ถนนสายนี้มีตะพาบ กม 286 "ถูกปฎิเสธ" ถนนสายนี้มีตะพาบ หลักกิโลเมตรที่ 286 "ถูกปฎิเสธ" โจทย์โดย คุณ toor36 พออ่านหัวข้อปั้บ ผมนึกถึงเรื่องเรื่องนึกขึ้นมาทันทีเลยครับ เรียกว่าเป็นนิยามของคำว่า "ถูกปฎิเสธ" ของผมเลย บอกเลยว่า จากวันนั้นถึงวันนี้ ร่วม 7 ปีแล้ว แต่ความเจ็บแสบวันนั้นยังจำได้ดีเลยครับ 55555 คันมืออยากจะเล่าเป็นเรื่องแรก...แต่มันจะเปิดเรื่องดุเดือดเกินไปหน่อย จะเอาเรื่องฮาๆ ที่ไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดอะไรมากก่อนดีกว่า เอาจริงๆ ผมอาจจะเป็นคนชิลก็ได้ เพราะรู้สึกว่าในชีวิตเราผิดหวังน้อยมาก ๆ เรียกว่านับครั้งได้ แล้วก็ไม่ได้รู้สึกเสียอกเสียใจอะไร เออ....จีบไม่ติด คือ ถูกปฎิเสธ นั่นแหละ 55555 แต่นี่แหละ....เรื่องที่ผมจะเล่าคือการ ถูกปฏิเสธ จริงๆจังๆ ที่ผมสัมผัสความรู้สึกเฟลของการถูกปฏิเสธได้เลยฮะ เริ่มจากเรื่มซอฟๆ ก่อน แต่ก็เฟลนะครับ สมัยปี 3 ช่วงปิดเทอมกำลังจะขึ้นปี 4 วันธรรมดามจะฝึกงานอยู่แถวพระราม 4 เออ...ผมฝึกงานเป็นหนุ่มออฟฟิศฮะ เรียกว่าถ่ายเอกสารคล่อง ชำนาญทางกว่าแมสเซนเจอร์ เสื้อแน่นเลยครับเพราะของกินเยอะมาก แถมมีเพื่อนไปด้วยกัน 3 คน เรียกว่าเป็นแก๊งเด็กฝึกงานตัวแสบที่หนีไปนั่งกินข้าวอยู่ละลายทรัพย์บ่อยมาก ไอ่ที่เล่าข้างบนไม่เกี่ยวกับเรื่อง แค่ไม่เคยเล่าเรื่องฝึกงาน และช่วงนั้นผมจะมีงานถ่ายรายการที่สตูดิโอ แถวห้วยขวางด้วย แล้วพี่ในนั้นเค้าก็บอกมาว่า เออจะลองถ่ายviralโฆษณาไหม จะมีเคสวันอาทิตย์ที่โรงแรมนี่ๆ ติดต่อพี่คนนี้ส่งรายละเอียดเข้าไปได้ ตอนนั้นตื่นเต้นว่าจะถ่ายโฆษณาจริงหรอ หุย แม่ง ตังเยอะแน่นอน 5555 เลยติดต่อพี่ที่ดูแลจัดหาไป ถามรายละเอียดงาน เอ๊ะ! ทำไมbudget แค่นี้วะ มีพูดด้วย แต่ก็เอาเพราะปรึกษาที่บ้านแล้วว่า อาจจะได้งานอย่างอื่นต่อก็ได้ ก็ส่งรายละเอียดไปครับ แล้ววันนั้นผมก็นัดน้องชายที่เป็นลูกน้าไว้ ว่าให้ไปเป็นเพื่อน แคสเส็ดจะไปเล่น ice skate กันต่อที่ Central world ซึ่งน้องชายกับผมอายุห่างกัน 2 ปี แต่มันสูงกว่าผมนะ น่าจะ 184-185 ได้ ไปถึงโรงแรมก็มีคนมาแคสหลายคนอยู่ ทั้งผู้หญิงผู้ชาย ผมเดินเข้าไปพร้อมกับน้องชาย แต่เค้าไปติดต่อคนเดียว พี่เค้าเลยบอกว่า มาด้วยกันรึป่าวคะ ผมบอกว่า ใช่ครับ น้องชาย พี่เค้าก็คุยกับพี่อีกคน แล้วบอกว่า น้องสนใจแคสด้วยไหม เข้าไปพร้อมกันเลยก็ได้ ผมก็ได้ๆๆ เดี๋ยวผมชวนน้องเอง แล้วก็บอกน้องว่าเข้าแคสด้วยกัน ทีแรกน้องก็ไม่เอาไม่เคย ไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลย แต่สุดท้ายก็เข้าไปพร้อมกันครับ โดยเป็นคิวผมก่อน หลังจากนั้นก็เป็นน้องชาย ผมยืนดูอยู่ น้องมันก็ขำๆ เขินๆ เป็นตัวมันนั่นแหละ เส็ดก็ไปเล่นไอซ์กัน จนผ่านไปน่าจะ 2 วัน น้องชายโทรมาบอกว่า "พี่ปริ๊นซ์ไอ่ที่ไปวันนั้นน่ะ ผมได้วะพี่" อ้าวเจด! สุดยอด งานแรกได้ Viral เลยโคตรเจ๋ง! ก็เลยถามว่าคุยรายละเอียดกันหรือยัง ก็คุยกันมาแล้ว โอเคครับเลยบอกว่า ตกลงไปเลย งวดนั้นไอ่คนที่ตั้งใจไปแคสอย่างผม ไม่ได้งาน แต่คนไปเป็นเพื่อนไม่ได้ตั้งใจอย่างน้องชาย ได้แทนครับ ไม่เสียใจนะครับ ดีใจที่น้องเราได้ แค่รู้สึก เฮ้ยอะไรวะเนี้ย!!!!!!!!! 5555 แต่น้องชายก็น่าจะได้จริงๆ ครับ ผมเชื่อว่าจริงๆ แล้วหลายคนเคยเห็น Viral นี้บท BTS ครับ เพราะผมก็เห็น ยังยิ้มทุกครั้งที่เห็นโฆษณา เป็นการถูกปฎิเสธงานที่.....