บล็อก "บ้านหมอ" ขอนำเสนอเรื่องสุขภาพ + ภาษาอังกฤษ + ข่าวต่างประเทศสบายๆ สไตล์เราครับ...

<<
พฤษภาคม 2553
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
31 พฤษภาคม 2553
 

10 วิธีสร้างสุขท่ามกลางทุกข์

สำนักข่าว BBC
ตีพิมพ์เรื่อง 'Compraing
income with peers causes unhappiness
' =
"การเปรียบเทียบรายได้กับเพื่อนๆ ทำให้ไม่มีความสุข",
ผู้เขียนขอนำมาเล่าสู่กันฟังครับ [ BBC ]


...



---//----


ศ.แอนดรูว์
คลาร์ก และคณะจากปารีส สกูล ออฟ อีโคโนมิคส์ (สถาบันเศรษฐศาสตร์ ฝรั่งเศส)
ทำการศึกษาข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างทั่วยุโรป 19,000 คนจาก 24 ประเทศ



ผลการศึกษาพบว่า คนส่วนใหญ่ คิดเป็น 3/4 เชื่อว่า
คนเราจำเป็นต้องเปรียบเทียบรายได้กับคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นคนอื่นๆ ในครอบครัว
เช่น พี่น้อง ลูกพี่ลูกน้อง ฯลฯ หรือเพื่อนๆ



...


เรื่องที่น่า
สนใจจากการศึกษานี้ได้แก่



(1). การเปรียบเทียบนี้กลับทำให้คนเรามีความสุขน้อยลง ไม่มีความสุข
หรือเสี่ยงซึมเศร้ามากขึ้น



(2). "คนจน" ได้รับผลกระทบจากการเปรียบเทียบมากกว่าคนชั้นกลางหรือคนรวย



(3). คนจาก "ประเทศที่ยากจน" ได้
รับผลกระทบจากการเปรียบ
เทียบมากกว่าคนชั้นกลางหรือคนรวย



(4). คนที่ชอบเปรียบเทียบรายได้กับเพื่อนร่วมงานมากๆ ทำร้ายจิตใจได้มากเป็น
2 เท่าเมื่อเทียบกับคนที่เปรียบเทียบน้อย และที่เลวร้ายสุดๆ
คือคนที่ชอบเปรียบเทียบกับเพื่อนร่วมโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัย



(5). ยิ่งเปรียบเทียบไปในอนาคต (รายได้ในอนาคต) ยิ่งทำร้ายจิตใจมากขึ้น



...


ปรากฏการณ์นี้เปรียบ
เทียบได้กับ 'glass half empty' = น้ำพร่องครึ่งถ้วย คือ
คนที่มองโลกในแง่ร้ายมีแนวโน้มจะมองน้ำครึ่งแก้วว่า พร่องไปครึ่งหนึ่ง
(มองเชิงลบ)


ตรงกันข้าม,
คนที่มองโลกในแง่ดีมีแนวโน้มจะมองน้ำครึ่งแก้วว่า มีมากตั้งครึ่งแก้ว
(มองเชิงบวก)



...


การศึกษานี้มี
ส่วนช่วยอธิบายได้ว่า
ทำไมคนจนถึงมีแนวโน้มจะเป็นเหยื่อของการปลุกปั่นทางการเมืองได้
แม้จะมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ค่อนข้างดี (ไม่อดตาย-ไม่ขาดปัจจัยสี่)
โดยเฉพาะุุ้้ถ้ามีการวางแผนจากทีมงานที่เป็น "มืออาชีพ"



และมีส่วนช่วยอธิบายได้ว่า
ทำไมประเทศที่เป็นคู่แข่งกันจึงมองประเทศที่รวยกว่าในด้านลบ เช่น
ไทยกับเพื่อนบ้าน ฯลฯ



...


ญี่ปุ่นมีธรรมเนียม
ในการใช้ชีวิตค่อนข้างดี คือ คนรวยไม่ค่อยนิยมอวดรวย
ผู้บริหารชอบใส่ชุดคล้ายๆ กับคนทำงานทั่วไป นิยมติดตราบริษัทหรือหน่วยงาน
ทำให้สังคมดูคล้ายกับเหลื่อมล้ำน้อย



ตรงกันข้ามกับบางประเทศที่ผู้คนชอบอวดความ "รวย-เลิศ-หรู-เลอค่า
(โชคดีที่ไม่อวดเรอด้วย)" ทำให้คนจนมีความคับแค้นใจสูง



...


