Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2553
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
20 ตุลาคม 2553
 
All Blogs
 
งานหนังบ้านครั้งที่ 3



เชิญคลิกชมภาพยนตร์ม้วนแรกเกี่ยวกับสยาม และ ร. 5 เสด็จกรุงสตอคโฮลม์

เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ผมไปชมงานวันหนังบ้านครั้งที่ 3 ที่ศูนย์ศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพมหานคร สี่แยกปทุมวัน มีหนังบ้านที่ถ่ายทำกันภายในครอบครัวมาฉายให้ชมกัน ซึ่งนับวันจะเก่าและผุพังไปตามกาลเวลา หนังบ้านจำนวนมากที่มาจากหลายครอบครัว หลายกาลเวลาได้รับการอนุรักษ์ไว้ตามความประสงค์ของเจ้าของ เชื่อแน่ว่าจะช่วยยืดอายุของภาพในอดีตเหล่านั้นให้ยืนยาวออกไปยังรุ่นลูกรุ่นหลาน

หอภาพยนตร์ (องค์การมหาชน) เห็นความสำคัญของหนังบ้านในฐานะเอกสาร ที่มีคุณค่าเป็นจดหมายเหตุบุคคลและสังคม จึงยินดีรับมอบและแสวงหาหนังบ้านของไทยมาตั้งแต่แรกจัดตั้งหอภาพยนตร์เมื่อปี 2527 หอภาพยนตร์ ได้จัดงาน “วันหนังบ้าน” (HOME MOVIE DAY) ซึ่งวงการหนังบ้านหลายประเทศทั่วโลกพร้อมใจกันจัดงานนี้ขึ้น นับแต่ปี 2545 เป็นต้นมา กำหนดเอาวันเสาร์ใดเสาร์หนึ่งในเดือนตุลาคม



นับตั้งแต่มีการค้นคิดการถ่ายภาพขึ้นมาสำเร็จเมื่อราว ๑๘๐ ปีมาแล้ว และได้รับการพัฒนาต่อเนื่องไปเป็นการถ่ายภาพเคลื่อนไหว คือ ภาพยนตร์

หนังบ้านหรือหนังสมัครเล่นนี้ เริ่มเล่นกันมาตั้งแต่เมื่อแรกมีภาพยนตร์ อุปกรณ์เช่นกล้องถ่าย หรือเครื่องฉาย จะมีขนาดเล็ก กลไกง่ายๆ และราคามีหลายระดับให้เลือก






การถ่ายภาพยนตร์เล่นเป็นงานอดิเรก บันทึกกิจกรรมในครอบครัว เช่น ถ่ายลูก ๆ เล่นซน งานเลี้ยง งานวันเกิด ไปเที่ยวที่ต่าง ๆ ซึ่งถ่ายและฉายดูเล่นกันในบ้าน ระหว่างสมาชิกในครอบครัวและญาติมิตร จึงเรียกว่าหนังครอบครัว หรือหนังบ้าน







ในงานนี้ หากดูหนังโดยไม่มีผู้บรรยาย จะไม่รู้ที่มาที่ไป การจัดงานครั้งนี้หอภาพยนตร์ได้เชิญบุคคลที่เกี่ยวข้องกับในหนังมาเล่าความเป็นมาให้ฟัง เสน่ห์ของหนังบ้านคือการชมโดยไม่รู้จุดหมายมาก่อน จนกว่าจะได้ชมแล้ว แน่นอนว่าผู้ชมคนอื่นๆที่ไม่เกี่ยวข้องอาจไม่สนุกคล้อยตามไปด้วย แต่หากภาพเคลื่องไหวนี้เป็นสถานที่ที่หลายคนมีประสบการณ์ร่วมกันมาก่อน จะทำให้ดูสนุกมากขึ้น อย่างตอนหนึ่งเขาถ่ายทำสวนสนุกแดนเนรมิต ทำให้ผู้ชมฮือฮากันมาก



หนังบ้านของคุณซองขาวเบอร์ 9 สมาชิก bloggang จากฟิล์มแปลงเป็น DVD ถ่ายทำภายในครอบครัวขณะที่ลูกหลายยังเล็กๆ และการโฆษณาฉายหนังซึ่งเคยเป็นธุรกิจของครอบครัว นับว่าหนังบ้านเรื่องนี้เป็นของล้ำค่าของลูกหลาน


Create Date : 20 ตุลาคม 2553
Last Update : 20 ตุลาคม 2553 21:42:52 น. 20 comments
Counter : 1855 Pageviews.

