Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2552
 
10 กรกฏาคม 2552
 
All Blogs
 
ทำอย่างไรไม่ให้ถูกชักจูงง่าย

การพัฒนาตนเอง

โลกเราทุกวันนี้ มีข่าวของการหลอกลวง ชักจูงไปในทางไม่ดีอยู่เรื่อย
บ้านเราเองก็มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นเป็นประจำมิได้ขาด ตั้งแต่หลอกให้ลุ่มหลงในลัทธิศาสนา และไสยศาสตร์
จนถึงการต้มตุ๋นหลอกเอาเงินทองไปครั้งละมากๆ แทบไม่น่าเชื่อว่ายุคนี้ยังมีแชร์ลูกโซ่เกิดขึ้น
และยังมีคนหลงเอาเงินไปให้เขาอีก พวกมิจฉาชีพที่ตกทองเอาของปลอมไปแลกของจริงก็ยังหากินอยู่ได้

สิ่งที่มีอิทธิพลในการโน้มน้าวชักจูง ให้คนเชื่อในทิศทางที่อาจไม่ตรงความเป็นจริงนัก
ได้แก่ การโฆษณา ซึ่งเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของคนเราเป็นอย่างมาก

การโฆษณาสินค้า มีอิทธิพลต่อความเชื่อของคน ให้เกิดการซึมซาบเข้าไปในจิตไร้สำนึก
ว่าสินค้าที่โฆษณานั้นมีคุณสมบัติดีจริง ใช้แล้วจะโก้เก๋
หรือมีคุณลักษณะเหมือนนายแบบนางแบบ ที่เขาจ้างมาเป็นผู้นำเสนอนั้น

ความจริงแล้ว บุคคลที่รับจ้างโฆษณานั้น บางทีมิได้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือใช้สินค้าชนิดนั้นแต่อย่างใด
บางคนไปโฆษณาสุราทั้งที่ไม่เคยดื่มสุราเลยก็มี
นางแบบที่โฆษณายาสระผม บางทีก็ไม่เคยใช้ยาสระผม ชนิดนั้นเลย
และเส้นผมของเขาก็ไม่ได้สวยงามดำเป็นมันอย่างที่เห็นในหนังโฆษณา

นางงามที่กองประกวดพยายามสร้างภาพให้เข้าใจว่าสวยที่สุดในประเทศ สวยที่สุดในโลก
หรือสวยที่สุดในจักรวาลนั้น ความจริงแล้วมิได้สวยไปกว่าผู้หญิงอื่นอีกเป็นจำนวนมาก ที่ไม่ได้เข้าประกวด
แต่การสร้างภาพก็ได้ผลในการล่อจระเข้หนุ่มจระเข้เฒ่าทั้งหลายให้หลงใหล น้ำลายสอ
จนต้องทุ่มเทกันอย่างสุดเหวี่ยง

ผลของการโฆษณาและการสร้างภาพ ทำให้พฤติกรรมในการบริโภคของคนในสังคม
เป็นไปในทิศทางที่เขาพยายามโน้มน้าวให้เป็น

สินค้าหลายชนิดขายดิบขายดีเพราะอิทธิพลของการโฆษณา นาฬิกาข้อมือถูกเปลี่ยนไปเป็นเครื่องประดับ
แทนที่จะเป็นเครื่องบอกเวลา จึงต้องซื้อหากันในราคาแพงเกินจำเป็น
รถยนต์ถูกใช้เป็นเครื่องบ่งบอกฐานะหรือชนชั้น แทนที่จะใช้เป็นยานพาหนะ
จึงทำให้ยอดขายรถยนต์ราคาแพงไม่ค่อยได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำมากนัก

รถชนิดขับเคลื่อน 4 ล้อ เป็นที่นิยมกันมากในประเทศเรา เพราะเชื่อกันว่า เป็นของดีที่ใครๆ ก็ใช้กัน
และเป็นสมัยนิยม พอซื้อมาแล้วก็ขับกันอยู่แต่ในเมือง
ไม่เคยได้ใช้ประโยชน์จากการขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่ต้องจ่ายเงินไปเลยกลายเป็นความสูญเปล่าทางเศรษฐกิจ

สาเหตุที่ทำให้คนเราถูกชักนำให้เชื่อและมีพฤติกรรมตามความเชื่อนั้น
เกี่ยวข้องกับปัจจัยหลายอย่างทั้งภายในและภายนอกบุคคลนั้น ตัวอย่างเช่น

1. บุคลิกภาพ
ผู้ที่มีบุคลิกภาพอ่อนแอ ขาดความมั่นคง ไม่เป็นตัวของตัวเอง
มีความต้องการพึ่งพิงผู้อื่นสูง มีโอกาสถูกชักจูงได้ง่ายกว่าคนทั่วไป

2. การขาดเอกลักษณ์แห่งตน (identity)
ผู้ที่ขาดเอกลักษณ์ไม่มีจุดยืน ไม่มีเป้าหมายในชีวิต ขาดหลักการ ไม่สามารถใช้เหตุผล
มีแนวโน้มจะถูกชักจูงให้ทำตามหรือลอกเลียนแบบผู้อื่น ได้ง่ายกว่าคนที่มีเอกลักษณ์

