|
หลังคาใบบัว ผู้เขียน : กัญญ์ชลา ผู้พิมพ์ : สนพ.แสงดาว 552 หน้า 390 บาท
เรื่องย่อ(จากสนพ.) :
สิมะลา สาวน้อยผู้ถูกเลี้ยงมาให้ทะเยอทะยาน เธอพยายามหนีสิ่งที่เธอและครอบครัวเผชิญอยู่
หลังคาใบบัว...บ้านหลังเล็กซอมซ่อ ที่ เธอ อาศัย เป็นบ้านที่เธอจะต้องทะยานจากไปไกลๆ ไปอยู่บ้านหลังใหม่ หลังใหญ่ที่ควรจะดีกว่า บ้านที่เธอและครอบครัวจะเชิดหน้าชูตาอยู่ได้!
ทางลัดสำหรับชีวิต เธอจึงมุ่งหวังผู้ชายสักคนที่เพียบพร้อมทุกอย่าง เพื่อมาพลิกชะตาชีวิตและครอบครัว...
เขา ชายหนุ่มหน้าตาดี เนื้อหอมในวงการ แม้ชาติตระกูลจะดูคลุมเครือในสายตา คือที่หมายของเธอ...
ทว่า เขาเล่า จะไม่ได้มีจุดมุ่งหมายเดียวกันกับเธอละหรือ ในเมื่อเขาก็กำลังเสาะแสวงหาในสิ่งเดียวกับเธอ!
การปิดบังซ่อนเร้น ระหว่างเธอกับเขา ก็เพียงเพื่อจะแสดงภาพลักษณ์ที่ดี โก้หรู มีฐานะต่อกัน เพื่อจะใช้เป็นเหยื่อล่อปลา เพื่อให้ปลามาหลงเหยื่อ
แต่ทว่า ทั้งคู่ ใครจะเป็นเหยื่อ หรือเป็นปลาก็ยากจะคาดเดา หรือเพราะที่สุดแล้ว... ทั้งเธอและเขา ต่างอยู่ในสภาพเดียวกัน!
เรื่องย่อ ๆ ก็ตามข้างบนนั่นเลยค่ะ
อ่านนิยายเรื่องนี้แล้วนึกถึงเวลาที่อ่านกระทู้ในบอร์ดห้องสมุดพันทิป บางครั้งจะมีเพื่อนนักอ่านมาตั้งกระทู้ถามถึงนิยายที่พระเอกร้าย ๆ หรือนางเอกร้าย ๆ คำตอบของเราก็จะวน ๆ เวียน ๆ อยู่กับนิยายเก่า ดัง ๆ ไม่กี่เรื่อง อย่างลำยองจากทองเนื้อเก้า อีสา ทองประกายแสด ฯลฯ นิยายรุ่นใหม่ ๆ ก็มีอยู่บ้าง อย่างเรยา(ดอกส้มสีทอง) หรือทรายจากทรายสีเพลิง...
แต่กระนั้น นั่นก็เป็นความร้ายอันมีที่มาที่ไป อาจจะด้วยสถานการณ์พาไปหรือเป็นปม'แค้นฝังหุ่น' เพราะถูกกระทำ...อะไรประมาณนั้น เมื่อเรื่องราวดำเนินไปถึงจุดหนึ่ง นางเอกตัวร้ายเหล่านั้นต่างก็ได้รับบทเรียน เกิดการเปลี่ยนแปลง กลับเนื้อกลับตัว แล้วก็กลายมาเป็นนางเอกตัวจริง ให้คนอ่านคนชมได้ลุ้น ได้เห็นอกเห็นใจและเอาใจช่วย...