ผู้เชี่ยวชาญ
แนะนำวิธีทำให้ตัวเรามีสุขได้ ไม่ว่าจะรวยหรือจนได้แก่


(1). พอใจในสิ่ง
ที่เรามี เช่น ความสุขกับน้องๆ (หมา แมว ฯลฯ) ฯลฯ, ทำตัวให้มีความสุขง่าย
เช่น กินกาแฟชงเองก็สุขได้
ไม่จำเป็นต้องไปกินกาแฟสดบนเวิร์ลเทรดเซนเตอร์จึงจะสุข ฯลฯ


(2). พอใจกับ
ความดีเล็กๆ ที่เราตั้งใจทำ เช่น หุงข้าวให้แม่ บริจาคเลือด ฯลฯ



...


(3). ไม่เปรียบ
เทียบกับใครบ่อยเกินไป


(4). ไม่เสพสื่อ
ที่ยุยงให้คนแตกกัน หรือยุยงให้ฟุ้งเฟ้อ เลอเลิศมากเกินไป โดยเฉพาะ TV,
หนังสือพิมพ์, อินเตอร์เน็ต ฯลฯ หลายสื่อนี่... ยิ่งเสพยิ่งทุกข์
ยิ่งเสพยิ่งเครียด



...


(5). ใช้ชีวิต
แบบ "เรียบ-ง่าย-ประหยัด" > ไปไหนไม่อวดรวย (ช่วยให้คนอื่นมีทุกข์น้อยลง
ตัวเราปลอดภัยจากโจรภัยมากขึ้น คนอื่นหมั่นไส้น้อยลง)


(6). กล่าวคำ
"ขอบคุณ-ขอบใจ-ขอโทษ" หรือไหว้คนอื่นให้บ่อย...
เพราะกลุ่มคำและการกระทำเหล่านี้มักจะพบในคนที่มีความสุขจากภายในสูง



...


(7). นอนให้พอ
เพราะการนอนหลับไม่ได้ใช้เงิน และทำให้คนเราเป็นสุขด้วย


(8). คิดก่อน
กิน... พระท่านให้พิจารณาว่า รวยหรือจน,
กินไปก็ถ่ายมาเป็นอุจจาระ-ปัสสาวะคล้ายๆ กัน, กินน้อย (พอประมาณ)
โรคน้อย-กินมากโรคมาก



พิจารณาบ่อยๆ จะพบว่า รวยหรือจนก็กินได้พอๆ กัน ไม่ใช่ว่า
ยิ่งรวยยิ่งกินได้หลายจาน, นอนได้พอๆ กัน
ไม่ใช่ยิ่งรวยยิ่งนอนได้หลายเตียง, ตายได้พอๆ กัน คือ ตายครั้งเดียว 



...


(9). คำกล่าวของ
พระอาจารย์รูปหนึ่งยังคงใช้ได้เสมอ คือ "เหงื่อออกมาก-น้ำตาออกน้อย,
เหงื่อออกน้อย-น้ำตาออกมาก"



เดิมท่านกล่าวเพื่อส่งเสริมให้ขยัน (ขยันมาก-น้ำตาตกน้อย,
ขี้เกียจ-น้ำตาตกมาก), ทว่า...
การออกแรง-ออกกำลังที่ทำให้เหงื่อออกก็ทำให้คนเรามีความสุขได้
โดยไม่ต้องไปเปรียบเทียบกับใคร



อากาศร้อนๆ แบบเมืองไทยนี่... ถ้าดื่มน้ำให้พอ ขึ้นลงบันไดสัก 5 ชั้น
แล้วเดินเร็วๆ วันละ 30 นาที, แบบนี้จะรวยหรือจนก็เหงื่อแตกได้
มีความสุขแบบนี้ได้ทุกวัน หรือเกือบทุกวัน



...


