|
มารยารักร้อยเล่มเกวียน ผู้เขียน : "อัญชรีย์" ผู้พิมพ์ : สนพ.แจ่มใส (พิมพ์ครั้งที่ 2/ พ.ค.'56) 599 หน้า ราคา 319 บาท
เรื่องย่อ(จากปกหลัง):
ชญานิน พีอาร์สาวสุดเซ็กซี่กำลังเจอวิกฤตชีวิต เธอมีปัญหาในที่ทำงานได้ไม่เว้นแต่ละวัน การลาออกจึงเป็นคำตอบที่ดีที่สุด หญิงสาวยอมตกงานซะดีกว่าต้องไปเจอเพื่อนร่วมงานเฟกๆ ที่คอยแต่จะแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น เฮ้อ คิดแล้วก็เพลียหัวใจจริงๆ
และเพราะจู่ๆ ก็ตกงานนี่แหละ เธอจึงคิดว่าไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้ว ดังนั้นเพิ่มความวายป่วงให้ชีวิตอีกนิด... ด้วยการไปสารภาพรักเพื่อนสนิทที่เธอคิดไม่ซื่อมากว่าสิบห้าปีซะหน่อยก็ท่าจะดี แต่รู้อะไรมั้ย นอกจากจะต้องขายหน้ากับเพื่อนรักแล้ว เธอยังพบว่า จิรภาส พี่ชายของเขาดันมาเป็นสักขีพยานในการสารภาพรักครั้งนี้แบบไม่ได้รับเชิญอีกต่างหาก โอย ให้มันได้อย่างนี้สิ นี่เป็นเรื่องน่าอายไร้ศักดิ์ศรียิ่งกว่าอะไรทั้งหมดเลยนะ!
แต่ดูเหมือนว่าพระพรหมท่านจะลิขิตทุกอย่างไว้หมดแล้ว เพราะไม่นานเธอก็ต้องเผชิญหน้ากับจิรภาสอีกครั้งเมื่อเขาเสนอ งานพิเศษ ที่มีรายได้งามสุดๆ ให้ และแม้จะไม่ทันตั้งตัวในตอนแรก แต่มีเหรอที่สาวมั่นอย่างชญานินจะหวั่น งานนี้จ้างล้านก็ทำให้ร้อยล้านเลยเอ้า!
หลังอ่าน... นิยายเล่มหนาเตอะ แต่อ่านสนุกมาก เพลินจนแทบจะลืมกินลืมนอน 55... ขอถอนคำพูดที่เคยบ่นว่านิยายเล่มหลัง ๆ ของคุณอัญชรีย์ออกแนวซ้ำซาก เวิ่นเว้อ... (แต่เล่มนี้ก็มีช่วงเวิ่นเว้ออยู่นะ เพียงแต่มีมุกขำกิ๊ก ฮาก๊ากมาช่วยเบรคไว้เยอะ เลยหักกลบลบล้างกันไปได้)
เล่มนี้คนเขียนบอกว่าเป็นเล่มต่อเนื่องจาก'กังวานปรารถนา'... ซึ่งจขบ.ก็ได้อ่านแล้วแต่ไม่ประทับใจเท่าไหร่ เลยแทบจะไม่หลงเหลืออยู่ในหัวเลยว่าในเล่มนั้น ชญานินเคยก่อวีรกรรมอะไรไว้นักหนาจนได้อัพเกรดมาเป็นนางเอกในเรื่องนี้ได้
แต่ก็ช่างเรื่องนั้นเถอะ เพราะเฉพาะ"มารยา(มากกว่า)ร้อยเล่มเกวียน"ของเจ้าหล่อนในเล่มนี้ ก็ทำให้คนอ่านหลอนจนไม่ต้องไปเสาะแสวงหาเบื้องลึกเบืองหลังอะไรของเจ้าหล่อนอีกต่อไปแล้ว
เรื่องราวโดยย่อก็เป็นไปตามปกหลังนั่นแหละค่ะ... (สนพ.เขาย่อมาดีแล้ว เคยบอกไว้ในบล็อกก่อน ๆ ว่านิยายคุณอัญชรีย์ย่อค่อนข้างยาก เพราะทั้งเรื่องราว ทั้งตัวละครค่อนข้าง"เยอะ"(ไม่ว่าจะในแง่ปริมาณหรือด้านพฤติกรรม) อ่ะนะ แต่ก็จะพยายาม...) เพิ่มเติมอีกนิด ๆ ละกัน...
