|
แดนสรวง (ภ่าคต่อจาก"คารีนาส...ฟากฟ้าแดนใจ") ผู้เขียน :วินนา ผู้พิมพ์ : สนพ.อรุณ(พ.ย. ๕๖) ๓๑๕ หน้า ราคา ๒๔๕ บาท
เรื่องย่อ ๆ (จากปกหลัง)
เมื่อความรักแปรเปลี่ยนเป็นริษยา ศึกสายเลือดจึงปะทุขึ้นมาอีกครั้ง
หลังจากเหตุการณ์ช่วงชิงอำนาจของตระกูลคารีริสสงบลงเป็นเวลากว่าสิบปี 'เจตัส' ท่านผู้นำสูงสุดแห่งคารีนาสสูญเสียภรรยาไปกับเหตุการณ์ในครั้งนั้น จนบัดนี้ก็ยังไร้เงาหญิงใดเคียงคู่ แม้จะมีนางเล็กๆ ลับๆ อยู่บ้าง แต่ก็ไม่มีใครสามารถครอบครองหัวใจของเขาได้ บรรดาสาวๆ ในตระกูลชั้นสูงจึงต่างหมายใจจะได้ครองหัวใจท่านผู้นำรูปงาม เพื่อจะได้มีอำนาจในฐานะสตรีหมายเลขหนึ่ง แต่แล้วท่ามกลางการชิงรักหักสวาท โดยมีอำนาจทางการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง เจตัสกลับรับ 'เฮลลี' เด็กสาวผู้มีดวงตาสุกสกาวราวกับแสงดาว ช่างพูดช่างเจรจา และเฉลียวฉลาด ขึ้นมาเป็นนางเล็กๆ แถมยังโปรดปรานนางเป็นพิเศษอีกด้วย เมื่อเป็นเช่นนี้มีหรือที่เหล่าสาวงามในตระกูลชั้่นสูงและนางลับๆ คนอื่นจะพอใจ สถานการณ์ความรักที่ไม่เข้าใครออกใครพร้อมกับไฟริษยา จึงนำไปสู่เหตุการณ์วุ่นวายตามมา
ระหว่างความรักที่มีอำนาจสั่นคลอนหัวใจรุนแรง กับคลื่นใต้น้ำทางการเมืองที่เริ่มถาโถม เจตัสจะจัดการอย่างไร ต้องติดตาม
ความู้สึกหลังอ่าน...
"แดนสรวง" เป็นจินตนิยายที่ใช้ดินแดนสมมติ...คารีนาส...เป็นฉากของเรื่อง ซึ่งนับว่าเป็นแนวที่ส่วนตัวจะชื่นชอบเป็นพิเศษ แถมด้วยนามปากกานี้เคยผ่านตามาแล้ว ๑ เรื่อง('เติมใจในช่องว่าง') ก็ออกจะชื่นชมในฝีไม้ลายมืออยู่ จึงเลือกที่จะหยิบมาอ่านก่อนโดยไม่ลังเล พร้อมกับแอบคาดหวังนิด ๆ
แต่ก็ต้องชะงัก งันไปหนึ่งวิกับหน้าปกที่ระบุว่า...นิยายเรื่องนี้เป็นภาคต่อจาก 'คารีนาส...ฟากฟ้าแดนใจ' เกิดสงสัยว่า เอ๋...แล้วจะอ่านรู้เรื่องไหมนี่ เพราะเราไม่ได้อ่านคารีนาสฯ มาก่อน เข้าไปหาข้อมูลเรื่องนั้นจากเว็บสำนักพิมพ์ พบว่าเป็นนิยายเข้ารอบสุดท้ายรางวัลนายอินทร์อวอร์ดตั้งแต่ปี '๕๑ นู่นแน่ะ คิดว่า...ป่านนี้แล้วคงจะหาอ่านยากแล้วล่ะ ก็เลยได้แต่หวังว่าผู้เขียนคงจะไม่ได้ท้าวความหรืออ้างอิงถึงเรื่องราวในภาคแรกนั้นมากนัก... (ทั้ง ๆ ที่รู้สึกเสียดายเล็กน้อย เพราะคำว่า"เข้ารอบสุดท้ายรางวัลนายอินทร์อวอร์ด" น่าจะเป็นอะไรที่การันตีความน่าอ่านของนิยายเล่มนั้น ๆ อยู่ไม่น้อยทีเดียว)
เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วก็ลดเลเวลความคาดหวังลงระดับหนึ่ง ก่อนจะเริ่มต้นอ่าน
ก็อ่านได้เพลิน ๆ ค่ะ ไม่ถึงกับผิดหวังมากมาย(แต่ก็ไม่สมหวังเช่นกัน)... น่าจะเรียกว่าผิดคาดมากกว่า ผิดคาดเพราะเมื่ออ่านจากปกหลังแล้ว... คาดว่าน่าจะได้อ่านเรื่องราวเรื่องของการแย่งชิงอำนาจการปกครองที่เข้มข้น เครียดเคร่ง ควบคู่ไปกับการชิงรักหักสวาทฟาดฟันเชือดเฉือน...ประมาณนั้น (ก็ดูจากปกหลังมันชวนให้คิดไปเช่นนั้นนี่นะ)
แต่ปรากฏว่าพออ่านเข้าจริง กลับรู้สึกว่า นี่ก็เป็นนิยายรักเบาๆ อีกเล่มหนึ่ง ที่ออกแนวโรแมนติก กุ๊กกิ๊ก พ่อแง่แม่งอนไปเสียมากกว่า โดยเฉพาะในส่วนของคู่รอง ที่มีบทบาทเด่นกว่าคู่เอก (ที่...กระทั่งอ่านจนจบแล้วก็ยังไม่แน่ใจว่า ตกลงคู่ไหนเป็นคู่เอกกันแน่เนี่ย...)
