ฟาดเคราะห์

เหตุการณ์นี้เป็นการณ์การณ์ก่อนที่ผมจะป่วยนอน รพ ครับ
จริงๆ ช่วงนั้นมีเรื่องราวมาเขีบยบล๊อกเยอะครับ
แต่ตอนนั้นผมออกไซต์ถี่มาก จนไม่มีเวลา
พอมีเวลาก็คือป่วย ลุกแทบไม่ได้ อย่าว่าแต่จะเขียนเล่าอะไรให้สนุกเลย


"ปริ้นซ์...วาดหม้อไฟให้หน่อยได้ป่ะ"
"ห๊ะ?! หม้ออะไรนะ"
"หม้อไฟๆ  หม้อสุกี้มีผักอะไรแบบนี้น่ะ จะเอาไปเล่านิทานที่โรงเรียนข้าวหอม"
 
อยู่ๆ คำขอแปลก ๆก็มาจากพี่สาว เล่นเอาผมงงไปพักนึงเลย
สรุปคือ พี่สาวจะไปร่วมงานผู้ปกครองช่วยสอนที่โรงเรียนหลานก่อนปิดเทอม
แล้วอยากให้ผมช่วยวาดรูป 
"หม้อไฟ" ให้

"ไหน.....มาสาธิตสิ"
แหม่....พูดปากเปล่ามันนึงไม่ออก ผมเลยช่วนพี่สาวมากินสุกี้ด้วยกันที่บ้านซักหน่อย
เพื่อให้ภาพหม้อไฟ หม้อสุกี้ หรืออะไรที่ว่าชัดเจนขึ้น 5555





พูดง่ายแต่ทำยากละครับจ๊อบนี้ เพราะนอกจากต้องหาแบบหม้อไฟแล้ว
ผมมีเวลาวาด ลงสีแค่ 4 วัน แถมตัวเองก็ว่างแค่เวลากลางคืนหลังเลิกงาน
วันแรก ผมหมดไปกับการหาแบบและร่างด้วยดินสอคราวๆก่อน
วันที่สอง ถึงเริ่มลงสี และเวรกรรมมาก....ผมเป็นคนระบายสีห่วยมาก
จะให้พี่สาวระบายเอง นั่นก็ไม่ทำบอกว่าแค่เตรียมอุปกรณ์ก็จะไม่ทันแล้ว
เลยให้พี่แอบเอาสีของหลานมาให้หลังจากหลานหลับแทน 
แต่ทำไปได้ไม่เท่าไหร่ แฟนก็ยื่นแผ่นชาร์ตกระเบื้องยางมาให้
"เทอชอบสีไหน"
"เราชอบสีเดิม กระเบื้องเดิม"  ความหมายของผมคือ "เราไม่เปลี่ยนกระเบื้องพื้น"
"เทอเลือกมาซักสี เค้าว่าสีอ่อนออกเหลืองก็ดีนะ"
"เอาสีเทาแล้วกัน จะได้คล้ายเดิม ไม่งั้นมันไม่เข้ากับเฟอร์" ผมพูดแล้วดันชาร์ตกลับไป
แฟนส่ายหน้าเบา แล้วดันชาร์ตมาให้อีก
"อือออ เข้า ไม้ๆ แบบนี้เข้าทั้งนั้นแหละ"
"เราวาดรูปก่อน ขี้เกียจเลือก"
แฟนค้อนผม 1 ที ก่อนจะกอบชาร์ตกระเบื้องยางเดินออกไป
ส่วนผมก็ระบายสีต่อเกือบถึงเที่ยงคืน ทำไปไอไป จนเส็ดในคืนนั้น






วันรุ่งขึ้นก็เป็นวันที่หลานเดินตามเรียกให้ไปส่งที่โรงเรียนนั่นแหละครับ
และผมก็ป่วยไข้ขึ้น เข้า รพ วันนั้นแหละครับ 
โชคดีมากที่ทำจนเส็ดเรียบร้อยก่อนจะป่วยยาวๆ 






ช่วงนั้นพี่สาวก็ไปทำกิจกรรมที่โรงเรียนหลาน 
พร้อมหลานมีการแสดงเตรียมปิดเรียน  โดยที่เค้าเป็นตัวแทนพูดบนเวที
ผมดูวีดีโออยู่ที่โรงบาล หลานพูดอังกฤษบนเวทีได้น่ารักมาก
ทุกคนปรบมือ Teacher ยิ้มอย่างภูมิ 
ไม่เสียแรงที่ผมแสดงเป็นชาวต่างชาติไม่พูดไทยด้วยจน 3 ขวบ
หลังจากนั้นเค้ารู้แล้วครับว่าผมพูดไทยได้ แล้วผมก็พูดไทยเลย 55555
เดี๋ยวนี้ผมพูด 50 : 50 แล้วครับ เหนื่อย เถียงไม่ทัน.....