 
เปิดเสียงดังเลยค่ะ ... ไม่มีเสียง

ขอบคุณที่นำมาลงให้ชมค่ะ


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 20 ตุลาคม 2553 เวลา:10:58:33 น.  

 
ขอบคุณที่นำเรื่องราวดีๆมาให้ชมกันค่ะ


โดย: 4leafwonder วันที่: 20 ตุลาคม 2553 เวลา:12:08:22 น.  

 
ถ้าไม่มีใครอนุรักษ์งานเก่าๆแบบนี้ไว้บ้าง คนรุ่นหลังคงไม่รู้จักจริงว่าหนังบ้านคืออะไร

ขอบคุณ..คุณอิม ที่มีส่วนนำมาเผยแพร่ใหได้รู้จักกันมากยิ่งขึ้นครับ


โดย: ปลายแป้นพิมพ์ วันที่: 20 ตุลาคม 2553 เวลา:13:03:49 น.  

 

อ่างทองเข้าสู่ ภาวะน้ำท่วม เบื่ออออออออ
สร้างกริตเตอร์

อ่างทองเริ่มเข้าภาวะน้ำท่วมแล้ว แต่ที่บ้านยังไม่ท่วมค่ะ ยังไงก็ขออย่าให้เหมือนปี49เลย มองไปทางไหนเป็นทะเลไปหมด ขอบคุณที่ยังระลึกถึงและมีความห่วงใยให้กันตลอดขอบคุณจริงๆค่ะ มีความสุขมากมายนะคะคุณim


โดย: เกศสุริยง วันที่: 20 ตุลาคม 2553 เวลา:22:37:32 น.  

 
เป็นกิจกรรมเกี่ยวกับศิลปะที่ดีมากครับ
อย่าว่าแต่หนังบ้านเลยครับ หนังไทยยุคเก่าๆ ดังมากๆ แต่เรายังหาดูได้ยาก
สมัยก่อนคงเป็นเรื่องไม่ธรรมดาที่ชาวบ้านจะถ่ายเป็นหนังออกมาเก็บไว้ เราดูหนังเก่าๆ รู้สึกว่ามีคุณค่าครับ ได้เห็นบ้านเมืองวัฒนธรรม การแต่งกาย
ศูนย์ศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพฯ นี่มีกิจกรรมน่าสนใจบ่อยเลยครับ วันก่อนก็มีงานดนตรีผมก็ได้ไปมา


โดย: dj booboo วันที่: 20 ตุลาคม 2553 เวลา:23:44:05 น.  

 
รู้สึกเป็นเกียรติมากๆเลยค่ะ

ถ้าจะให้เล่าย้อนไปคงยาวนะคะ จะเอาแค่ย่อๆดีกว่า

เดิมทีแผ่น DVD แผ่นนี้จะเป็นม้วนเทป ซึ่งรวบรวมเอาหนังฟิล์มแบบเก่า หลายๆม้วน ซึ่งบางม้วนก็เสีย บางม้วนก็ใช้ได้ แต่แค่บางส่วน หลานของบ้านคนหนึ่งเขาเสียดายฟิล์มเก่าๆพวกนี้มากก็เลยนำไปทำที่กรุงเทพ โดยตัดต่อเอาส่วนที่ดีๆ เก็บไว้โดยบันทึกเป็นม้วนเทป ซึ่งช่วงนั้น ซีดียังไม่ค่อยมีคนนิยมเล่นกัน

บังเอิญคุณ IM เขียนบล๊อกเกี่ยวกับหนังเก่า ทำให้นึกขึ้นได้ว่ามีเทปเก่า ซึ่งตอนทำเทปชุดนี้ทำไว้หลายชุด แจกญาติๆที่ต้องการเก็บเป็นที่ระลึก แต่เนื่องจากม้วนเทปถ้าเก็บนานมันก็จะขึ้นรา เลยให้ลูกสาวเอาไปทำเป็นซีดีเก็บไว้ คุณ IM อยากดูก็เลยส่งไปให้ เนื่องจากจะก๊อปให้คุณ IM เหมือนแผ่นมีตำหนิ ทำให้ก๊อปไม่ได้ จึงส่งแผ่นไปให้ คุณIM ก็ใจดีอุตส่าห์ไปทำให้ใหม่เป็น DVD ค่ะ ต้องขอบคุณ คุณ IM อีกครั้งนะคะ

