ยบ ชาญดา โทรศัพท์ (086) 565-7365
Create Date : 17 กันยายน 2551 |
Last Update : 17 กันยายน 2551 8:51:24 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1642 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
hoon_vi |
|
|
|
|