ออกจาก รพ มาไอ่เราก็นึกว่าฟาดเคราะห์
พอผมจะกลับไปทำงาน ผมก็เตรียมออกจากบ้านในตอนเช้า
พี่เพ็ญที่ยืนกวาดพื้นลาดจอดรถอยู่ก็พูดขึ้นว่า
"คุณปริ๊นซ์คะ พี่ว่ายางหน้าคุณปริ๊นซ์มันแบนๆ นะคะ"
"ยางผมยางสปอร์ท แก้มเตี้ยงั้นแหละครับ"
"ไม่ค่ะ พี่เพ็ญว่ามันแบนนะ"
ผมเลยหันไปมองที่รถจากในบ้านมองไปที่ยางหน้าซ้ายที่พี่เพ็ญกวาดพื้นอยู่ใกล้ๆ

เออว่ะ!!!! ทำไมแก้มยางมันย้วยออกมางั้นป่ะ
"เฮ้ย! แบนจริงด้วย"
ผมนี่วิ่งออกไปดูกับตา  สิ่งที่เห็นที่อุทานได้คำเดียวว่า อห!!!!






"ตายละพี่เพ็ญ......แล้วต้องเป็นเช้าวันจันทร์ด้วยนะ เอาไวดีเนี้ย"
ปากน่ะพูดว่า ตายละ แต่ในใจคือ ตายห่านละ.....
เพราะดูจากสภาพยางแล้ว ไม่มีทานเอาไปร้านได้เลย 
และจังหวะนั้นผมยังไม่สามารถเปลี่ยนยางสำรองเองได้
สรุป ต้องโทรหาร้านยางแถวบ้านให้ส่งคนมาดู และเปลี่ยนยางสำรอง
แต่โชคยังดีที่เติมลมไปแล้วลมยังอยู่ได้ เลยวิ่งไปร้านแค่ 800เมตรได้ไม่ต้องบดแม็ค
อยู่ๆ ก็เสียตังเลยครับ 4 เส้น 2หมื่น 
จริงๆ ยางผมครบอายุแล้ว แล้วกะจะเปลี่ยนปลายเดือนนี้แต่ยางดันไม่รอ......
แต่ยางใหม่ก็ใช้ดีครับ ถนนแห้งมั่นคง ถนนเปียกมั่นใจ
2 หมื่นนี่ก็ถือว่าคุ้มค่ากับความปลอดภัย






คิดว่านี่คือฟาดเคราะห์ครบแล้ว.....
ยังครับ
เพราะเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา หลังจากกลับบ้านมาในช่วงบ่าย
ผมเดินไปเดินมาทำนั่นทำนี่ในบ้าน ด้วยความรู้สึกง่วง และเหนื่อย
อยู่ๆ ภาพตรงหน้าก็เฟดสี พร้อมกับความรู้สึกปวดหัว หัวใจเต้นแรง และมึนงง
ผมนี่รีบหาที่นอนนิ่งๆ ก่อนเลย แล้วค่อยว่ากันอีกที
แฟนก็รีบเดินมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น ซึ่งผมก็นอนกอดกระเป๋าเค้าไว้
พร้อมควานหายาดมจากกระเป๋าเค้ามานอนดมเรียบร้อย


ซึ่งจริงๆ มันไม่ได้เพิ่งเป็นครับ
หลังจากที่ป่วยยาวๆ แล้วออกจาก รพ มา ผมก็ออกไซต์ไม่มีพัก
แล้ว พฤหัส-ศุกร์ ผมเริ่มออกเดินหน้างานพร้อมน้อง แต่เดินเท่าที่ไหว
เพราะยังเพลียๆ กินได้น้อย และเจ็บมือ เจ็บแขนมากๆ
พอวันเสาร์ที่บ้านมีงานรวมญาติครับ ผมก็ไปด้วย
ตอนนั้นไม่ได้คิดว่าจะเหนื่อยอะไร เพราะก็แค่นั่งเฉยๆ 
ขับรถก็ไม่ได้ขับเพราะเจ็บแขนมากจากการขับรถตลอด 5 วันทำงาน
แฟนก็ขับรถให้ ไปถึงก็ไม่ได้ทำอะไรแค่กินข้าว แล้วนั่งดูทีวี
มีพาหลานไปนั่งดู Boat กินขนมที่ร้านกาแฟใกล้ ๆ นิดหน่อย
ซึ่งก็เย็นสบายดี หลานก็เรียบร้อยไม่ได้ซนอะไร นั่งดูBoat ร้องเพลงมีความสุขดี







ตกบ่ายผมปวดหัวตื้อ ๆ มึนๆ คิดเหมือนกันครับว่าน่าจะเหนื่อย
ผมก็หลับไปเลยครับ ยาวๆ 1 ชั่วโมงครึ่ง ตื่นมาก็เตรียมกลับบ้าน
วันอาทิตย์ หลานก็ชวนไปกินข้าวด้วยกันที่ร้านอาหารที่เค้าชอบ
ผมก็ออกไปกินด้วย สลับกับพี่เขยไปเฝ้าเค้าเล่นที่สนามบ้าง
แต่หนักที่นั่งกินกาแฟครับ