เรื่องนี้เขาให้นางเอกเป็นตัวเดินเรื่อง...(เกือบจะตลอดทั้งเรื่อง) คนอ่านจะรู้จักตัวละครคนอื่น ๆ ผ่านความคิด(แบบเข้าข้างตัวเองสุด ๆ)ของนางเอก แต่ก็มีพาร์ทที่ให้พระเอกเป็นผู้เล่าบ้าง...เพื่อเฉลยปมบางปมที่นางเอกไม่รู้
เริ่มจากนางเอก-ชญานินกำลังตกงานและอกหักพร้อม ๆ กัน เมื่อได้ข่าวว่าจิรภาส - - พี่ชายต่างแม่ของนายตั๋ง เพื่อนสนิท(ที่เธอแอบคิดไม่ซื่อ หลงรักมันมาตั้งสิบห้าปี!)- - ประสบอุบัติเหตุจนสูญเสียการมองเห็น และเขาค่อนข้างมั่นใจว่าเขาถูกปองร้ายจากคนในครอบครัว เขาจึงเสนอจ้างชญานินให้มาเป็นภรรยากำมะลอของเขา เพื่อดูแลเขากับลูกชายวัยสองขวบ และกันผู้หญิงที่แม่เขาเตรียมไว้ให้แต่งงานด้วย กับที่สำคัญ...เพื่อสืบหาตัวคนร้ายที่อยู่เบื้องหลังอุบัติเหตุของเขา...
แม้เขาไม่ได้กำหนดช่วงระยะเวลาของงาน แต่ด้วยค่าจ้างที่สูงถึงสามล้านห้า ก็ทำให้ชญานินตัดสินใจรับงานนี้ และทุ่มเทให้กับงานเต็มที่ แม้จะต้องเปลี่ยนลุคตัวเองจากสาวเปรี้ยวสุดเหวี่ยงมาเป็นสาวแบ๊วสุดหวาน(ตามสเป็กของจิรภาส เพื่อความสมจริง) หรือถูกกีดกันจากแม่สามีจอมอคติอย่างคุณจินดาภัคเธอก็ไม่หวั่น...
แต่สิ่งที่ทำให้สาวมั่นอย่างเธอหวั่นไหวกลับเป็นเสน่ห์อันร้ายกาจของสามีในนามของเธอนี่สิ นายตั๋งยิ่งไซโคให้เธอหลอนอยู่ด้วยว่า อาการที่เธออกหักจากเขานั่นเป็นเรื่องจิ๊บ ๆ แต่ถ้าเธอเผลอใจไปหลงรักจิรภาสเข้าจริง ๆ ละก็...เธอต้องปางตายแน่ ๆ
แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว...งานนี้เธอรู้สึกว่ามันท้าทายชะมัด... ฉะนั้น มารยาหญิงมีกี่ร้อยเล่มเกวียนเธอต้องงัดออกมาใช้ให้หมด!
ชอบนางเอกเรื่องนี้ค่ะ เธอตรงและแรงได้ใจมาก แต่บทพระเอกดูจะคลุมเครืออยู่เล็กน้อย ตอนแรก ๆ เปิดตัวมาเหมือนจะเป็นพ่อม่ายลูกติดที่ทรงเสน่ห์ เพอร์เฟ็กต์ไปเสียทุกอย่าง แต่มาตอนหลัง ๆ กลับกลายเป็นเข้าอีหรอบเดิม ๆ ของพระเอกสไตล์อัญชรีย์ไปจนได้ ตรงที่...มีปมเรื่องคนรักเก่าจนเอามาเปรียบเทียบกับผู้หญิงคนปัจจุบัน ขี้หึงแบบไม่มีเหตุผล ทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็ทำตัวไม่ชัดเจน...ฯลฯ
ดังนั้น จุดที่ชอบในเรื่องนี้จึงไม่ยักกะเป็นเลิฟซีนชวนจิ้นระหว่างพระนาง... (ที่มีอยู่เพียบตามสไตล์คนเขียนเค้าแหละค่ะ) หากแต่เป็นความสัมพันธ์ฉันเพื่อนอันลึกซึ้งระหว่างชญานินกับนายตั๋งโต๊ะมากกว่า
เรียกว่ารออ่านแต่บทที่สองคนนี้คุยกันนั่นแหละ...ชอบที่เค้าช่างรู้จิตรู้ใจกัน ทันกันตลอดจริง ๆ ทั้ง ๆ ที่แอบสะใจเล็ก ๆ ที่นายตั๋งเกิดอาการหวงก้างขึ้นมาในตอนหลัง แต่ลึก ๆ ก็สงสารนะ เพราะมันสัมผัสได้ถึงความรัก ความเป็นห่วงอย่างจริงใจที่เพื่อนมีให้เพื่อน
ขอยกตัวอย่างบทสนทนาตอนหนึ่งของสองคนนี่ ที่อ่านแล้วขำกลิ้ง... (แล้วก็พยักหน้ากับตัวเองหงึกหงักว่า เออ มันก็จริงแฮะ)
"สมัยนี้น่ะ ผู้หญิงรุมกันแย่งผู้ชายมันเป็นเรื่องธรรมชาติ แต่ผู้ชายรุมกันแย่งผู้หญิงน่ะมันไม่เมกเซ้นส์ เป็นไปได้ยาก" วีรัชแจงให้ฟังอย่างใจเย็นด้วยสุ้มเสียงจริงจัง "แกเคยได้ยินไหมที่เขาว่าผู้ชายร้อยคน เป็นเกย์ไปสามสิบ เป็นสามีเกย์ยี่สิบ มีเมียแล้วยี่สิบ อยู่ในคุกอีกสิบ มุ่งสู่นิพพานห้า อุบาทว์เกินทนห้า ไร้สมรรถภาพห้า ติดเชื้อเอชไอวีไปสาม อยู่โรงพยาบาลบ้าหนึ่ง..."
