ประวัติความเป็นมา หมูสะเต๊ะ สูตรหมูสะเต๊ะและน้ำจิ้มพร้อมวิธีทำ
สะเต๊ะ (อังกฤษ: satay , ฝรั่งเศส: saté) เป็นอาหารอย่างหนึ่งซึ่งทำจากเนื้อที่หั่นบางๆ หรือหั่นเป็นก้อน อาจจะเป็นเนื้อหมู เนื้อไก่ เนื้อวัว เนื้อแกะ เนื้อแพะ เนื้อปลา ฯลฯ เสียบด้วยไม้เสียบที่ทำจากไม้ไผ่ แล้วนำไปย่างบนเตาฟืนหรือเตาถ่าน เสิร์ฟพร้อมเครื่องปรุงรส ที่มีรสจัด (ซึ่งแตกต่างกันออกไปในแต่ละตำรับ) สะเต๊ะมีจุดกำเนิดมาจากเกาะชวาหรือเกาะสุมาตราในประเทศอินโดนีเซีย แต่ก็ยังได้รับความนิยมในประเทศอื่นๆ ด้วย เช่น มาเลเซีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ รวมทั้งประเทศไทย หรือแม้แต่เนเธอร์แลนด์ซึ่งรับเอาวัฒนธรรมไปกับอาณานิคมของตน
สะเต๊ะของอินโดนีเซียอาจได้รับอิทธิพลจากคาบับที่เป็นอาหารพื้นเมืองของอินเดียภาคเหนือ ซึ่งได้รับอิทธิพลจากชาวเตอร์กอีกต่อหนึ่ง ตำรับดั้งเดิมของชาวตุรกีเป็นเนื้อแพะหั่นเป็นชิ้นหมักแล้วเสียบเหล็กแหลมย่างไฟ ชาวเปอร์เซียและชาวอินเดียรับมาดัดแปลง อาจใช้เนื้อบดหรือเนื้อทั้งชิ้น จะเสียบหรือไม่เสียบไม้ก็ได้ เมื่อแพร่หลายมาถึงมลายู-ชวาจึงกลายเป็นสะเต๊ะอย่างที่เห็นในปัจจุบัน
สะเต๊ะเนื้อวัว ข้อมูลจุดกำเนิด ชื่ออื่น ซาเต ประเทศกำเนิด: เกาะชวา อินโดนีเซีย ภูมิภาค: ประเทศไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย เจ้าตำรับของอาหาร: อาหารอินโดนีเซีย ข้อมูลอาหาร ประเภท: อาหารว่าง อุณหภูมิการเสิร์ฟ: ร้อน ส่วนประกอบหลัก เนื้อสัตว์หมักกับเครื่องเทศ แต่งสีเหลือง เสียบไม้ย่างให้สุก กินกับน้ำจิ้มและน้ำอาจาด ข้อมูลอื่น: ได้รับอิทธิพลจากอาหารอินเดียและอาหารตุรกีที่เรียกคาบับ จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เครดิตภาพ //www.apichokeonline.com ส่วนผสม หมูสะเต๊ะ สะโพกหมู กระเทียมโขลก 2 กำมือ ผงขมิ้น 1/2 ทัพพีเล็ก (**ทัพพีขนาดเล็ก และอย่าใส่ผงขมิ้นเยอะ** เพราะจะทำให้หมูมีรสเฝื่อน ๆ ได้ บางคนก็ไม่ใส่) ผงยี่หร่า 1 ทัพพี ผงกะหรี่ 2 1/2 ทัพพี (ผงกะหรี่อันนี้ขาดไม่ได้โดยเด็ดขาด ถ้าเป็นขมิ้นกับยี่หร่า บางคนไม่ใส่ก็ได้ แต่ผงกะหรี่ห้ามขาด ใส่ยิ่งเยอะยิ่งหอม) น้ำตาลทราย 2 ทัพพี วิธีหมักหมูสะเต๊ะ หั่นเนื้อหมูเป็นชิ้น ๆ ใส่กระเทียมโขลกลงไป (ใส่เยอะ ๆ) ตามด้วยผงขมิ้น ผงยี่หร่า ผงกะหรี่ น้ำตาลทราย เมล็ดผักชีโขลก กะทิ และนมสดเล็กน้อย (หมักให้มันนุ่ม ๆ ไม่ถึงกับแฉะ) เคล้าส่วนผสมให้เข้ากันแล้วหมักทิ้งไว้ครึ่งวัน นำหมูที่หมักได้ที่แล้วมาเสียบไม้ (ส่วนตัวไม่ชอบกินมันหมูเลยไม้เสียบมาด้วย) ก่อนปิ้งนำหมูไปชุบในน้ำกะทิให้ทั่ว พอหมูเริ่มสุกให้ทากะทิซ้ำลงไปอีกครั้ง (เพื่อความนุ่มและไม่กระด้าง ปิ้งจนสุก จัดใส่จาน เตรียมไว้เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มสะเต๊ะ และน้ำจิ้มอาจาด ส่วนผสมน้ำจิ้มหมูสะเต๊ะ กะทิสด 500 กรัม น้ำพริกแกงมัสมั่น 200 กรัม น้ำตาลปี๊บ 3 ทัพพี น้ำมะขามเปียก 4 ทัพพี เกลือป่นเล็กน้อย ถั่วลิสงคั่วป่น 5 ทัพพี วิธีทำน้ำจิ้มหมูสะเต๊ะ แบ่งใส่หัวกะทิพอประมาณใส่ลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟเคี่ยวพอร้อน ใส่น้ำพริกแกงมัสมั่นลงไป จากนั้นเทกะทิที่เหลือลไปทั้งหมด