เสียดาย แต่ยิ้มเสมอที่นึกถึง แล้วน้องก็ได้งานภาพนิ่งต่ออีกซักพัก ก่อนน้องจะหยุดเพราะเรียนหนัก ******************** เรื่องที่ 2 เรื่องนี้แหละที่ผมบอกว่าฮาร์ดคอร์หน่อย เรียกว่าเจ็บปวด...ไม่เจ็บปวด แต่เจ็บแสบบบบ ที่สุดที่เคยโดนปฎิเสธ เกิดขึ้นตอนที่เรียนจบปี 4 สด ๆ ร้อนๆ ยังไม่ทันรับปริญญา ยังไม่จบด้วยฮะ เพราะเกรดเทมอสุดท้ายยังไม่ออก เป็นการไปสมัครงานครั้งแรกในชีวิต โดยออกใบเกรด 7 เทอมก่อน บริษัทนั้นเป็นบริษัทชื่อดังเลยครับ เรียกว่าอันดับต้นในวงการ เรียกเด็กปี 4 จบใหม่ให้ไปสมัคร แต่....เอาแค่ 2 มหาลัยเท่านั้น ผมก็เพื่อนอีก 10 กว่าคนก็ไปสมัคร เริ่มจากการทำข้อสอบ IQ แล้วความรู้ทั่วไป และเริ่มมีคนทะยอยเข้าไปสัมภาษณ์ เพื่อนที่ออกมามักพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า "ถึงได้กุก็ไม่เอา" แล้วออกไปรอข้างนอก หมายถึงนอกตึกเลยครับ จนถึงคิวที่ผมเข้าไปสัมภาษณ์ กรรมการ 3 คนนั่งเรียงกันอยู่ หน้าตาเฉยๆ ผมสวัสดี เค้าเรียกให้นั่ง แล้วรู้ไหมครับว่าคำถามแรกที่กรรมการคนกลางพูดกับผมคืออะไร "(ชื่อมหาลัย)ใช่ไหม" ผมตอบ ใช่ครับ แล้วกำลังจะแนะนำตัว เค้าก็พูดขัดขึ้นมาว่า "หึ....เด็ก ม. นี้มีแต่พวก aggressive" ในใจผมตอนนั้นคือ งงมากครับ อะไรวะเนี้ย คืออย่างที่ผมบอกเสมอว่า บุคลิกผมเป็นคน nice ครับ คือ nice กว่ากุ ก็ประตูเซเว่นแล้ว จะได้ยินดีต้อนรับทุกคน ผมเลยงงมากกว่า กุ...ก็ยังไม่ได้พูดอะไรซักคำเลย แต่ก็ยังยิ้มๆ แล้วแนะนำตัวต่อ จนจบ พอจบ กรรมการคนกลางที่ก้มอ่านข้อมูลผมอยู่ตลอดเวลา ก็พูดว่า "IQ ก็ทำได้เยอะ ข้อสอบก็ได้คะแนนดี ทำไมไม่ได้เกียรติ์นิยม" ผมก็บอกว่า คือผมไม่ได้ดรอปวิชาที่ตกมีนครับ อยากจะพยายามดู เลยได้ D คือพูดไปก็ยิ้มเขินๆ ไป ไม่ได้ทำอะไรไม่สุภาพเลย กรรมการข้างๆ เลยถามเป็นงานเป็นการหน่อย คุยดีมากๆ ด้วย ประมาณ ฝึกงานที่ไหน แล้วคุณชอบหรือเปล่า อะไรที่คิดว่าต่างจากที่เรียนมา พูดถึงกิจกรรมใน portfolio หน่อย ถ้าต้องเป็นหัวหน้าคนที่อายุมากกว่าจะเป็นยังไง ผมพูดตอบอยู่ซัก4-5 คำถาม กรรมการคนกลางก็พูดขึ้นมา พร้อมท่าทางรำคาญ "ในคณะได้เกียรติ์นิยมเยอะไหม" ผมตอบว่า ก็มีหลายคนครับ "ไปเอาเพื่อนเกียรติ์นิยมมาสมัครไป เชิญครับ" เชิญครับ!!! คือเชิญลุกออกไปนอกห้องนะครับ สิ้นสุดการสัมภาษณ์!!! ผมงงมาก งงเชี้ยๆ ก็ขอบคุณที่ให้เวลา แล้วลุกเดินออกมา คนกลางก็เรียกผม "คุณ....." ผมหันกลับไป ไม่รู้ว่าตัวเองทำหน้ายังไง ยังยิ้มไหวไหม หรือว่า หน้าเสียไปแล้ว น่าจะเสียแหละครับ แต่ก็ตอบรับ "ครับ" "คุณรู้ไหมว่าxxxสีอะไร" ขอเซนเซอร์ผลิตภัณฑ์นะครับ พูดไปรู้กันทั้งประเทศ ผมตอบว่า "สีน้ำตาลครับ" คนกลางส่ายหน้า แล้วบอกว่า "สีxxx" เซนเซอร์สีครับ รู้ทั้งประเทศเหมือนกัน จังหวะนั้นผมหน้าชามาก มือสั่นปากสั่น บอกไม่ถูกว่ารู้สึกยังไง ไม่รู้ว่าเค้าต้องการอะไรจากการเรียกผมมา แล้วพูดแบบนี้ ผมเดินออกจากห้องผ่านเพื่อนที่รอสัมภาษณ์อยู่ อาการเหมือนคนอื่นๆ ที่เดินออกมาก่อนหน้านี้ แล้วออกไปรอข้างนอกกับเพื่อนคนอื่นๆ รอไปกินข้าวพร้อมๆ กัน ทุกคนโดนคล้ายๆ กันหมด เพื่อนผู้หญิงนี่เดินร้องไห้ออกมาจากห้องก็มี ทุกคนออกมาด้วยความกระอักกระอ่วน ไม่รู้ว่าโกรธ เจ็บใจ ผิดหวัง หรืออะไร ผมยังไม่รู้ตัวเองเลย 5555 รู้แต่อาการเหมือน move on ไม่ได้ 55555 ประโยคสุดท้ายเป็นประโยคปฏิเสธที่....