Group Blog All Blog
|
เจ๋ง ! ปศุสัตว์พัฒนาวัคซีนป้องกันโรคลัมปี สกิน
"กรมปศุสัตว์"พัฒนาวัคซีนป้องกันโรคลัมปี สกิน สายพันธุ์ไทย ในโค-กระบือได้แล้วผลทดสอบได้ผลเกินคาด เทียบเท่าวัคซีนต่างประเทศ
นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ เปิดเผยความคืบหน้าการผลิตวัคซีนโรคลัมปี สกินในโค-กระบือ สำหรับใช้ป้องกันและควบคุมโรคกรณีฉุกเฉิน ว่าล่าสุดหน่วยพัฒนาวัคซีนของกรมปศุสัตว์ ที่ทดสอบเบื้องต้นพบว่าเบื้องต้นมีความคุ้มโรคเทียบเท่าวัคซีนจากต่างประเทศ คาดว่าวัคซีนชุดแรกแล้วเสร็จช่วงกลางเดือนพฤษภาคม 2565 ในราคาต้นทุนโด๊สละ 9 บาท ซึ่งเป็นการลดค่าใช้จ่ายในการป้องกันโรคให้แก่เกษตรกร และเป็นการสร้างความมั่นคงทางวัคซีนของไทยอีกด้วย ทั้งนี้จากปัญหาการเกิดโรคลัมปี สกิน ในโค-กระบือ (Lumpy Skin Disease) : LSD ซึ่งเป็นโรคอุบัติใหม่ในปี 2564 เป็นครั้งแรกที่อำเภอพนมไพร จังหวัดร้อยเอ็ด เมื่อวันที่ 29มีนาคม 2564 ซึ่งกรมปศุสัตว์ได้ร่วมกับทุกภาคส่วน ได้แก่ ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สำหรับวัคซีนที่ใช้ในการป้องกันโรคที่ผ่านมา จำเป็นต้องนำเข้าวัคซีนจากต่างประเทศ กรมปศุสัตว์ได้นำเข้า 5.3 ล้านโด๊ส ใช้งบประมาณสนับสนุนไปกว่า 160 ล้านบาท และภาคเอกชน สมาคม และกลุ่มเกษตรกรนำเข้ามาอีกประมาณ 5 แสนโด๊ส มูลค่าประมาณ 22.5 ล้านบาท ซึ่งเป็นมูลค่ารวมกว่า 180 ล้านบาท และเพื่อเป็นการลดค่าใช้จ่ายในการป้องกันโรคให้แก่เกษตรกรผู้เลี้ยงโค กระบือ และเป็นการสร้างความมั่นคงทางด้านวัคซีน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จึงมอบหมายให้กรมปศุสัตว์วิจัยและพัฒนาวัคซีนโรคลัมปี สกิน กรมปศุสัตว์ โดยสำนักเทคโนโลยีชีวภัณฑ์สัตว์และสถาบันสุขภาพสัตว์แห่งชาติ ซึ่งเป็น 2 ส่วนราชการภายในกรมปศุสัตว์ ที่มีองค์ความรู้และมีบุคลากรที่มีความชำนาญในการผลิตวัคซีน จากนั้นได้ทดลองผลิตเป็นวัคซีน 2 สูตรได้แก่ วัคซีนเชื้อตายในรูปแบบชนิดน้ำและวัคซีนเชื้อตายชนิดน้ำมัน โดยผลการทดลองในสัตว์ตามวิธีมาตรฐานการผลิตวัคซีน แสดงให้เห็นว่าวัคซีนทั้ง 2 สูตร มีความปลอดภัยไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ในสัตว์ และวัคซีนชนิดน้ำมันให้ความคุ้มโรค 100% สูงกว่าชนิดน้ำที่ให้ความคุ้มโรค 80% โดยวัคซีนชนิดน้ำมันยังให้ความคุ้มโรคต่อเนื่องจนถึงเดือนที่ 7 ซึ่งกรมปศุสัตว์จะดำเนินการทดลองความคุ้มโรคต่อไปอีกจนครบ 12 เดือน สำหรับการทดสอบประสิทธิภาพของวัคซีนในพื้นที่จริง (field trial) เมื่อช่วงเดือนธันวาคม 2564 ที่ผ่านมา กรมปศุสัตว์ได้รับความร่วมมือให้นำวัคซีนต้นแบบชนิดน้ำมันไปทดสอบในพื้นที่ฟาร์มโชคชัย อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา โดยเปรียบเทียบกับวัคซีนที่ผลิตในต่างประเทศ ซึ่งผลการทดสอบในเบื้องต้นพบว่าวัคซีนที่ผลิตจากต่างประเทศและวัคซีนที่ผลิตโดยกรมปศุสัตว์ มีผลการกระตุ้นภูมิคุ้มกันอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ตลอดกระบวนการผลิตใช้ระยะเวลาประมาณ 2 เดือนเศษ และคาดว่าจะผลิตวัคซีนชุดแรกแล้วเสร็จช่วงประมาณกลางเดือนพฤษภาคม 2565 ในราคาต้นทุนโด๊สละ 9 บาท ในช่วงปีแรก (มิ.ย. 2565 - พ.ค. 2566) สามารถผลิตวัคซีนได้ มีมูลค่า 6 ล้านบาท หากต้องนำเข้าจากต่างประเทศต้องใช้งบประมาณถึง 27 ล้านบาท จะช่วยประหยัดงบประมาณแผ่นดินได้มากถึง 21 ล้านบาท เพื่อให้มีปริมาณวัคซีนเพียงพอต่อความต้องการใช้สำหรับการควบคุมและป้องกันภายในประเทศ รวมถึงสัตว์นำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้าน กรมปศุสัตว์ได้ศึกษาความเป็นไปได้เพื่อขยายกำลังการผลิตวัคซีนโรคลัมปี สกิน เชื้อตาย ชนิดสื่อน้ำมัน โดยใช้เทคโนโลยี large scale roller หรือ Microcarrier ให้สามารถผลิตได้เดือนละ 5 แสน ถึงกว่า 1 ล้านโด๊ส ซึ่งจะทราบผลการศึกษาในช่วงกลางปี 2566 หากกำลังการผลิตเป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนด จะสามารถช่วยลดการนำเข้าวัคซีนจากต่างประเทศได้มากถึงปีละ 8 ล้านโด๊ส ซึ่งต้องใช้งบประมาณถึง 360 ล้านบาท ดังนั้นการที่กรมปศุสัตว์สามารถผลิตวัคซีนโรคลัมปี สกิน เองได้ จะช่วยลดค่าใช้จ่ายที่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศได้กว่าปีละ 280 ล้านบาท อีกทั้งสามารถส่งขายให้กับประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียนได้อีกด้วย นอกจากนี้การฉีดวัคซีนอย่างทั่วถึงยังนำไปสู่การกำจัดโรคลัมปี สกิน ให้หมดไปจากประเทศไทยได้อย่างถาวรในอนาคต เร่งพัฒนาเกษตรกรรุ่นใหม่รองรับการเป็นครัวโลกในอนาคต
ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานพัฒนาเกษตรกรรุ่นใหม่สู่ผู้ประกอบการ ในการประชุมและตรวจเยี่ยมการดำเนินงานส่งเสริมการเกษตร การผลักดันเกษตรกรรุ่นใหม่เป็นเกษตรกรปราดเปรื่อง (Smart Farmer) ผู้ประกอบการ และกิจกรรมแปลงใหญ่ ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ณ เทิดวลัยฟาร์ม ต.หนองตอง อ.หางดง จ.เชียงใหม่ ซึ่งกระทรวงเกษตรฯ โดยกรมส่งเสริมการเกษตรได้ดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลในเรื่องการดูแลลูกหลานของเกษตรกร
