All Blog
เปิดใช้งาน ePhyto ใบรับรองสุขอนามัยพืชส่งออกทั่วโลก 1 ก.ค.นี้
"กรมวิชาการเกษตร" จับมือ กลุ่มพันธมิตรโลกด้านการอำนวยความสะดวกทางการค้า เปิดตัวระบบใบรับรองสุขอนามัยพืช ePhyto หลังนำร่องเปิดใช้งานส่งออกพืช 22 ชนิดไปจีนกระแสดีเกินคาด  ช่วยลดงานซ้ำซ้อนและขั้นตอนการปฏิบัติงาน  ตรวจสอบย้อนกลับแหล่งที่มาได้ตั้งแต่ประเทศปลายทางจนถึงเกษตรกร  ดีเดย์เปิดใช้งาน ePhyto ขยายคลุมสินค้าไปทุกประเทศ  1 กรกฎาคม นี้

นายระพีภัทร์  จันทรศรีวงศ์  อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า  กรมวิชาการเกษตร ได้ดำเนินโครงการระบบใบรับรองสุขอนามัยพืชอิเล็กทรอนิกส์ (ePhyto) ร่วมกับ สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) กรมศุลกากร และกลุ่มพันธมิตรโลกด้านการอำนวยความสะดวกทางการค้า (Global Alliance for Trade Facilitation)  ผ่านองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน (GIZ)  




 




 
ตามนโยบายของนางสาวมนัญญา  ไทยเศรษฐ์  รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์  ที่ได้สั่งการให้กรมวิชาการเกษตรดำเนินการปรับปรุงการออกใบอนุญาต ใบรับรองผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์  เพื่ออำนวยความสะดวกที่เกี่ยวข้องกับทำธุรกรรมการขอใบอนุญาต ใบรับรอง เพื่อการนำเข้า ส่งออก นำผ่าน และโลจิสติกส์  

โครงการดังกล่าวทำให้ผู้ส่งออกสินค้าเกษตรสามารถขอใบรับรองสุขอนามัยพืชผ่านระบบใบรับรองสุขอนามัยพืชอิเล็กทรอนิกส์ (ePhyto) ด้วยความสะดวกและรวดเร็ว  ช่วยลดเวลาและค่าใช้จ่ายในการขอใบรับรองด้วยตนเอง

ระบบใบรับรองสุขอนามัยพืชอิเล็กทรอนิกส์ (ePhyto Certificate) ได้มีการออกแบบและพัฒนาให้สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์กับประเทศคู่ค้า ผ่านช่องทาง National Single Window : NSW ภายใต้การกำกับดูแลของกรมศุลกากรและ National Telecom โดยการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนจะแลกเปลี่ยนผ่าน ASEAN Single Windows (ASW) Gate Way




 





 
ส่วนประเทศนอกอาเซียนจะแลกเปลี่ยนผ่าน ePhyto Hub ที่อยู่ภายใต้การดูแลของสำนักเลขาธิการอนุสัญญาว่าด้วยการอารักขาพืชระหว่างประเทศ (International Plant Protection Convention: IPPC) โดยเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2565 ที่ผ่านมากรมวิชาการเกษตรได้นำร่องเปิดการใช้งานระบบใบรับรองสุขอนามัยพืชอิเล็กทรอนิกส์กับการส่งออกผลไม้จำนวน 22 ชนิดไปสาธารณรัฐประชาชนจีน  และตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2565 เป็นต้นไป จะขยายการให้บริการออกใบรับรองสุขอนามัยพืชอิเล็กทรอนิกส์สำหรับการส่งออกทุกชนิดสินค้าไปทุกประเทศทั่วโลก  

การออกใบรับรองสุขอนามัยพืชสำหรับสินค้าส่งออกไปยังต่างประเทศ เพื่อนำไปสำแดงต่อประเทศผู้นำเข้าว่าสินค้าได้ผ่านการตรวจสอบรับรองด้านสุขอนามัยพืชตามเงื่อนไข เป็นภารกิจที่สำคัญภารกิจหนึ่งของกรมวิชาการเกษตร เป็นการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติกักพืช และเป็นงานบริการที่สนับสนุนผู้ประกอบการส่งออก ในการตรวจสอบ โรคแมลง และศัตรูพืช ให้

สอดคล้องตามเงื่อนไขของประเทศคู่ค้า และเป็นไปตามมาตรฐานระหว่างประเทศว่าด้วยมาตรการด้านสุขอนามัยพืช  โดยในปี 2564 กรมวิชาการเกษตรได้ดำเนินการออกใบรับรองสุขอนามัยพืช จำนวน 409,279 ฉบับ คิดเป็นมูลค่าการส่งออกประมาณ 784,259 ล้านบาท





 





 
การออกแบบและพัฒนาระบบใบรับรองสุขอนามัยพืชอิเล็กทรอนิกส์ของกรมวิชาการเกษตรจะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบการส่งออก ลดขั้นตอนในการปฏิบัติงานที่ซ้ำซ้อน แลกเปลี่ยนข้อมูลที่จำเป็นผ่านอิเล็กทรอนิกส์เพื่อลดการใช้กระดาษ และสามารถตรวจสอบข้อมูลย้อนกลับได้ตั้งแต่ประเทศปลายทางจนถึงเกษตรกรผู้ผลิต

ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ทั้งภาครัฐ และผู้ประกอบการ สามารถนำข้อมูลที่มีการบันทึกไว้ในระบบมาใช้ประโยชน์ในการเจรจาต่อรองทางการค้า หรือกำหนดเงื่อนไขด้านสุขอนามัยพืช หรือนำมาวิเคราะห์เพื่อวางแผนการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะนำไปสู่การขยายตลาดและเพิ่มมูลค่าการส่งออกของไทย  

ดังนั้นในวันที่ 3 พฤษภาคม  2565 นี้ กรมวิชาการเกษตรจึงร่วมกับกลุ่มพันธมิตรโลกด้านการอำนวยความสะดวกทางการค้า ผ่านทางองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน (GIZ)  จัดให้มีงานเปิดตัว การใช้งานระบบใบรับรองสุขอนามัยพืชอิเล็กทรอนิกส์ของไทยอย่างเป็นทางการ  เพื่อสร้างการรับรู้ให้แก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหรือผู้เกี่ยวข้อง ได้แก่ กรมศุลกากร  มกอช. บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) และภาคเอกชนจากสมาคมและบริษัทต่าง ๆ  ณ โรงแรมรามาการ์เด้น กรุงเทพฯ และผ่านระบบการประชุมทางไกล



 


 



Create Date : 04 พฤษภาคม 2565
Last Update : 4 พฤษภาคม 2565 17:37:28 น.
Counter : 377 Pageviews.

0 comment
สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่กก.สหกรณ์ออมทรัพย์กระทรวงเกษตรฯทั้งชุด
ติดประกาศสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว กก.รสหกรณ์ออมทรัพย์กระทรวงเกษตรฯทั้งชุด พร้อมตั้งผู้ตรวจการสหกรณ์เข้าตรวจสอบความเสียหายจากการถูกยักยอกแทนคณะกรรมการสหกรณ์ ให้จบใน 30 วัน ก่อนเดินหน้าเคลียร์เงินคืนสมาชิก  หลังพบพฤติกรรมคนบางกลุ่มในสหกรณ์ พยายามล้วงลูก ไม่ตรวจสอบความเสียหายจากการยักยอกเงินของสหกรณ์

นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากนายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ว่า ในฐานะนายทะเบียนสหกรณ์ได้มีคำสั่งให้คณะกรรมการดำเนินการสหกรณ์ออมทรัพย์กระทรวงเกษตรและสหกรณ์หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว





 





