The Promotion ไม่แข่งก็ชนะ
The Promotion ไม่แข่งก็ชนะพล พะยาบ นานมาแล้วเคยได้ยินใครบางคนกล่าวถึงคติสอนใจอันนำมาซึ่งความสำเร็จในหน้าที่การงานของเขาว่า ถ้าไม่วิ่งขึ้นนำหน้าก็ต้องรับฝุ่นจากคนอื่น คนฟังซึ่งตอนนั้นยังมีสถานะเป็นนักศึกษาอย่างผมนึกชิงชังกับความคิดนี้ขึ้นมาทันที เพราะกลายเป็นว่าเป้าหมายไม่ใช่การวิ่งนำหน้าเพื่อเข้าเส้นชัย แต่วิ่งเพื่อให้ตนเองอยู่ในตำแหน่งที่ไม่เดือดร้อน โดยมีคนอื่นรับความเดือดร้อนไปแทน กล่าวได้ว่า...นี่ไม่ใช่ปรัชญาของการต่อสู้แข่งขัน แต่เป็นปรัชญาการเอาตัวรอด ซึ่งคาบเกี่ยวกับความเห็นแก่ตัว แต่ก็นั่นแหละครับ ตอนนั้นผมยังเป็นเพียงวัยรุ่นนั่งกินลมชมสาวอยู่ในรั้วมหาวิทยาลัย ไม่รู้ว่าโลกของผู้ใหญ่นั้นฝุ่นเยอะแค่ไหน พอเข้าสู่วัยทำงาน ได้รู้จักโลกที่แท้จริงมากขึ้นจึงเข้าใจถึงการเกิดขึ้นและดำรงอยู่ของปรัชญาการเอาตัวรอดดังกล่าว แต่ก็เป็นการทำความเข้าใจอยู่ห่างๆ กระทั่งค่อยๆ ลดฝีเท้าถอยออกมา เดิน ตามลำพัง หนังเรื่อง The Promotion (2008) ทำให้ผมนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมา ด้วยเนื้อหาว่าด้วยบรรยากาศฝุ่นตลบจากการขับเคี่ยวกันของชายสองคน เป้าหมายอยู่ที่ตำแหน่งแห่งหนอันก้าวหน้า โดยต่างมีเหตุปัจจัยส่วนตัวคอยควบคุมว่าแพ้ไม่ได้ ดั๊ก (ฌอน วิลเลียม สกอตต์) หนุ่มวัยต้นสามสิบทำงานเป็นผู้ช่วยผู้จัดการซูเปอร์สโตร์ขายเครื่องบริโภคในชิคาโก เขาดูไม่มีความสุขกับหน้าที่การงานท่ามกลางบรรยากาศซ้ำซากซังกะตาย ต้องรองรับอารมณ์และความต้องการของคนอื่น ไม่มีใครรู้จักจดจำเขาในฐานะคนที่มีเกียรติประวัติอันน่าภาคภูมิใจ นอกจากเป็นแค่ใครคนหนึ่งที่ทำงานในซูเปอร์สโตร์ ผู้ช่วยผู้จัดการหนุ่มมีภรรยาสาวสวยชื่อ เจน ชีวิตรักของเขาและเธอราบรื่นงดงามยกเว้นที่อยู่อาศัยซึ่งเป็นแค่ห้องเช่าอุดอู้ ได้ยินกระทั่งเสียงอะไรต่ออะไรจากห้องข้างๆ พวกเขาจึงฝันถึงบ้านสักหลังสำหรับครอบครัวอบอุ่นสุขสงบ แต่ลำพังรายได้ผู้ช่วยผู้จัดการไม่อาจซื้อหาความฝันให้เป็นจริงได้ กระทั่งดั๊กรู้ว่าทางซูเปอร์สโตร์มีแผนจะเปิดสาขาใหม่ในย่านเดียวกัน และหัวหน้าระบุว่าดั๊กคือตัวเต็งสำหรับตำแหน่งผู้จัดการ ความฝันเรื่องบ้านจึงไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป แต่จู่ๆ ก้างขวางคอชิ้นใหญ่ก็ปรากฏตัวขึ้น เขาคือหนุ่มใหญ่นาม ริชาร์ด (จอห์น ซี. ไรลีย์) ผู้ช่วยผู้จัดการคนใหม่ซึ่งเดินทางมาไกลจากแคนาดา และกลายเป็นอีกหนึ่งแคนดิเดทในตำแหน่งที่ดั๊กหมายปอง ริชาร์ดเป็นคนสุภาพ ดูเป็นมิตร อย่างน้อยจากบุคลิกภายนอกซึ่งมองเห็นได้ ยิ่งเมื่ออยู่กับภรรยาเคร่งศาสนาและลูกสาวตัวน้อย ความเป็นแฟมิลี่แมนยิ่งเปล่งประกายน่าชื่นชม เขามักจะฟังเทปฮาว-ทูว่าด้วยการปฏิบัติตนสู่ความสำเร็จราวกับยึดถือเป็นผู้นำทางชีวิต คุณสมบัติดีงามต่างๆ นี้ทำให้ดั๊กมองริชาร์ดด้วยความหวั่งเกรง งานที่เขาเคยดูแลถูกถ่ายโอนไปอยู่ในมือของริชาร์ด ดั๊กเริ่มหงุดหงิดกังวลจนไม่อาจควบคุมอารมณ์ได้และแสดงความก้าวร้าวต่อลูกค้า กระทั่งความฝันยิ่งดูห่างไกลออกไปเรื่อยๆ เมื่อเห็นว่าตนอยู่ในสภาพหลังพิงฝา ดั๊กจึงต้องหาวิธีสกัดดาวรุ่งเพื่อกลับขึ้นไปอยู่ในตำแหน่งที่ได้เปรียบสำหรับริชาร์ดแม้ภาพภายนอกจะแจ่มแค่ไหนแต่เบื้องหลังของเขาคือความเป็นมาอันด่างพร้อย เนื่องจากเคยติดเหล้า-ยา และอยู่ในแก๊งนักเลงช็อปเปอร์ นอกจากนี้ ความเป็นคนต่างถิ่นทำให้การพูดจาด้วยสำนวนภาษาที่คุ้นเคยมักจะสร้างปัญหาให้ริชาร์ดเสมอ โดยเฉพาะเมื่อไปแสลงหูลูกค้าและบอร์ดบริหาร เมื่อเห็นว่าตนเริ่มเสียเปรียบ ริชาร์ดจึงงัดแผนเตะตัดขาคู่แข่งมาใช้บ้าง การแข่งขันราวกับสงครามเย็นระหว่างชายสองคนจึงเกิดขึ้นและดำเนินไปอย่างตึงเครียด พร้อมกับความเป็นมนุษย์ซึ่งมีทั้งด้านร้าย-ดีค่อยๆ เผยตัวจนนำไปสู่บทสรุปในท้ายที่สุด The Promotion เป็นผลงานของ สตีฟ คอนราด นักเขียนบทภาพยนตร์ซึ่งคราวนี้ลงมือกำกับจากบทของตนเอง เขาเป็นเจ้าของบทหนังเรื่องดัง The Pursuit of Happyness (2006) เรื่องจริงเกี่ยวกับพ่อ(วิล สมิธ) ผู้ดิ้นรนหนีสภาพปากกัดตีนถีบด้วยการสมัครคัดเลือกเป็นนายหน้าค้าหุ้น และเรื่อง The Weather Man (2005) เกี่ยวกับนักพยากรณ์อากาศทางโทรทัศน์(นิโคลัส เคจ) ผู้ล้มเหลวในชีวิตครอบครัว หวังว่างานใหม่ที่ก้าวหน้ากว่าจะช่วยให้ภรรยาและลูกๆ กลับมาอยู่กับเขาอีกครั้ง เมื่อมองหนังทั้ง 3 เรื่อง แบบเชื่อมโยงกันจะเห็นว่าหนังของคอนราดล้วนแต่พูดถึงกระบวนการไขว่คว้าความสำเร็จในชีวิตของใครคนหนึ่ง ความสำเร็จที่ว่าล้วนแต่งอกเงยจากหน้าที่การงานซึ่งต้องผ่านความมานะพยายาม-แสวงหาโอกาสเพื่อพาตนเองไปสู่เป้าหมาย คือรูปธรรมของความสำเร็จที่เรียกว่า ความฝันแบบอเมริกัน หนังทุกเรื่องจึงมีเนื้อหาหรือแง่มุมเกี่ยวกับรัฐชาติอเมริกัน ไม่ว่าจะเป็นประวัติชีวิตบุคคล คำพูดของบุคคลสำคัญ ความสำเร็จอันเป็นเกียรติภูมิของคนในชาติ หรือเป็นสัญลักษณ์ผ่านองค์ประกอบฉาก บทเพลง หรือชื่อเฉพาะของอะไรบางอย่างที่ปรากฏในหนัง ใน The Promotion ตัวละครริชาร์ดพยายามต่อเรือสำเภาในขวดแก้ว