"สรุปว่ามันเหลือที่ใช้การได้กี่คน ฉันขี้เกียจคำนวณ"
"คนเดียว" วีรัชตอบชัดถ้อยชัดคำ "แค่นี้แหละที่เหลือไว้ให้สาวโสดอย่างพวกแกสู้รบปรบมือเพื่อแย่งชิงกัน ฉันเองก็เป็นหนึ่งในร้อยที่ว่า" ............ "แกน่ะ ถ้าไม่ติดเชื้อเอชไอวีไปแล้วก็อุบาทว์เกินทน ไม่ใช่ไอ้คนเดียวที่เหลืออยู่นั่นหรอก อย่ามาเนียน!"
............
แต่นิยายเขาไม่ได้มีแต่เรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ แบบน้ำเน่า ๆ ประเภทสามี-ภรรยากำมะลอที่พอมาอยู่ใกล้ชิดกันก็สปาร์กอะไรกัน จนกลายเป็นรักกันจริง ๆ แล้วจบแฮปปี้เอนดิ้งหรอกนะคะ เขายังมีเรื่องของการทำงาน การสร้างรีสอร์ต เรื่องครอบครัว เรื่องของปมปัญหาในใจวัยรุ่น... เรียกได้ว่า ก็ค่อนข้างครบรสล่ะค่ะ สำหรับนิยายเล่มหนาเกือบหกร้อยหน้าอย่างนี้
อย่างที่บอกตอนต้นว่าคนเขียนเขาบอกว่าเรื่องนี้ต่อเนื่องมาจากเรื่อง"กังวานปรารถนา" แต่ตอนที่อ่านไม่ยักกะนึกถึงเรื่องนั้นหรอกค่ะ อ่านเรื่องนี้ได้อารมณ์คล้าย ๆ กับตอนที่อ่านอีกเรื่องหนึ่งของอัญชรีย์... จำชื่อเรื่องไม่ได้ จำได้แต่ว่านางเอกชื่อหยง แล้วมีเพื่อนชายคนสนิท ที่อยู่บ้านใกล้ ๆ กับพระเอกหรือไงนี่แหละ เล่มนั้นก็เป็นอีกเล่มหนึ่งที่ค่อนข้างชอบ รู้สึกได้ว่าเวลาเขาเขียนถึงความสัมพันธ์ฉันเพื่อน ของชาย-หญิงมันเป็นธรรมชาติและสมจริงดี
เป็นอีกเล่มที่เพิ่งอ่านจบไปหลังจากติดซีรียส์(เรื่องเก่า)ที่เพิ่งได้มาใหม่อยู่หลายวัน... (ยังดูไม่จบ เบรคอารมณ์ด้วยนิยายเรื่องนี้ ถ้าดูจบจะเก็บความมาเล่าค่ะ เพราะสนุกมาก)
หยิบมาเล่าต่อ ชวนอ่านกันค่า
ปอลอ.ถ้าพักนี้จะห่าง ๆ หน้าบล็อกไปบ้างก็แปลว่ากำลังคร่ำเคร่งอยู่หน้าจอซีรียส์เรื่องที่บอกนี่แหละค่ะ แหะ ๆ
|
ตอนอ่านกังวานปรารถนาไม่ประทับใจเท่าไหร่เหมือนกันค่ะ