|
หนึ่งร้อยพันรัก - สลักไว้ในใจเดียว - แรกเกี่ยวดวงใจ ผู้เขียน : อัญชรีย์ ผู้พิมพ์ : สนพ.แจ่มใส
ขออนุญาตเมาท์มอยหลังอ่านทั้งสามเล่มสามเรื่องรวดเดียวแบบ 3 in 1... โดยไม่ต้องก๊อปปกหลังมาวางแล้วนะคะ เพราะหนังสือชุดนี้ออกมาสักระยะหนึงแล้ว มีเพื่อนบล็อกพูดถึงกันเยอะอยู่พอประมาณ...
ได้ชื่อว่าเป็นนิยายชุด เพราะพระเอกของทั้งสามเรื่องเป็นพี่น้องแฝดสาม ที่หน้าตาเหมือนกันเด๊ะ ๆ เป็นพิมพ์เดียว แต่อุปนิสัยแตกต่างกันแทบจะคนละขั้ว...
หากจริง ๆ แล้ว เนื้อหาในแต่ละเล่มค่อนข้างแตกต่าง และเป็นเอกเทศต่อกัน สามารถแยกอ่านเดี่ยวเล่มใดเล่มหนึ่งได้ แต่ถ้าใครเป็นแฟนคลับตัวจริงของคุณอัญชรีย์ล่ะก็ ก็น่าจะได้อ่านให้ครบทั้งสามเล่มนะคะ
เริ่มตั้งแต่เรื่องราวของพี่ชายคนโตอย่างนายหนึ่ง-อนัญญะใน "หนึ่งร้อยพันรัก"
อาจจะด้วยความที่ถูกกำหนดให้เป็นพี่คนโต ทำให้อนัญญะเป็นคนที่ค่อนข้างเข้มงวดจริงจัง มีความรับผิดชอบ และอยู่ในกรอบระเบียบ น่าเชื่อถือ... ดังนั้น เมื่อจู่ ๆ ก็มีสาวน้อยหน้าใสบุกเข้ามาทวงสัญญาที่เขาไม่รู้อิโหน่อิเหน่ด้วย ทำให้เขาเกิดอารมณ์หงุดหงิดขึ้นมาจึงเผลอบริภาษเจ้าหล่อนไปด้วยวาจาเผ็ดร้อน ไร้เยื่อใย
ต่อเมื่อเขาได้มารู้ความจริงจากนายเดียว - อนันยช แฝดคนกลางของเขา ว่าแท้จริงสาวน้อยคนนั้นคือหนูแนน-สนธิลา เพื่อนข้างบ้านที่เคยตามติดเขาแจในสมัยยังเด็ก และเธอก็ไม่ใช่เด็กสาวใจแตกอย่างที่เขาประณาม... หากเธอเป็นว่าที่แพทย์หญิงที่มีอุดมการณ์สูงส่ง ด้วยเธอต้องการไปทำงานใช้ทุนในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพียงแต่เธอมีปัญหาเพราะพ่อกับแม่ไม่อนุญาต เว้นแต่ว่าเธอจะยอมแต่งงานกับคนที่พวกเขาจัดหาให้เสียก่อน ทำให้เมื่อเธอพบกับอนันยช แล้วเขาอำเธอว่าเขาคือพี่หนึ่ง อนัญญะ ด้วยท่าทีสนิทสนมเป็นกันเอง เธอจึงเอ่ยปากขอให้เขาช่วยปลอมเป็นแฟนหลอก ๆ ของเธอ และนายเดียวก็ยอมตกปากรับคำอย่างง่ายดาย...
นั่นจึงเป็นที่มาของการทวงสัญญาที่สร้างความงงงันปนหงุดหงิดให้กับอนัญญะในเบื้องแรก
...............