เป็นนิยายรักโรแมนติกชวนฝันที่มีพล็อตเก่า ๆ เดิม ๆ เรียบ ๆ ง่าย ๆ ไม่มีอะไรซับซ้อน
พระเอก"เจตัส"เป็นผู้นำสูงสุดของคารีนาส...ดินแดนสมมติที่มีวิถีชีวิต ขนบธรรมเนียมประเพณี และวัฒนธรรมเป็นของตัวเองเหมือนดินแดนอิสระทั่วไป... เขาเคยมีภริยาที่เป็นสตรีหมายเลขหนึ่งแต่เสียชีวิตไปเมื่อหลายปีก่อน(น่าจะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเรื่องคารีนาสฯ) เขาส่งลูกชายคนโต(ที่จะเป็นทายาทโดยตรงของเขา)ให้ไปอยู่กับน้องชายคนเล็กที่เมืองไทย ส่วนที่คารีนาส เขาก็มีลูกชายอีกหนึ่งคนคือโยดี้ เด็กชายขาพิการที่เกิดจากยีน่า หญิงสาวผู้ทะเยอทะยานที่พยายามรบเร้าให้เจตัสเปลี่ยนกฏเกณฑ์การแต่งตั้งสตรีหมายเลขหนึ่ง แต่เจตัสไม่ยอมทำตาม เพราะสำหรับเขา ยีน่าก็เป็นได้แค่แม่ของลูกคนหนึ่ง ที่เขาเผลอไผลไปมีความสัมพันธ์ด้วย
ส่วนนางเอก"เฮลลี" เป็นสาวน้อยใสซื่อแต่เฉลียวฉลาด หลานสาวของหัวหน้าแม่บ้านประจำ'เรือนประธาน' ที่เมื่อเจตัสได้แลเห็นเจ้าหล่อนเข้าก็เกิดความพึงใจในความบริสุทธิ์ไร้เดียงสา จึงเอ่ยปากขอหล่อนจากยาย ก่อให้เกิดเป็นความริษยาและความสั่นคลอนในฐานะของตนเองขึ้นในใจของยีน่า...