เหมือนเอามีดมาปักกลางอก down มาก สิ้นหวัง จะโกรธก็ไม่สุด จะเสียใจก็ไม่รู้จะเสียใจตรงไหน เคว้งคว้างว่างเปล่ามาก เสียทรงไปหลายวัน รู้สึกว่าสิ่งที่ผ้ใหญ่พูดกับว่า "จบจากที่ไหนก็ไม่สำคัญ ทำงานเก่งเป็นพอ" แม่งไม่จริง!!!!!! เหมือนที่บอกว่า ไม่พบล็อตตารี่ขายเกิน 80 บาท หรือ ไม่พบรถเมล์ควันดำใน กทม นั่นแหละครับ!!!! ระบบสถาบัน ระบบรุ่นพี่รุ่นนอก เลือกมหาลัยแม่งยังมีอยู่ แถมยังไม่ใช่แค่สถาบันการศึกษา แต่เรื่องเกียรตินิยมด้วยครับ จริงๆ คนไม่ได้เกียรตินิยมไม่ใช่ว่าจะทำงานไม่เก่ง คนที่ไม่ได้จบจากสถาบันดังไม่ใช่ว่าจะทำงานไม่เก่ง แถมผมนี่ไม่เคยคิดเลยว่าว่าจะต้องมาเจอกับการกัดกันสถาบัน ถึงจะเจอก็คิดว่าเราไม่น่ามีปัญหานี้ พร้อมกับเจอความจริงว่า จบ ป.ตรี แทบไม่มีงานทำ!!! แล้วผมก็หายจากการสมัครงานไปหาประสบการณ์ซักพัก ก่อนจะ.....มาบริษัทโทรไปเรียกสัมภาษณ์หลายแหล่งมาก ผมสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ไป แล้วได้ด้วยครับ เลยต้องบินกลับมาเริ่มงาน ที่ทำงานแรกในชีวิต 55555 เออ เห็นด้วย มีหลายอย่างที่ผู้ใหญ่พยายามปลูกฝังความคิดโลกสวยใส่หัวเรา แต่มันไม่จริง จากที่อ่านไม่ได้ทำงานที่นั่นถือว่าดีแล้ว พี่ว่าตรรกะไม่โอเค
ของที่ออฟฟิตพี่ เป็นงานเกี่ยวกับอุปกรณ์อีเลคทรอนิคส์ ที่ทำงานมีแต่มอลาดกระมังกับพระนครเหนือบางมด สามที่นี้ก็ 80%แล้ว ความจริงขนาดกราฟิกนายยังอยากได้วิดวะมาทำเลย แต่หาไม่ได้ ส่วนพี่เข้ามาทำงานแบบ งงๆ แล้วก็อยู่ยาว ว่าแต่น้องด้านบนคนไหนหรออออ.. อยากเห็นหน้าขึ้นมาทันทีเบยยยยยยยย เอิ๊กกกกกกกกกกกก โดย: nonnoiGiwGiw วันที่: 20 กันยายน 2564 เวลา:14:50:58 น.
โหยยยยยยย โหดมากกกกก ชักอยากจะรู้ซะแร๊วว่าบอสัดอะไร
ลืมไปเรยว่าพี่ก้อโดนปฎิเสธรับเข้าทำงาน .... โดยคุณตา (น้าแม่) ของตัวเอง ครือคุณตาคนนี้เป็นประธานกรรมการบริษัทปูนซีเมนต์ที่พ่นควันเป็นสีชมพู .... แม่วิ่งเต้นให้ไปเข้าพบตั้งแต่จบตรีแล้ว แต่พี่ไม่ไปและได้งานที่กระทรวงสาธารณสุขก่อน พอจบจากเมืองนอกก็เลยให้ไปเข้าพบ จริงๆพี่อ่ะได้งานตั้งแต่ยังไม่กลับเมืองไทยนะ รีครูทสัมภาษณ์ข้ามทวีปกันเรย แค่ไปให้บริษัทสัมภาษณ์เท่านั้นเอง ก็ไปเข้าพบงั้นๆ พี่ก็ไม่ได้อยากทำ ส่งใบเกรดทั้งตรี ทั้งโท ให้ แล้ว ผจก ฝ่ายบุคคลเชิญไปเขียนใบสมัคร กลับมาคุณตาบอกว่า .... "ท่าจะยาก ... ตอนตรีเราเกรดไม่ดีนี่" .... พี่นี่ขึ้นเรย ปรี๊ดแตก ... ตอบไปว่า "ถ้าบริษัทจะดูย้อนกลับไป 5-6 ปีขนาดนั้น หลานก็คงขอปฎิเสธตรงนี้เลยดีกว่า หลานอยากทำงานกับบริษัทที่เดินไปข้างหน้ามากกว่าจะมาสนใจเรื่องในอดีต 5-6 ปี" แล้วก็บอกว่า "จริงๆหลานก็ได้งานทำแล้ว เหลือต่อรองเรื่องเงินเดือนอีกนิดหน่อยเท่านั้น ... " แล้วก็ยกมือไหว้ เก็บของเดินออกมาเรย ยังจำหน้าเลขาคุณตาที่ยืนอยู่ใกล้ๆได้ หน้าซีดมาก ตอนหลังคุณตามาถามแม่ถึงเงินเดือนพี่ พอแม่บอกไปคุณตาเงียบไปเลย บอกว่า "ปูนฯคงให้ไม่ถึงหรอก จบนอกอย่างมากก็ 2 หมื่นนิด" ฮ่าๆๆๆ โดย: ทนายอ้วน วันที่: 20 กันยายน 2564 เวลา:15:08:12 น.
