Moon ฝันถึงจันทร์ดวงเก่า
Moon ฝันถึงจันทร์ดวงเก่า
พล พะยาบ คอลัมน์อาทิตย์เธียเตอร์ มติชนรายวัน 3 มกราคม 2553
ปีที่ผ่านมามีหนังวิทยาศาสตร์หรือหนังไซ-ไฟ (Science fiction) ชั้นดีหลายเรื่อง เกือบทั้งหมดผูกติดกับเรื่องราวแอ็คชั่น-แฟนตาซีขายความหวือหวาแปลกใหม่และเทคนิคงานสร้าง ยกเว้นหนังทุนต่ำชื่อเรียบง่ายว่า Moon เพียงเรื่องเดียวที่ฉีกเป็นเรื่องราวดรามา-เขย่าขวัญผสมแง่มุมทางจิตวิทยา
ดันแคน โจนส์ ลูกชายของนักร้องดัง เดวิด โบวี่ ทำหนังเรื่องแรกนี้โดยมีหนังไซ-ไฟคลาสสิคซึ่งโจนส์ได้ดูสมัยเป็นเด็กอย่าง 2001: A Space Odyssey (1968) Silent Running (1972) Solaris (1972) และ Alien (1979) เป็นต้นแบบ จึงไม่น่าแปลกใจที่ความโดดเด่นของหนังจะอยู่ที่บรรยากาศของการเป็นผู้มาเยือนแปลกหน้าในห้วงอวกาศ ไม่ใช่มนุษย์ผู้พิชิตจักรวาลอย่างในหนังไซ-ไฟรุ่นใหม่ส่วนใหญ่
Moon เล่าถึงอนาคตในยุคที่โลกหมดสิ้นแหล่งเชื้อเพลิงธรรมชาติ ทางออกคือ ฮีเลียม-3 ในชั้นดินของดวงจันทร์ซึ่งบริษัทลูนาร์อินดัสทรีส์รับเหมาจัดหาและขนส่งมายังโลก นอกจากเครื่องไม้เครื่องมือสำหรับสกัดฮีเลียม-3 แล้ว บนดวงจันทร์มีเพียง แซม เบลล์ (แซม ร็อคเวลล์) เป็นเจ้าหน้าที่เพียงคนเดียวประจำอยู่ที่ฐานชื่อ ซาราง ภายใต้สัญญาการทำงาน 3 ปี โดยมี เกอร์ตี้ (ให้เสียงโดย เควิน สเปซีย์) หุ่นยนต์ที่เชื่อมต่อกับทุกระบบภายในฐานเป็นผู้ช่วย
แซมอยู่ที่นี่โดยไม่สามารถติดต่อกับโลกได้โดยตรงเนื่องจากบริษัทแจ้งว่าสัญญาณดาวเทียมขัดข้อง การสื่อสารกับภรรยาและลูกสาวตัวน้อยชื่อ อีฟ จึงทำได้เพียงบันทึกวิดีโอส่งถึงกัน สิ่งผิดปกติเกิดขึ้นช่วงสองสัปดาห์ก่อนหมดสัญญาเมื่อแซมมองเห็นภาพหลอนเป็นเด็กสาววัยรุ่นซึ่งเขาไม่รู้จัก และมักจะฝันถึงการอยู่ใกล้ชิดกับภรรยา แย่กว่านั้นคือแซมประสบอุบัติเหตุจนหมดสติระหว่างออกไปทำงานนอกฐาน
ผ่านไปนานเท่าใดไม่แน่ชัด แซมฟื้นขึ้นมาด้วยร่างกายกะปลกกะเปลี้ย แขนขาอ่อนแรง เขาได้ยินเกอร์ตี้แอบพูดคุยโต้ตอบกับคนของบริษัท ทั้งยังถูกห้ามไม่ให้ออกไปข้างนอก แต่ความสงสัยก็มากพอให้แซมหาทางออกไปจนได้ กระทั่งไปเจอ แซมคนแรก หมดสติอยู่
การที่แซมคนที่สองไปพบและพาแซมคนแรกกลับมายังฐานคือความผิดพลาดที่อยู่นอกเหนือจากที่บริษัทกำหนดเอาไว้ ความลับค่อยๆ ถูกค้นพบเปิดเผย ทั้งสองรู้แล้วว่าไม่มีความจริงที่เป็นจริงเลยในการรับรู้ของพวกเขา ทุกสิ่งถูกกำหนดเอาไว้แม้กระทั่งเวลาของการเกิด-ดับ
บริษัทกำลังส่งทีมงานกู้ภัยมาที่ฐานจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีแซมเกินมาหนึ่งคน การตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่งของพวกเขาจึงอาจนำมาซึ่งความจริงที่สำคัญที่สุดก็เป็นได้
ลักษณะพิเศษที่ท้าทายทั้งผู้สร้างและผู้ชมคือหนังมีผู้แสดงเพียงคนเดียว ขณะที่ฉากหลังวนเวียนอยู่ในสถานที่จำกัด กระนั้น ผู้แสดงคนเดียวไม่ได้หมายถึงการดำเนินเรื่องตามลำพังเพราะยังมีตัวละครฝาแฝดต่างบุคลิกอยู่อีกคน ส่วนหุ่นยนต์เกอร์ตี้ก็มีบทบาทไม่น้อย หนังจึงไม่ถึงกับเงียบเหงาจนเกินไป
นอกจากนี้ ข้อจำกัดเรื่องตัวละครและสถานที่ถูกกลบเกลื่อนด้วยเรื่องราวที่เดินไปข้างหน้าพร้อมเงื่อนปมอย่างต่อเนื่อง บรรยากาศเงียบงันทั้งภายในฐานที่สว่างจ้าด้วยสีขาวและภายนอกบนดวงจันทร์ที่มืดมิดสงบเงียบ ราวกับค่อยๆ ดึงผู้ชมให้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของการถูกปล่อยทิ้งไว้ในดินแดนแปลกหน้าซึ่งมากมายด้วยความลับ กระทั่งสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของตัวละคร
เงื่อนปมของหนังอยู่ที่ความลับต่างๆ ของลูนาร์อินดัสทรีส์ซึ่งมีผลโดยตรงต่อตัวละครแซม แต่ในขณะเดียวกันหนังให้ผู้ชมรับรู้ว่าเงื่อนปมที่สำคัญยิ่งกว่าอยู่ที่ตัวละครแซมนั่นเอง ไม่ใช่เพราะเขากุมความลับบางอย่างไว้ แต่ตัวเขาเองต่างหากซึ่งเป็นความลับที่ถูกค้นพบ
ดังนั้น ความคิดความรู้สึกของคนที่ ความจริง พังทลายลงต่อหน้าคือเงื่อนปมที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ว่าเขาจะมองตนเองและโลกแวดล้อมอย่างไร จะตัดสินใจทำอะไรต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อตัวละครแซมมีถึง 2 คน มุมมองและการตัดสินใจจึงมีให้ติดตามถึง 2 ทาง
หนังสอดรับตรงจุดนี้ด้วยองค์ประกอบที่แสดงถึง ชีวิต มากมาย ไม่ว่าจะเป็นแหล่งเชื้อเพลิงบนดวงจันทร์ที่ต่อชีวิตให้กับโลก ดินแดนไร้ชีวิตบนดวงจันทร์ แซมปลูกต้นไม้ไว้ในฐานและมักจะพูดคุยกับมัน ขณะที่เกอร์ตี้พูดได้แต่เป็นแค่หุ่นยนต์ไม่มีชีวิต
ครอบครัวอันประกอบด้วยภรรยาและลูกสาวตัวน้อยถือเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต (แซมมาประจำที่ดวงจันทร์ขณะภรรยาท้องแก่ใกล้คลอด) ลูกสาวชื่อ อีฟ คือผู้หญิงที่ถูกล่อลวงให้กินผลไม้ต้องห้ามอันเป็นที่มาของการกำเนิดมนุษย์ โมเดลบ้านและชุมชนละแวกบ้านที่แซมเพียรสร้างขึ้นก็มีความหมายถึงการใช้ชีวิตเช่นกัน
นอกจากนี้ สัญญาการทำงาน 3 ปี ของแซมยังหมายถึงกำหนดเวลาการมีชีวิตของเขาเอง และในเมื่อแซมบนดวงจันทร์เป็นแค่ร่างที่ดำรงอยู่ชั่วคราว พวกเขาจะยังนับเป็นชีวิตได้แค่ไหน องค์ประกอบของชีวิตที่ถูกฝังไว้ในเซลล์สมองจะมีความหมายอยู่หรือไม่
เงื่อนปมเหล่านี้แม้จะไม่แปลกใหม่นักแต่ก็ทำให้ Moon เป็นหนังไซ-ไฟที่มากกว่าหนังขายพล็อตหวือหวาล้ำหน้า หรือว่าด้วยด้านมืดของเทคโนโลยีและโลกอนาคตซึ่งมีให้เห็นกันเป็นประจำ
อย่างไรก็ตาม แม้แง่มุมทางจิตวิทยาและปรัชญาช่วยให้หนังมีอะไรให้ค้นหามากกว่าเนื้อหาเรื่องราวตรงหน้า แต่น่าเสียดายที่ฉากจบของหนังได้เปิดเผยทุกสิ่งทุกอย่างจนพื้นที่แห่งจินตนาการถูกทำลายลงทันที
เหมือนกับการมองพระจันทร์แล้วจินตนาการถึงกระต่ายเช่นในนิทาน ซึ่งไม่ต้องให้ใครมาบอกว่ากระต่ายบนดวงจันทร์ไม่มีจริง
ฝันถึงจันทร์ดวงเก่า หยิบยืมมาจากเนื้อเพลง จันทร์ดวงเก่า จากอัลบั้มชื่อเดียวกันปี 2537 ของ วิษณุ เทศขยัน (หนึ่งในอัลบั้มเพลงไทยที่ชอบที่สุดตลอดกาล)
Create Date : 22 เมษายน 2553 |
|
13 comments |
Last Update : 22 เมษายน 2553 4:10:44 น. |
Counter : 2021 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: อุ้มสี 22 เมษายน 2553 7:32:01 น. |
|
|
|
| |
โดย: เอกเช้า IP: 198.155.101.240 22 เมษายน 2553 8:29:06 น. |
|
|
|
| |
โดย: McMurphy IP: 125.25.183.57 22 เมษายน 2553 11:33:33 น. |
|
|
|
| |
โดย: itsrainagain IP: 125.24.211.204 22 เมษายน 2553 14:35:11 น. |
|
|
|
| |
โดย: Seam - C IP: 58.9.199.141 22 เมษายน 2553 15:10:14 น. |
|
|
|
| |
โดย: คนขับช้า 17 พฤษภาคม 2553 20:31:25 น. |
|
|
|
| |
โดย: aomzon (aomzon ) 10 ตุลาคม 2554 19:34:02 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]
|
บทวิจารณ์ภาพยนตร์รางวัลกองทุน ม.ล.บุญเหลือ เทพยสุวรรณ ปี 2549 ..............................
พญาอินทรี
ศราทร @ wordpress
|
|
|
|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|