เรื่องราวความรักของคู่พระ-นางในนิยายจึงไม่ใช่ความรักที่หวือหวามากนัก เพราะเป็นรักต่างวัย ต่างชนชั้นฐานันดร แต่ถึงกระนั้นก็มีเลิฟซีนให้เคลิบเคลิ้ม วูบไหวอยู่พอสมควร จุดนี้ชอบค่ะ คนเขียนเค้าใช้สำนวนภาษาได้สละสลวย นุ่มนวลดี คนอ่านอ่านแล้วอินในอารมณ์ความู้สึกทั้งของพระเอก-นางเอกเลยทีเดียว
ส่วนฉากรักกุ๊กกิ๊กตระแหน่แง่งอนตกไปเป็นหน้าที่ของคู่รองอย่างตีต้ากับวารัม ที่มีอุปสรรครักนิดหน่อย เพราะตีต้าเป็นน้องสาวของอดีตสตรีหมายเลขหนึ่งผู้ล่วงลับ ซึ่งแม่ของเธอหมายมาดให้เธอก้าวขึ้นสวมตำแหน่งเดียวกับพี่สาว... ในขณะที่ตีต้าเป็นผู้หญิงทีมีหัวสมัยใหม่ ไม่นิยมการที่ผู้ชายจะสามารถมีเมียได้ทีละหลาย ๆ คน (ตามค่านิยมของผู้คนในดินแดนแห่งนี้) และเธอก็ไม่เคยคิดถึงอดีตพี่เขยในเชิงขู้สาวเลย
ก็น่ารักดีอ่ะ แต่อ่าน ๆ ไปต้องบอกว่า...จะแย่งซีนคู่เอกเขาไปถึงไหน
ถึงแม้นิยายเรื่องนี้จะเป็นจินตนิยายที่สร้างดินแดนสมมติขึ้นมา แต่คนเขียนเค้าก็ไม่ทิ้งประเด็นถนัดของเขา นั่นคือเรื่องราวของความรักความอบอุ่น กับความสัมพันธ์ในครอบครัว โดยเฉพาะเรื่องราวของการเลี้ยงดูสั่งสอนเด็ก
ในเรื่องจะมีตัวละครเด็ก ๆ ค่อนข้างเยอะ และแต่ละคนก็มีบทบาทโดดเด่น ส่งผลในการดำเนินเรื่องให้ลื่นไหลสอดคล้อง เป็นทั้งตัวช่วยประสานและคลี่คลายปมในใจของผู้ใหญ่ในเรื่อง เป็นอีกจุดที่ชอบและชื่นชมคนเขียนค่ะ
อีกจุดที่ชื่นชอบในนิยายเรื่องนี้ก็น่าจะเป็นการสร้างสรรค์ดินแดนสมมติที่สมจริง การบรรยายถึงสภาพทางภูมิประเทศและบรรยากาศโดยรอบ ตลอดถึงศิลปะ ภาษาและวัฒนธรรมประเพณี ทำให้คนอ่านร่วมจินตนาการตามแล้ว เกิดอารมณ์คล้อยตามจนอยากจะไปเยือนดินแดนแห่งนี้สักครั้ง... (ทำให้นึกไปถึงช่วงหนึ่งที่เคยหลงใหลนิยายชุดธิโมส์ของคุณ"ดวงตะวัน"จนอยากไปเที่ยวแผ่นดินแสงดาว... อารมณ์ประมาณนั้นเลยค่ะ)
อ้อ...ส่วนที่เคยเกร็ง ๆ เล็กน้อยก่อนอ่านว่าเมื่อไม่ได้อ่านภาคแรก(คารีนาส...ฟากฟ้าแดนใจ) จะอ่านเล่มนี้รู้เรื่องหรือไม่นั้น ปรากฏว่าก็อ่านจนจบได้รื่นรมย์สมอุรา ไม่มีปัญหาตรงนั้นเลยค่ะ (แต่ก็ไม่ได้ทำให้เกิดความรู้สึกอยากจะไปตามหาเล่มนั้นมาอ่านหรอกนะคะ ก็รู้เรื่องราวหมดแล้วจากเล่มนี้)
จะมีจุดขัดใจก็นิดหน่อยตรงที่รู้สึกว่านิยายจบห้วนไปหน่อยไหมอะ ไม่ทันจิ้นทันฟินอะไรทั้งนั้น อ้าว... ตัดจบเสียแล้ว... มันให้ความรู้สึกค้าง ๆ คา ๆ ชอบก๊ล ถ้ามีฉากหวาน ๆ ระหว่างพระเอกนางเอกมากกว่านี้อีกสักนิดหนึ่งจะเป๊ะมากเลยค่ะ หุหุ
สรุปว่า...อ่านจบแล้วชอบในระดับหนึ่ง สำหรับนิยายจากนักเขียนนามใหม่ ๆ อ่านได้เพลิน ๆ ที่หยิบมาชวนอ่านกันวันนี้ค่ะ
|
คนเขียนสร้างเมืองสมมติได้ดีค่ะ ทำให้เราเชื่อได้ว่ามีประเทศนี้จริงๆ องค์ประกอบของเรื่องเรียกได้ว่าแน่น
เพียงแต่ว่าเล่มนั้นก็ประทับใจอยู่ระดับกลางๆ เพราะปมของเรื่องมันดูแปลกๆ แปร่งๆ สำหรับเรา
คือปูพื้นฐานบ้านเมืองตัวละครได้ดี แต่การสร้างภาพว่าประเทศนี้มีอารยะ ทั้งที่ลักษณะประเทศก็ธรรมดา ก็เลยรู้สึกแปลกๆ การชิงอำนาจในเรื่องก็พอรับได้ค่ะ โดยรวมโอเค
แต่เรื่องนี้จะตามอ่านค่ะ