ปรากฎว่าอาทิตย์บ่ายอยู่ๆ จะวูบเฉยเลย
และตลอดบ่าย ผมรู้สึกได้เลยว่า ผมปวดหัวตื้อๆ ตลอดเวลา
เหนื่อยเร็ว ยืนๆ เดินๆ นานหน่อยแล้วเวียนหัว ตามมาด้วยหน้ามืดมาติดๆ 
เลยลองวัดความดันดู....ปรากฎว่า 
ความดันต่ำ  ครับ







ต่ำเหลือเกิน.....แฟนเห็นแล้วตกว่า ว่าผมไม่เป็นไรแน่นะ
ผมตอบตรง ๆ ว่า "ไม่รู้เหมือนกัน แต่ตอนนี้ไม่เป็นอะไรนอกจากหน้ามืด"
แต่บอกไปว่า คิดว่าน่าจะยังไม่recoverดีแล้วเหนื่อย
พักผ่อนน้อย ทำงานเยอะ ใช้แรงเยอะ
นอนเยอะ ๆ หน่อย เดี๋ยวก็น่าจะดีเอง


เมื่อวานก็พยายามกินอะไรที่อยากกินครับ หลัก ๆ คือ ข้าวต้มปลา
เลยฝากพี่หมิงซื้อข้าวต้มปลาเซเว่นมาให้กิน
ช่วงนี้ผมไม่เน้นเดินไปไหนครับ เน้นนั่งอยู่ที่โต๊ะ มีเวลาก็นอน






อาทิตย์นี้ผมเพิ่งเข้าไซต์จริงๆ จัง ๆ วันนี้ครับ 
แต่โชคดีที่ก่อนหน้านี้นอนตั้งแต่ 4 ทุ่ม ตื่น 7 โมงเช้า ได้นอน 7-8ชั่วโมงทุกวัน
วันนี้ผมเลยเดินๆ ยืนๆ ดู Test run ได้ตั้งแต่ 10 โมงครึ่งถึงเที่ยงได้แบบไม่เวียนหัว
ก่อนออกไปเดินก็ดื่มน้ำไป ครึ่งขวดกว่าจะได้สดชื่น

วีคนี้ต้องพยายามพักให้หายดีครับ เดี๋ยววีคหยุดยาวจะสุขไม่สุด
แต่งานไม่เพลาเลยครับ แล้วผมจะเอาอะไรไปพัก
พรุ่งนี้ก็ต้องพาลูกค้าเป็นเอนเตอร์เทน แต่ก็เอาเท่าที่ไหวครับ





เออ....และคำนวนเวลาแล้ว ผมคิดว่า....
ผมน่าจะติดไข้เลือดออกมาตอนออกไซต์นครนายกครับ
เพราะนอกจากไปทำงานครึ่งเช้าแล้ว ช่วงบ่ายพวกผมก็เที่ยวเล่นกันไม่สนป่าสนดง

ที่แรกเป็นคาเฟ่ที่ทางเข้าอย่างลึก อย่างเปลี่ยว 
จนต้องออกปากถามแบงค์คนขับว่า........ชัวร์ป่ะว่าคาเฟ่ ไม่ใช่ฮวงซุ๊ย....
แต่พอเข้ามาถึง คาเฟ่ดูดีครับ ชื่อว่า   


2nd November cafe & Oganic farm

บรรยากาศดูเป็นคาเฟ่แน่ธรรมชาติ มีพื้นที่กว้าง 
จะนั่งในห้องแอร์ หรือด้านนอกก็ได้ ซึ่งพวกผมเล็งแล้วว่าจะนั่งข้างนอกเอาบรรยากาศ







มีอาหารที่ดูแล้วน่าทานดี และพวกเบเกอร์รี่ 
เห็นว่าที่มีชื่อเสียงคือ ครัวซอง   
ซึ่งก็น่าจะขึ้นชื่อจริงๆ ครับ เพราะเกลี้ยงตู้เลย เหลืออยู่ไม่กี่อย่าง
อ่ะ ก็ลองเอามากินดู 






Come with me, Free Wifi ด้วยครับ
รหัส wifi นี่อ่านยังไงไม่ให้มีทำนอง  555555








มุมถ่ายรูปก็เยอะ พวกผมก็เดินลุยสวน ลุยต้นไม้ไปหาที่นั่ง
ส่วนพนักงานก็บอกว่า เดินตามหาพวกผมนานมากเหมือนกัน 55555


เค้าเดินตามหาพวกผม 3 คนกันทำไม ก็เพราะ ไอติมกับสตอเบอร์รี่ปั่นของไนท์มาเสิร์ฟแล้ว
ส่วนผมกับแบงค์สั่งครัวซองมากินด้วยกัน







ผมสั่งชาเบอร์รี่  ส่วนแบงค์ไม่ใช่สายคาเฟ่ ก็play safe สั่งชาไทยธรรมดา
ผู้ชาย 3 คนมานั่งคาเฟ่ ก็นั่งคุยกันสัพเพเหระ เรื่องชีวิต อะไรกันไป
ยุงป่าก็กัดทะลุกางเกงได้ แมงมุมก็เข้าขากางเกงได้ โคตรธรรมชาติ