พัฒนาและสร้างคนรุ่นใหม่เข้าสู่ภาคการเกษตรยุคใหม่ ผลิตเกษตรกรรุ่นใหม่ให้แลกเปลี่ยนเรียนรู้เรื่องเทคโนโลยี การใช้เครื่องมือ การบริหารจัดการและขับเคลื่อนชุมชน มุ่งหวังให้คนรุ่นใหม่จบภาคการเกษตร มีความรู้ความสามารถด้านวิชาการเกษตรทั้งระบบ เพื่อความยั่งยืนในการประกอบอาชีพการเกษตร การพึ่งพาตนเอง และการแข่งขันทางการค้าในอนาคต พัฒนาให้มีความสามารถในการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาประยุกต์ใช้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต การบริหารจัดการ และการตลาดสินค้าเกษตร นอกจากนี้ ยังได้รับการพัฒนาต่อยอดจากหน่วยงานทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน สถาบันการศึกษา สถาบันวิจัย สถาบันการเงิน และองค์กรอิสระอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นหลักสำคัญในการขับเคลื่อนงานส่งเสริมการเกษตรและองค์กรเกษตรกรให้มีความเข้มแข็ง และดำเนินกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการเกษตรได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ยังมุ่งหวังให้เกษตรกรรุ่นใหม่มีการประกอบอาชีพการเกษตรให้แก่เยาวชน เกษตรกร และบุคคลทั่วไป รวมถึงสร้างเครือข่ายความร่วมมือในการขับเคลื่อนงานส่งเสริมการเกษตรและองค์กรเกษตรกรได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ชุมชนสามารถเติบโตทางเศรษฐกิจจากฐานการเกษตรได้ต่อไป นายเข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า กรมส่งเสริมการเกษตร มีแนวทางการส่งเสริมและพัฒนาเกษตรกรรุ่นใหม่สู่การเป็นผู้ประกอบการเกษตรที่มีการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ ความคิดสร้างสรรค์ และนวัตกรรมในการทำการเกษตร โดยมีผลการดำเนินงานตั้งแต่ปี 2557 – 2564 แบ่งเป็น Step 1 Getting Idea หรือการปรับกระบวนทัศน์สู่การเป็นผู้ประกอบการเกษตร ปัจจุบันมีเกษตรกรรุ่นใหม่ได้รับการพัฒนาเป็น Young Smart Farmer ของ นอกจากนี้ ยังมีการสนับสนุนการทำงานของเครือข่าย Young Smart Farmer โดยการจัดตั้งศูนย์บ่มเพาะเกษตรกรรุ่นใหม่ (ศบพ.) จังหวัดละ 1 ศูนย์ รวม 77 ศูนย์ทั่วประเทศ และได้ขยายผลการดำเนินงานให้ครอบคลุมพื้นที่ระดับอำเภอและชุมชน ทำให้เกิดเครือข่ายศูนย์บ่มเพาะเกษตรกรรุ่นใหม่เพิ่มขึ้น จำนวน 592 ศูนย์ เพื่อเป็นศูนย์กลางการทำงานของเครือข่าย Young Smart Farmer ระดับจังหวัดในการเชื่อมโยงหน่วยงานภาคี ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรอิสระ สถาบันการศึกษา สถาบันวิจัย และสถาบันการเงิน ร่วมกันพัฒนาและยกระดับเกษตรกรรุ่นใหม่ให้เป็นผู้ประกอบการเกษตร "รมว.คลัง"เยี่ยมชมลูกค้าวิสาหกิจชุมชนบ้านนาเจริญ
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและประธานกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ลงพื้นที่เยี่ยมชมงานวิสาหกิจชุมชนเกษตรอินทรีย์บ้านนาเจริญ กลุ่มผู้ผลิตข้าวดาวพระศุกร์ ที่ปลูกด้วยวิถีเกษตรอินทรีย์ เพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีความปลอดภัยต่อผู้บริโภค อาทิ ข้าวไรซ์เบอร์รี่ ข้าวกล้องหอมมะลิ 105 ข้าวเหนียวดำ ข้าวทับทิมชุมแพ (อุบล) และข้าวสามเสี่ยว