การถูกปฏิเสธ บางครั้งก็อาจจะดีก็ได้
เพราะดูจากทัศนคติของคนสัมภาษณ์ก็ดูไม่โอเคแล้ว งานเลือกคน คนก็มีสิทธิ์เลือกงานเหมือนกัน โดย: ฟ้าใสวันใหม่ วันที่: 20 กันยายน 2564 เวลา:15:48:26 น.
เม้นท์ เรื่อง 2 ก่อนนะคะ
หากเป็น Possitive thinking นี่คงเป็นการสอบ EQ เขาจัดูว่า เรามีปฏิกิริยา/การรับมือกับสถานการณ์นี้อย่างไร? 1. ยั๊วะ 2. งงๆ เบลอๆ ร้องไห้ รับไม่ได้ 3. เฉยๆ 4. ทำใจดีสู้เสือ ตั้งรับ และตอบกลับ มันถูกทุกข้อแหละค่ะ.. แต่เขาจะรับคนที่มีปฏิกิริยาตาม ข้อ 4 หากเป็น Negative thinking ก็อย่างที่เราๆรู้สึกกัน เผลอๆ แ-่ง..โดนล้มโต๊ะ หรือโดนต่อย..มันต้องจดจำ/เข็ดไปเลย พี่อ้อเคยเจอคำถามคุกคามนี้ ตอนสอบเลื่อนระดับ เป็นนักบริหาร..แตก็ เอ๊ะใจ แล้ว เลือก ข้อ 4 ชักสีหน้า สีตากลับเป็นปกติ ตั้งสติ..พูดจาตาม เนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่ง แล้วรุกกลับ พรุ่งนี้ มาเม้นท์ต่อเรื่องแรก นะคะ Little Prince Take care โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 20 กันยายน 2564 เวลา:15:50:36 น.
ปริ้นยังเล่าเรื่องได้สนุกเหมือนเดิม
สงสัยแค้นมาก ช่างจดช่างจำจริงๆ โดย: หอมกร วันที่: 20 กันยายน 2564 เวลา:17:39:13 น.
ดาราดังหลายคน
ก็เริ่มต้นจากการเป็นตัวประกอบแบบไม่ตั้งใจนะครับ พี่ก๋าเคยอ่านเจอหลายคนเลย เจอกรรมการสัมภาษณ์แบบนี้ เพลียเลยนะครับ คัดคนตั้งแต่ชื่อมหาวิทยาลัยแบบนี้ เป็นวิธีคิดที่ประหลาดดีครับ จะบอกว่าเป็นวิธีทดสอบการรับมือกับความกดดันก็ไม่น่าจะใช่ 555 ปล.สมัยเรียน เวลาอ่านหนังสือพี่ก๋าเปิดเพลงร็อกไปด้วยครับ 5555 แต่ตอนนี้ทำแบบนั้นไม่ได้แล้ว ชอบอ่านหนังสือแบบเงียบๆมากกว่าครับ โดย: กะว่าก๋า วันที่: 20 กันยายน 2564 เวลา:19:10:58 น.
มาเร็ว..เคร็มเร็ว
เป็นประสบการณ์ที่ดี และหลากหลาย เกือบได้เกิดเป็นดาราโด่งดังๆซะแล้วLittle Prince สาวๆคงจะกริ๊ดตรึม..แต่ รอให้น้องไปก่อน นั่นแหละนะ.. ดวงจะมาเกิดอีกทาง.. โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 20 กันยายน 2564 เวลา:20:37:24 น.
สวัสดีครับน้องปริ๊นซ์
อ่านเรื่องแรกแล้ว มาแอบกระซิบว่าพี่เคยไปสมัครรายการแถวห้วยขวางเหมือนกัน รายการเกมส์โชว์ แต่เค้าไม่เลือกนะ ได้เงินมา 1,500 ถือว่าคุ้มอยู่ ของพี่ครั้งเดียว อ่านเรื่องสัมภาษณ์แล้วขึ้นแทนเหมือนกันครับ เรื่องสถาบันนี่ ใครบอกว่าไม่มี เถียงเหมือนกันมี 555 ตอนสมัยรุ่นพี่วลีเด็ดเลย รู้มั๊ยปล่องไฟที่นี่ควันสีอะไร เรื่องเกียรตินิยม กับการทำงาน พี่ว่ามีผลนิดหน่อยนะแต่ไม่มาก ต้องมีองค์ประกอบอย่างอื่นด้วย ถึงจะทำงานประสพผลสำเร็จ เด็กเก่งบางที EQ ติดลบก็มี พี่ยอมรับเลยว่าถ้าได้รุ่นน้องจากสถาบันเดียวกันมาทำงานนี่ เป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมเลย มันเหมือนคุยกันรู้เรื่องนะ มองตาก็รู้ใจ โดย: The Kop Civil วันที่: 20 กันยายน 2564 เวลา:23:02:24 น.