ต้องบอกก่อนว่าที่แม่ซองฯอุตส่าห์ไปทำมาเก็บไว้ก็เพราะมีตัวเองอยู่หลายซีนเหมือนกัน

ครอบครัวตอนเด็กเป็นครอบครัวใหญ่ คุณตาเป็นคหบดีคนหนึ่งในอำเภอ ทำกิจการหลายอย่างมาก คุณตามีลูกสาว 6 คน ลูกชายแค่คนเดียว แต่เป็นคน รองสุดท้องค่ะ เพราะมีลูกสาวถึง 6 คน ลูกเขยทั้งหก ก็ส่วนใหญ่จะมาอยู่รวมกันเป็นครอบครัวเดียว โดยมาช่วยกิจการของครอบครัว ลูกหลานจึงเต็มบ้านไปหมด กิจการของครอบครัว ก็มีโรงน้ำแข็ง โรงไฟฟ้าเล็กๆ (ใช้ไฟเฉพาะช่วง หกโมงเย็นจนถึงสี่ทุ่ม ตอนหลังค่อยขยายจนใช้ไฟได้ทั้งวัน สุดท้ายทางองค์การไฟฟ้าก็มาขอคืนกิจการไปค่ะ) ขายส่งสิ้นค้าหลักเช่น ข้าวสาร บุหรี่ ผงซักฟอก น้ำมันก๊าส ช่วงหลังคุณพ่อของ แม่ซองฯก็เปิดปั้มน้ำมันซึ่งเป็นกิจการของคุณพ่อแม่ซองฯเอง (เดี๋ยวนี้ปั้มก็ยังอยู่ค่ะ น้องชายเป็นคนสืบทอดกิจการต่อ) สุดท้ายก็จะเป็นกิจการโรงหนัง

โรงหนังนี้เป็นอะไรที่ตัวเองได้ใกล้ชิดมาก ดูหนังฟรี ดูทุกคืน เวลามีลิเกหรือละครดัง (สมัยนั้นจะเป็นคณะบังลังค์) มาเล่นที่เป็นสิบคืน เราก็มักจะได้ไปเล่นซนหลังโรงประจำ แถมจะได้กระทบไหล่ดารา อย่างเช่น คุณสมยศ ทัศนพันธ์ นักมายากล ไฉน แสงทองสุข ประจวบ ฤกษ์ยามดี พระเอกชาย ชัชวาลย์ ส.อาสนจินดา (คนนี้บ่อยมาก เพราะท่านตอนหนุ่มทำหนังเดินสายจะสนิทสนมกับคุณน้าเขยค่ะ)และอีกหลายคน นักพากษ์ อย่างทิวาราตรี และอีกหลายคนจำชื่อไม่ได้แล้วค่ะ

คุณน้าเขย (สามีน้าสาม) เป็นคนดูแลกิจการนี้ (ที่เห็นในหนัง แต่งตัวจิ๊กโก๋หล่อๆค่ะ เป็นพระเอกได้เลย) และน้าเขยก็ชอบถ่ายหนังด้วย ก็มักจะเอาพวกลูกหลานมาถ่ายกัน ( ที่เห็นในหนังก็จะมีอาม่าด้วย) ยิ่งเวลาตรุษจีนพวกเราแต่งตัวสวยๆกันก็จะถูกเกณท์มาถ่ายกันด้วย

ชุดสุดท้ายในแผ่นจะเป็นการแสดงของดารามาเลย์เซียค่ะ มาเล่นโชว์ในโรงหนังและที่เห็นสถานีรถไฟสุไหงปาดีก็คือขึ้นรถไปไฟไปตันหยงมัสไปโฆษณาค่ะ สมัยนั้นเป็นอำเภอที่ดังเวลามีงานโชว์ตัว หรือวงดนตรีลูกทุ่ง มาแสดง ก็จะไปโฆษณาถึงตัวจังหวัด และอำเภอข้างเคียงด้วย