เล่มนี้อ่านสนุกค่ะ คุณอัญชรีย์ยังคงรักษาคอนเซ็ปต์ "รักกำมะลอ" ของเธอไว้อย่างเหนียวแน่น มีบทกุ๊กกิ๊กแง่งอนระหว่างพระ-นางให้ได้จิ้นได้ฟินกันกระจาย
แต่จุดดึงดูดที่โดดเด่นในเรื่องนี้ ไม่ได้อยู่ที่จุดนี้เท่านั้น สำหรับตัวเองแล้วคิดว่าอยู่ที่บรรดาเพื่อน ๆ ร่วมก๊วนของนางเอก ที่คนอ่านนิยายของนักเขียนนามนี้ย่อมจะคุ้นเคยกันเป็นอันดีอยู่แล้ว โดยเฉพาะหมอปั๊บ - ปณิธิที่ยังคงอุปนิสัยกวน เกรียนไว้อย่างคงเส้นคงวา
แต่คนที่เคยอ่าน"มารร้ายคู่หมายรัก"มาก่อนอาจจะงงนิดหน่อยกับไทม์ไลน์ เพราะเล่มนั้นออกมาเมื่อราว ๆ สองปีก่อน หมอปั๊บเป็นพระเอกคู่กับน้องกล้วย-กัทลีรัตน์ แต่ในเล่มนี้กลับพาย้อนเวลาไปช่วงที่เขาเพิ่งเรียนจบ และเริ่มจะทำงานใช้ทุนในโรงพยาบาลในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้พร้อมกับนางเอก
ในเรื่องนี้ ช่วงต้น ๆ หมอปั๊บจึงกลายเป็นตัวแปรสำคัญ ที่เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาให้พระเอกของเราต้องคอยตามง้อนางเอกอย่างรีบด่วน ก่อนที่เธอจะเห็นผิดเป็นชอบ หันมากิ๊กกั๊กกับหมอปั๊บตามคำยุแหย่ของเพื่อน ๆ ของเธอ
สาระและความน่าสนใจของเรื่องนี้อยู่ที่อุดมการณ์ของนางเอกกับเพื่อน ๆ ที่เลือกจะไปทำงานใช้ทุนในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ในภาวะที่เกิดเหตุการณ์ไม่สงบในพื้นที่อยู่บ่อยครั้ง
จุดที่ชวนหงุดหงิดรำคาญใจในเรื่องนี้น่าจะเป็นตัวประกอบอย่างยายฤทัย เลขาหน้ามึนของนายหนึ่งนั่นแหละ จุ้นจ้าน ก้าวก่ายเรื่องของเจ้านายจนน่าเกลียด ส่วนตัวร้ายอย่างดุสิตานั่นก็ไม่ได้ร้ายวีนเหวี่ยงอะไรมากมาย เป็นแค่คนที่มั่นใจในเสน่ห์ของตัวเองมากเกินไปเท่านั้นเอง...
มาถึงเล่มที่สอง "สลักไว้ในใจเดียว"
เป็นเรื่องราวของนายเดียว อนันยช (ตัวการที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิดในเล่มแรกนั่นแหละค่ะ) เรื่องราวจะแตกต่างจากเล่มแรกอย่างค่อนข้างจะสิ้นเชิง
เล่มนี้จะเรียกว่าเป็นงานชุมนุมฝาแฝดก็คงไม่ผิดนัก... นับตั้งแต่พระเอก - อนันยช เป็นแฝดคนกลางในแฝดสามชาย ส่วนนางเอกลลนาก็มีพี่สาวฝาแฝด-นลินี ที่เป็นแม่ตัวจริงของลูกพีช-ลูกพลัม เด็กหญิงแฝดวัยสี่ขวบเศษ ๆ อีกหนึ่งคู่... และแฝดคู่นี้เองที่กลายเป็นปมสำคัญ ก่อให้เกิดเป็นนิยายรักวุ่น ๆ เรื่องนี้ขึ้นมา
เริ่มตั้งแต่จู่ ๆ ลลนาก็จูงลูกสาวแฝดมาพบกับอนันยช ระบุว่าเด็กหญิงแฝดคู่นี้เป็นลูกสาวของเขา พร้อมรูปถ่ายที่เป็นหลักฐานสำคัญว่าเธอเคยมีความสัมพันธ์... หรืออย่างน้อยก็เคยรู้จักมักคุ้นกับเขามาก่อนจริง ๆ อนันยชมั่นใจว่าเขาไม่ใช่พ่อของคู่แฝดนั้นแน่ ๆ แต่ความที่เขารู้จักแฝดพี่และน้องของเขาดี ทำให้เขาค่อนข้างเชื่อว่าคนที่ถ่ายรูปคู่กับหญิงสาวคนนั้น(และอาจจะเป็นพ่อของเด็กแฝด) น่าจะเป็นอนัญลักษณ์ แฝดคนน้องของเขานั่นเอง แต่ ณ ตอนนั้น อนัญลักษณ์ยังติดงานอยู่ต่างประเทศ ไม่อาจมาพิสูจน์ตัวตนหรือแสดงความรับผิดชอบได้ ซ้ำยังต้องปิดเรื่องนี้เป็นความลับ ไม่ให้แฝดคนโตอย่างอนัญญะรู้เรื่อง เพราะเกรงว่าเขาจะเรียกตัวอนัญลักษณ์กลับมา ทำให้เสียงานเสียการไปอีก
ภาระในการดูแลสามคนแม่ลูกจึงต้องตกเป็นของเขา... คนที่แสนจะเกลียดเด็กเป็นที่สุดไปโดยปริยาย...
