วิธีฝึกความอดทน
ความอดทนนี้ต้องมีการฝึกฝน แต่คนไม่ชอบฝึกความอดทน เพราะคิดว่า ‘ความอดทนคือความลำบาก’ ฉะนั้นถ้าเขาอยากสบายเขาก็ต้องไม่อดทน ซึ่งเป็นความคิดที่ผิด
มีผู้ทุกข์มาปรึกษาที่คลินิกเรื่องไม่ค่อยอดทนกันมาก ทำให้เกิดความทุกข์มากขึ้นในการอยู่ร่วมกับคนอื่น ในครอบครัว ในการทำงาน หรือในสังคม จากเรื่องเล็ก ๆ กลายเป็นเรื่องใหญ่โต มีผลเสียมากมายตามมา ผมมีแนวคิดเรื่องการฝึกความอดทนมาเล่าให้ฟัง ดังนี้ครับ
1. ให้คิดว่า ‘ความอดทนคือความกล้าหาญ’ ซิครับ จะได้กล้าอดทนได้มากขึ้น ถ้าคิดว่า ‘ความอดทนคือความลำบาก’ เราจะไม่อยากอดทนเพราะไม่อยากลำบากทันที
2. ให้มองเรื่องที่คนอื่นเขาทำให้เราผิดหวัง ขวางหูขวางตา ผิดหูผิดใจ ให้เป็นเรื่องที่เขากำลังสอนบางอย่างให้เราได้รับรู้เพิ่มขึ้นซิครับ เช่น ทำให้เราเข้าใจชีวิตมากขึ้น รู้จักมุมมองและพฤติกรรมคนอื่นกว้างขวางขึ้นหรือเขากำลังสอนให้เราอดทนมากขึ้นก็ได้กลายเป็นเรื่องดีๆทั้งนั้น
3. ทุกครั้งที่เราเริ่มอดทน ให้เริ่มชมตัวเองว่าเราเก่งมาก ดีมาก ที่เริ่มอดทนได้ และชมตัวเองไปเรื่อย ๆ จนหมดเหตุการณ์นั้นเราจะผ่านเหตุการณ์อึดอัดนั้นได้ง่ายขึ้น
4. ให้คิดว่าชีวิตคือการทดสอบ ไม่มีอะไรจริงจังหรอก ขณะนี้เรากำลังถูกทดสอบเรื่องความอดทน เดี๋ยวก็จะหมดเวลาทดสอบแล้ว เราก็จะได้พบกับบรรยากาศอื่นๆต่อไป ความลำบากกายลำบากใจที่เรากังวลอยู่จะลดไป เพราะมันไม่จริงจังอะไร
5. สงบกาย สงบใจ สงบวาจา พูดให้น้อยที่สุด บ่นให้น้อยที่สุด ยิ่งบ่นมากเราจะเห็นภาพของความทุกข์ได้มากกว่าความจริงลอง ๆ ฝืนใจทำท่ามีความสุขเล็ก ๆ เช่น ยิ้มน้อย ๆ ที่มุมปากกับตัวเองในระหว่างอดทนดูซิ จะทำให้ความรู้สึกทุกข์ลดน้อยลง สบายใจขึ้นได้
6. ถ้าจะทำอะไรให้คิดว่าทำเต็มที่แล้วได้แค่ไหนก็แค่นั้นไม่เป็นไร ฉะนั้นเราจะมองทุกเรื่องเป็นเรื่องเล็กหมด คือเราจะมองเรื่องใหญ่เป็นเรื่องเล็ก และมองเรื่องเล็กเป็นเรื่องเล็ก ไม่ทำให้เป็นเรื่องใหญ่ ไม่โทษตนเอง ไม่โทษคนอื่นด้วย
7. ปล่อยให้คนอื่นเป็นตัวเด่นบ้าง อย่าไปขวางหูขวางตา หรือหมั่นไส้ ทุเรศคนอื่นเขาเสียหมด ในการที่เขาพูดหรือทำอะไรบางอย่างที่เราไม่ชอบ มันเป็นเรื่องของเขา ไม่ใช่เรื่องของเรา เรื่องของเราก็คือ ต้องผ่านการทดสอบให้ได้ในแต่ละวันพร้อมกับตัวเองไปด้วย และหวังว่าเหตุการณ์ข้างหน้าจะดีขึ้น ทำให้มีความหวังและชุ่มชื่นใจขึ้น ถ้าต้องอดทนเรื่องภาวะเศรษฐกิจก็ให้คิดเช่นเดียวกัน คือ ปล่อยให้คนอื่นเขารุ่งเรืองเป็นตัวเด่นไปก่อน ไม่เป็นไรหรอกเป็นเรื่องของเขา เรื่องของเขาก็คือต้องผ่านการทดสอบในแต่ละวันให้ได้ และอนาคตจะดีขึ้นอีก คิดไปเรื่อย ๆ เสมอ ๆ
