|
กุสาวดี...แผ่นดินนี้ยังมีรัก ผู้เขียน : เรซิน ผู้พิมพ์ : สนพ.ไฟน์บุ้ค ๔๓๗ หน้า ราคา ๒๗๐ บาท
โปรยปก :
เสียยศ สิ้นวงศ์ คงเหลือเพียงลมหายใจและคำปฏิญาณ หนึ่งชีวิตอุทิศเพื่อแผ่นดิน หากหนึ่งหัวใจ มอบไว้แด่ 'เธอ'
ท่ามกลางความขัดแย้ง ความแตกต่างทางอุดมการณ์ความคิด และการแก่งแย่งชิงอำนาจ ความรัก...จะก่อเกิดได้หรือ ? ............. หนึ่งนายทหาร ผู้ถูกตราหน้าว่ารับใช้ทรราช หนึ่งหญิงสาว ธิดาคนเดียวของแกนนำกลุ่มต่อต้านเผด็จการ บนหนทางที่เป็นเหมือนเส้นขนาน ความรักของคนทั้งคู่เกิดขึ้นและดำเนินไป หากแต่มันจะลงเอยเช่นไร...
สุขชื่นสมหวัง ฤ ร้าวรานแทบขาดใจ
เรื่องย่อ ๆ (จากหน้าคำนำ สนพ.) :
ในวันวานกุสาวดีคือแผ่นดินเล็กๆ ที่สุขสงบท่ามกลางขุนเขาและไอหมอก หากในวันนี้ กุสาวดีมีเพียงความขัดแย้งทางการเมืองและไฟสงคราม รัฐบาลแบ่งพรรคแบ่งพวก ประชาชนแบ่งฝักแบ่งฝ่าย... เมื่อผู้นำประเทศคือทราช ประชาราษฎร์จะพึ่งใคร...
คินเว นายทหารหนุ่มผู้มีประวัติลึกลับ คนที่เธอตราหน้าว่าป็นผู้รับใช้คนโกงชาติ
อราสา หญิงสาวผู้มีบิดาเป็นแกนนำกลุ่มต่อต้านเผด็จการ
ความรักของทั้งคู่เกิดขึ้นท่ามกลางความขัดแย้ง ความแตกต่างทางอุดมการณ์ความคิด และการแก่งแย่งชิงอำนาจ รวมถึง...ความหวังที่จะทำให้กุสาวดีกลับมาเป็นแผ่นดินที่อบอวลไปด้วยไอรักอีกครั้งหนึ่ง
เรื่องย่อของสนพ.จะค่อนข้างสั้นและกระชับไปหน่อยไหม... เล่าเรื่องเพิ่มเติมอีกหน่อยละกันค่า
กุสาวดีเป็นประเทศเล็ก ๆ ที่ปกครองโดยระบอบกษัตริย์มายาวนานนับร้อยๆปี และแล้ววันหนึ่ง แผ่นดินอันเคยสุขสงบนี้ก็ถึงกาลล่มสลายเมื่อมีกลุ่มคนรุ่นใหม่ นำโดยพลเอกเส่งบาเข้ายึดอำนาจการปกครอง เจ้าฟ้าหลวงนอรธาและองค์รัชทายาทเจ้าน้อยนเรนธาแห่งราชวงศ์กุสินธาถูกปลงพระชนม์ แม้ผู้ก่อการปฏิวัติจะจัดให้มีการเลือกตั้ง และมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งหลังจากนั้น แต่รัฐบาลชุดนั้นก็มีอายุสั้นเพียงแค่สองปี ...เมื่อถูกเผด็จการทหารเข้ายึดอำนาจอีกครั้ง
กุสาวดีเข้าสู่ยุคมืด ภายใต้เงื้อมมือของนายพลเส่งบา...เป็นเวลาร่วมยี่สิบปี ประชาชนมีความเป็นอยู่อย่างแร้นแค้น ถูกเอารัดเอาเปรียบและกดขี่ข่มเหง... ทำให้เกิดกลุ่มต่อต้านเผด็จการกลุ่มเล็กกลุ่มน้อยมากมายหลายกลุ่ม หนึ่งในนั้นก็คือกลุ่มเมฆขาวแห่งเมืองตองจีที่มีท่านบาญาณ บิดาของอราสาเป็นผู้นำ ซึ่งเป็นกลุ่มที่ดูเหมือนจะเข้มแข็งที่สุด...และนับวันจะมีผู้ติดตามมากขึ้น ทำให้นายพลเส่งบาต้องมอบหมายให้คินเว ผู้บัญชาการหน่วยรบทมิฬ ที่เคยสร้างผลงานในการปราบปรามชนเผ่าที่แข็งข้อมานักต่อนัก กลับมาจากชายแดนเพื่อสยบคนกลุ่มนี้...
ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับอินเซน ชายหนุ่มคนใกล้ชิดท่านบาญาณที่แอบหลงรักอราสามาเนิ่นนาน เขาวางแผนลอบสังหารคินเว แต่ถูกจับได้ และเมื่อบาญาณตามไปช่วยอินเซน เขาก็ถุกจับเป็นตัวประกันอีกคน โดยคินเวยื่นข้อเสนอให้อราสาต้องแต่งงานกับเขา เพื่อแลกกับอิสรภาพของพ่อและเพื่อนสนิท
การแต่งงานภายใต้เงื่อนไขต่อรองเช่นนี้จะก่อให้เกิดเป็นความรักได้หรือไม่? และอย่างไร? ต้องตามลุ้นในนิยายแล้วล่ะค่ะ
ความรู้สึกหลังอ่าน... เป็นนิยายอีกเล่มที่อ่านอย่างเพลิดเพลินและติดพันจนอ่านได้แบบรวดเดียวจบ (พร้อมกันก็แอบสงสัยตัวเองว่าไปอยู่ที่ไหนมาถึงเพิ่งได้อ่านนิยายดีงามเล่มนี้เนี่ย...)
ชอบมาก ดีงามมากค่ะ... แม้จะเป็นพล็อตและเรื่องราวที่แสนจะธรรมดาและค่อนข้างคุ้นเคย ขณะอ่านเราจะได้กลิ่นอายจินตนิยายแนวเดียวกันนี้ เรื่องเด่น ๆ ของนักเขียนรุ่นใหญ่หลายเรื่อง (เช่นโสมส่องแสง - รอยอินทร์ ของโรสลาเรน เสลาดารัล ของกิ่งฉัตร เป็นต้น) หากด้วยสำนวนภาษาที่ค่อนข้างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของคนเขียน ทำให้เราไม่รู้สึกถึงความช้ำหรือซ้ำของเนื้อหานิยายเลยแม้สักนิด...
กุสาวดีเป็นดินแดนสมมติที่ผู้เขียนสร้างขึ้นตามจินตนาการ แต่จากเรื่องราวเนื้อหา ฉาก ชื่อตัวละคร ตลอดถึงขนบธรรมเนียมประเพณีที่ปรากฏในเนื้อเรื่อง ก็ทำให้เรารู้สึกคุ้นเคยและมโนตามได้ไม่ยาก เพราะดูเหมือนจะ(ไม่ใช่ก็...)ใกล้เคียงกับเพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียงของเรานี่เอง ทำให้อ่านแล้วเชื่อได้ว่ากุสาวดี เป็นดินแดนที่มีอยู่จริง มีบ้านมีเมือง มีผู้คน ตลอดถึงวัฒนธรรมประเพณีของตัวเองจริง ๆ
ผู้เขียนได้ออกตัวไว้ในหน้าคำนำว่านิยายเรื่องนี้ไม่ใช่นิยายการเมือง หากแต่เป็นนิยายรักที่มีการเมืองเป็นส่วนประกอบ... ซึ่งอ่านแล้วก็รู้สึกได้เช่นนั้นจริง ๆ เพราะปมหลัก ๆ ของเรื่อง ก็คือเรื่องราวความรักของคู่พระ-นางที่เกิดขึ้นท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมือง การแย่งชิงอำนาจการปกครอง ซึ่งก็ดำเนินไปตามแบบแผนของนิยายแนว ๆ นี้โดยทั่วไป ผู้ที่ครองอำนาจอยู่ก็ต้องพยายามยื้อยุดอำนาจนั้นไว้กับตัวให้ยาวนานที่สุด ในขณะที่ผู้ที่สูญเสียก็พยายามยื้อแย่งกลับคืน...
