ขอข้ามเล่ม'เพชรรากษส'มาอ่านเล่มนี้ก่อนนะคะ
เพราะเรื่องราว(และไทม์ไลน์)ต่อเนื่องกัน
....
เล่มนี้เป็นเรื่องราวของบรเทพ ศิวนฤบดี
ผู้ที่สาวๆ ทั่วทั้งนวหิมพานต์กล่าวขานกันว่าเป็นเทพผู้เย็นชา ไร้หัวใจ
กับสาวน้อยปาราวตี อสุรีผู้แสดงออกชัดเจน(ตั้งแต่เล่มแรก)
ว่าเกลียดเทพเข้าไส้...
(จริงๆแล้ว ก็เห็นแววตั้งแต่เล่มแรกนั่นแหละ ว่าในที่สุดใครคู่กับใคร)
เรื่องย่อๆ ตามปกหลังค่อนข้างละเอียดนะคะ คงไม่ต้องเพิ่มเติมอะไรอีก...
เรื่องราวมันเริ่มต้นขึ้นในท้ายเล่มทุติยอสูรนั่นเอง..
เมื่อปาราวตีแอบหยิบสร้อยลูกปัดกำราบพลังของทิพย์อาภาไปสวมใส่
เพื่อจะได้หนีออกไปเที่ยวเล่นแบบไม่ให้ใครจำได้...
แล้วไปเจอเข้ากับคนร้ายที่จับตัวบรเทพกำลังจะพาไปทิ้งทะเล
นอกเขตนวหิมพานต์พอดี เมื่อเธอเข้าไปดูใกล้ๆ จึงพลอยถูกจับตัวไปด้วยกัน...
**********
จะว่าไป เส้นเรื่องค่อนข้างใกล้เคียงกับเรื่องก่อนหน้านะคะ
พระเอก- นางเอกเป็นประหนึ่งคู่แค้นคู่กัดกันมาก่อน
แต่ต้องได้มารอนแรมผจญภัยร่วมกัน ได้เปิดเผยตัวตนแก่กัน
จนค่อยๆ เปลี่ยนมุมมองและคลายอคติที่มีต่อกัน
เพียงแต่รายละเอียดของเหตุการณ์ก็แตกต่างกันไป
ซึ่งสิ่งที่เหมือนกันคือ...อ่านสนุก อ่านเพลินมากแบบไม่จบไม่วางกันเลยทีเดียว
เล่มนี้มีเพิ่มเติมคือความหวานนนน...
หวานแบบไม่บันยะบันยังของบรเทพ ผู้ที่ภายนอกใครๆ ต่างบอกว่าเขาเย็นชามารยาทงามเสมอ
แต่เมื่อเปิดตัวเปิดใจแล้วเขาก็รุกอย่างมาดมั่นชัดเจน
ทำเอาอสุรีสาวห้าวอย่างปาราวตีแทบจะหลอมละลาย
ชอบค่ะ ทึ่งและชื่นชมผู้เขียนมากที่สามารถสร้างสรรค์โลกแห่งนวหิมพานต์ขึ้นมาได้อย่าง...สมจริง ชวนตื่นเต้นเร้าใจสุดๆ
อ่านได้ลื่นไหลเพลิดเพลิน ผูกปม คลายปมสอดรับกันไปเป็นเปลาะๆ
เล่มนี้เห็นว่าเป็นเล่มจบชุด(เพราะตัวร้ายตัวหลักถูกกำจัดไปแล้ว)
แต่ยังไม่วายทิ้งท้ายให้คนอ่านเกิดความสนใจใคร่รู้ว่า...
จะเกิดอะไรขึ้นต่อไปใน"นวหิมพานต์"
(โดยเฉพาะเรื่องของนรสิงห์หนุ่ม พี่ชายบุญธรรมของทิพย์อาภากับเด็กน้อยจอมเกรียนอย่างเจ้าแสง...)
ตามที่ผู้เขียนได้เอ่ยไว้ในหน้าคำนำ...
'ถึงแม้จะเป็นเล่มสุดท้ายของชุดใหญ่ แต่เรื่องราวจะยังไม่จบเพียงเท่านี้'
โหวตค่ะ โหวตแบบไม่ลังเลเลย ก็เรื่องโปรด ทั้งชุดนี้อ่านเวียนได้ไม่รู้เบื่อ
เล่มนี้ทำให้สงสัยว่าต้นวิสทีเรียเป็นอย่างในหนังสือจริงเหรอ จนไปเสิร์ชหาแล้วก็ตกหลุมรักวิสทีเรียไปอีกราย
มีเล่มใหม่บอกเพิ่มด้วยนะคะ เดี๋ยวนี้หาซื้อหนังสือถูกใจอ่านยาก หลายครั้งต้องสั่งจองสั่งซื้อ ร้านหนังสือก็จะกลายเป็นร้านขายของเล่นกับเครื่องสำอางไปแล้ว