ดูดีเพราะมีมนุษยสัมพันธ์
การมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี ก็หมายถึง การมีบุคลิกภาพภายในจิตใจที่ดี แล้วเมื่อใครมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี คนผู้นั้นย่อมเป็นที่รักใคร่ และอยากจะคบหาของคนมากมาย
ดูดีสำหรับคนที่มีความบกพร่องทางมนุษยสัมพันธ์ แม้ผู้นั้นจะเป็นคนที่มีหน้าตาดูดี รูปร่างดูดีหรือแต่งตัวดูดี ก็ตาม แต่เชื่อได้ว่า คนผู้นั้นคงมีคนที่รักใคร่ หรืออยากจะคบหาด้วยใจจริงน้อยยิ่งนักหรืออาจจะไม่มีเลยก็ได้
หลายคนอาจจะเข้าใจว่า การมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีนั้น ก็แค่ยิ้มให้แล้วพยายามพูดคุยกับบุคคลนั้นเยอะๆ ซึ่งนี่ก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งในหลายส่วน ซึ่งทุกส่วนควรมีความเกี่ยวเนื่องกัน เพื่อการสร้างมนุษยสัมพันธ์ที่ดีอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด เพราะฉะนั้น จึงนำเรื่องของมนุษยสัมพันธ์มาให้ได้รู้จักกัน เพื่อให้ได้ศึกษาและเข้าใจอย่างถึงแก่นแท้ของความสัมพันธ์ของมนุษย์ เพื่อที่คุณจะได้กลายเป็นมนุษย์ที่มีคนอยากจะสัมพันธ์ด้วยมากที่สุดคนหนึ่ง ดังนี้
ขอบเขตของความสัมพันธ์ ขอบเขตที่เล็กที่สุดของความสัมพันธ์คือ ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลกับบุคคล อาจเป็นคุณกับคนในครอบครัว คุณกับเพื่อนร่วมเรียน หรือคุณกับเพื่อนร่วมงาน โดยความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลมีจุดหมายอยู่ที่ การเป็นที่รักใคร่ของบุคคลที่เราต้องการติดต่อสื่อสาร ขอบเขตที่ใหญ่ขึ้นมาอีกนิดก็ คือ ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลกับกลุ่ม ซึ่งสำหรับกลุ่มนั้นเต็มไปด้วยความหลากหลาย ทั้งความคิด อายุ เพศ วัย ฯลฯ ย่อมทำให้ยากต่อการสร้างความสัมพันธ์เป็นอย่างมาก
ผิดกับความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มกับบุคคล ที่เจาะจงเฉพาะที่บุคคลเดียว ด้วยอิทธิพลจากกลุ่ม จึงง่ายต่อการสร้างความสัมพันธ์เป็นอย่างมาก โดยเป้าหมายของความสัมพันธ์แบบนี้คือ ความต้องการการรักใคร่ ศรัทธา ยอมรับนับถือ และร่วมมือร่วมใจโดยไม่ใช้อำนาจควบคุมและขอบเขตที่ใหญ่ที่สุด คือ ความสัมพันธ์ระหว่าง บุคคลกับสังคม แน่นอนการสร้างความสัมพันธ์กับสังคมที่ใหญ่โตและหลากหลายย่อมยากเอามากๆ อาจต้องใช้เวลานานกว่าที่จะคล้อยตาม แต่ถ้าสังคมต้องการสร้างความสัมพันธ์กับบุคคล เช่นเดียวกับกลุ่มกับบุคคล ด้วยอิทธิพลบุคคลจะคล้อยตามได้ง่าย
อิทธิพลที่มีผลต่อการสร้างความสัมพันธ์ เพราะอิทธิพลเป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกที่จะสร้างหรือตอบรับความสัมพันธ์ของมนุษย์ โดยอิทธิพลหลักๆ มีดังนี้
อิทธิพลที่ 1 ค่านิยม คือ การให้ค่าแก่สิ่งต่างๆ ว่าสิ่งใดดีหรือไม่ดี อะไรควร อะไรไม่ควร โดยค่านิยมแบ่งได้เป็น 2 ประเภท ได้แก่ ค่านิยมเฉพาะตัว อาทิ เมื่อเราต้องการใช้งานใคร เมื่อเขาทำให้ เราก็จะมีของตอบแทนเขาอยู่เสมอ ทั้งๆ ที่ควรจะเป็นคำขอบคุณจากเราเท่านั้น นี่คือค่านิยมที่เราสร้างขึ้นเอง และอีกค่านิยมคือ ค่านิยมตามลักษณะของสังคมไทย อาทิ ยกย่องผู้มีอำนาจ หรือเคารพเชื่อฟังผู้อาวุโส