หมายเหตุ : น้ำพริกแกงมัสมั่นใช้แค่ 2 ขีดก็พอ บางคนลดต้นทุนโดยใช้พริกแกงเผ็ดมาปนเยอะ ๆ ๆ เพราะน้ำพริกแกงมัสมั่นจะมีราคาแพงกว่าน้ำพริกแกงเผ็ด เพราะมีส่วนผสมของลูกจันทร์ด้วย ใส่น้ำตาลปี๊บลงไป (ใส่ประมาณ 3 ทัพพีก่อน อย่าเพิ่งใส่เยอะในตอนแรก เดี๋ยวจะหวานเกิน หากยังไม่พอใจค่อยเติมทีหลังเอา)
ตามด้วยน้ำมะขามเปียก (อย่าปรุงให้เปรี้ยวเกินไป เพราะน้ำจิ้มชนิดนี้ห้ามเปรี้ยว เวลากินแล้วรสหวานจะออกนำ แทบไม่ได้รสเปรี้ยวเลย) ตัดรสด้วยเกลือป่นเล็กน้อย คนผสมให้เข้ากัน หมายเหตุ : ต้องปรุงให้รสหวานนำ แต่ไม่ใช่หวานมาก ให้ความเปรี้ยวมีแค่ 0.1% พอ เรียกได้ว่าแทบจะไม่ได้รสเปรี้ยวเลย
สุดท้ายใส่ถั่วลิสงคั่วป่นลงไป คนผสมให้เข้ากัน (ใส่ประมาณ 5 ทัพพีก่อนนะ อย่าเพิ่งใส่เยอะ เพราะเดี๋ยวมันจะขึ้นอืดเองเวลาที่น้ำจิ้มเย็น หากยังไม่ข้นพอเราเติมภายหลังได้) หมายเหตุ : บางคนก็เห็นเขาใส่ขนมปังลงไปด้วย ขอบอกว่าวิธีนั้นเป็นการลดต้นทุนการใช้ถั่วลิสงป่น แต่น้ำจิ้มสะเต๊ะที่มีส่วนผสมของขนมปังจะเก็บไว้นาน ๆ ไม่ได้) เคี่ยวส่วนผสมจนเดือด ปิดไฟ เตรียมไว้ หมายเหตุ : น้ำจิ้มหมูสะเต๊ะ จะคล้าย ๆ กับน้ำของขนมจีนน้ำพริก เพียงแต่ขนมจีนน้ำพริกไม่ใส่น้ำพริกแกงมัสมั่น แต่ใส่พริกแห้งแช่น้ำแล้วคั้นเอาน้ำพริกมาผัดกับกะทิ และผัดกับน้ำมันเอาไว้ลอยหน้า น้ำจิ้มหมูสะเต๊ะและขนมจีนน้ำพริกจะใส่น้ำมะขามเปียกเช้นเดียวกัน แต่ขนมจีนจะเพิ่มดีกรีความเปรี้ยวด้วยน้ำมะกรูด มะนาว และน้ำส้มซ่า แต่โดยรวมแล้ววิธีการจะคล้าย ๆ กัน แล้วน้ำจิ้มหมูสะเต๊ะก็สามารถเอาไปทำเป็นเมนู พระรามลงสรง ก็ได้อีกด้วย ตัวน้ำจิ้มหากกินไม่หมดเก็บไว้ในตู้เย็นได้นาน ส่วนผสมน้ำจิ้มอาจาด น้ำส้มสายชู 4 ส่วน น้ำตาลทราย 3.5 ส่วน เกลือ 1/2 ส่วน น้ำเปล่าเล็กน้อย (เพื่อเบรคความเปรี้ยวของน้ำส้มสายชู) แตงกวาหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ พริกแดงซอย หอมแดงซอย วิธีทำน้ำจิ้มอาจาด เติมส้มสายชู น้ำตาลทราย เกลือ และน้ำเปล่าเล็กน้อยใส่ลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟเคี่ยวพอมีความหนืดนิด ๆ (ชิมรสให้ได้ เปรี้ยวนำ หวานตามมาติด ๆ เค็มท้าย ๆ เลยนะ) จากนั้นพักทิ้งไว้จนเย็น ผสมแตงกวาซอย พริกแดงซอย และหอมแดงซอยเข้าด้วยกันแล้วนำลงไปแช่ในน้ำอาจาดที่เย็นแล้ว เตรียมไว้ (หากยังไม่กินก็ไม่ต้องแช่ทิ้งไว้ก็ได้ แต่เราว่าน้ำจิ้มอาจาดจะอร่อยต้องแช่แตงกวาทิ้งไว้นาน ๆ ให้มันเข้าเนื้อ) จัดหมูสะเต๊ะใส่จาน เสิร์ฟพร้อม น้ำจิ้มหมูสะเต๊ะ และน้ำจิ้มอาจาด ขอบคุณพิเศษเจ้าของสูตรหมูสะเต๊ะและน้ำจิ้ม บล็อก ความเป็นมาและสูตร หมูสะเต๊ะ ไม่ต้องโหวตนะค่ะ....
Create Date : 27 มกราคม 2559 |
Last Update : 27 มกราคม 2559 4:01:53 น. |
|
3 comments
|
Counter : 5401 Pageviews. |
|
|
และดูสูตรอาหารค่ะเป็นคนแรก