ความพยายามครั้งสุดท้ายซึ่งประสบผลสำเร็จมีภาพธงชาติสหรัฐถูกชักขึ้นสู่เสากระโดงเรือ หนังตัดสลับฉากที่ดั๊กเอ่ยถึง จอร์จ วอชิงตัน คาร์เวอร์ นักวิทยาศาสตร์การเกษตรคนสำคัญของสหรัฐ แม้พื้นเพจะเป็นเพียงทาสแรงงานผิวดำ อย่างไรก็ตาม แม้หนังจะประกอบขึ้นด้วยแนวคิดแบบมะกันๆ แต่ก็ไม่โจ่งแจ้งเท่าเรื่องอื่น โดยเนื้อหาเรื่องราวว่าด้วยการขับเคี่ยวเฉือนคมถูกนำเสนอเป็นหลักด้วยอารมณ์ผ่อนคลาย ผ่านนักแสดงซึ่งจัดเจนกับบทตลกทั้งสองคน เหตุการณ์การชิงความได้เปรียบแต่ละครั้งไม่ได้เกินเลยจนหลุดจากความสมจริง เพื่อให้สอดรับกับเรื่องราวของตัวละครซึ่งไม่ไกลจากที่เราเคยพบเห็น หรือบางคนดูแล้วอาจจะนึกถึงตัวเองด้วยซ้ำ หนังให้แบ็คกราวด์ว่าแต่ละคนอยู่ในฐานะผู้นำครอบครัว เป็นหลักพักพิงที่ภรรยาเชื่อมั่นและให้ความไว้วางใจ ดั๊กต้องการซื้อบ้านเพื่อสภาพแวดล้อมที่ดีต่อการสร้างครอบครัว ส่วนริชาร์ดมีค่าใช้จ่ายมากมายตามใจภรรยาเพื่อให้ชีวิตคู่สมบูรณ์แบบ ตำแหน่งงานก้าวหน้าอันนำมาซึ่งรายได้ก้อนใหญ่จึงเป็นหนทางเดียวที่ใกล้ที่สุดซึ่งคุณสามีทั้งสองมองเห็น หากพลาดโอกาสนี้นอกจากความต้องการภายในครอบครัวจะไม่ถูกตอบสนองแล้ว ภรรยาสุดที่รักก็อาจผิดหวังในตัวพวกเขา กระทั่งคิดต่อไปได้ว่าเครดิตของผู้ชายในฐานะ สามี และ ผู้นำครอบครัว อาจถึงคราวตกต่ำสั่นคลอน รวมถึงความภาคภูมิใจในตัวเองก็จะหายไปด้วย คงเพราะเหตุนี้ดั๊กจึงต้องโกหกภรรยาว่าเขายังเป็นตัวเต็งในตำแหน่งผู้จัดการคนใหม่เพื่อต่อลมหายใจ-ยื้อสถานการณ์ออกไป ก่อนจะกระโจนลงในสนามแข่งขันขับเคี่ยวที่ถือว่าเป็น ไฟต์บังคับ ถึงแม้ว่าหนังจะมีเนื้อหาเรื่องราวว่าด้วยการต่อสู้แย่งชิง แต่จุดหมายและแก่นสารไม่ได้อยู่ที่ว่าใครแพ้ใครชนะ หนังบอกเราว่าการชิงดีชิงเด่นมักทำลายมิตรภาพระหว่างผู้คน ปิดกั้นและปฏิเสธความดีงามของคนอื่น รวมทั้งทำลายความดีงามของตนเอง ที่สำคัญคือการแก่งแย่งเพื่อให้ได้มาซึ่งความสำเร็จแม้จะพาให้เราอยู่ในตำแหน่งที่ดีกว่า แต่จะภูมิใจได้อย่างไรหากเราละเลยที่จะเป็น คนดี กว่าจริงๆนี่คือแง่งามของหนังที่ให้สัมผัสได้โดยไม่ต้องแย่งชิงกับใคร
Create Date : 21 มีนาคม 2553
7 comments
Last Update : 21 มีนาคม 2553 2:07:57 น.
Counter : 1788 Pageviews.
โดย: อุ้มสี 21 มีนาคม 2553 6:36:55 น.
โดย: McMurphy 21 มีนาคม 2553 16:37:44 น.
โดย: beerled IP: 180.180.137.208 21 มีนาคม 2553 22:02:47 น.
โดย: Seam - C IP: 203.144.144.164 25 มีนาคม 2553 14:33:24 น.
โดย: aomzon (aomzon ) 10 ตุลาคม 2554 19:35:46 น.