หวั่นกักตุนสินค้า ! "ปศุสัตว์"เดินหน้าตรวจห้องเย็นต่อเนื่อง
นายสรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ เปิดเผยว่า ตามที่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีความห่วงใยและให้ความสำคัญ ในกรณีที่อาจมีการกักตุนสินค้าประเภทเนื้อสุกรเพื่อผลประโยชน์ทางการค้า
ได้สั่งการให้กรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมเครือข่ายปฏิบัติงานเร่งตรวจสอบห้องเย็นต่อเนื่องเพื่อแก้ปัญหาในเรื่องดังกล่าว กรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรฯ พร้อมหน่วยงานเครือข่ายสนองนโยบาย ได้สนธิกำลังไล่ตรวจสอบห้องเย็นรอบใหม่ทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่วันที่ 25 กุมภาพันธ์ -16 มีนาคม 2565 สรุปผลการตรวจสอบและการดำเนินการตามกฎหมาย พรบ.โรคระบาดสัตว์ พ.ศ.2558 รวมจำนวนตรวจพบซากสุกรที่พบในห้องเย็นรอบใหม่รวมสะสมตั้งแต่วันที่ 25 กุมภาพันธ์ – 16 มีนาคม 2565 รวมทั้งสิ้น 16,627,851.27 กิโลกรัม จากห้องเย็นทั้งหมด 402 แห่ง (รอบแรกผลการตรวจสอบซากสุกรสะสมตั้งแต่วันที่ 20 มกราคม – 24 กุมภาพันธ์ 2565 พบซากสุกรจำนวน 25,378,161.810 กิโลกรัม) รายงานข้อมูลสภาวะตลาดสุกรมีชีวิตหน้าฟาร์ม (สัปดาห์ที่ 10/2565) สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ ประกาศราคาสุกรขุนมีชีวิตหน้าฟาร์ม ณ วันพระที่ 10 มีนาคม ที่กิโลกรัมละ 88-91 บาท สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ รายงานว่า ราคาสุกรขุนหน้าฟาร์มปรับราคาขึ้นเล็กน้อย แม้ต้นทุนเลี้ยงสัตว์และค่าพลังงานน้ำมันเพิ่มขึ้น กระทบทั้งต้นทุนการผลิตและต้นทุนการขนส่ง ขณะที่ราคาจำหน่ายเนื้อสุกรและสุกรขุนหน้าฟาร์มยังคงถูกจับตา ปัจจัยที่ท้าทายภาคปศุสัตว์ไทยในสถานะการณ์สงครามที่เป็นปัญหาหนัก นอกเหนือจากปัญหาราคาน้ำมัน คือราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ เพราะรัสเซียและยูเครนเป็นผู้ส่งออกพืชวัตถุดิบอาหารสัตว์รายใหญ่ของโลก มีปริมาณการส่งออกข้าวสาลีรวมกันราว 29% ของปริมาณการส่งออกทั่วโลก และมีสัดส่วนการส่งออกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์สูงถึง 19% ของตลาดโลก สร้างปัจจัยบวกให้การค้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในประเทศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องแบบไร้การเข้ามาควบคุมราคา ทั้ง ๆ ที่ Corn CBOT เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2565 รอบส่งมอบเดือนพฤษภาคม 2565 ราคาย่อตัวมาปิดที่ 722.1 เซนต์/บุชเชล (เทียบเท่า 9.380 