|
โมรารัตติกาล /ม่านทิวาพชร/ มรกตสนธยา โดย : อสิตา /บุลินทร/ริญจน์ธร
จากสนพ.:
รัตติกาล ทิวา สนธยา สามเวลาที่อยู่คู่โลกมาแต่บรรพกาล ตำนานบทใหม่แห่ง อัญมณีเหนือกาล จะเริ่มต้นขึ้นในไม่ช้า
ซีรีส์ชุดนี้เป็นนิยายชุดที่ต่อเนื่องจากชุด"มนตราอัญมณี" ที่อ่านไปเมื่อปีกลาย จำได้ว่าจากชุดนั้น ชอบและฟินในบางเรื่อง แต่บางเรื่องยังรู้สึกเฝือ ๆ อยู่ พอได้ชุดนี้มาก็เลยดองไว้ระยะหนึ่ง เห็นเพื่อนบล็อกเค้าอ่านแล้วรีวิวกันไปหลายต่อหลายบล็อก... ส่วนตัวก็ยังไม่กล้าอ่านรีวิวละเอียดนัก เพราะเกรงว่าจะอิ่มเสียก่อนจะมีโอกาสอ่าน... กอปรกับช่วงนั้นภารกิจชีวิตออกจะยุ่งเหยิงสับสนอยู่พอประมาณ
ถึงตอนนี้แม้จะยังไม่คลี่คลายเต็มร้อย แต่ก็ต้องรีบอ่านก่อน เพราะถึงเวลาต้องส่งต่อหนังสือแล้ว มีคนรอคิวอ่านอีกหลายคน....
เล่มแรก...
โมรารัตติกาล ผู้เขียน :อสิตา ผู้พิมพ์ : สนพ.อรุณ ม.ค. ๕๗ ๔๓๓ หน้า ราคา ๒๙๕ บาท
คำโปรย
เขาใช้ 'เธอ' ผู้ซึ่งครอบครองสร้อยเส้นนั้น... เป็นเครื่องมือบงการให้อดีตย้อนคืน เพื่อหวนกลับไปเป็นผู้ชนะ โดยหารู้ไม่ว่า'หัวใจ' ของเชา จะถูกจองจำไว้กับเธอผู้นั้น ตลอดกาล
ความเป็นมาโดยย่อ...
เรื่องนี้เป็นเรื่องราวต่อจาก"มายาไฟในดวงตา" ที่เราเคยอึ้งและทึ่งกับจินตนาการอันแสนจะบรรเจิดของคนเขียนมาแล้ว
มาถึงเล่มนี้...อ่านจบแล้วพบว่ามันยิ่งมหัศจรรย์พันลึกกว่าเล่มแรกหลายเท่าตัวนัก! "อสิตา"ไม่ทำให้คนอ่านผิดหวังอีกเช่นเคย
ในภาคนี้เป็นเรื่องราวของ 'ชามัล' ชายหนุ่มเจ้าเสน่ห์(แต่ร้ายกาจ)จาก'มายาไฟในดวงตา' คู่ปรับตลอดกาลของอัคนิวรา พระเอกของเรื่องนั้น แม้ว่าทั้งคู่จะมีเชื้อสายมาจากตระกูลเดียวกัน คือเป็นสายเลือด "เมห์ฮรา" เหมือนกัน ครั้งนั้น...พวกเขาต่างแย่งชิงพลอยตาเสือที่นางเอกของเรื่องนั้นครอบครองอยู่ และแน่ล่ะ ในเมื่อเขาไม่ใช่พระเอกในเรื่อง ก็แปลว่าเขาพ่ายแพ้...อย่างย่อยยับทีเดียว ทำให้เขาต้องกลายเป็นสัมภเวสีไร้ร่างอยู่นานนับสิบปี สั่งสมความแค้นไว้รอวันหวนคืนสู่อดีตเพื่อ"สร้าง" ร่างขึ้นมาใหม่... และทั้งนี้ การที่เขาจะเดินทางกลับสู่อดีตได้ต้องอาศัยมนตราแห่งอัญมณีชนิดหนึ่ง ที่เชื่อว่าสามารถพาคนหวนคืนอดีตได้... อัญมณีที่มีชื่อว่า "โมรารัตติกาล"
แต่ลำพังเขาผู้เดียว ไม่สามารถใช้อัญมณีนั้นได้ เขาต้องอาศัยเด็กหญิงตัวน้อย ผู้ครอบครองโมรารัตติกาลนั้นเป็นผู้นำพาเขาไป... เธอ...'สิตารา' เด็กหญิงผู้ถูกเลือกให้เป็น'ราศีที่สิบสาม'แห่งรัตติดารา... ดินแดนในตำนานแห่งจักรราศี ที่ทั้ง ๑๒ ราศีต่างยินยอมพร้อมใจให้ราศีที่ ๑๓ ครองอำนาจสูงสุด!!