แต่ชะรอยคำกล่าวที่ว่า...เกลียดสิ่งไหน มักได้สิ่งนั้น...คงจะเป็นจริง แม้เขาจะพยายามกันตัวเองออกห่าง โดยให้ความช่วยเหลือเฉพาะด้านการเงินและที่อยู่อาศัย แต่ทำไปทำมาเรื่องราวมันกลับพัวพันซับซ้อน เข้าตัวมากไปกว่านั้น ด้วยเหตุหลายประการ... ตั้งแต่อนัญญะเกิดรู้เรื่องขึ้นมาอย่างบังเอิญ เลยบังคับให้เขาพาสามคนแม่ลูกเข้ามาอยู่ในบ้านเดียวกันกับเขา... ฤทัยเกิดชอบลลนาจนคิดอยากได้เป็นน้องสะใภ้ ยุยงให้น้องชาย(ที่เธอเกรงว่าจะเบี่ยงเบนทางเพศ)ตามจีบ... ลลนาเองก็ช่างเป็นคนหัวอ่อน ว่าง่าย ซื่อใสเกินกว่าจะเป็นเด็กใจแตกที่มีลูกตั้งแต่อายุสิบเจ็ด... ............ ฯลฯ
ทังหมดทั้งมวลนั่นออกจะสั่นคลอนความรู้สึกของอนันยชไม่เบา แต่เขาไม่อาจจะคิดเกินเลยกับเจ้าหล่อนได้โดยเด็ดขาด... ก็หล่อนเป็น"อดีต"คู่ขาของน้องชายเขา ต่อให้เป็นหนุ่มหัวสมัยใหม่ขนาดไหน เขาก็ไม่อาจยอมรับความจริงข้อนี้ได้
เล่มนี้ออกแนวพาฝันที่สุดในชุดค่ะ... พระเอกหล่อ เริ่ด รวย แถมเจ้าเล่ห์แสนกวนซะ ส่วนนางเอกก็เป็นสาวซื่อ ๆ หัวอ่อน แต่ต้องปิดบังตัวตน ไว้ภายใต้ภาพลักษณ์ของซิงเกิ้ลมัม อดีตเด็กใจแตกทีเคยพลาดจนมีลูกตั้งแต่อายุไม่ถึงยี่สิบ
ตัวละครโดดเด่นในเรื่องนี้ก็ต้องเป็นสาวน้อยคู่แฝด ลูกพีชกับลูกพลัมแหละค่ะ ส่วนตัวชอบอ่านนิยายที่มีตัวละครเด็ก ๆ อยู่แล้ว เล่มนี้ก็น่าจะถือว่าเข้าทางที่สุดค่ะ
แต่แปลกใจกับยายฤทัย เลขาคุณหนึ่งจากเล่มก่อน มามีบทบาทไม่น้อยในเล่มนี้ ในฐานะที่สมรู้ร่วมคิดกับอนันยชปกปิดเรื่องของลลนามาแต่ต้น... ซ้ำยังติดอกติดใจแม่ลูกสองอย่างลลนาจนอยากได้เป็นน้องสะใภ้ ที่แปลกใจก็คือ จากเล่มก่อน เจ้าหล่อนตั้งป้อมรังเกียจรังงอนสาวน้อยหน้าใสอย่างหมอแนนเป็นนักเป็นหนา ทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็ไม่ได้เป็นญาติโกโหติกาอะไรกับคุณหนึ่ง แต่กลับทำท่ากีดกันจนน่าเกลียด
แต่มาตอนนี้ ลลนาในวัยใกล้เคียงกับหมอแนน จูงลูกแฝดหนึ่งคู่มาทวงสิทธิ์ค่าเลี้ยงดูจากพระเอก ทั้ง ๆ ที่ยังไม่แน่ใจว่าเขาเป็นพ่อของเด็กแฝดนั่นหรือเปล่า คะเนจากอายุของแม่และเด็ก แปลว่าลลนาต้องมีลูกตั้งแต่อายุสิบเจ็ด สิบแปด สภาพการณ์น่ารังเกียจกว่าตอนที่หมอแนนมาทวงสัญญาความเป็นแฟนจากคุณหนึ่งเสียอีก ยายฤทัยคนเดิมนี่แหละ กลับเอื้อเอ็นดู รักใคร่ชื่นชม ปนสงสารพร้อม ไม่รังเกียจแม้สักนิดที่จะรับมาเป็นน้องสะใภ้ ... ทำไมเปลี่ยนทัศนคติได้เร็วนักนะ
มาถึงเล่มที่สาม..."แรกเกี่ยวดวงใจ"