บาทต่อกิโลกรัม ณ THB 32.9983/USD) ส่วนลูกสุกรน้ำหนัก 16 กิโลกรัมต่อตัว ราคาอยู่ที่ 2,700 บาท (บวก/ลบ 84) สรุปแนวโน้ม : คาดว่าราคาสุกรน่าจะยืนแข็ง หากประชาชนพบความผิดปกติต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่สายด่วนกรมปศุสัตว์ 063-225 -6888 ได้ตลอดเวลา 24 ชั่วโมงเพื่อดำเนินการต่อไป เตือน ! ชาวสวนทุเรียนเฝ้าระวังโรคผลเน่า
นายศรุต สุทธิอารมณ์ ผู้อำนวยการสำนักวิจัยพัฒนาการอารักขาพืช กรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า ในช่วงฤดูกาลทุเรียนภาคตะวันออกกำลังให้ผลผลิตขณะนี้ ขอแจ้งเตือนเกษตรกรชาวสวนทุเรียนให้เฝ้าระวังโรคผลเน่า ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญที่ทำให้ผลผลิตทุเรียนมีคุณภาพลดลง
โดยโรคนี้พบได้ตั้งแต่ระยะผลอ่อน แต่ส่วนใหญ่มักพบในผลช่วง 1 เดือนก่อนเก็บเกี่ยวจนกระทั่งเก็บเกี่ยว และระหว่างการบ่มผลให้สุก โดยอาการเริ่มแรกจะเกิดจุดแผลขนาดเล็กสีน้ำตาลดำบนผล และจุดแผลจะขยายใหญ่ลุกลามมากขึ้นตามการสุกของผล ในสภาพที่มีความชื้นสูงอาจพบเส้นใยสีขาวของเชื้อราสาเหตุโรคบนแผล โดยจะพบอาการของโรคได้ตั้งแต่ผลยังอยู่บนต้น ซึ่งถ้าอาการรุนแรงมากผลจะเน่าร่วงหล่นก่อนกำหนด อย่างไรก็ตาม ยังมีเชื้อราบางชนิดที่สามารถทำให้เกิดการอาการผลเน่าหลังการเก็บเกี่ยวได้แต่สาเหตุหลักมักพบเกิดจากเชื้อราลาซิโอดิพโพลเดีย ธีโอโบรมี และเชื้อราโฟมอปซีส ในพื้นที่ปลูกทุเรียนในภาคตะวันออกและภาคใต้ของไทย ดังนั้นเพื่อป้องกันและลดความเสียหายจากโรคผลเน่าทุเรียน เกษตรกรควรเฝ้าระวังเพิ่มขึ้นทั้งก่อนและหลังการเก็บเกี่ยว ควรหยุดพ่นสารก่อนเก็บเกี่ยวผลอย่างน้อย 15 วัน ไม่นำเครื่องมือตัดแต่งที่ใช้กับต้นเป็นโรคไปใช้ต่อกับต้นปกติ และทำความสะอาดเครื่องมือก่อนนำไปใช้ใหม่ทุกครั้ง ในแปลงปลูกที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคผลเน่าสูง เนื่องจากมีต้นที่เป็นโรครากเน่าและโคนเน่าในแปลงมาก เชื้อสาเหตุโรคอาจจะติดไปกับผลได้โดยยังไม่แสดงอาการ “เชื้อราสาเหตุโรคผลเน่าสามารถแพร่ระบาดได้ด้วยลม รวมทั้งเศษซากพืชที่เป็นโรคภายในแปลง แนะนำให้เกษตรกรหมั่นสำรวจสวนทุเรียน ที่สำคัญหลังจากเก็บเกี่ยวไม่ควรวางผลทุเรียนสัมผัสกับดินโดยตรง และการขนย้ายต้องทำด้วยความระมัดระวังไม่ให้เกิดบาดแผลและการกระแทกกันของผลทุเรียน หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการป้องกันกำจัดโรคผลเน่า สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่คลินิคพืช กลุ่มวิจัยโรคพืช สำนักวิจัยพัฒนาการอารักขาพืช โทร. 0-2579-9583” นายศรุตกล่าว |
สมาชิกหมายเลข 3402302
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
Friends Blog Link |