เดี๋ยวนี้ครอบครัวใหญ่ของเราก็หายไปตามกาลเวลา ที่ยังคงเหลืออยู่ก็หลานแค่สองสามคน บ้านใหญ่หลังเดิมก็ถูกขายทิ้งไปแล้ว คุณน้ารองสุดท้องยังมีชีวิตอยู่ แต่ก็ย้ายจากที่นี่เข้ากรุงเทพไปอยู่กะลูกๆแล้วค่ะ

สุดท้ายที่เหลืออยู่ก็คือแผ่น DVD นี้ เดี๊ยนเอามานั่งดูอีกรอบ ดูไปก็นั่งหัวเราะไป ขำดี ตอนเด็กไหงเรามันทะลึ่งแบบนี้หว่า

มีเรื่องขำที่จะเล่าให้ฟังนิดนึง ตอนเรียนอยู่ชั้น ม.ศ.1 ครูประจำชั้นย้ายมาจากกรุงเทพ เธอจะคาดโทษเดี๊ยนไว้เลยว่าห้ามดูหนังเวลาสอบ (จริงๆท่านก็หวังดีน่ะ) แต่เราทำไม่ได้ค่ะ ต้องแอบย่องไปโรงหนังหลังจากหนังเริ่มฉายแล้ว ตอนนั้นปลอดคนแล้วค่ะไม่งั้นจะมีสปายไปฟ้องคุณครู แต่ขอบอก ดูหนังทุกคืนแม้ว่าจะเป็นตอนสอบเดี๊ยนไม่เคยสอบตกเลยค่ะ ลำดับที่สอบได้ก็เลขตัวเดียวตลอด อ้าว..จริงๆไม่ได้โม้

ถ้าจะให้เล่าเรื่องอดีตมันยาวค่ะ ขอบคุณคุณ IM ที่ทำให้เดี๊ยนมีความสุขกับการได้เล่าเรื่องในอดีตค่ะ


โดย: ซองขาวเบอร์ 9 วันที่: 21 ตุลาคม 2553 เวลา:18:24:01 น.  

 
เรื่องของหนังบ้านที่คุณอิมเล่ามา นับว่าน่าสนใจมากครับ

เพราะเป็นการจารึกเอาชีวิตความเป็นอยู่ วัฒนธรรม แฟชั่น ฯลฯ ของคนแต่ละยุคเก็บไว้

แถมเก็บแบบมีภาพเคลื่อนไหวเสียด้วย

การได้ดูหนังเก่า ๆ แบบหนังบ้าน ที่ไม่มีการสร้างฉาก หรือตกแต่งท้องเรื่องเหมือนหนัง จึงเป็นการย้อนสู่อดีตที่ดีมาก

ในส่วนของคุณซองฯ ที่กรุณาเล่าให้ฟัง

อ่านแล้วปลื้มใจแทนครอบครัวคุณซองฯจัง

อันแรกคือ ได้อยู่ใกล้ชิดวงการบันเทิง แม้จะเป็นวงการบันเทิงระดับท้องถิ่นก็ตาม

การได้ดูหนังทุกวัน เป็นอะไรที่ไกลเกินความฝันของผมเหลือเกิน เดือนละเรื่องก็นับว่าหรูมากแล้ว...

อันที่สองคือ การได้มีหนังของครอบครัว ได้เห็นภาพตัวเองตอนยังเด็ก ๆ เห็นแบบตัวเป็น ๆ เคลื่อนไหวเต้นเร่า ๆ ได้

โดยทั่วไป มีแค่รูปถ่ายขาวดำสมัยยังเด็ก ก็นับว่าหรูสุดแล้ว

อันนี้นับเป็นความโชคดีของคุณซองฯ และครอบครัวโดยแท้

ฟังคุณซองฯ เล่าเรื่องหนังบ้านแล้ว ก็เลยอยากเล่าในส่วนของตัวเองบ้าง...