เรื่องราวของอนัญลักษณ์...แฝดคนสุดท้อง (ผู้ต้องสงสัยอันดับหนึ่งว่าเป็นพ่อของเเด็กหญิงคู่แฝดจากเรื่องก่อนหน้า) ชายหนุ่มผู้เย็นชา หวงแหนความเป็นโสดตัวพ่อ แต่เขากลับมีฟีโรโมนแรงกล้า ดึงดูดสาวๆ ให้อยากจะโถมตัวเข้าหามากมาย... รวมถึงนางเอกของเราอย่างหทัยภัทร เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อที่แอบหลงรักอนัญลักษณ์มาเนิ่นนาน
ขอสารภาพว่าเกือบอ่านเล่มนี้ไม่จบแน่ะค่ะ...มันเวิ่นเว้อ ยืดยาดที่สุด(คหสต.ล้วน ๆ น๊า) เรื่องทั้งเรื่องตอกย้ำซ้ำซากอยู่แต่ทำยังไงพระเอกจะยอมรับ(ว่า)รัก ยอมกินนางเอกเสียที
แถมสถานการณ์ที่สร้างขึ้นมาเพื่อเป็นเหตุเป็นผลให้ทั้งคู่ต้องมาอยู่บ้านเดียวกัน ใกล้ชิดกันก็โหดซะ... ประมาณว่า...จู่ ๆ บ้านนางเอกก็เกิดเหตุฆาตกรรมหมู่ มีคนตายไม่ใช่แค่หนึ่งหรือสองศพ แต่ตายเกลื่อนถึงสี่ศพ! แล้วนางเอกก็ให้ต้องรักบ้านนี้เป็นนักเป็นหนา ไม่ยอมย้าย ไม่ยอมขาย ยังไงก็ต้องอยู่ในบ้านสี่ศพนี้ให้ได้ ร้อนถึงพระเอกต้องมาอยู่เป็นเพื่อนไง ถึงได้บอก ว่าคนเขียนช่างสร้างสถานการณ์ได้โหดเหลือใจ
จุดหนึ่งที่ทำให้อ่านเรื่องนี้ได้จบทั้ง ๆ ที่รู้สึกค่อนข้างฝืดและฝืนกับเนื้อเรื่อง ก็คือเรื่องนี้ดำเนินเรื่องโดยนางเอก...ผ่านสรรพนาม"ฉัน" ซึ่งเป็นแนวที่ส่วนตัวชื่นชอบ...แม้ว่า(เฉพาะเล่มนี้)จะไม่ค่อยอินกับนางเอกสักเท่าไหร่ก็ตาม
ตัวละครเด่น ๆ ในเรื่องนี้น่าจะเป็นยายเจ๊เดซี่ เพื่อนสนิทนางเอกที่คอยจิกกัดแกมยุยงส่งเสริมให้นางเอกอ่อยพระเอกอยู่นั่นแล้ว
กับแม่บ้านหน้าตาย(แต่ฉลาดล้ำลึกมาก)อย่างใบตอง ที่ตามอนัญลักษณ์ มาอยู่เป็นเพื่อนหทัยภัทร เพราะเจ้าหล่อนไม่กลัวผีกับเพื่อกันข้อครหานั่นเอง
สรุปนะคะ...อ่านจบแล้วทั้งสามเล่มสามเรื่อง ชอบตามลำดับมาเลยค่ะ เล่มแรกดูสมเหตุสมผล ความที่นางเอกเป็นหมอ และทำงานในพื้นที่อันตราย ก็จะมีเรื่องราว บรรยากาศของการทำงานให้ได้ติดตาม คอยเอาใจช่วย ในเรื่องของความรักก็กุ๊กกิ๊กๆ มีการตามง้องอน ตามหึงหวงกันให้ได้จิ้นได้ฟินกันกระจาย
เรื่องที่สองก็มาอันดับสองแล้วกัน แม้จะชอบนิยายที่มีตัวละครเด็ก ๆ เป็นตัวชูโรง แต่ที่ให้คะแนนเรื่องนี้น้อยกว่าเล่มแรกก็อาจจะเป็นด้วยมันออกแนวดราม่าพาฝันไปนี๊ดนึง แล้วก็ฝาแฝดมันเยอะเกินเหตุเกินผลไปนิดนึงอะ
เล่มสุดท้ายก็อย่างที่บอก เรื่องทั้งเรื่องมีแต่อาการเวิ่นเว้อเพ้อพล่ามของนางเอก ที่หลงรักพระเอก ทีส่วนตัวมองไม่เห็นเสน่ห์ดึงดูดซักกะนิด แถมแสดงออกถึงความหื่น...อย่างเปิดเผยและออกนอกหน้ามาก
ไม่รู้สิ มันไม่อินอะ (แต่ก็อ่านจนจบนะ แปลว่าเขาก็คงมีดีของเขาแหละ แหะ ๆ )
|
แต่มีสามเล่มก็เลยท้อนิดหน่อย
เดือนนี้น่าจะได้เริ่มอ่านซักเล่มก่อนค่ะ