มันเป็นตลกร้าย บางครั้งมองหน้าไม่ติดเลยก็มีนะ คนที่มาชวนไม่ได้เนี่ยะ จริงๆ มันไม่มีอะไรหรอก แต่มันรู้สึกไม่สนิทใจมั้งทั้งที่เพื่อนมันก็ไม่ได้คิดอะไร (เคยอยู่ในสถานการณ์แบบนั้น)
เรื่องที่สองผมมองว่า ปญอ. ครับ เอาเข้าจริงทุกที่มันคล้ายสถานการณ์เช่าบ้านที่จีนที่ผมเคยพูดไว้ในบล็อก คุยกันไม่ถูกคอ ต่อให้ราคาถูกก็อย่าเช่า มีปัญหาแน่นอน อันนี้ก็เช่นกัน ไม่ว่าจะที่ไหนหลักการเดียวกันหมด ซื้อของ สั่งข้าว ดีลงาน มันก็เหมือนกันครับ แต่อย่างว่าประเทศโลกที่สามมักเป็นแบบนี้เสมอ สนใจแต่กระดาษ บางที่รับแค่ 2-3 สถาบันก็มี หลายคนอาจไม่ค่อยพอใจแต่เราต้องยอมรับความจริงให้ได้ว่าประเทศนี้มันโลกที่สามจริงๆ (ดาราเกาหลีก็เคยพูดว่าประเทศเราเป็นประเทศโลกที่สาม เกือบได้เอาดินกลบหน้าที่นี่แล้ว ผมไม่โกรธหรอก เพราะมันเป็นเรื่องจริงแม้มันยากที่จะยอมรับ แต่เราต้องยอมรับมันให้ได้ ถ้ารับไม่ได้เราก็พัฒนาต่อไม่ได้) สิงห์แดง สิงห์ดำ สิงห์ทอง อาจมาจากที่มานี้ก็ได้กระมัง มันไม่ใช่การทดสอบ EQ หรอกแบบนี้ ขนาดเราเรียนที่จีน ยังมี บ. บางที่ถามเลยว่าจบมหาวิทยาลัยอะไร คนพวกนี้รู้จักแต่ ม.ปักกิ่งอย่างเดียว ผมไม่ได้แอนตี้ ม.ปักกิ่งนะครับ แต่คนไทยหลายๆ คนไม่รู้ว่า ม.ปักกิ่ง กับ ม. ภาษาและวัฒนธรรมปักกิ่ง เป็นคนละที่ด้วยซ้ำ ที่ตลกยิ่งกว่า คือ ถามว่า ม. ชิงหวา ม.อะไร ถามกลับอีกดังมั้ยอะ เปรียบเทียบให้เห็นภาพง่ายๆ เหมือนเขาถามว่า จุฬาฯ ม.อะไรดังมั้ยล่ะครับ มันแสดงให้เห็นถึงความรู้รอบตัวของผู้ถามว่าไม่ได้มีความรู้อะไรเลย ป.ล. ชักอยากจะรู้แล้วสอครับว่าที่ไหน รบกวนหลังไมค์บอกที โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 21 กันยายน 2564 เวลา:0:33:41 น.
เรื่องสมัครงาน ถูกสัมภาษณ์ ครั้งเดียวแล้วไม่ได้ เคยแน่นอน
อยู่แล้ว เรานึกอยู่แล้วต้องไม่ได้เขาคุยกับเราแค่ 10 นาที มีคำถามแปลก.. (ข่วงนั้นดวงตกด้วยมั้งทำอะไรก็ไม่ได้ดี555) แต่ก็แปลก นาย ๆ ที่รับเข้าทำงานไม่เคยขอดูใบรับรอง เซอร์ฯ เลยแนว ๆ เมกัน.. เอ้าทำงานไปถ้าทำได้ก็ให้ไต่ ๆ ทำขึ้นไป ... คุณปรินซ์ได้แคสด้วย ดีจังเลย.... ผมเคยไปถ่าย 2 - 3 วัน เหนื่อยตื่นเต้น เป็นงานโฆษณา 2 คร้งแล้วออกทางทีวีปีกว่าต่อมาไม่เอาแล้ว แหะ ๆ หมายถึงเขาไม่เอาเรานะเออ 555 ทำงานด้านนี้สนุก ๆ เท่านั้นเองทำเงินไม่มากหรอก สู้ทำงาน หลัก ๆ ของเราไม่ได้ . โดย: ไวน์กับสายน้ำ วันที่: 21 กันยายน 2564 เวลา:6:14:22 น.
น้องนาย..นี่ต้องถอยนะคะ
หากเจอน้องปริ๊นซ์ ชะแว๊ป up ตะพาบ ส่งบ้าง ระหว่างรอหมอตา..วันนี้ หลายอยู่ แต่มีอีก 35 คน ก่อนพี่อ้อ.. น่าจะบ่าย 2 นู่น.. Happy Tuesday ค่ะ Little Prince โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 21 กันยายน 2564 เวลา:12:16:42 น.
จากบล็อก
เดี๋ยวนี้ที่ทำงานพี่ก็มีหลายสถาบันเลยครับ อยู่กันได้อย่างมีความสุข ไม่ได้ยึดติด เสมอภาคกันทุกอย่าง เพียงแต่ถ้าคุยกันเรื่องที่ลึกมาก ๆ รุ่นพี่รุ่นน้องคำเดียวรู้เรื่อง อยากรู้แบบเม็นต์คุณต่อเหมือนกันว่าที่ไหน 555 โดย: The Kop Civil วันที่: 21 กันยายน 2564 เวลา:12:20:16 น.
เสียใจมาก หรือ แค้นมาก
ก็เป็นประสบการณ์ที่จำแม่นและจำนานนะคะ ดีแล้วที่ไม่ได้สูงกว่าน้อง 185 เนี่ย หาคูควงยากแล้วค่ะ ขอบคุณที่แวะไปแจกคอมเม้นท์ดีๆนะคะ โดย: ภาวิดา คนบ้านป่า วันที่: 21 กันยายน 2564 เวลา:13:27:29 น.