 
เนื่องจากคณะกรรมการฯ ยังไม่ตรวจสอบยอดความเสียหายจากการทุจริตให้แล้วเสร็จตามกำหนดของนายทะเบียนซึ่งเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่อาจทำให้เกิดความเสียหายต่อสหกรณ์ในวงกว้าง พร้อมกันนี้ยังกำชับให้กรมส่งเสริมสหกรณ์ให้ทำความเข้าใจกับสมาชิกว่า สหกรณ์ออมทรัพย์กระทรวงเกษตรฯ ยังมีสภาพคล่องดีเพื่อไม่ให้สมาชิกตระหนกและแห่มาถอนเงิน

นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยว่าวานนี้ (3 พ.ค.) ได้ออกคำสั่งนายทะเบียนสหกรณ์ เรื่องให้คณะกรรมการดำเนินการสหกรณ์ออมทรัพย์กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จำกัด หยุดปฏิบัติหน้าที่เป็นการชั่วคราว (ชุดที่  50) จากการที่ไม่ตรวจสอบความเสียหายจากการยักยอกเงินของสหกรณ์จึงเป็นการงดเว้นการปฏิบัติหน้าที่ซึ่งอาจทำให้เสื่อมเสียผลประโยชน์ของสหกรณ์หรือสมาชิก 

นอกจากนี้ยังมีเหตุอันสงสัยได้ว่า มีผู้ที่เกี่ยวข้องกับผู้กระทำทุจริตในสหกรณ์เพิ่มเติม จากนั้นได้มีคำสั่งนายทะเบียนสหกรณ์มอบหมายให้ผู้ตรวจการสหกรณ์ดำเนินการแทนคณะกรรมการดำเนินการสหกรณ์ออมทรัพย์กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จำกัด เพื่อแก้ไขข้อบกพร่องให้แล้วเสร็จตามวิธีการและระยะเวลาที่กำหนดใน 30 วัน ตลอดจนให้สอบสวนหาผู้กระทำการทุจริตและผู้ที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตเงินฝากของสหกรณ์ พร้อมรวบรวมหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตและตรวจสอบยอดการทุจริตทั้งหมด





 











 
"ขอแจ้งสมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์กระทรวงเกษตรฯ ว่า ไม่ต้องตื่นตระหนกมาถอนเงิน เนื่องจากสภาพคล่องของสหกรณ์ยังมีอยู่มาก โดยเมื่อคณะของผู้ตรวจสหกรณ์เข้าตรวจสอบบัญชีแล้วเสร็จ สหกรณ์จะคืนเงินเข้าบัญชีของทุกคนตามจริง อีกทั้งหากการตรวจสอบไม่พบว่า มีกรรมการสหกรณ์ผู้ใดมีส่วนในการทุจริตจะออกคำสั่งให้กลับมาปฏิบัติหน้าที่ตามเดิม"

รายงานข่าวแจ้งว่า หลังจากตรวจพบการทุจริตในการยักยอกทรัพย์สมาชิกในสหกรณ์ออมทรัพย์กระทรวงเกษตรฯ สร้างความเสียกว่า 600 ล้านบาท พบว่ามีกลุ่มคนบางกลุ่มมีความพยายามปิดข้อการทุจริตในสหกรณ์ดังกล่าวและไม่ยอมดำเนินการตรวจสอบ อย่างจริงจัง หากปล่อยไว้อาจเกิดความเสียหาย และคาดว่าน่าจะมีผู้ร่วมขบวนการมากกว่า 2 ราย ที่หลบหนี

ล่าสุดจึงมีคำสั่ง ปิดประกาศหน้าที่หน้าสหกรณ์ให้คณะกรรมการทั้งหมดหยุดปฏิบัติหน้าที่เป็นการชั่วคราว (ชุดที่  50) เนื่องจากการที่ที่ผ่านมาไม่ตรวจสอบความเสียหายจากการยักยอกเงินของสหกรณ์จึงเป็นการงดเว้นการปฏิบัติหน้าที่ซึ่งอาจทำให้เสื่อมเสียผลประโยชน์ของสหกรณ์หรือสมาชิกในวงกว้าง




 


 



Create Date : 04 พฤษภาคม 2565
Last Update : 4 พฤษภาคม 2565 16:16:48 น.
Counter : 415 Pageviews.