ซึ่งต่างจาก"สิมะลา"กับ"วโรดม" นางเอก พระเอก หญิงร้ายชายแสบจากเรื่องนี้ ทั้งคู่ในนิยายเรื่องนี้เป็นความร้ายที่เกิดมาจากการเลี้ยงดูแบบผิด ๆ ของคนเป็นพ่อเป็นแม่... จากสภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลง บิดเบี้ยว และจากกระแสวัตถุนิยมที่ถั่งโถมเข้ามา นิยายเรื่องนี้ ผู้เขียนได้เปิดเปลือย กระเทาะเปลือกสังคมอันจอมปลอมไว้อย่างถึงแก่นทีเดียว นางเอก"สิมะลา"เป็นหญิงสาวสวยจัดที่ถูกปลูกฝังค่านิยมอันฟุ้งเฟ้อเปรอปรนโดยผู้เป็นพ่อ ที่วาดหวังสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกสาว เขาทุ่มเทลงทุนเพื่อ... "แต่ง"ให้หล่อนดูเป็นเด็กสาวมีฐานะ มีราคาค่างวด...
จนหล่อหลอมให้หล่อนกลายเป็นคนที่ฟุ้งเฟ้อเห่อเหิมและทะเยอทะยาน...
เมื่อพ่อพาเธอ"ออกงาน"ครั้งแรก เธอก็พบกับชายหนุ่มที่มาติดพันเธอพร้อม ๆ กันถึงสี่คน เมื่อมีการพบปะกันอีกไม่กี่ครั้งในตอนหลัง เธอก็คัดตัวเลือกออกไปสอง เหลือเพียงสองคน คือ"วโรดม" - ชายหนุ่มเจ้าของรถสปอร์ตหรู รูปหล่อประเปรียวและเจ้าเสน่ห์ กับ"สุรสิทธิ์" หนุ่มรูปไม่หล่อแต่พ่อแม่รวย ตรงสเป้กที่ผู้เป็นพ่อกำหนดทุกอย่าง
ใจของสิมะลานั้น ออกจะหลงเสน่ห์ความรูปหล่อของวโรดมอยู่ไม่น้อย หากก็หวนหาเสียดายการเอาอกเอาใจพร้อมของกำนัลหรู ๆ จากสุรสิทธิ์
อยู่ที่เธอแล้ว...ว่าจะเลือกรักหรือรวย...หรือจะเก็บไว้ทั้งสองคน?
อ่านแล้วก็ชอบค่ะ ชอบในความร้ายของสิมะลาที่... เรียกได้ว่าผู้เขียนเขียนให้เธอร้ายได้แบบ...ไม่ห่วงสวย ไม่แคร์สื่อเอาเสียเลย และร้ายได้จนถึงหยดสุดท้ายจริง ๆ
ส่วนพระเอกจอมแสบอย่างวโรดมนั้นเล่า... ที่ไม่ใช้คำว่า"เลว" กับเขา ก็เพราะจะว่าไปแล้ว วโรดมก็ไม่ได้เลวเกวอะไรมาก เพียงแต่เขาออกจะเป็นหนุ่มที่ถูกสปอยล์มาจนเคยตัว ด้วยความที่เป็นลูกชายคนเดียว เจ้าเล่ห์...แล้วก็แสบ...เท่านั้นเอง เมื่อได้พบกับสิมะลา เขาพึงใจในรูปลักษณ์อันงดงาม กับท่าทีที่ดูเหมือนจะหวงเนื้อหวงตัวเป็นกุลสตรีของเธอ...
"แต่ฐานะหล่อนนั่นสิ ที่เขายังปักใจไม่ได้ ...เผื่อหล่อนมีรากฐานดี เขาจะได้ผละจากอู่ข้าวอู่น้ำ'แก้ขัด' เหล่านั้น แต่งงานเป็นเรื่องเป็นราว..." .....