ใช่ครับ
เป็นเรื่องจริงของพี่ก๋าเอง นอกจากสั่งนมร้อนที่คาราโอเกะ พี่ก๋าก็เคยไปสั่งมะพร้าวเป็นลูกในคาเฟ่ด้วยครับ 555 ส่งเพื่อนไปคล้องมาลัยนักร้อง พี่ก๋าก็นั่งดูไปขำไป นักร้องก็คงขำพี่ก๋าด้วย นักเที่ยวไม่มีใครสั่งน้ำมะพร้าวมากินแน่ๆ 555 เพื่อนพี่ก๋าส่วนใหญ่เป็นนักดื่มกันหมด มีพี่ก๋านี่ล่ะครับที่ไม่ดื่ม ไม่สูบเลย ตอนพี่ก๋าเรียนจบใหม่ๆ มีคนชวนไปสมัครสำนักงานสถาปนิกชื่อดังระดับประเทศ ถ้าไปเค้าก็คงไม่รับ เพราะที่นี่เน้นรับเด็กถาปัตย์จุฬากับคนที่จบเมืองนอกเป็นหลัก รุ่นน้องพี่ก๋าจบ ป.ตรีจากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง เค้ารับไปเป็นคนเขียนแบบกับคนชงกาแฟครับ ไม่ได้ให้เป็นสถาปนิก ทำได้พักเดียวก็ลาออก โดย: กะว่าก๋า วันที่: 21 กันยายน 2564 เวลา:13:29:03 น.
สวัสดี จ้ะ น้องปริ๊นซ์
อ่าน ตะพาบ "ถูกปฏิเสธ" สองเรื่องของเธอแล้ว ในชีวิต จริงเจอได้แน่นอน อิอิ เรื่องแรก การสมัครงาน ครูจบใหม่ ๆ รอการเรียกบรรจุ ก็ไป สมัครตามโรงเรียนราษฎร์ เหมือนกัน เสียรูปถ่ายไปเป็นโหล กรอกใบสมัครเสร็จแล้ว สัมภาษณ์แล้ว ก็บอกว่าแล้วจะติดต่อไป หายจ้อยไปเลย เรียกว่า ถูกปฏิเสธ ตั้งแต่แรก เพียงแต่เป็นการ ปฏิเสธที่ดูสุภาพหน่อย แตกต่างจากที่เธอเล่า พวกรักพวกพ้อง รักสถาบันในทางที่ผิด รุ่นเธอยังมีอยู่อีกเหรอ ห้าห้า พวกนี้มันน่าจะหมดสมัยไปแล้วนะเนี่ย ถ้าได้ร่วมทำงานด้วย ก็คงไม่สนุก หรอกนะ ดีแล้วที่ไม่ได้ทำงานกับบริษัทแบบนี้ จ้ะ เรื่องการไปเทสหน้ากล้อง ก็ขำ ๆ เนาะ คนไปเทสไม่ได้ แต่คนไม่ตั้งใจกลับได้ มีเกิดขึ้นบ่อย ๆ แหละ ไม่น่าเสียใจอะไร ดีใจที่น้องเราได้ก็เหมือนเราได้ เนาะ อิอิ โหวดหมวด ตะพาบ โดย: อาจารย์สุวิมล วันที่: 21 กันยายน 2564 เวลา:14:20:16 น.
เค้าคงไม่รู้จะเลือกใครเข้าทำงานมั้ง
ถ้าบอกไปเลยว่าเอาแต่สถาบันไหนเดี๋ยวจะโดนดราม่า และถ้าจะเอาเกียรตินิยม มีค่าเกียรตินิยมในค่าจ้างหรือเปล่าก็ไม่รุ โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 21 กันยายน 2564 เวลา:14:34:19 น.
ที่ไปคุย พอเดาแล้วครับ แหะๆ
เรื่องทดสอบ EQ มันทดสอบได้ แต่ไม่ใช่ดูถูกสถาบันแบบนี้ คำว่า "จบที่ไหนไม่สำคัญ" ไม่จริงครับสำหรับประเทศนี้ ผมล่ะฮามากมีที่หนึ่งที่ผมเคยไป ถามผมว่า พูด'จงหยู่'ได้มั้ย? คือภาษาจีนไม่มีคำนี้อะครับ มีแต่คำว่า "จงเหวิน" "ฮั่นหยู่" ที่แปลว่าภาษาจีน จะเอามาผสมแบบข้างต้นไม่ได้ มันผิด แม้กระนั้น 2 คำดังกล่าวก็ใช้แทนกันไม่ได้แบบ 100% ผมฟังแค่นั้นรู้เลยว่าที่นั่นไม่ได้เรื่อง อย่างน้อยก็เรื่องของภาษาจีนที่ผิดแบบชนิด เด็กเรียน beginner ก็ไม่ผิดกัน โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 21 กันยายน 2564 เวลา:17:31:20 น.
จากที่เล่ามานี่ สันนิษฐานว่า หนุ่มบ้านนี้หน้าตาดีทั้งบ้านเลยนะครับนี่
วงการบันเทิงนี่มีเสน่ห์นะครับ แต่ถ้าใช้หน้าตาอย่างเดียว อายุงานสั้น แต่ถ้ามีความสามารถนี่ เล่นได้ตั้งแต่เด็ก บทลูกไปยันแก่ บทพ่อบทแม่ เลยนะครับ ส่วนเรื่องการรับสมัครงานนี่ เท่าที่ อ.เต๊ะ เจอมานี่ สถาบันมาก่อนเลย ตามด้วยเส้นสาย555 คือถ้ามีรุ่นพี่มหาลัยเดียวกันทำงานอยู่ก่อน หรือเจ้าของบริษัทจบที่เดียวกัน มักจะได้งานแน่ๆ แต่ความสามารถ ก็ต้องถึงด้วย ถ้าสายสถาปัตย์แบบของ อ.เต๊ะนี่ สมัยก่อน เวลาไปสมัครงานตามบริษัท เค้าจะให้โจทย์มาลองทำ วัดกันเลย คือ ให้ออกแบบ เขียนแบบ ในเวลาที่กำหนด ผ่านข้อเขียน ถึงจะเรียกมาสัมภาษณ์นะครับ ส่วนเรื่องการสอบสัมภาษณ์นี่ ถ้าบริษัทหรือหน่วยงานที่มาตรฐานหน่อย เค้าจะมี Criteria มีเกณฑ์ ในการให้คะแนน ไม่ใช้อารมณ์หรือความรู้สึก กรรมการที่น้องปริ๊นซ์ไปเจอ น่าจะมีปัญหาเรื่องวุฒิภาวะ โชคไม่ดีเลยนะครับ ปล.เรื่องในบล๋อกคุณก๋า นั่นนานมาแล้วครับ เดี๋ยวนี้ อ.เต๊ะกลับตัวกลับใจ เป็นเสือสิ้นลาย ร้องเหมียวๆแล้วละครับ นี่เดี๋ยวต้องไปนั่งวิปัสสนา ยุบหนอ พองหนอ ต่อแล้วละครับ เย้ย 555 โดย: multiple วันที่: 21 กันยายน 2564 เวลา:19:57:43 น.
