|
รองเท้านารี ผู้เขียน : ดาริส ผู้พิมพ์ : สนพ.อรุณ (ม.ค. ๕๗) ๓๗๕ หน้า ราคา ๒๗๕ บาท ปกหลัง :
รองเท้าทุกคู่ล้วนมีเจ้าของ รอคอยเพียงแค่ใครสักคนจะสวมมันได้อย่างพอดี
เพราะเชื่อในนิยามความรักเรื่องคนที่เหมาะสมกับเรา สี่สาวโสด ตัวแทนความรัก ฉบับรองเท้า จึงต้องออกเดินทางตามหารักที่ใช่! ในแบบของตนเอง
ทิชา ดีไซเนอร์สาวตัวแม่ กับรักที่กล้าๆ กลัวๆ น้ำหนาว แพทย์สาวสุดมั่น รักของเธอเย็นชา วริษา สาวเปรี้ยวหัวสูง จะมีรักทั้งทีต้องเพอร์เฟ็กต์ที่สุด อุษณา สาวติสท์ผู้รักอิสระ ทำอะไรตามเสียงเรียกร้องของหัวใจ
สี่รูปแบบความรักที่แตกต่าง เหมือนกับรองเท้าหลากสไตล์ เปรี้ยว หวาน เซอร์และเท่ แม้จะเจอรองเท้าที่คับบ้าง ถูกกัดบ้าง
แต่ในท้ายที่สุดก็ต้องพบเจอกับ 'เจ้าของรองเท้า' ที่พอดีกับตัวเองเข้าสักวัน
เป็นนิยายสมัยใหม่ที่เนื้อหาออกแนว...ค่อนข้างแหวกขนบ แหวกกระแสนิยายรักทั่วไป... ที่อาจจะดูแรงพอสมควร ทำเอาเมื่อเริ่มอ่านช่วงแรก ๆ เกือบจะรับไม่ได้แน่ะ (จริง ๆ แล้วอ่านไปสองสามบทก็รับไม่ได้จนต้องวางไปพักหนึ่งแล้วล่ะ)
หากทว่าเมื่อราว ๆ อาทิตย์ก่อน เผอิญได้มีโอกาสดูรายการทีวีรายการหนึ่ง เค้าสัมภาษณ์บุคคลที่เกี่ยวข้องกับกิจการบาร์โฮสต์... ได้เห็นและรับรู้ถึงเรื่องราวความเป็นไปในอีกซอกมุมหนึ่งของสังคมที่เราไม่อาจปฏิเสธการมีอยู่ของมันได้ จึงเปิดใจตัวเองให้กว้างขึ้นอีกนิด หยิบนิยายเล่มนี้มาอ่านใหม่อีกครั้ง แล้วก็พบว่า...อือม์...ไม่เลวแฮะ คนเขียนเป็นนักเขียนหน้าใหม่ ดูจากโปรไฟล์ก็น่าจะยังเด็ก แต่ช่างสรรแต่งนิยายได้...เท่และแนวดีอะ และดูเหมือนว่าจะเข้ากระแสอีกต่างหาก
จากปกหลังก็คงจะพอเห็นได้ว่านิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องราวของสี่สาวสี่ไลฟสไตล์ โดยเปรียบเทียบกับรองเท้าแบบต่าง ๆ ผู้เขียนจึงดำเนินเรื่องโดยแบ่งเนื้อหาออกเป็นสี่ช่วงใหญ่ ๆ บอกเล่าเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ ของหญิงสาวแต่ละคน โดยแต่ละช่วงจะมีการเชื่อมโยงกันในทีเพราะทั้งสี่สาวเป็นเพื่อนสนิทที่อยู่บ้านเดียวกัน
เปิดเรื่องด้วยเรื่องรักของน้ำหนาว...ศัลยแพทย์สาวผู้มาดมั่น ที่ผู้เขียนเปรียบไว้ว่าเป็นดั่งรองเท้าบู้ตเหนือเข่าส้นสูง... หลังจากหย่าร้างกับสามีผู้ตกอยู่ใต้อาณัติบัญชาของมารดาที่เกลียดชังลูกสะใภ้อย่างน้ำหนาวแล้ว เธอก็ปิดประตูให้กับความรัก หันไปใช้บริการจากโฮสต์หนุ่มนักศึกษารุ่นน้อง... ด้วยความคิดอันรุนแรงเกี่ยวกับสิทธิสตรีที่ว่า... ในเมื่อผู้ชายสามารถเที่ยวกลางคืนได้โครม ๆ ผู้หญิงที่มีความสามารถทัดเทียมกับผู้ชายก็น่าจะทำได้ไม่ต่างกัน
(จุดนี้แหละค่ะที่ทำให้อ่านสะดุด ๆ ในช่วงแรก เพราะรับไม่ได้อย่างแรงกับพฤติกรรมของนางเอก(อย่างน้อยเธอก็เป็นนางเอกของพาร์ทนี้ล่ะ) ซ้ำมีแนวโน้มว่าในตอนท้ายเธอคงจะลงเอยกับโฮสต์หนุ่มเจ้าประจำคนนี้แหละ... ซึงนั้นก็เท่ากับว่า...พระเอกเป็นผู้ชายขายบริการ!!! แล้วปมดราม่าที่คนเขียนเค้าพยายามจะสร้างขึ้นมา เพื่อรองรับพฤติกรรมแนว ๆ นี้ของน้ำหนาวก็ดูจะไม่ค่อยสมเหตุสมผลเท่าที่ควร ตัวประกอบที่แทรกเข้ามาในเรื่อง(อย่างอดีตสามี หรือกิมจู)ก็ไม่ค่อยสมจริงเท่าไหร่...)