ออกจากคาเฟ่ ก็ขับขึ้นไป
เขื่อนขุนด่านปราการชล
ไม่รู้เหมือนกันว่าจะไปทำอะไร แค่คุยกันว่าไปเอาบรรยากาศพระอาทิตย์ตกบนสันเขื่อน
หรือขับรถกอล์ฟเล่นบนสันเขื่อน และถ้ามีเวลาจะไปล่องเรือหางยาวกัน 3 คน



แต่.....วันศุกร์เย็นคนขึ้นเขื่อนเยอะมาก ๆ ครับ
เยอะจนรถติดยาวตั้งแต่ข้างล่างวนขึ้นไปเรื่อย ๆ 






"เราว่ายูเทิร์นไหมวะแบงค์ มีแต่คนยู"   ไนท์เริ่มชะโงกดูด้านหลังที่รถติดยาว
"เราว่านี่ครึ่งทางแล้วนะ มันยูกันก็ดีดิ รถจะได้โล่ง"  แบงค์คนขับยังคนมั่นใจ
"เขื่อนมันมีเวลาปิดนะเว่ย นี่ 4 โมงครึ่งแล้วนะ"
"หรอวะ....งั้นเอางี้...ถ้า 5 โมง 15 เรายังไม่ถึง ก็ยูเทิร์น โอเค๊"
"เขื่อนมันปิดกี่โมง เดี๋ยวก่อนไอ่แบงค์"  ไนท์รีบหยิบมือถือมาเสิร์ช
"6 โมงว่ะ ชิบหายละ"
"ชิบหายละ...."
เออ....ชิบหายละ ผมนี่นั่งฟังก็คิดเหมือนกัน
"แต่ใกล้ถึงแล้วเชื่อเราดิ"





แล้วก็จริงอย่างที่แบงค์ว่าครับ  พอเข้าโค้งมาก็ถึงทางขึ้นที่จอดรถหน้าเขื่อนแล้วครับ
ไอ่แบงค์นี่ความจำดีเหมือนกัน ว่าถึงโค้งที่มันบอกคือใกล้ถึงแล้ว
แต่นั่นเราก็ติดอยู่ราวๆ 15 นาทีได้ ทำให้เราจอดและลงจากรถมาราวๆ 5 โมงนิดๆ 
ลงจากรถได้ แบงค์ก็วิ่งไปที่เช่ารถกอล์ฟทันที
"ปิดแล้วครับ ปิดให้บริการตอน 5 โมงครับ มาเที่ยวใหม่คราวหน้านะครับน้อง"
ใบหน้าเปื้อนยิ้มที่ดูเป็นมิตรของเจ้าหน้าที่ ส่งมาให้แบงค์
แบงค์ก็เดินคอตกกลับมาบอกผมกับไนท์ที่ไอ่ไนท์บ่นแล้วบ่นอีกว่า "กุบอกแล้ววว"


"อ่ะๆๆ ยังไม่ต้องเถียงกัน เราเดินไปสันเขื่อนกัน เดี๋ยวมันจะปิดอีก"
ผมหันไปสะกิดไอ่คู่กรรมคู่เวร 2 คนนั้น แล้วชวนเดิน ถือว่าชมวิว
มองลงไปเห็นเรือที่น่าจะหมดรอบแล้วเหมือนกัน สงสัยต้องมาคราวหน้า
คราวหน้านี้จะได้แค่นั่งดูพระอาทิตย์ตกเท่านั้น





แต่ก็ไม่เสียแรงขึ้นมาครับ
เพราะอากาศบนสันเขื่อนสดชื่นดีมาก ๆ แถมบรรยากาศดี
มีคนอีกเยอะครับที่เพิ่งมาถึงอีกเยอะ ไม่เหงาแน่นอน
และโชคดีที่สปริงเวย์ปล่อยน้ำพอดี เสียงน้ำซ่าๆ เบาๆ 
พร้อมละอองน้ำที่ต้องแสงอาทิตย์ที่กำลังจะตก กลายเป็นสายรุ้งบางๆ 
พวกผม 3 คนก็ยืนดูพระอาทิตย์ตกกันแบบนั้น











ปี๊ดดดดดดดดด
เสียงนกหวีดดังขึ้น พร้อมเจ้าหน้าที่ขี่จักรยานมาบนสันเขื่อน
"วันนี้ปิดแล้วนะครับ ไว้มาเที่ยวกันใหม่นะครับ
รบกวนค่อยๆ เดินกลับกันนะครับ ไม่ต้องวิ่งนะครับ ไว้เจอกันนะครับ"