(10). ถ้าทำข้อ
1-9 แล้วยังไม่มีความสุข... ให้ลองเปรียบเทียบกับคนที่แย่ๆ กว่าเราบ้าง
เช่น หาโอกาสไปทำงานอาสาสมัคร หาโอกาสศึกษาชีวิตคนที่แย่กว่าเรา



ผู้เขียนมีโอกาสไปปฏิบัติที่วัดพะเอ้าตอย่า เมืองเมาะละแหม่ง พม่า,
ขากลับนั่งรถไฟ มีผู้หญิงท่านหนึ่งพูดไทยได้ชัด ท่านบอกว่า ทำงานที่ระนอง
กลับไปคลอดที่บ้าน (พะโค)



...



ท่านบอกว่า คนไทยนี่โชคดี (อยาก)จะกินอะไรก็ได้กิน,
มีชีวิตแบบที่ชาวพม่าบอกว่า "สบาย",
ท่านให้ความช่วยเหลือผู้เขียนบนรถไฟหลายอย่าง เช่น
ช่วยเป็นล่ามให้ตอนผู้เขียนจะืซื้อข้าวโพดต้ม ชวนกินข้าวด้วย
(ตรงนี้ผู้เขียนไม่ได้รับ เพราะเพิ่งกินข้าวไป) ฯลฯ...



หลังจากนั้นปีเศษๆ
ผู้เขียนดูข่าวหนังสือพิมพ์พบคนงานพม่าที่เดินทางไปทางใต้ในรถคอนเทนเนอร์
ตายไปครึ่งคันรถ, รู้สึกคุ้นๆ อะไรบางอย่าง... พอเปิดข่าวอัล
จาซีราดูก็จำได้ว่า เป็นผู้หญิงคนเดียวกัน



...



ชีวิตของท่านผู้อ่านส่วนใหญ่คงจะไม่ลำบากประเภทต้องหลบหนีเข้ามาทำงานในไทย
หนีกลับไปคลอด คลอดแล้วต้องจากลูกน้อยมาทำงาน (ที่พม่าหางานยากมากๆ)...
แถมตอนมายังต้องจ่ายสตางค์ให้นายหน้า 10,000 บาท (ค่านายหน้าขากลับพม่า
3,000 บาท) และเกือบตายในตู้รถคอนเทนเนอร์



ชีวิตคนเรามีทั้งด้านดีและด้านร้าย...
อย่าเปรียบเทียบกับคนที่ดีกว่าเราด้านเดียว
ขอให้เปรียบเทียบกับคนที่มีีชีวิตลำบากกว่าเราด้วย
แล้วจะเข้าใจชีวิตมากขึ้น เห็นธรรมดาของชีวิตมากขึ้น เข้มแข็งขึ้น
หวั่นไหวน้อยลง



...


ถึงตรงนี้...
ขอให้ท่านผู้อ่านมีสุขภาพดีไปนานๆ ครับ



...


 ติดตามบล็อกของเราได้ทางทวิตเตอร์ > [ Twitter ]


ที่มา 
                                                       





  • Thank BBC
    > The
    Economic
    .




  • นพ.วัลลภ พรเรืองวงศ์
    รพ.ห้างฉัตร ลำปาง. 31 พฤษภาคม 2553.





  • ข้อมูลทั้งหมดเป็นไปเพื่อ
    การส่งเสริมสุขภาพ ไม่ใช่วินิจฉัยหรือรักษาโรค
    ท่านที่มีโรคประจำตัวหรือความเสี่ยงต่อโรคสูงจำเป็นต้องปรึกษาหมอที่ดูแล
    ท่านก่อนนำข้อมูลไปใช้.








Free TextEditor




 

Create Date : 31 พฤษภาคม 2553
0 comments
Last Update : 31 พฤษภาคม 2553 21:13:35 น.
Counter : 1330 Pageviews.

 
Name
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Opinion
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet

wullop
 
Location :
ลำปาง Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]




บล็อกสุขภาพ + เรื่องทั่วไป... ท่านนำบทความไปใช้ โดยไม่ต้องขออนุญาตครับ... นพ.วัลลภ พรเรืองวงศ์...
New Comments
[Add wullop's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com