0 comment
"ปศุสัตว์"เข้มคุมโรคหมูยกระดับมาตรฐานการเลี้ยงปลอดโรค
นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ เปิดเผยว่าจากสถานการณ์โรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (ASF) ที่ผ่านมา ล่าสุดกรมปศุสัตว์ได้ดำเนินการร่วมมือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง จนปัจจุบันสามารถควบคุมสถานการณ์โรค ASF ได้ในวงพื้นที่จำกัด

จากการสำรวจข้อมูลจำนวนเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรและข้อมูลประชากรสุกรในช่วงเมษายน 2565 ในประเทศไทย พบว่ามีจำนวนเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกร 109,942 ราย มีสุกรทั้งหมด 10,296,405 ตัว เป็นสุกรแม่พันธุ์คงเหลือในระบบการผลิตจำนวน 1,055,499 ตัว จังหวัดที่มีจำนวนสุกรมากที่สุด คือ ราชบุรี ลพบุรี ชัยนาท บุรีรัมย์ และปราจีนบุรี ตามลำดับ และสุกรขุนจำนวน 9,005,141 ตัว 





 






 
ส่วนจังหวัดที่มีจำนวนสุกรมากที่สุด คือ ราชบุรี กาญจนบุรี สุพรรณบุรี ลพบุรี และพัทลุง ตามลำดับ ซึ่งจากการวิเคราะห์ข้อมูลพบว่าจำนวนแม่พันธุ์ในระบบการผลิตค่อนข้างไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก เนื่องจากราคาสุกรมีชีวิตที่เกษตรกรขายได้ยังเป็นแรงจูงใจในการเลี้ยงสุกร

สำหรับจำนวนสุกรขุนลดลง เนื่องจากหลายปัจจัยด้านต้นทุนการเลี้ยงทั้งค่าพันธุ์ ค่าอาหารสัตว์ ค่าน้ำค่าไฟ ค่าน้ำมัน ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ประกอบกับสภาพอากาศที่มีผลต่อการเลี้ยงสุกร โดยเมื่อนำมาคิดเป็นผลผลิตสุกรขุนที่ออกสู่ตลาดเฉลี่ยเดือนละ 1.5 ล้านตัว (เฉลี่ย 6 เดือน) ซึ่งยังเพียงพอต่อความต้องการตลาดเพื่อการบริโภคในประเทศ ที่คาดการณ์ไว้เดือนละประมาณ 1.50 ล้านตัว 

สำหรับประเด็นแนวทางลดต้นทุนด้านอาหารสัตว์ ล่าสุดวันนี้ (2 พ.ค.65) คณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และคณะกรรมการนโยบายอาหาร มีข้อสรุปเพื่อดูแลปริมาณวัตถุดิบอาหารสัตว์ให้เพียงพอภายในประเทศและการผลิตอาหารสัตว์ โดยให้สามารถนำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์ได้สะดวกและคล่องตัวยิ่งขึ้น และส่งเสริมการนำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์มาชดเชยส่วนที่ขาดในปัจจุบัน

ยกเว้นเงื่อนไขที่กำหนดไว้เดิมกำหนดไว้ใน 3 เดือน คือ ระหว่างเดือนพฤษภาคมถึง 31 กรกฎาคม 2565 ในการนำเข้าข้าวสาลี 1 ส่วน ต้องซื้อข้าวโพดในประเทศ 3 ส่วนเป็นการชั่วคราวก่อน เพิ่มโควต้านำเข้าข้าวโพดจากเดิมกำหนดไว้ 54,700 ตัน เป็นไม่เกิน 600,000 ตัน และจะมีผลให้ลดภาษีนำเข้าข้าวโพดจากอัตรา 20% เป็น 0% เป็นการชั่วคราว