เจ้าหน้าที่โคตร nice หน้าตายิ้มแย้มดูมีความสุขในการทำงาน


ผม ไนท์ แบงค์ก็เดินชิลๆ กลับ 
ก่อนจะหาร้านอาหารใกล้ๆ ซักทีกินก่อนกลับ กรุงเทพฯ
นี่ก็นั่งล่อยุงกันแทบจะกลางทุ่งครับ ข้างๆ เป็นควายเดินกินหญ้า
ผมเลยนับวันแล้ว ประมาณ 10 วัน ก็น่าจะไปโดนยุงป่ากัดมานี่แหละครับ





แต่การไปทำงานครั้งนี้ได้ไอเดียเลยครับ 
อยากไปเที่ยวนครนายก พักริมน้ำ ช่วงอากาศเย็นๆ ซักคืน
ไว้หาวันล่างก่อน เพราะตอนนี้ แพลนเที่ยวยาวไปถึงกุมพาปีนี้แล้ว 5555


 



Create Date : 04 ตุลาคม 2566
Last Update : 4 ตุลาคม 2566 18:25:23 น.
Counter : 629 Pageviews.

19 comments
สงกรานต์หรรษา จันทราน็อคเทิร์น
(18 เม.ย. 2567 11:24:41 น.)
เติมให้ความมี เติมให้ความไม่มี ปัญญา Dh
(14 เม.ย. 2567 20:54:29 น.)
คุย โอพีย์
(13 เม.ย. 2567 21:51:16 น.)
สุขสันต์วันปีใหม่ไทย ๒๕๖๗ haiku
(13 เม.ย. 2567 10:13:33 น.)

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณนายแว่นขยันเที่ยว, คุณสองแผ่นดิน, คุณhaiku, คุณtanjira, คุณหอมกร, คุณโฮมสเตย์ริมน้ำ, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณThe Kop Civil, คุณnonnoiGiwGiw, คุณเนินน้ำ, คุณSweet_pills, คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณอาจารย์สุวิมล, คุณนกสีเทา, คุณLittleMissLuna, คุณกะว่าก๋า, คุณtoor36, คุณไวน์กับสายน้ำ

  
สรุปว่าเป็นไข้เลือดออกอีกแล้วยัง
ทำงานหนักเกินไปพักผ่อนน้อยจ้าปริ้น

โดย: หอมกร วันที่: 5 ตุลาคม 2566 เวลา:6:58:37 น.
  
สวัสดีค่ะน้องปริ๊นน

ขำต้องจำลองเหตุการณ์นี่แหละค่ะ แต่ก็ไม่เสียเปล่านะคะ
ได้รูปมาสวยเชียวค่ะ ...

ข้าวหอมน่ารักและเก่งส่วนหนึ่งมาจากน้าปริ๊นนี่เองงง

พี่ว่าน้องพักผ่อนไม่พอนั่นแหละค่ะ ความดันเลยต่ำ เอ๊ะ! รึไม่ได้กินเบียร์นะ
ร่างกายคงบอกว่า พักเยอะๆปริ๊นน เราไม่ไหว 5555
กินอะไรที่บำรุงร่างกายเยอะๆค่ะ

ฟาดเคราะห์ไปแพงพอสมควรนะคะ ^^ แต่ก็ถึงเวลาล่ะเนาะ

2nd November cafe ตอนพี่ไปก็ถามพี่เขยว่ามันมีอยู่จริงใช่ไหมร้านนี้
มันไกลและลึกลับเชียว แต่พอเจอก็น่านั่งพักผ่อนจริงๆค่ะ แต่ยุงเยอะ เพราะมันเป็นป่านะคะ
ยิ่งช่วงฝนตกๆ ยุงยิ่งมากแหละค่ะ พี่ไม่ได้ขึ้นไปบนเขื่อนค่ะ วันที่ไปคาเฟ่
รถเยอะค่ะ อย่างน้องปริ๊นเจอนั่นแหละค่ะ ...

เมื่อวันอังคารพี่ป่านก็ไม่สบายค่ะ บอกเหมือนเป็นไข้ ไปหาหมอมารอบนึงแล้ว
กลัวเป็นไข้หวัดใหญ่ค่ะ แต่ไม่น่าจะเป็น พักไปวันนึง เมื่อวานบอกท้องเสีย
ไปทำงานพักนึง แล้วไปหาหมออีกค่ะ คราวนี้ไปบำรุงราษ หมอให้ยามากินค่ะ
ประชุมเสร็จก็กลับคอนโดเอางานมาทำค่ะ พี่ป่านกลัวเป็นไข้หวัดใหญ่ กลัวป่วยค่ะ นิดหน่อยนางก็วิ่งไปหาหมอแล้วค่ะ 555

ฝนฟ้าตก ดูแลตัวเองดีดีนะคะน้องปริ๊น รักตัวเองเยอะๆค่ะน้อง
เป็นห่วงน๊าาา
โดย: tanjira วันที่: 5 ตุลาคม 2566 เวลา:7:01:11 น.
  