3. วัย
วัยเด็กเป็นวัยที่มีโอกาสถูกชักจูงโน้มน้าวให้เชื่อและทำตามบุคคลที่ใกล้ชิด
หรือมีความสำคัญในชีวิตได้ง่ายกว่าวัยผู้ใหญ่
ส่วนวัยรุ่นมักได้รับอิทธิพลจากเพื่อนมากที่สุด เพราะมีความต้องการการยอมรับจากกลุ่มเพื่อนมากกว่าวัยอื่น

4. การขาดความรู้และขาดประสบการณ์
ผู้ด้อยโอกาสทางการศึกษา หรือผู้มีโอกาส แต่ขาดความสนใจในการแสวงหาความรู้
ย่อมมีโอกาสถูกชักนำให้หลงผิดได้ง่ายกว่า คนมีความรู้และประสบการณ์

5. กิเลส
ความโลภ บางครั้งทำให้คนถูกหลอกได้ง่ายขึ้น
พวกมิจฉาชีพจึงสามารถใช้อุบาย ตกทองหากินมาได้จนถึงปัจจุบัน แชร์ลูกโซ่ก็ไม่มีวันหมดไปจากประเทศนี้

6. ความเอนเอียงที่จะเชื่อในสิ่งนั้น
คนที่อยากได้ผู้วิเศษมีอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ไว้ เป็นที่พึ่งกราบไหว้บูชา
มีแนวโน้มจะถูกผู้อวดอ้างว่ามีคุณสมบัติดังกล่าวหลอกได้ง่าย

7. สถานการณ์และสิ่งแวดล้อม
ในภาวะที่บ้านเมืองมีเหตุการณ์ไม่สงบ จิตใจของประชาชนระส่ำระสาย การเชื่อถือข่าวลือมักเกิดขึ้นได้ง่าย


การป้องกันแก้ไข ไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของการหลอกลวง หรือชักนำไปในทางที่ผิด
ต้องเริ่มต้นตั้งแต่การเลี้ยงดูเด็ก ให้มีพัฒนาการทางบุคลิกภาพที่ถูกต้องเหมาะสม

เด็กควรได้รับการส่งเสริมให้มีพัฒนาการทางความคิดที่เป็นอิสระ มีการใช้เหตุผล รู้จักไตร่ตรอง
มีความเป็นตัวของตัวเอง ไม่พึ่งพาผู้อื่นมากเกินไป มีเอกลักษณ์ของตนเอง มีจุดยืนที่มั่นคง
และมีเป้าหมายในชีวิตที่สมเหตุผล

สิ่งเหล่านี้ต้องทำแบบค่อยเป็นค่อยไป ตั้งแต่เล็กจนใหญ่ อย่างสม่ำเสมอ มิใช่สามารถสร้างได้ ในระยะเวลาอันสั้น
จะมาเข้ารับการอบรมหลักสูตรพัฒนาบุคลิกภาพตอนโต ก็ไม่ค่อยได้ผล ไม่เหมือนสร้างมาตั้งแต่เล็กๆ

การรณรงค์ให้เด็ก และวัยรุ่นไม่ถูกชักนำจากเพื่อนหรือบุคคลอื่นให้ตกเป็นทาสยาเสพติด
เขาจึงใช้คำขวัญว่า "Just say no" เป็นการสอนให้รู้จักปฏิเสธและเป็นตัวของตัวเองไม่ต้องไปตามอย่างใคร
หรือเกรงใจใครในเรื่องที่ไม่สมควร

ประชาชนทั่วไปควรพัฒนาตนเองให้มีความรอบรู้ ด้วยการอ่านหนังสือที่มีประโยชน์
ติดตามข่าวสารบ้านเมืองที่มีสาระ อย่าสนใจแต่เพียงความบันเทิง

การมีข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง ร่วมกับการใช้สติปัญญาไตร่ตรองในเรื่องต่างๆ
จะช่วยให้ไม่ถูกชักนำไปในทางงมงาย หรือตกเป็นเหยื่อของผู้ไม่ประสงค์ดีต่อเรา

หากพิจารณาเรื่องราวต่างๆ ด้วยเหตุผล ก็จะเกิดความระมัดระวังและรอบคอบในการเชื่อสิ่งต่างๆ
ไม่หลงเชื่อคำโฆษณา หรือการหลอกลวงผ่านสื่อต่างๆ รวมทั้งการติดต่อทางตรง

ถ้าใช้วิจารณญาณให้ดี อาจคิดได้ว่า สินค้าที่โฆษณามากๆ นั้น
ผู้บริโภคต้องแบกรับภาระ ค่าโฆษณาไว้ในต้นทุนด้วย

อันที่จริงพระพุทธเจ้าได้ทรงสั่งสอนไว้เป็นอย่างดีแล้วว่า อะไรไม่ควรเชื่อ และอะไรควรเชื่อ
การปฏิบัติตามธรรมของศาสนาที่ใช้ปัญญาและสติเป็นที่ตั้งย่อมเป็นหนทางไปสู่การดับทุกข์
ซึ่งเป็นหลักการเดียวกันกับการสร้างเสริมสุขภาพจิต

โดย นพ.เกษม ตันติผลาชีวะ


Create Date : 10 กรกฎาคม 2552
Last Update : 10 กรกฎาคม 2552 14:31:52 น. 0 comments
Counter : 885 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 200 คน [?]




Friends' blogs
[Add ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.