ไม่ใช่ว่ามีหนังของบ้านตัวเองหรอก

แต่มีอยู่ยุคหนึ่ง ช่วงที่ยังเรียนมหาวิทยาลัย และทำละครแสดงบนเวทีในมหาวิทยาลัย และรับเชิญไปแสดงตามการชุมนุมประท้วงสารพัดแห่ง

เล่นละครจนแทบจะเรียกว่าเป็นอาชีพไปแล้ว ก็เกิดความฝันบรรเจิด อยากทำหนังบ้าง

ไม่ใช่คิดเฉย ๆ แต่ลงทุนไปหาบทหนังมานั่งศึกษาการเขียนบท แถมยังเดินท่อม ๆ ไปตามร้านถ่ายรูปที่มีบริการล้างฟิล์มภาพยนต์

สอบถามราคาค่าฟิล์ม ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ แบบละเอียดยิบ อีกด้านหนึ่งก็ติดต่อองค์กรเอกชนหลายต่อหลายแห่ง จะขอทุนสนับสนุเพื่อสร้างหนังสักเรื่อง...

ฝันเตลิดเปิดเปิง วิ่งไล่ความฝันแบบหายใจรดต้นคอ มาคิดดูตอนนี้ก็ตลกมาก

ฝันแบบลม ๆ แล้ง ๆ แบบนั้น ถ้ามีคนให้ทุนมาทำจริง หนังที่ออกมาคงเละเป็นโจ๊กแน่ ๆ

โชคดีหรือโชคร้ายไม่รู้ เกิดเหตุการณ์นองเลือด 6 ตุลาคม 2519 เสียก่อน

โคงการทำหนังโดยผู้อำนวยการสร้างมือใหม่ซิง ๆ จึงเป็นอันยุติลง.....

นี่ถ้าไม่เกิด 6 ตุลาฯ เสียก่อน

ใครจะไปรู้ว่า ป่านนี้ อาจกลายเป็นผู้กำกับหนังเงินหลายล้านไปแล้วกระมัง...(ฮา)


โดย: ลุงแว่น วันที่: 21 ตุลาคม 2553 เวลา:20:00:09 น.  

 
ขอบคุณคุณซองฯครับที่กรุณาสละเวลามาเล่าประวัติของหนังบ้าน ทำให้บล็อกของผมสมบูรณ์อย่างที่ตั้งใจ ไปในงานฟังคนอื่นเล่าเรื่องของครอบครัวเขาก็ไม่ประทับใจเท่ากับเรื่องของคนคุ้นเตย

ยิ่งได้ทราบเรื่องของคุณลุงแว่นด้วยแล้ว ยิ่งสนุกครับ...


โดย: Insignia_Museum วันที่: 21 ตุลาคม 2553 เวลา:21:10:59 น.  

 
ขอบคุณมากมาย ถูกใจค่ะ

เป็นคนชอบเรื่องราว ในอดีตค่ะ



โดย: แม่หมู (jamaica ) วันที่: 21 ตุลาคม 2553 เวลา:21:29:28 น.  

 
ไม่มีประสบการณ์กับเรื่องนี้เลยครับ แต่ชอบดูทั้งหนังโรงและหนังบ้าน


โดย: ลุงบูลย์ (pantamuang ) วันที่: 21 ตุลาคม 2553 เวลา:23:21:08 น.  

 
แม่หมูขึ้นแพร่ค่ะ

จะไปดูน้ำ

ฝากการบ้านไว้ที่ Blog นะคะ



โดย: แม่หมู (jamaica ) วันที่: 22 ตุลาคม 2553 เวลา:10:36:20 น.  

 
หวัดดีครับ
พึ่งเคยได้ยินครับ หนังบ้าน



โดย: เศษเสี้ยว วันที่: 22 ตุลาคม 2553 เวลา:20:52:05 น.  

 
วันนี้มีงานตะพาบค่ะ

มาแนวใหม่ลองไปอ่านดูนะคะ


โดย: ซองขาวเบอร์ 9 วันที่: 23 ตุลาคม 2553 เวลา:5:28:22 น.  