เรื่องนี้เกือบยี่สิบปีที่แล้ว
ในคาเฟ่ พี่ก๋ามั่นใจว่าไม่มีสั่งมากินแน่ๆครับ เหลียวไปทางไหนก็เหล้า เบียร์ทั้งนั้นครับ เพื่อนพี่ก๋ายังแซวเลยว่าพี่ก๋าไม่รักษาหน้าเค้าเลย 555 สมัยพี่ก๋าไปฝึกงาน เด็กฝึกงานได้ทำงานในห้องใต้ดินนะครับ 555 ถ้าเป็นสถาปนิก ก็จะมีห้องส่วนตัวให้ครับ โดย: กะว่าก๋า วันที่: 21 กันยายน 2564 เวลา:20:05:18 น.
สวัสดีครับคุณปริ๊นซ์
ชอบที่ว่า ไนซ์กว่ากรูก็ประตูเซเว่น ^^ ทั้งสองเรื่องที่คุณปริ๊นซ์เล่ามาก็หน่วงไปด้วยครับ เรื่องที่สอง ที่เค้าพูดว่า "ไปเอาเพื่อนเกียรติ์นิยมมาสมัครไป เชิญครับ" คือดูถูกกันมากๆ เลยนะ เหมือนเห็นเราเป็นตัวตลกนะครับ ไม่ชอบเลย เรื่อง ปฏิเสธ ของผม ก็เมื่อเร็วๆ นี้เอง หลังจากเสนองานให้ลูกค้าเก่าท่านนึงไปเมื่อหลายเดือนก่อน เค้าก็บอกไว้จะติดต่อกลับ แต่เมื่อเร็วๆ นี้ปรากฏไปเห็นโพสต์ในเฟสเพื่อน(ที่เคยทำงานร่วมกันในโปรเจ็คลูกค้าคนนี้มาก่อน) เค้าถ่ายรูปงานที่ได้เริ่มทำ เห็นหน้าลูกค้าด้วยนะ ผมนี่เปิดเจอก็เฟลเลย คือหนึ่งเสียใจที่ลูกค้าเค้าไม่บอกเราเลยว่าได้ ไม่ได้ เหมือนไม่สนใจ ส่วนทางเพื่อนคือ เออ ถ่ายรูปลงแบบนี้ไม่คิดถึงความรู้สึกกันบ้าง ผมก็เงียบๆ ไม่ได้กดไลก์ ไลน์ถาม หรืออะไร ก็คิดเสียว่า งานนั้นที่เคยทำด้วยกัน เพื่อนมันเป็นคนชวนเราเอง เค้ารู้จักลูกค้าคนนั้นก่อน คิดซะว่าไม่ติดค้างแล้ว จบๆ กัน ขอบคุณที่ไปพูดคุยที่บล็อกด้วยนะครับ ม.ร.ว.คึกฤกธิ์มีงานเขียนเยอะมาก ผมอ่านแนวบันเทิงเสียมากกว่า ^^ โดย: มาช้ายังดีกว่าไม่มา วันที่: 21 กันยายน 2564 เวลา:22:10:33 น.
สวัสดีค่า
อ่านเรื่องถูกปฏิเสธของคุณปรินซ์แล้วน่าโมโหอะ เรื่องที่สองนะคะ แหะๆ เรื่องแรกเรื่องแคสงาน ไม่เคยรู้ข้อมูลด้านนี้เลยค่ะ เพิ่งเห็นที่คุณปรินซ์เอามาลงว่าที่ไหน บทอะไร ค่าตัวเท่าไหร่ จริงอย่างที่คุณปรินซ์บอกค่ตัวไม่เยอะเลย แถมตั้งใจไปไม่ได้คนได้ไม่ได้ตั้งใจอีก น่าจะเซ็งๆ แต่ก็ดีใจกับน้องเนอะ ทางนี้ก็เคยมีเรื่องแนวๆ นี้ค่ะ แต่ไม่เกี่ยวกับงานแนวนี้หรอก รู้สึกเฟลๆ หน่อยแต่พอผ่านมาหลายปีมันก็ขำๆ นะ ผ่านไปแล้วก็สักพักก็ลืม >< เรื่องที่สองนี่ว่าไม่จริงเหมือนที่คุณปรินซ์ว่าจริงๆ หลายที่อย่างบ.ใหญ่ๆ ระบบนี้ยังมีอยู่และไม่มีทีท่าจะหมดง่ายๆ เอาจริงๆ ระบุไปเลยก็ได้เนอะ อยากได้ ม.ไหน ไม่เสียเวลา แล้วแบบให้เอาเพื่อนเกียรตินิยมมาสมัครนี่แบบเหมือนหักหน้าอย่างแรง เซ็งเลย แล้วอย่างสีไหนอะไรยังไงนี่อีก เออเนอะ ทำไมสำคัญมากขนาดนั้น หรือเพราะเค้าดูไปถึงทัศนคติเราด้วยนะ ที่รุ่นพี่ว่าเรียนจบที่ไหนไม่สำคัญ ทำงานเก่งเป็นพอ ไม่จริงอะ ตราบใดที่เราไม่ได้พิสูจน์ความสามารถเพราะแเรื่องแบบนี้ เค้าก็ไม่รู้หรอกว่าเราเก่งรึเปล่า เมนต์ละก็ขึ้น เคืองแทน 555 บ้านเรานี่ก็อย่างที่คุณปรินซ์ว่า ลอตเตอรี่ 80 บาทและรถเมล์ควันดำไม่มีฉันใด ถนนลูกรังบ้านเราก็คงไม่มีฉันนั้นแหละ งือออ อยากอ่านเรื่องงานแรกที่ได้ทำแล้วสิคะ ต้องมีอะไรสนุกๆ แน่ เอาไว้เขียนให้อ่านบ้างนะคะ เย้ โดย: lovereason วันที่: 21 กันยายน 2564 เวลา:23:09:55 น.