 






 
ส่วนการนำเข้าช่องทางอื่นๆ ตามปกติ กระทรวงพาณิชย์จะช่วยจับคู่ธุรกิจ เพื่อส่งเสริมการนำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์ให้เพียงพอในประเทศ โดยสามารถนำเข้าวัตถุดิบผลิตอาหารสัตว์ทั้งหมดข้างต้น มีปริมาณรวมกันไม่เกิน 1,200,000 ตัน ตั้งแต่เดือนเมษายนถึง 31 กรกฎาคม 2565 เพื่อชดเชยส่วนที่ยังขาดให้มีเหลือพอใช้หนึ่งเดือน และให้ตั้งคณะอนุกรรมการ 5 ฝ่าย เพื่อติดตามประเมินการผลดำเนินการทั้งหมดและสามารถเสนอให้ทบทวนหรือปรับปรุงมาตรการเพื่อความเหมาะสม

เพื่อเป็นการแก้ปัญหาระยะยาวได้ให้ปศุสัตว์ทุกพื้นที่เร่งสร้างความรู้ความเข้าใจให้เกษตรกรในการยกระดับมาตรฐานและพัฒนาการเลี้ยงสุกรให้มีระบบปลอดภัยทางชีวภาพ เพื่อควบคุมโรคและลดผลกระทบความเสียหาย และได้ร่วมกับสมาคมผู้เลี้ยงสุกรภาคเหนือทำโครงการ Lanna Sand Box

เป้าหมายเพื่อสร้างพื้นที่นำร่องในระบบบริหารจัดการการเลี้ยงสุกรให้ปลอดจากโรค ASF ซึ่งจะเป็นการเพิ่มจำนวนการผลิตสุกรให้เพียงพอต่อการบริโภคในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน ภายใต้ระบบมาตรฐานด้านความปลอดภัยทางชีวภาพของฟาร์มสุกรและสถานประกอบการที่เกี่ยวข้อง

รวมทั้งกรมปศุสัตว์ได้กำหนดแนวทางฟื้นฟูเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรโดยเฉพาะพี่น้องเกษตรกรรายย่อย-รายเล็ก กำหนดหลักเกณฑ์การนำสุกรเข้ามาเลี้ยงใหม่ เพื่อสร้างความมั่นใจแก่เกษตรกรสามารถนำสุกรกลับมาเลี้ยงใหม่ได้อย่างยั่งยืน และมีแผนการเพิ่มผลผลิตสุกรพันธุ์ดีเพื่อจำหน่ายให้แก่พี่น้องเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรโดยเฉพาะรายย่อย-รายเล็กอีกด้วย




 

 


 



Create Date : 03 พฤษภาคม 2565
Last Update : 3 พฤษภาคม 2565 19:00:46 น.
Counter : 327 Pageviews.

0 comment
"ปศุสัตว์"ถกด่วนเข้มมาตรการเฝ้าระวังโรคไข้หวัดนก
นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ เปิดเผยว่า จากกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้แสดงความห่วงใยสุขภาพของพี่น้องชาวไทย โดยได้สั่งการให้กรมปศุสัตว์ติดตามสถานการณ์โรคไข้หวัดนกอย่างใกล้ชิด หลังจากมีการพบผู้ป่วยไข้หวัดนก H3N8 ในประเทศจีน ต่อมามีการตรวจพบผู้ป่วยติดเชื้อไข้หวัดนก ชนิด H5N1 ในรัฐโคโลราโดทางตะวันตกของประเทศสหรัฐอเมริกา โดยได้กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อม และป้องกันโรคไข้หวัดนกเข้าสู่ประเทศไทยนั้น