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [? ]
บทวิจารณ์ภาพยนตร์รางวัลกองทุน ม.ล.บุญเหลือ เทพยสุวรรณ ปี 2549 ..............................select movie / blog ....... --international-- ....... The Walking Dead I Wish I Knew 127 Hours The Expendables vs. Salt No puedo vivir sin ti Bright Star The World is Big and Salvation Lurks Around the Corner Sin Nombre Invictus Afghan Star Moon Gigante The Promotion An Education Up in the Air Snow (Snijeg) Liverpool Tahaan Lion's Den Tulpan Everlasting Moments Absurdistan Topsy-Turvy Ramchand Pakistani The Pope's Toilet Antonio's Secret พลเมืองจูหลิง Flashbacks of a Fool And When Did You Last See Your Father? The Boy in the Striped Pyjamas Gran Torino Departures Gomorra Abouna + Daratt Grace Is Gone The Road to San Diego Into the Wild Slumdog Millionaire The Silly Age The Year My Parents Went on Vacation It's Hard to Be Nice Ben X Caramel The Class Kings จาก Kolya ถึง Empties The Unknown Woman Dokuz Heima Cocalero The Blood of My Brother & Iraq in Fragments 12:08 East of Bucharest Rescue Dawn Mongol 6 : 30 Something Like Happiness To Each His Cinema The Counterfeiters ข้างหลังภาพ Lions for Lambs + Michael Clayton Father and Daughter Possible Lives กอด The Buried Forest รัก-ออกแบบไม่ได้ Lights in the Dusk The Piano Teacher Do You Remember Dolly Bell? Sisters in Law Al Otro Lado A Time for Drunken Horses Zelary Bug The Invasion The Science of Sleep Paris, I love you Still Life The Lives of Others Heading South Renaissance ABC Africa The Death of Mr. Lazarescu Maria Full of Grace The Last Communist Eli, Eli, lema sabachthani? 4 : 30 Late August, Early September The Circle The Cave of the Yellow Dog Italian for Beginners Love/Juice Your Name is Justine The Syrian Bride Dragon Head Reconstruction Eros The Scarlet Letter The Night of Truth Familia Rodante Bonjour Monsieur Shlomi Lantana Flanders Tokyo . Sora The World Whisky Buffalo Boy S21 : The Khmer Rouge Killing Machine Fire, Earth, Water C.R.A.Z.Y. All about My Mother Jasmine Women Battle in Heaven The Day I Became a Woman Man on the Train CSI : Grave Danger Innocence Life Is a Miracle Drugstore Girl Der Untergang The Bow Happily Ever After The Wayward Cloud The House of Sand Or, My Treasure Janji Joni Moolaade Vodka Lemon Angel on the Right Twentynine Palms The Taste of Tea ....... --independent-- ....... Goodbye Solo The Hurt Locker (500) Days of Summer Towelhead Kabluey Three Burials of Melquiades Estrada Titus Chuck & Buck The Woodsman Pollock Last Days The Limey Inside Deep Throat Coffee and Cigarettes Garden State My Name is Joe Sexy Beast Real Women Have Curves The Brown Bunny Before Sunset Elephant Bubble You Can Count on Me 9 Songs ....... --classic-- ....... Memories of Underdevelopment (1968) The Last Laugh The Snows of Kilimanjaro The Cabinet of Dr.Caligari Nanook of the North The Apu Trilogy ....... --หนังมีไว้ให้คิด-- ....... The Schoolgirl's Diary Long Road to Heaven The Imam and the Pastor Maquilapolis ....... --what a film!-- ....... Kabuliwala (1956) Macunaima (1969) Kozijat rog (1972) The Girl and the Echo (1964) Fruits of Passion (1981) Happy Gypsies (1967) ....... --introducing-- ....... Death Race 2000 (1975) ซอมบี้ปากีฯ+ผีดิบมาเลย์+ซูเปอร์แมนตุรกี Zinda Muoi Father and Daughter ....... --directed by-- ....... Ouran (1968) Pierwsza milosc (1974) Salome (1978) 4 หนังสั้น เคียรอสตามี recommended ....... - 'รงค์ วงษ์สวรรค์ กับภาพยนตร์ - เทมาเส็ก พิคเจอร์ส - Heading South - Still Life - The Apu Trilogy - The Day I Became a Woman - จาก Fire, Earth สู่ Water พญาอินทรี ศราทร @ wordpress
1 2 3 4 5 6
7 8 9 10 11 12 13
14 15 16 17 18 19 20
21 22 23 24 25 26 27
28 29 30 31
เสมือนเป็นชีวิตจริงๆ ประมาณนั้นเลยล่ะ
ดูหนังแล้วนึกถึงประโยค 1 ที่บอกไว้ว่า
เหยียบศีรษะคนอื่นเพื่อขึ้นไปยืนบนความสำเร็จ
ประมาณที who ที it ประมาณนั้นเลยเน๊าะ
อิอิอิ