สวัสดียามสายค่ะ น้องปริ๊นซ์

ร่างกายมันยังไม่เต็มร้อย แถมเรายังพักผ่อนน้อย
เอฟเฟคมาเลยค่ะ ตอนนี้โอเคแล้วใช่ไหมคะ

หม้อไฟน่าเอ็นดูมากค่ะ ไฟลุกกันเห็นๆไปเลย 555
นี่ถ้าหม้อสีชมพู เด็กๆน่าจะชอบนะคะ ดูมุ้งมิ้ง

โหวววว พี่มองไม่ผิดใช่ป่ะ ทำไมยางมีนปริขนาดเน้
น้องทนไม่ไหวแล้ว เลยแยกตัวแบบลาก่องงงงงง ใช่ป่าวคะ
ยังโชคดีนะ ที่ยังเก็บลมได้ วิ่งไปจนถึงร้าน

แอบเห็นเครื่องรางของขลังบนโต๊ะทำงานค่ะ อิอิ
5555555 จริงเลย รหัสไวไฟอ่านยังไงไม่ให้เป็นทำนอง

พี่ว่าไปเขื่อนขุนด่านเวลาที่น้องไปโอเคเลยนะคะ
อากาศดีไม่ร้อน ได้ยืนชมวิวบรรยากาศพระอาทิตย์ตกหลังเขาฟินเวอร์รรรร
ตอนพี่ไปนี่เที่ยงเหยียบบ่าย ร้อนมั่กๆ ตับแตกเลยค่ะ

แพลนเที่ยวนี่ อย่าให้บอกค่ะ ยาวต่อเป็นหางว่าว 5555

วันนี้ขอให้เป็นวันดีดีนะคะ
โดย: โฮมสเตย์ริมน้ำ วันที่: 5 ตุลาคม 2566 เวลา:9:21:10 น.
  
สวัสดีครับน้องปริ๊นซ์
เห็นด้วยกับเม็นต์ข้างบนเลยครับ ว่าน้องปริ๊นซ์ทำงานหนักเกินไป จนไม่มีเวลาพักผ่อน อย่างนี้ต้องออกไปท่องเที่ยวชาร์ตพลังบ้างละครับ
ร้านกาแฟบรรยากาศดี น่านั่งมากครับ เขื่อนขุนด่านด้านบนบรรยากาศดีจริง ๆ ครับ เสียดายตอนนั้นพี่ไม่ได้หยุดชมวิวมัวแต่ตั้งหน้าตาวิ่ง 555
พี่เพิ่งไปภูกระดึงมา บรรยากาศนี้สุด ๆ เลยครับ อยากไปอีก 555
โดย: The Kop Civil วันที่: 5 ตุลาคม 2566 เวลา:11:21:17 น.
  
อ่านจนจบ โอ้โฮ..แพลนเที่ยวยาวไปถึงปีหน้าแล้ว
แต่ยังไงก็รักษาสุขภาพให้แข็งแรงนะคะ
อย่าไปเที่ยวซนให้ยุงป่ากัดอีกล่ะ

เคยไปเที่ยวเขื่อนขุนด่านกับพี่ไวน์และเพื่อนบล็อก
ตอนนั้นน้ำเยอะกว่านี้ แต่อากาศก็คงร้อนเหมือนเดิม ^__^
โดย: เนินน้ำ วันที่: 5 ตุลาคม 2566 เวลา:16:15:59 น.
  
ยุงบ้านกัดก็ว่าหนักหนาอยู่แล้วนะคะน้องปริ๊นซ์
ไม่ว่ายุงบ้านหรือยุงป่า สัตว์ตัวเล็กกระจิ๊ดนี่พิษสงเหลือร้าย
ที่เราจะมองข้ามไม่ได้เลย

บรรยากาศจากสันเขื่อนดีมาก สวยมากค่ะ
โปร่งโล่งสบายก็คุ้มอยู่นะคะกับการขับรถถึงที่นี่
พี่ต๋ายังไม่เคยไปเขื่อนนี้ค่ะ ไปนครนายกครั้งสุดท้ายก็ไปเที่ยวน้ำตก
ช่วงโควิดซาใหม่ๆ
กะจะนั่งชิลล์ที่น้ำตกนะคะ
จ่ายค่าจอดรถ 50 บาท เดินถึงน้ำตกปรากฏว่าคนเยอะมาก
จนแทบไม่มีที่นั่งที่ยืน
ก็มองๆน้ำตกแป๊บนึงแล้วเดินกลับค่ะ


หลานข้าวหอมน่ารักและเก่งด้วย
เป็นตัวแทนพูดบนเวทีอย่างมั่นใจ น่าภูมิใจจริงๆค่ะ

ขอบคุณน้องปริ๊นซ์ที่แวะทักทายพี่ต๋านะคะ
หาเวลาพักผ่อน สุขภาพแข็งแรงค่ะน้องปริ๊นซ์

โดย: Sweet_pills วันที่: 5 ตุลาคม 2566 เวลา:19:25:43 น.
  
ปล. รูปหม้อไฟ น้องปริ๊นซ์วาดได้สวยจังค่ะ
โดย: Sweet_pills วันที่: 5 ตุลาคม 2566 เวลา:19:26:55 น.
  