วันนี้ได้เรียกประชุมด่วนเพื่อวางแนวทางการดำเนินการเฝ้าระวัง ป้องกันโรคระบาดสัตว์ปีก ที่ประชุมได้มีการรายงานสถานการณ์การระบาดของโรคไข้หวัดนกทั่วโลก ทั้งในคนและในสัตว์ปีก โดยปัจจุบันสายพันธุ์หลักที่พบการระบาดในสัตว์ปีกทั่วโลก คือสายพันธุ์ H5N1 อีกทั้งยังพบการติดเชื้อไข้หวัดนกในคนที่ประเทศจีน และสหรัฐอเมริกา แต่ในประเทศไทยยังคงไม่พบการระบาดของโรคไข้หวัดนกตั้งแต่ปี 2551





 




 
ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้มงวดในมาตรการการดำเนินการเฝ้าระวังโรคไข้หวัดนก อย่างเต็มที่พร้อมรับทราบรายงานผลการดำเนินงานในการเฝ้าระวังโรคระบาดในสัตว์ปีกทั้งเชิงรุกและเชิงรับในปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ด้วย และได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีการเฝ้าระวังโรคไข้หวัดนกทั่วประเทศไทย โดยให้มีการจัดประชุมเพื่อทบทวนแผนงานอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้มีการเข้าใจที่ตรงกันและชัดเจนในการดำเนินงาน

ขอให้มั่นใจว่ากรมปศุสัตว์ และรัฐบาล มีมาตรการป้องกันโรคไข้หวัดนกอย่างเข้มงวดและพร้อมดูแลคนไทยให้ปลอดภัย ถึงแม้เราจะยังไม่มีสถานการณ์โรคไข้หวัดนกเกิดขึ้นในประเทศ เพื่อเป็นการไม่ละเลยในการเฝ้าระวังโรค กรมปศุสัตว์ขอความร่วมมือเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ปีกทุกท่าน และผู้เกี่ยวข้องใกล้ชิด หากพบว่ามีความเสี่ยงหรือความผิดปกติเกิดขึ้นกับสัตว์ปีก หรือนกธรรมชาติในพื้นที่รอบๆที่มีการเลี้ยงสัตว์ปีก ขอให้แจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อตรวจสอบและดำเนินมาตรการควบคุมโรคอย่างเคร่งครัดต่อไป




 




 



Create Date : 03 พฤษภาคม 2565
Last Update : 3 พฤษภาคม 2565 18:54:31 น.
Counter : 390 Pageviews.

0 comment
"กรมปศุสัตว์"คัดเลือกพระโคใช้ในพระราชพิธีแรกนาขวัญ
นายสัตวแพทย์สรวิศ  ธานีโต  อธิบดีกรมปศุสัตว์ เปิดเผยว่ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มอบหมายให้กรมปศุสัตว์  เป็นหน่วยงานคัดเลือกพระโคเพื่อใช้ในพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ใน วันพืชมงคลปีนี้ ซึ่งตรงกับ วันศุกร์ที่ 13 พฤษภาคม 2565  พระโคในทางศาสนา พรามหณ์ หมายถึง  เทวดาผู้ทำหน้าที่เป็นพาหนะของพระอิศวรซึ่งเปรียบได้กับการใช้แรงงานและความเข้มแข็ง  และเป็นสัตว์เลี้ยงที่พระกฤษณะและพระพลเทพดูแล  ซึ่งเปรียบได้กับความอุดมสมบูรณ์  ดังนั้น ในการประกอบพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ  จึงได้กำหนดให้ใช้พระโคเพศผู้เข้าร่วมพระราชพิธีเสมอมาตั้งแต่รัชกาลที่ 1  เพื่อเป็นตัวแทนของความเข้มแข็งและความอุดมสมบูรณ์ 




 