หลังอ่าน... อ่านจบแล้วต้องบอกเลยว่าขอคารวะผู้เขียน ๓ จอก กับผลงานอันอลังการชิ้นนี้ ไม่ว่าจะพล็อต ฉาก ตัวละคร ลีลาการเล่าเรื่อง ตลอดถึงสำนวนภาษาที่ใช้...
พล็อตย้อนอดีตไม่ใช่ของใหม่สำหรับคอนิยายพารานอร์มอลทั้งหลาย แต่การย้อนอดีตให้ลื่นไหล แนบเนียนสมเหตุสมผล เป็นการบ้านที่คนเขียนต้องใส่ใจในรายละเอียดเป็นพิเศษ งานนี้คนเขียนเอาอยู่ค่ะ ไม่เห็นจุดสะดุดหรือรอยรั่วเลย
หรือพล็อตรักต่างวัยที่พระเอกร้ายแกมโหด ในใจมีแต่ความมืดดำ มุ่งแต่จะชำระแค้นที่เก็บกด สั่งสมไว้ยาวนาน โดยใช้นางเอกเป็นประหนึ่งเครื่องมือในการก้าวขึ้นสู่อำนาจ กับนางเอกที่เด็กเหลือเกิน ซื่อใส บริสุทธิ์... (แต่ก็เฉลียวฉลาด ออร่ากระจาย,...) คอนิยายดราม่าทั้งหลายก็อาจจะไม่รู้สึกว่าแปลกหรือแตกต่างแต่อย่างใด... แต่ความท้าทายของคนเขียนอยู่ที่ทำอย่างไรที่จะทำให้คนอ่านเชื่อได้ว่า นางเอกจะสามารถรักพระเอกออกแนวดาร์ก ๆ แบบนี้เข้าไปได้ยังไง หรือพระเอกที่ผ่านโลกผ่านชีวิตมายาวนาน จะมาหลงรักเด็กสาวใส ๆ เข้า จนถึงกับยอมสละทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของเขา เพื่อจะได้ครองคู่อยู่กับเธอไปตราบนานนิรันดร์...