อิทธิพลที่ 2 การรับรู้ คือ การตีความ หรือเข้าใจสิ่งต่างๆ ตามที่ได้มีประสบการณ์ การรับรู้แบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่ การรับรู้ตนเอง คือ การเข้าใจว่าตนเองเป็นอย่างไร และแสดงพฤติกรรมตามที่ตนเองเข้าใจ และการรับรู้ผู้อื่น คือ การรับรู้ว่าผู้อื่นเป็นคนเช่นไร แล้วเราก็จะแสดงออกต่อเขาในแบบที่เรารู้สึกต่อพฤติกรรมของเขาที่เรารับรู้
อิทธิพลที่ 3 ทัศนคติ ซึ่งเป็นเรื่องของความรู้สึกชอบ หรือไม่ชอบ อันเป็นผลมาจากความคิด ความเชื่อ ฉะนั้น ถ้าเราต้องการให้ผู้อื่นมี มนุษยสัมพันธ์ที่ดี ก็ต้องสร้างทัศนคติที่ดีให้เกิดขึ้นกับผู้อื่น และถ้าผู้อื่นมีทัศนคติไม่ดีกับเรา จากการเข้าใจผิดหรือ ไปฟังใครมา เราก็ทำได้ด้วยการเปลี่ยนทัศนคติของผู้อื่น เพื่อให้เขามีทัศนคติที่ดีกับเรา
ท้ายสุดกับ ‘วิธีการสร้างมนุษยสัมพันธ์’ แน่นอนว่าคุณควรต้องเริ่มจากการสำรวจตนเองก่อน ว่าเรามีอะไรดี อะไรบกพร่อง การสำรวจตัวเองอาจทำได้ด้วย วิธีต่างๆ ดังนี้ การส่องกระจก การสอบถามผู้อื่น การศึกษาจากทฤษฎีและจากแบบทดสอบต่างๆ เมื่อได้รู้เรามีอะไรดี อะไรบกพร่องแล้ว ก็หยิบข้อบกพร่องตีออกมาเป็นข้อๆแล้วหาวิธีจัดการกับข้อบกพร่องเหล่านั้น ทีละข้อ อาจเขียนเป็นโปรแกรม และกำหนดเวลาเพื่อสรุปผล อย่าลืมเมื่อปรับปรุงข้อบกพร่องแล้ว ควรสำรวจตัวเองอีกครั้งจากผู้อื่น เพื่อให้รับทราบผลของการปรับปรุงว่าเป็นอย่างไร สำเร็จหรือไม่
ที่สำคัญ ควรศึกษาวัฒนธรรม ประเพณีและสังคม รวมถึงสภาพธรรมชาติของบุคคลที่เราต้องการสร้างความสัมพันธ์ เพราะสิ่งเหล่านี้ย่อมมีอิทธิพลต่อพฤติกรรมของบุคคลเป็นอย่างยิ่ง บางครั้งบางทีการที่บุคคลหนึ่งกับอีกบุคคลหนึ่ง มีปัญหาเรื่องมนุษยสัมพันธ์ต่อกัน ก็อาจเป็นเพราะเรื่องเหล่านี้
ตัวอย่างเช่น เราชวนเพื่อนไปดื่มสังสรรค์งานวันเกิด แต่เพื่อนกลับปฏิเสธ เราเลยพาลโกรธ หาว่าเขาไม่ให้เกียรติ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ถ้าเขาไปกับเรา เขาจะผิดศีลของศาสนาที่เขานับถือ เป็นต้น
นอกจาก 3 เรื่องข้างต้นแล้ว เราควรจะศึกษาหลักการของการสร้างมนุษยสัมพันธ์เพิ่มเติมผ่านงานวิจัยทางด้านนี้ หรือจากบุคคลที่มีชื่อเสียงทางด้านนี้ เพื่อเรียนรู้และเอาเป็นแบบอย่างที่ดีในการสร้างมนุษยสัมพันธ์
และอย่าลืมนำทั้งหมดไปใช้ในชีวิตประจำวันอย่างสม่ำเสมอจนกลายเป็นนิสัย ในที่สุดเมื่อคุณใฝ่มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี เรียนรู้และเข้าใจในเรื่องนี้อย่างดี และสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันจนกลายเป็นนิสัย ดิฉันเชื่อว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันจะไปส่งเสริมบุคลิกภาพของคุณให้ดียิ่งๆ ขึ้นไป และรับรองได้ว่า ใครๆ ก็อยากที่จะคบหาสมาคมกับคุณอย่างจริงใจ จนใครต่อใครต้องกระซิบถามเคล็ดลับการ ‘ดูดีอย่างมีมิตร’ จากคุณแน่นอนค่ะ
เรื่อง : อ.ประณม ถาวรเวช
Create Date : 13 เมษายน 2552 |
|
1 comments |
Last Update : 13 เมษายน 2552 9:54:53 น. |
Counter : 1215 Pageviews. |
|
|
|
๙
๙๙
๙๙๙
๙๙๙๙
๙๙๙๙๙
๙๙๙๙๙๙
๙๙๙๙๙๙๙
๙๙๙๙๙๙๙๙
๙๙๙๙๙๙๙๙๙
เจิมค่ะ
เจิมให้นะเจ้าคะ ขอบคุณข้อความดีๆเจ้าค่ะ