สวัสดีค่ะคุณน้องปริ๊นซ์..
ขอบคุณที่แวะไปทักทายกันคะ.. โดย: อ้อมแอ้ม (คนผ่านทางมาเจอ ) วันที่: 22 กันยายน 2564 เวลา:7:18:55 น.
กลับมาขอบคุณคำอวยพรวันเกิดค่ะ น้องปริ๊นซ์
โดย: ภาวิดา คนบ้านป่า วันที่: 22 กันยายน 2564 เวลา:13:52:05 น.
ขอบคุณสำหรับกำลังใจให้บล็อก - ผัดไทยวัดท้องคุ้ง อ่างทอง ด้วยนะครับ
โดย: ทนายอ้วน วันที่: 24 กันยายน 2564 เวลา:19:58:18 น.
สวัสดีครับคุณปริ๊นซ์
ผมก็เป็นนะ ดูพวกหนังที่มีหมา แมว อะไรนี่ อาจเพราะห่วง หรือกังวลแทนเค้าก็เป็นได้ครับ อย่างเรื่องหมาฮะจิ ที่รอเจ้าของนั้น ตัดปัญหาด้วยการไม่ดูซะเลย 55 หมารักเจ้าของมากนะครับ แต่แมวนี่ด้วยสัญชาติญาณและบุคลิกต่างไป เลยดูเหมือนไม่ค่อยเอาอกเอาใจนุด ^^ ป.ล. แต่หมาก็มีหลายบุคลิกนะ อิอิ ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะครับ โดย: มาช้ายังดีกว่าไม่มา วันที่: 24 กันยายน 2564 เวลา:22:36:26 น.
สวัสดีค่ะคุณปรินซ์
ติดงานด่วนไม่ได้เข้ามาสามวัน นึกว่ามีบล็อกใหม่แล้วค่ะ แงง เรื่องมหาลัยนี่ใครว่าไม่มีผลเนาะ นี่ว่ามีมากจริงๆ ทางนี้ก็เป็นมหาลัยภูธรค่ะ ถึงจะเป็นของรัฐแต่ถ้าเทียบกับในกทม.น้องก็ยังอันดับหลังๆ เลย นี่เลยไม่ไปหาทำที่กทมค่ะ อยู่แถวบ้านนี้แหละ ใหญ่ในที่เล็กดีกว่าไปเล็กในที่ใหญ่ แงงงงง เรื่องสีก็อย่าพูดถึง ยืนงงในดงมาม่าตลอด ไม่ว่าที่ทำงาน ที่เรียน หรือแม้แต่บ้านตัวเองนี่แหละค่ะ 555 เอาจริงๆ นะ ถึงเราจะจบมาจากสาขาอะไร แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะได้ทำตรงสายงานเนาะ บางทีทำไปเราก็ค้นพบอะไรที่เหมาะมากกว่า ก็ปรับไปได้หมดค่ะ ทางนี้เขียนนิยายก็เป็นรายได้เสริมที่ดีอย่างหนึ่งแต่เป็นคนเขียนช้านี่แหละค่ะ เจ็บ เพื่อนได้เงินดีเพราะออกงานทุกเดือนแต่ทางนี้ปีละเรื่อง งือออ เรื่องคุณภพ แม่รุ้งเป็นสาวเปรี้ยวค่ะ ไม่น่ามาลงเอยกับหนุ่มซื่อ(บื้อ) นิดๆ แบบพ่อรุ้งเลยเนาะ นางก็ถือว่าตัวเองโพรไฟล์ดีกว่าเป็นที่ยอมรับมากกว่าก็จะข่มสามีหน่อยๆ ค่ะ แต่จริงๆ คือรักและห่วงนั่นแหละ แต่บางคนจะมีอย่างคืออีโก้สูงเสียดฟ้าจะลงไม่ได้ง่ายๆ 55 เรื่องนี้มีความบังเอิญหลายอย่างจริงๆ ค่ะ ตอนต่อไปก็จะมีเฉลยว่าเพราะอะไร แต่เรื่องสุริยุปราคานี่คือเกิดจริงในปีนั้นเดือนนั้น อิอิ แต่ยังหาทางลงอยู่ว่าจะวาร์ปกลับดีมั้ย หรืออยู่ยาวไปเลย สงสารพ่อแม่เค้านะคะ >< น้องนักข่าวจะอาศัยว่าสนิทกับอาจารย์เป็นน้องแฟนเก่างี้ค่ะ ตีซี้ขอข่าว คิดว่าเป็นธรรมชาติของคนเลยเนอะ เข้าหาคนที่พูดง่ายได้ไม่ได้ว่ากันอีกที 55 อ่านคอมเมนต์ตั้งแต่วันก่อนแล้วค่ะ แต่ไม่อยู่บ้านเลยตอบยาก งือออ ขอบคุณคุณปรินซมากๆ ค่ะ เดี๋ยวอีกสองสามวันค่อยกลับมาอัปบล็อกค่า โดย: lovereason วันที่: 26 กันยายน 2564 เวลา:11:47:01 น.
|
BlogGang Popular Award#20
จันทราน็อคเทิร์น
บทความทั้งหมด
|
แหม.. ไม่นับตัวเองเล้ยยยย..
ขอทำงานแว๊บเดวมาอ่าน..