 
เคยแต่ผ่าน" ศูนย์ศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพมหานคร "
แต่ไม่เคยเข้า น่าเสียดายตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงละเลยสิ่งที่มีคุณค่าเช่นนี้หนอ

คลิกดูหลายครั้งเลยค่ะภาพยนตร์ม้วนแรกเกี่ยวกับสยาม
แม้ภาพจะเล็กแต่ก็น่าสนใจมากๆ เพ่งแล้วเพ่งอีก
ประกอบกับวันนี้ 23 ตุลาคม ครบ 100 ปีแห่งการเสด็จสวรรคตของพระปิยมหาราช ชมภาพยนต์แล้วก็ยิ่งประทับใจหลายเท่าพันทวีคูณ บล็อกนี้เหมาะกับเหตุการณ์พอดีเลยนะคะ


โดย: nathanon วันที่: 23 ตุลาคม 2553 เวลา:6:08:40 น.  

 


อาทิตย์สวัสดีค่ะคุณอิม
มีความสุขมาก ๆ นะคะ


โดย: มินทิวา วันที่: 24 ตุลาคม 2553 เวลา:6:54:20 น.  

 
เคยเห็นเครื่องฉายแบบนี้ที่บ้านลุงเชงสามชุกค่ะ น่าสนใจมากๆ ว่าเมื่อก่อนนี้เค๊าก็มีการถ่ายหนังกันในครัวเรือนแล้ว สมัยนี้มีกล้องวิดีโอ นกเคยนึกอยากได้แต่แพงจังเลย...ยังคงเก็บความอยากได้ไว้ต่อไป การบันทึกอะไรก็ดีทั้งนั้น ไม่ว่ารูปแบบไหน ชอบหมดทุกแบบค่ะ


โดย: popang (popang ) วันที่: 24 ตุลาคม 2553 เวลา:7:15:04 น.  

 

มาเชิญไปชม...ดอกไม้หลากสี...ครับ


ดูดอกไม้ หนึ่งดอก หมายบอกสี

แดงเหลืองมี ชี้ชัด ถนัดแน่

พอเพ่งพิศ พบส้มซ้อน ซ่อนสีแปร

ม่วงเหลือบแร ขาวเจือหม่น ปนน้ำตาล...



โดย: ลุงแว่น วันที่: 24 ตุลาคม 2553 เวลา:9:55:15 น.  

 
สวัสดีครับคุณอิม ช่วงนี้งานบุญเยอะเลยนะครับ เนี่ยผมเองก็เพิ่งกลับจากวัด ไปทอดกฐินมานะครับ


โดย: ปลายแป้นพิมพ์ วันที่: 24 ตุลาคม 2553 เวลา:12:41:54 น.  

 
ผมเข้ามาชมบล็อก เห็นมีเครื่องฉายภาพยนต์ ยังใช้ดีอย฿หรือไม่ครับ ถ้าไม่ดีผมมีเครื่องดีๆจะให้ครับ สวัสดีปีใหม่ครับ ขอให้คุณและครอบครัวมีความสุขตลอดปีครับ


โดย: ลุงกฤช IP: 1.46.155.175 วันที่: 8 มกราคม 2554 เวลา:20:34:50 น.  

 
สวัสดีครับคุณลุงกฤช

เครื่องฉายที่เห็นในบล็อกของผมเป็นสมบัติของหอภาพยนตร์ครับ
วันนั้นเขาเอามาแสดงให้ชมเพียงวันเดียว จึงไม่ได้สอบถามความเป็นมา
หากคุณลุงมีความประสงค์ อาจติดต่อกับหาภาพยนตร์ได้ครับ
ส่วนผมเป็นเพียงผู้ชมนิทรรศการในครั้งนั้นไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับหอภาพยนตร์ครับ

ขอบคุณคุณลุงกฤชที่ให้ความกรุณา


โดย: Insignia_Museum วันที่: 8 มกราคม 2554 เวลา:23:44:45 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Insignia_Museum
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 66 คน [?]




ความตั้งใจในการทำบล็อกเปลี่ยนไปตามกาลเวลา เริ่มต้นด้วยการเขียนถึงถิ่นที่อยู่ในวัยเด็ก ต่อมาเป็นเรื่องเครื่องหมายต่างๆ เรื่องศิลปะ ภาพถ่ายในยุคก่อนๆ อาหารการกิน และอะไรต่อมิอะไรที่ประสบพบเห็น สนใจอะไรขึ้นมาก็อยากรู้ให้มากขึ้น กลุ่มเนื้อหาจึงแตกแขนงไปเรื่อยๆ
New Comments
Friends' blogs
[Add Insignia_Museum's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.