เธอสามารถค่ะ คนอ่านคนนี้อ่านแล้วอิน ปลื้ม ดึ่มด่ำ ดำดิ่งไปกับความรักของทั้งคู่ มีซีนหึงหวงให้ได้จิ้น มีฉากง้องอน กระเง้ากระงอดให้ได้อมยิ้ม... ที่สำคัญ มีเลิฟซีนหวามไหวให้ได้ฟินอีกต่างหาก
นอกจากพล็อตหลัก ๆ นี้แล้ว พล็อตย่อย ๆ ที่เข้ามาเสริมทัพสร้างสีสันให้กับนิยาย สอดร้อยไปด้วยกันได้อย่างเหมาะเจาะ
ที่ชอบที่สุดเห็นจะเป็นเรื่องราวของเจ้าแห่งดินแดนต่าง ๆ ที่ใช้ดวงดาวแห่งจักรราศีทั้ง ๑๒ เป็นสัญลักษณ์ แต่ละดินแดน แต่ละดวงดาวล้วนมีเรื่องราว มีคติตำนานของตนเอง... มีการแก่งแย่งแข่งขัน ชิงอำนาจและความเป็นใหญ่ ทั้งในกลุ่มเดียวกันและกับดินแดนอื่น ๆ
ตัวละครแต่ละตัวที่มาจากดวงดาวและดินแดนต่าง ๆ เหล่านี้ก็จะมีบุคลิกลักษณะที่บ่งบอกความหมายและที่มาของตัวเองอย่างชัดเจน และสอดคล้องกับความคิดความเชื่อพื้นฐานของคนอ่านที่อาจจะเคยเรียนรู้เกี่ยวกับราศีต่าง ๆ ทั้ง ๑๒ ราศีมาแล้ว ทำให้อ่านได้อินและสนุกสนานมากยิ่งขึ้น
อย่างสิงหรานี หญิงสาวที่มาจากราศีสิงห์ ผู้ตั้งตนเป็นจ้าวแห่งราศีสิงห์หลังการสิ้นชีวิตของบิดา ด้วยมีพี่ชายที่ไม่เอาไหน (รายนี้มีบทบาทโดดเด่นเป็นพิเศษเพราะต้องมาพัวพันกับหนุ่มน้อยที่หลุดเข้าไปในอดีตพร้อม ๆ กับชามัล หลังจากถูกทำร้ายแสนสาหัส ซึ่งหนุ่มน้อยนั่นก็ไม่ใช่อื่นไกลเลย เขาคือ"มัชฌิม์ " เสือหนุ่มทายาทของอัคนิวรากับมัชฌิตานั่นเอง... คิดกันเอาเองก็แล้วกัน เสือหนุ่มกับสิงห์สาว ต้องรอนแรมอยู่ด้วยกันในป่า จะฟัดกันนัวเนียขนาดไหน...55)
ไหนจะมี วาเลนติโน่...จากราศีกุมภ์, พชรมุนิน...ผู้ครองราศีเมษ, นิลละกับวรรณะ ฝาแฝดนิสัยต่างขั้วจากราศีคนคู่ เมถุน, กันยา...สาวทรงเสน่ห์จากราศีกันย์, ตุลาการรดิศ...ผู้ไร้ความเที่ยงธรรมจากราศีตุลย์ ฯลฯ ซึ่งหากจะเปรียบไป นั่นก็คือเรื่องราวของโลกมนุษย์เราดี ๆ นี่เอง ทุกแวดวงสังคม จากอดีตโบราณกาลมาจนถึงปัจจุบัน ผู้คนยังคงมีรัก โลภ โกรธ หลง มีดีมีเลวปะปนกัน...
ผู้เขียนสามารถถ่ายทอด"สาร"นี้ผ่านจินตนาการ ผ่านตัวละครแต่ละตัวของเธอได้อย่างสุดยอด... จนแทบจะเรียกได้ว่า เหนือคำบรรยายจริง ๆ
ตอนนี้รออ่านเรื่องราวของสาวน้อยอัคนีมายาอยู่นะคะคุณผู้เขียนขา...
ปอลอ.หลายคนที่เคยอ่านแล้วอาจจะสงสัยว่าทำไมแม่ไก่ไม่พูดถึง"มิตร"มั่งเลย ทั้ง ๆ ที่เป็นตัวละครที่สำคัญที่สุด ขอบอกว่าไม่ได้ลืมค่ะ แต่ขออนุญาตไว้รวบยอดคุยถึงเค้าในเล่มสุดท้ายเลยละกัน เพราะคนคนนี้เค้า"สำคัญ"ทั้งสามเรื่องเลยนิ
|
มัชฌิม์ของเรา
เรื่องนี้ชอบมากๆค่ะ
อ่านรีวิวคุณแม่ไก่แล้ว อยากกลับไปอ่านอีกรอบเลยค่ะ
เรื่องนี้อ่านอีกกี่ครั้งก็ไม่เบื่อค่ะ