วันนี้ตอนไปช่วยดึงเก้าอี้ออกหลังจากที่คุณนายแม่กินอาหารว่างเสร็จ พี่เกิดหน้ามืด ... อาทิตย์นี้ถือศีล 8 + กินมังสวิรัต 9 วัน .... พี่กลัวว่าเก้าอี้จะไปโดนแม่ พอตั้งสติได้รีบถามแม่ว่าเจ็บหรือเปล่า ... แม่ก็บอกว่าไม่โดนๆ ... แล้วยังถามแม่อีกหลายๆครั้ง ผ่านไปเกือบๆชั่วโมงแล้วยังเกินไปถามแม่ว่าเจ็บหรือเปล่า ....


แม่บอกว่า ... "เราน่ะ โอเคมั๊ย" ... ก็โออยู่นะแม่ ... โปรตีนมันตก กินมังสวิรัติมา 7 วันแล้ว ฮ่าๆๆๆ


เหลืออีก 2 วันต้องทำให้ได้ๆๆๆๆ
โดย: ทนายอ้วน วันที่: 5 ตุลาคม 2566 เวลา:21:20:03 น.
  
สวัสดี ยามดึกจ้ะ น้องปริ๊นส์

อ่านบันทึกเรื่องราวต่าง ๆ ตั้งแต่ต้นจนจบ สรุปได้ว่า หลังจาก
หายป่วยจากไข้เลือกออก ก็ต้องโหมงาน พักผ่อนน้อย ก็จะหน้ามืด
ความดันต่ำ เมื่อรู้จุดหรือต้นเหตุแล้ว ก็ต้องแก้ไข คือ พักผ่อนให้
มาก ๆ ร่างกายจะได้ฟื้นกลับมาแข็งแรงเร็วขึ้น จ้ะ
การได้ไปพักผ่อนตามคาเฟ่ สวย ๆ อาหารอร่อย ธรรมชาติ
งดงาม ก็ถือว่า เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่จะทำให้เราผ่อนคลาย ไม่เครียด
สุขภาพจะได้กลับมาเป็นปรกติ จ้ะ

รักษาสุขภาพตัวเองให้ดีด้วย จ้ะ

โหวดหมวด บันทึกประสบการณ์ชีวิต
โดย: อาจารย์สุวิมล วันที่: 5 ตุลาคม 2566 เวลา:22:13:35 น.
  
เคยไปเที่ยวหน้าเทสกาล
รถติดจริงจริง
แย่งที่ตอดรถแย่งกันกิน
แย่งกันเที่ยว
โดย: นกสีเทา วันที่: 6 ตุลาคม 2566 เวลา:6:26:48 น.
  
ผู้ชายล้วนๆม่นั่งร้านกาแฟคุยกันชิลๆ
น่ารักจังค่ะ

หล่นสาวเก่งจริงๆภูมิใจตามไปด้วย
ส่วน..หม้อไฟ .สีสันคัลเลอร์ฟูล
ดูเป็นการ์ตูน
เข้ากับการpresent ของสาวน้อย

นครนายก สวยงาม ในตัวเองหลายๆที่
พี่อ้ออยู่ที่นี่ 8 ปี
เดินตามคันนา
ปีนขึ้นเขาลงห้วย..
ลงเรือ มุดป่า..เยี่ยมcaseชาวบ้าน..
พายเรือเข้าพื้นที่..

สมัยยังไม่แต่งงาน
ไม่เหนื่อย ...ไม่นึกสนุก

แค่ไปทำงานในพื้นที่
สดชื่นเขียวขจี..

โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 6 ตุลาคม 2566 เวลา:15:43:24 น.
  
จากบล็อก
พอขึ้นบนรถได้พี่นั่งหลับอย่างเดียวเลยครับ ทั้งขาไปขากลับ 555 ไม่ได้ถ่ายทางไว้เลย เหมือนว่ามันจะไกลมาก พี่ขึ้นแพที่แถวแพอังคณานะ
น้องปรินซ์จะไปเที่ยวน่านเหรอ เป็นจังหวัดที่น่าไปเที่ยวมากครับ พี่เคยไปมา 6 ครั้งแล้ว แต่ไปแบบฟรีนะ ไปทำกิจกรรมอาสาอะไรพวกนี้นะ ยังเที่ยวไม่ทั่วเลย อยากไปอีก ขับรถที่น่านถ้าคนไม่ชำนาญเส้นทางพี่ว่าอันตรายนะ เพราะมันขับไต่เขา ขึ้นลง โค้งชันมาก
พี่กำลังหาเรื่องไปวิ่งที่สปันอยู่ สม้ครไม่เคยได้เลย เต็มตลอด
โดย: The Kop Civil วันที่: 6 ตุลาคม 2566 เวลา:16:01:44 น.
  