เขาจึงพาตัวเข้าไปพัวพัน จนเมื่อได้เข้าไปใกล้ชิดจนรู้จักกันถึงเนื้อแท้แล้ว เขาก็ยังไม่ถอยห่าง แม้จะไม่ได้รักใคร่ใยดี แต่สิมะลายังมีผลประโยชน์ให้เขากอบโกย
และที่สำคัญ อย่างน้อย วโรดมยังมีจิตสำนึกพอที่จะรู้สึกเวทนาสิมะลาบ้างเป็นครั้งคราว ถึงได้บอกว่าเขาแสบ...แต่ไม่ถึงขั้นเลว
ผู้เขียนเขียนนิยายเรื่องนี้ตั้งแต่ประมาณปี ๓๐ - ๓๑ กว่าสองทศวรรษที่ผ่านไป แม้บริบททางสังคมภายนอกจะเปลี่ยนแปลงไปมากมาย(ยุคนั้นค่าแรงขั้นต่ำเพิ่งจะขึ้นเป็น ๓๕ บาทต่อวัน!) แต่ในแง่ของธีมเรื่อง กับบทบาท ลักษณะนิสัยของตัวละคร รวมทั้งเนื้อหา ตลอดถึงสำนวนภาษาที่ใช้ยังไม่ได้ตกยุคหรือล้าสมัยเลยแม้แต่น้อย...
โดยเฉพาะถ้อยสำนวนเสียดสีประชดประชันมันแสบสันดี... ยกตัวอย่างนิด ๆ หน่อย ๆ
เมื่อสิมะลาถูกเพื่อนสนิทพ่อสั่งสอนว่าให้มีน้ำใจ กตัญญูต่อพ่อแม่หน่อย... เจ้าหล่อนโต้ว่า... "อาคะ...อาน่ะอยากให้คนเป็นอะไรมากกว่าคนหรือคะ..."
หรืออย่างตอนที่สิมะลาแอบไปสืบดูบ้านวโรดม แล้วพบว่าบ้านเขาก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไร แถมทั้งเก่าทั้งโทรม พบแม่เขา แม่เขาก็ทำท่ารังเกียจหล่อนอีก เมื่อกลับมาบ่นให้พ่อฟัง พ่อหล่อนก็ว่าเขาเป็นลูกชายคนเดียว แม่ก็คงหวงเป็นธรรมดา หล่อนก็ว่า... "จะเก็บลูกไว้เป็นผัวหรือไง" เออแน่ะ...เอากะหล่อนสิ...
หรือกระทั่งตอนที่สิมะลาตัดสินใจ"ลอง" ใช้ชีวิตคู่กับวโรดม... เขาสอนเธอว่า
"เราอยู่กันแบบนี้ ต่างคนต่างทำใจให้สบายจะมีความสุขกว่า นึกเสียว่าเราเป็นเพื่อนกัน เป็นคนจรจัดเหมือนกันมาอยู่ในศาลาพักร้อนเดียวกัน... คุณเรียนรู้โลกจากผมได้...ได้อย่างดีถ้าคุณอยากรู้...และถ้าวันหนึ่งเราจากกันไป คุณก็จะรู้จักโลกดีกว่าที่คุณรู้จัก...โอเค้... ........... ผมเป็นผู้ชายคนแรกของคุณ ...เนื้อของเราเปลือยเข้าหากัน เรารู้จักกันทุกซอกทุกมุมแล้ว นั่นว่าโดยร่างกาย แต่คุณยังจะต้องล่วงลึกเข้าไปมากกว่าเนื้อ คุณจะต้องรู้จักธาตุแท้ อารมณ์ ความรู้สึกอุปนิสัยของเขาด้วย..."
สิมะลารู้สึกว่าวโรดมไม่ใช่ผู้ชาย'ง่าย ๆ' อย่างที่หล่อนคิด เขาออกจะเป็นคนเสเพลระดับสูงอยู่สักหน่อยเหมือนกัน เพราะมีปรัชญาสอดแทรกอยู่ในความเสเพลนั้น... หล่อนเริ่มพิศวงต่อบทบาทของผู้ชายและผู้หญิงที่จะครองรักกัน มันคงไม่ใช่"แค่หางอึ่ง"อย่างที่หล่อนเคยคิดมาตลอดชีวิตนั่นเลย
เป็นนิยายชีวิตที่สะท้อนสังคมได้อย่างเปรี้ยว ๆ มัน ๆ ดี อ่านจบแล้วนำมาเล่าต่อค่า
|
เป็นพระเอกนางเอกในอีกแง่มุมนึงที่ไม่ค่อยจะได้เห็นด้วยสิ
ขอบคุณสำหรับรีวิวนะคะ ^^