กรรมเก่า คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ.เป็นเจ้าบทบาทเดิม จากนั้น การศึกษาอาศัยปรโตโฆสะ ซึ่งมีคติว่า "คนเป็นไปตามสภาพแวดล้อมที่ปรุงปั้น" และโยนิโสมนสิการ ซึ่งมีคติย้อนกลับว่า "ถ้าเป็นคนรู้จักคิด แม้แต่ฟังคนบ้าคนเมาพูด ก็อาจสำเร็จเป็นพระอรหันต์"
space
space
space
<<
กรกฏาคม 2565
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
space
space
22 กรกฏาคม 2565
space
space
space

ตำนานฉัททันต์ปริตร(๑๐)


   กล่าวถึงพญาฉัททันต์ได้เวลาพักผ่อน ก็กลับมาแหล่งของตนตามปกติ มิได้ทราบว่า ภายในที่อยู่นั้นมฤตยูกำลังอ้ามือรออยู่แล้ว แรงริษยา แรงพยาบาทของนางผู้เป็นเมียน้อยได้นำมฤตยูมาอยู่ใกล้ๆ


 
   พญาฉัททันต์คงยืนอยู่ที่แหล่งของตน   ทันใดนั้น   พรานโสณุดรผู้มีปกติกระทำกรรมอันชั่วมิรอเวลาให้เสียไป สอดลูกศรใหญ่แล่งธนูยิงออก ถูกพญาฉัททันต์ทันที ลูกศรนั้นกำซาบยาพิษ ชำแรกหนังทะลุเนื้อจนถึงหลัง ก่อให้เกิดทุกขเวทนาแสนสาหัส พญาฉัททันต์บันลือร้องก้องโกญจนาทด้วยความเจ็บปวดรวดร้าว

   ช้างบริวารทั้ง ๘,๐๐๐ เชือก  ต่างก็บันลือโกญจนาทตาม เสียงสนั่นก้องทั้งราวไพร ต่างวิ่งแยกกันไปทั้ง ๘ ทิศ เพื่อค้นหาศัตรู  ผู้ประทุษร้ายเจ้านายของตน พวกช้างที่เป็นบริวารวิ่งกันไปหมดแล้ว   นางช้างมหาสุภัททาก็เข้าไปยืนเคียงข้างคอยปลอบใจ

   พญาฉัททันต์อดกลั้นทุกขเวทนา   กำหนดทิศทางที่ลูกศรแล่นมา ไตร่ตรองดูว่า “ลูกศรที่ยิงเรานี้มาจากทางไหน”   เมื่อตรองดูแล้วก็เห็นว่า   “ลูกศรนี้ยิงเราถูกที่ท้องเราทะลุหลัง เพราะฉะนั้น คนที่ยิงต้องซ่อนตัวอยู่ในแผ่นดิน”   แล้วคิดต่อไปว่า   “เราต้องค้นหาคนที่ยิงเราให้ได้ แต่นางมหาสุภัททามายืนเคียงข้างเราอยู่ด้วยความจงรักภักดี  หากค้นพบผู้ที่ฆ่าเราแล้ว ใครจะไปรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นอีก ต้องให้นางออกไปก่อน” จึงบอกกับนางว่า  “น้องรัก ช้างทั้งหมดพากันวิ่งวุ่นไปในทิศนุทิศ เพื่อค้นหาศัตรูทำร้ายพี่ น้องมายืนอยู่ที่นี่ทำไมเล่า”

   นางมหาสุภัททาตอบว่า  “ท่านเจ้าขา ดิฉันยืนคอยพยาบาลท่าน คอยปลอบใจท่าน ขอได้กรุณายกโทษให้ดิฉันด้วยเถิด”  กล่าวแล้วก็ประทักษิณพญาช้าง ๓ รอบ จบงวงแสดงความเคารพแล้วออกวิ่งประหนึ่งปลิวไปในอากาศ


   พญาฉัททันต์  เห็นนางมหาสุภัททาไปแล้ว ก็เอาเท้ากระทืบพื้นดิน กระดานที่ปูไว้ก็กระดกขึ้นมา พญาช้างก้มมองทางช่องกระดาน ได้เห็นร่างพรานโสณุดร ก็เกิดโทสะคิดว่า “ฆ่ามันเสียเถิด” สอดงวงเข้าไปรวบร่างของโสณุดร ทันใดนั้น สายตาของพญาช้างก็ประสบพบผืนผ้ากาสาวพัสตร์คลุมกายของโสณุดร

    กาสาวพัสตร์นั้นเป็นธงชัยแห่งพระอรหันต์  พญาช้างมีความเคารพผ้ากาสาวพัสตร์เป็นอย่างยิ่ง โทสจิตจึงระงับไป  พญาช้างเอางวงโอบร่างของโสณุดร ประคองขึ้นมาจากหลุมที่ซ่อน วางลงตรงหน้าของตน ทั้งๆที่ได้รับเวทนาแสนสาหัสเช่นนั้น ก็เกิดความคิดขึ้นว่า “ขึ้นชื่อว่าธงชัยแห่งพระอรหันต์แล้ว ไม่ควรที่บัณฑิตจะทำลายเสีย ควรจะสักการะเคารพอย่างเดียวโดยแท้” เมื่อพญาฉัททันต์จะสนทนากับพรานโสณุดร ได้กล่าวตำหนิว่า

  “ผู้ใดยังไม่หมดกิเลสอันย้อมใจ  ไร้ธรรมคือทมะและสัจจะ  ผู้นั้น  ไม่ควรนุ่งห่มกาสาวพัสตร์ ส่วนผู้ใด หมดกิเลสแล้ว  มั่นคงดีแล้วในศีล  ประกอบด้วยธรรม คือทมะและสัจจะ ผู้นั้นแลควรนุ่งห่มกาสาวพัสตร์”

  ครั้นพูดแล้ว ก็ระงับความคิดที่จะฆ่าโสณุดรเสีย ถามเขาว่า “เพื่อนเอ๋ย ท่านยิงข้าพเจ้าเพื่อต้องการอะไร เพื่อประโยชน์ของตนเอง หรือใครใช้มา ข้าพเจ้าระลึกไม่ได้เลยว่า ได้เคยประทุษร้ายมนุษย์ผู้ใดมาก่อน ในชีวิตของข้าพเจ้า ท่านจองเวรอะไรในข้าพเจ้าเล่า หรือว่าที่ท่านมาฆ่าเราครั้งนี้มีผู้ใช้ท่านมา บอกข้าพเจ้าหน่อยซิ”

 


Create Date : 22 กรกฎาคม 2565
Last Update : 22 กรกฎาคม 2565 9:56:15 น. 0 comments
Counter : 412 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
space

สมาชิกหมายเลข 6393385
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]






space
space
[Add สมาชิกหมายเลข 6393385's blog to your web]
space
space
space
space
space