สวัสดีครับน้องปริ๊นซ์

ข้อดีของบล็อก
คือมันบันทึกเรื่องราวต่างๆเอาไว้
เวลาเรากลับมาอ่านก็ค้นหาง่าย

อย่างเรื่องหลาน เขียนถึงเค้าเยอะๆนะครับ
พอโตมาไม่ค่อยมีอะไรให้เขียนแล้ว
เหมือนพี่ก๋าเลย เมื่อก่อนเขียนบล็อกลูกเยอะมาก
พอลูกโตไม่ได้เขียนอีกเลย 555

สุขภาพเป็นสิ่งสำคัญจริงๆ
พี่ก่าไปเชียงรายรอบนี้
ป่วยจนวันกลับเชียงใหม่เลย
ยังไม่หายดี เป็นไซนัสอักเสบ
เพิ่งเป็นครั้งแรกเลยครับ
มึนหัวมาก ยาก็แรง กินแล้วก็หลับ
หลับทั้งวันทั้งคืน 555

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 6 ตุลาคม 2566 เวลา:18:41:24 น.
  
วาดสวยนะครับ การวาดภาพลงสีมันต้องใช้เวลา ผมจำได้ว่าสมัยมัธยม วิชาศิลปะ อาจารย์ให้หัวข้อแล้วเรากลับมาทำที่บ้าน ใช้เวลาครึ่งวันกับภาพขนาด A3

ดีนะที่คุณแฟนไม่งอน น่าจะบอกขอเวลาหน่อย ตอนนี้ไม่สะดวกน่าจะดีกว่า แต่ดีแล้วที่ไม่มีอะไร ของบางอย่างถึงเวลามันก็ต้องเปลี่ยนล่ะ แต่มันก็น่าหงุดหงิบตรงที่มันไม่เป็นไปตามที่เราคิด ผมก็เคยเจอแบบนี้ ต้องเสียเงินก่อนเวลา (ทั้งที่เราวางแผนไว้แล้ว) แต่โลกเราก็มักจะเป็นแบบนี้

ที่บ้านมีเครื่องวัดความดันคล้ายๆ แบบในภาพครับ ผมไม่ค่อยได้วัดเท่าไหร่ ยุงนี่อันตรายมาก ที่ออฟฟิศมีน้องคนนึงไม่รู้ไข้หวัด หรือไข้เลือดออก หยุดไปหลายวันละ

ไปเที่ยวบางที่มันต้องไปแบบตั้งใจ ไปแบบแวะไปแบบนี้มีโอกาสเจอแบบที่เจอครับ

โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 6 ตุลาคม 2566 เวลา:22:07:44 น.
  
ขอบคุณน้องปริ์นซ์ที่แวะชมเมนูบ้านพี่ต๋านะคะ

หยุดเสาร์อาทิตย์น้องปริ๊นซ์คงพอมีเวลาพักผ่อน
สุขภาพแข็งแรงๆค่ะ

โดย: Sweet_pills วันที่: 7 ตุลาคม 2566 เวลา:0:45:27 น.
  

อรุณสวัสดิ์ครับน้องปริ๊นซ์

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 7 ตุลาคม 2566 เวลา:6:03:29 น.
  
สวัสดีก่อนเที่ยงครับ น้องปริ๊นซ์

หน้าฝนยุงเยอะจริงๆค่ะ
มีทุกหย่อมหญ้าเลย 55555
ต้องระวัง พี่ไม่อยากเป็นไข้เลือดออกอี๊กกกก

วันนี้ขอให้เป็นวันดีดีนะคะ
โดย: โฮมสเตย์ริมน้ำ วันที่: 7 ตุลาคม 2566 เวลา:11:38:18 น.
  
ขอบคุณกำลังใจนะคะ
หวังว่าคุณปริ๊นซ์คงหายดีแล้วนะคะ
ทำงานน้อย ๆ หน่อย พักผ่อนเยอะ ๆ นะคะ 555

รักษาตัวรอดเป็นยอดดีจ้า อิอิ

โดย: ฟ้าใสวันใหม่ วันที่: 9 ตุลาคม 2566 เวลา:12:34:29 น.
  
หลานสาวน่ารักมาก

...
ความดันลดต่ำมาก ถ้าเมื่อก่อนผมอัดเบียร์เข้าไปแล้ว 555
อย่าทำตามนะครับเสี่ยง

...
ไปเที่ยวเขื่อนที่ว่า ผมเคยชอบร้านอาหารแถว ๆ นั้นมีสองชั้น
รถจอดหลายคัน ตอนไปโพล้เพล้เขาเปิดไฟแสงสีนวลน่านั่งมาก
แต่อาหารมา ผิดหวัง เขาผัดผักกะเฉดเหี่ยวมีใบเล็ก ๆ สีเหลือง
เหนียวสุด ๆ มาให้เซ็ง... คงขายไม่ออกบังเอิญเราสั่งกิน


ดูแล้วคงไม่ใช่ร้านเดียวกันครับ
โดย: ไวน์กับสายน้ำ วันที่: 9 ตุลาคม 2566 เวลา:14:08:51 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Threepopstory.BlogGang.com

จันทราน็อคเทิร์น
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 17 คน [?]

บทความทั้งหมด