 
โดยในปีนี้ศูนย์วิจัยการผสมเทียมและเทคโนโลยีชีวภาพราชบุรี  สังกัดสำนักเทคโนโลยีชีวภาพการผลิตปศุสัตว์  กรมปศุสัตว์ได้ดำเนินการคัดเลือกโคเพื่อเป็นพระโคตามหลักเกณฑ์ กล่าวคือ จะต้องเป็นโคที่มีลักษณะดี รูปร่างสมบูรณ์ มีความสูงไม่น้อยกว่า 150 ซ.ม. ความยาวลำตัวไม่น้อยกว่า 120  ซ.ม.ความสมบูรณ์รอบอกไม่น้อยกว่า 180  ซ.ม.  โคทั้งคู่จะต้องมีสีเดียวกัน ผิวสวย  ขนเป็นมัน กิริยามารยาทเรียบร้อย ฝึกง่าย สอนง่ายไม่ดุร้าย เขาลักษณะโค้งสวยงามเท่ากัน ตาแจ่มใส หูไม่มีตำหนิ หางยาวสวยงามดี มีขวัญหน้า ขวัญทัดดอกไม้ซ้ายขวา และขวัญหลังถูกต้อง มีขาและกีบข้อเท้าแข็งแรง  มองดูด้านข้างลำตัวจะเป็นสี่เหลี่ยม

ในปีพ.ศ. 2565  นี้ กรมปศุสัตว์ได้ทำการคัดเลือกพระโคเพื่อใช้ในพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ  2  คู่  เป็นพระโคแรกนาขวัญ 1 คู่  คือ พระโคพอ  มีความสูง 165  ซ.ม. ความยาวลำตัว 225  ซ.ม. ความสมบูรณ์รอบอก  214  ซ.ม.  อายุ  10  ปี  พระโคเพียง มีความสูง 169 ซ.ม. ความยาวลำตัว  238  ซ.ม. ความสมบูรณ์รอบอก 209  ซ.ม. อายุ  10  ปี  





 









 

พระโคสำรอง 1 คู่  คือ พระโคเพิ่ม มีความสูง 159  ซ.ม. ความยาวลำตัว 233  ซ.ม. ความสมบูรณ์รอบอก  201  ซ.ม. อายุ  12 ปี  พระโคพูล มีความสูง  157  ซ.ม. ความยาวลำตัว  238  ซ.ม. ความสมบูรณ์รอบอก 205  ซ.ม.อายุ 12  ปี  เป็นโคพันธุ์ขาวลำพูน มีสีผิวขาวอมชมพู ขนสีขาวสะอาด ทั้งลำตัวไม่มีจุดด่างดำหรือสีอื่นบนลำตัว  เขามีสีขาว เป็นลำเทียน  

เขาทั้งสองข้างมีลักษณะโค้งสวยงาม ดวงตาแจ่มใสสีน้ำตาลอ่อน ขนตาสีชมพู บริเวณจมูกขาว กีบสีขาว ขนหางเป็นพวงสีขาวยาว ลำตัวช่วงขาหลังและกีบมีความสมบูรณ์แข็งแรง  เวลายืนและเดินสง่า โดยนายสมชาย ดำทะมิส  บริจาคทรัพย์ซื้อพระโคพอ  มอบให้กรมปศุสัตว์นำน้อมเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช 

นายอาคม  วัฒนากูล  บริจาคทรัพย์ซื้อพระโคเพียง  มอบให้กรมปศุสัตว์นำน้อมเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช  ใช้เป็นพระโคแรกนาขวัญประจำปีพุทธศักราช  2565    นายทฤษดี ชาวสวนเจริญ อดีตอธิบดีกรมปศุสัตว์บริจาคทรัพย์ซื้อพระโคเพิ่ม มอบให้กรมปศุสัตว์นำน้อมเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช  และ นายวิจารณ์ ภุกพิบูลย์  มอบพระโคพูลให้กรมปศุสัตว์นำน้อมเกล้าฯ  ถวายพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช  ใช้เป็นพระโคสำรองประจำปีพุทธศักราช  2565  
 




 




 



Create Date : 01 พฤษภาคม 2565
Last Update : 1 พฤษภาคม 2565 18:47:27 น.
Counter : 477 Pageviews.

0 comment
1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  

สมาชิกหมายเลข 3402302
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



contact >> parwnation@gmail.com
hello welcome
contact =>>parwnation@gmail.com
New Comments