โดยในส่วนนี้ผู้เขียนก็ได้ผูกปม วางพล็อตไว้อย่างชวนให้ลุ้น ชวนให้ติดตามไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นฉากการปลงพระชนม์อย่างเหี้ยมโหด เลือดเย็น... ฉากพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ประจำปี...จนถึงฉากการก่อความวุ่นวาย จลาจลทางการเมือง...ฯลฯ ผู้เขียนสามารถบรรยายให้ผู้อ่านนึกภาพตามได้โดยง่าย
มาจนถึงเรื่องราวความรักความสัมพันธ์ของตัวละคร อันเป็นปมหลักของเรื่อง ผู้เขียนต้องพิถีพิถันในการบอกเล่าร้อยเรียง... เพื่อให้ผู้อ่านได้สัมผัสถึงความรักอันลึกซึ้ง ดึ่มด่ำ ที่ก่อเกิดขึ้นบนพื้นฐานอันง่อนแง่นของสถานการณ์ กับความคลุมเคลือของพฤติกรรมและที่มาที่ไปของพระเอก.. แม้จะไม่มีซีนหวาน ๆ มากมายนัก แต่ก็ใช่ว่าจะจืดชืดเสียทั้งหมด อย่างน้อยก็มีฉากของการชิดใกล้ให้ได้ค่อย ๆ ซึมซับน้ำใจระหว่างกัน ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน แม้จะยังหวาดระแวงแคลงใจ แต่ก็เป็นไปภายใต้ความรู้สึกห่วงใยและเอื้ออาทรอย่างลึกเร้น คนอ่านอ่านแล้วอินตามอ่ะ เข้าใจความคิดความรู้สึกของทั้งฝั่งพระเอกนางเอกเลย
และนอกเหนือจากความรักของคู่พระ-นางแล้ว ยังมีคู่รองอีกสองคู่ที่้พาฟิน ความรักอันซาบซึ้ง เสียสละของคู่ใหญ่ กับความรักอันกุ๊กกิ๊ก พ่อแง่แม่งอนของคู่เล็ก มีบทบาทสร้างสีสันให้นิยายมีความเป็นนิยายรักโรแมนติกได้สมบูรณ์ขึ้น
สรุปเลยแล้วกันว่า...ชอบมากกกกกก...(ก.ไก่อีกหลายตัว) เคยอ่านงานของเรซิ่นมาสองสามเรื่อง ชอบทุกเรื่องที่ได้อ่าน... เล่มนี้ก็ไม่แตกต่าง เรียกได้ว่ายิ่งอ่านก็ยิ่งชอบขึ้นเรื่อย ๆ เห็นทีต้องตามเก็บผลงานเก่า ๆ มาอ่านอีก เพราะดูเหมือนช่วงหลังนี้ เธอจะไม่มีงานเขียนใหม่ ๆ ออกมาอีกเลย
อ้อ...นิยายเรื่องนี้ ทราบในภายหลังว่าได้รับรางวัลชมเชยจากคณะกรรมการพัฒนาหนังสือแห่งชาติ ประจำปี ๒๕๕๓ ด้วยค่ะ ก็สมควรอยู่นะคะ ขอชื่นชมและยินดีกับผู้เขียนค่ะ เล่มที่อ่านเป็นฉบับพิมพ์ครั้งแรก ปี ๒๕๕๒ คาดว่าหลังจากได้รางวัลแล้ว สนพ.คงมีการจัดพิมพ์เพิ่มอีกเป็นแน่ ใครนิยมจินตนิยายแนว ๆ นี้ไม่น่าพลาด...
ชวนอ่านอย่างแรงค่ะ
|
อ้อ ฉบับนี้พิมพ์กับไฟน์บุ้ค แล้วก็มีการจัดพิมพ์ครั้งที่สองแล้วนะคะ ฉบับพิมพ์ครั้งสองหน้าปกงามเลิศกว่าเดิมอีก (เดิมเป็นหนังสือค่อนค้าง rare แต่โชคดีที่ สนพ ตีพิมพ์อีกรอบ แต่ก็ยังหายากอยู่ดีค่ะ)