เรื่องของน้ำหนาวผ่านไปแบบไม่แฮปปี้นัก ก็มาต่อช่วงที่สองกับเรื่องราวของสาวเปรี้ยวอย่างวริษา หรือฝน ผู้ชื่นชอบการสวมใส่รองเท้าส้นสูงเป็นชีวิตจิตใจ
วริษาเป็นตัวแทนของหญิงสาวสมัยใหม่ที่ทะเยอทะยาน วัตถุนิยมตัวแม่ ชอบที่จะบริหารเสน่ห์ไปเรื่อย ๆ ประมาณว่าสวยเลือกได้... แต่เธอคงจะหลงลืมคำคนโบราณกล่าวไว้ที่ว่า..."เลือกนักมักได้แร่..." จุดจบนิยายรักของเธอจึงไม่ค่อยหวานชื่นสักเท่าไหร่
...................
หญิงสาวคนที่สามของเรื่องคืออุ่นหรืออุษณา-น้องสาวของน้ำหนาวและเป็นน้องเล็กสุดของบ้าน เธอเป็นสาวติสต์ รักอิสระ จึงเปรียบได้กับรองเท้าผ้าใบ... มีความคล่องตัวสูง หากเจอคู่ที่ใช่ เพียงคู่เดียวก็ไปไหนไปกัน...
อุษณาใฝ่ฝันที่จะเป็นช่างภาพฝีมือดี เธอชอบที่จะตะรอนไปตามที่ต่าง ๆ เพื่อหามุมถ่ายภาพส่งประกวดและเพื่อโอกาสงานที่ดีกว่า ทำให้เธอได้พบกับสิขร หนุ่มซกมกมาดเซอร์...
(ค่อนข้างชอบพาร์ทนี้มากที่สุดค่ะ มีซีนการเดินทาง มีบทกุ๊กกิ๊ก จุ๊กจิ๊กระหว่างพระ-นาง พระเอกมีปมอดีตเล็ก ๆ ในขณะที่นางเอกก็เปิดเผย จริงใจแบบเด็ก ๆ )
สาวคนสุดท้าย ทิ-ทิชา สาวผู้เรียบง่ายตามสไตล์รองเท้าแตะ...
(ซึ่งจริง ๆ แล้วเธอเป็นคนเดินเรื่องมาแต่ต้น อาจจะเรียกได้ว่า เป็นตัวกำหนดธีมของเรื่องเลยทีเดียว เพราะเธอเป็นนักออกแบบรองเท้า ที่อาศัยบุคลิกและตัวตนที่แตกต่างของเพื่อน ๆ สมาชิกในบ้าน มาประยุกต์เข้ากับงานออกแบบของเธอจนประสบความสำเร็จ)
ทิชาเปรียบเรื่องรักของตัวเองเป็นรองเท้าแตะ ต้องปลอดภัย และเรียบง่าย เพราะเธอเป็นสาวขี้กลัว ไม่กล้าเสี่ยงกับอะไรที่ไม่แน่นอน ทั้งที่มีหนุ่มหล่อมาขายขนมจีบอยู่ข้างกาย เธอก็ยังลังเลที่จะ รัก
สรุปค่ะว่าเป็นนิยายรักร่วมสมัยที่น่าสนใจอีกเล่มหนึ่ง อ่านแล้วได้เปิดมุมมอง เปิดโลกทัศน์ของตัวเองให้กว้างขึ้น
สำนวนภาษาของผู้เขียนอาจจะมีสะดุด ๆ บ้าง พล็อตย่อยบางตอนอาจจะดูไม่สมเหตุสมผลนัก แต่โดยรวมก็โอเคค่ะ อ่านได้สนุก ๆ ไม่ถึงกับหนักจนเครียดหรือเบาจนว่างโหวง
อ่านจบแล้วหยิบมาบอกเล่าชวนอ่านกันวันนี้ค่ะ
|