8. ให้นึกถึงผลลัพธ์ที่ดี ๆ ที่จะเกิดขึ้นหลังการอดทนได้ ในระหว่างอดทนก็ให้หากิจกรรมที่เป็นสุขหรือสบาย ๆ ทำไปด้วย อย่าไปจ้องมองเวลาหรือจ้องมองเหตุการณ์ที่เราไม่ชอบอยู่ จะยิ่งทุกข์มากขึ้น
มีการทดสอบอันหนึ่งที่ใช้ฝึกเด็กๆในเรื่องความอดทน คือ เขาจะให้เด็กนั่งเรียงกัน แล้วมีขนมวางอยู่ข้างหน้าเด็กๆ ทุกคน ๆ ละก้อน ผู้ฝึกจะบอกเด็ก ๆ ว่าจะให้เด็กนั่งอยู่กับขนม 15 นาที ถ้าใคร อยากกินก็กินได้ แต่ถ้าใครอดทนได้อีก 15 นาที ผู้ฝึกจะกลับมาพร้อมทั้งให้ขนมอีก 1 ก้อนรวมเป็น 2 ก้อน ผู้ฝึกจะจากไปแต่จะแอบสังเกตอยู่ เด็กบางคนจะรีบกินทันทีเพราะอยากกิน และคิดว่าไม่อยากรอเสียเวลา เด็กบางคนจะต้องมองขนมและรอคอยด้วยความหงุดหงิด บางคนคอยได้ 10 นาที ก็จะกินแล้ว หรือบางคนคอยจนถึง 15 นาที แต่จะกังวลใจทรมานมาก แต่จะมีเด็กบางคนที่จะคอยได้โดยไม่สนใจ หรือมองขนมอยู่ตลอดเวลา แต่เขาจะหาเกมส์อื่นมาเล่น หรือชวนเพื่อนคุยเรื่องอื่น ๆ หรือทำกิจกรรมสนุกๆ ไปใน ระหว่างรอคอย เขาก็จะคอยได้ครบ 15 นาที เมื่อผู้ฝึกกลับมาเขาก็จะได้กินขนม 2 ชิ้น ด้วยความสบายใจ เด็กกลุ่มสุดท้ายนี้ถือว่าเป็นเด็กที่มีความอดทน มีอารมณ์ดี สามารถอดทนรอคอยได้โดยไม่ทุกข์ เพราะหวังว่าจะได้รับผลตอบแทนที่ดีด้วย ถามตัวเองซิว่าถ้าคุณเป็นเด็กกลุ่มนั้น คุณจะกินขนมตอนไหน?
9. ถ้าต้องอดทนต่อความผิดพลาดของมนุษย์ ก็ไม่ต้องรอให้เขามาขอโทษเราหรอก จงลดทิฐิเป็นฝ่ายพูดดี ๆ กับเขาก่อน ยิ้มให้เขาก่อน แสดงความรักและอภัยให้เขาก่อนเถิดและชมตัวเองไปด้วยว่า ...เก่งมาก...ดีมากที่ทำสิ่งที่ดี ๆ ได้แล้ว เหตุการณ์รุนแรงตึงเครียดก็จะหมดไป ไม่ต้องอดทนต่อไป ผลตอบแทนมักจะดีเกินคาดเสมอ
10. อย่าใฝ่หาความยุติธรรมในชีวิตเลย จงคิดว่ามันไม่มีหรอก ชีวิตมันจะยุติที่ธรรมชาติเสมอ คือความไม่แน่นอน(อนิจจัง) ความยึดถือไม่ได้(อนัตตา)และความเป็นทุกข์(ทุกขัง) ถ้าคิดได้อย่างนี้ เราจะไม่เสียใจนานนักกับสิ่งที่เราอดทนและคิดว่าไม่ใช่ความผิดของเรา จะทำให้เราอยากทำสิ่งที่ดีๆ มากขึ้นได้อีก ถ้าเราถ่อมตัวรับความจริงนี้และเชื่อเรื่องกฎแห่งกรรมเอาไว้บ้างก็จะยิ่งดีเพราะจะทำให้เราลดการสงสารตัวเองลง ถ่อมตัวได้ ลดการโทษหรือโกรธคนอื่น และสามารถทำสิ่งที่สร้างสรรค์ใหม่ได้ โดยไม่ต้องกังวลหรืออึดอัดเลย แถมจะยิ้มแย้มให้กับความปรกติหรือความยุติธรรมของชีวิตได้ เพราะเชื่อว่าเมื่อเราลงมือทำสิ่งที่ดี ๆ แล้ว ผลตอบแทนในอนาคตจะดีขึ้นอีก
Create Date : 11 เมษายน 2552 |
|
13 comments |
Last Update : 11 เมษายน 2552 19:10:10 น. |
Counter : 7654 Pageviews. |
|
|
|