All Blog
"เกษตรฯ"กำหนดเงื่อนไขนำเข้าเมล็ดพันธุ์กัญชง-กัญชา-กระท่อมหลังปลดล็อค
กระทรวงเกษตรฯขานรับปลอดล็อค"กัญชา"ออกประกาศกระทรวงฯ กำหนดเงื่อนไขนำเข้าเมล็ดพันธุ์กัญชง กัญชา กระท่อม หลังปลดล็อค 9 มิ.ย. นี้ พร้อมขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก

นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่าจากกระทรวงสาธารณสุข ได้เตรียมประกาศปลดล็อคทุกส่วนของกัญชา กัญชง ไม่ใช่ยาเสพติดประเภท 5 โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน 2565 เป็นต้นไป ทำให้ประชาชนสามารถปลูกกัญชา กัญชง กระท่อม เพื่อใช้ประโยชน์ในการดูแลสุขภาพเบื้องต้นได้อย่างถูกกฎหมาย

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จึงได้ออกประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง กำหนดพืช จากแหล่งที่กำหนดเป็นสิ่งต้องห้าม ข้อยกเว้น และเงื่อนไขตามพระราชบัญญัติกักพืช พ.ศ. 2507 (ฉบับที่ 11) พ.ศ. 2565 ลงวันที่ 7 มิถุนายน 2565 เพื่อสนับสนุนการปลดล็อคและอำนวยความสะดวกการนำเข้าเมล็ดพันธุ์กัญชา กัญชง และกระท่อม เพื่อขับเคลื่อนนโยบายให้พืชทั้งสามชนิดเป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ให้ประชาชนทุกระดับ 







 







 
โดยกรมวิชาการเกษตร จะมีการออกประกาศกรมวิชาการเกษตรเพื่อรองรับการนำเข้าเมล็ดพันธุ์ของพืชทั้งสามชนิด เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชน โดยทั้งหมดจะต้องไม่เป็นพืชที่มีการตัดต่อพันธุกรรม (GMO) ซึ่งกระทรวงเกษตรฯพร้อมอำนวยความสะดวกให้กับทุกฝ่าย โดยจะมีการตั้งศูนย์ ONE Stop Service ที่ กรมวิชาการเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เพื่อเป็นช่องทางสื่อสารองค์ความรู้ของพืชทั้งสามชนิดให้กับประชาชน

หลังปลดล็อคพืชทั้ง 3 ชนิดไม่ใช่ยาเสพติด มีผลให้ทั้ง 3 ชนิดนี้มาอยู่ในการควบคุมของกรมวิชาการเกษตรเหมือนพืชทั่วไป แต่ก็ยังต้องมีเงื่อนไขบางประการในการควบคุมการนำเข้าเมล็ดพันธุ์ ศัตรูพืช และโรคพืช ดังนั้นกรมวิชาการเกษตรจึงได้ออกประกาศ 2 ฉบับ ได้แก่ 1. ประกาศกรมวิชาการเกษตร เรื่อง เงื่อนไขการนำเข้าเมล็ดพันธุ์กัญชา กัญชง พ.ศ. 2565 และ 2. ประกาศกรมวิชาการเกษตร เรื่อง เงื่อนไขการนำเข้าเมล็ดพันธุ์กระท่อม พ.ศ. 2565 กำหนดให้ประชาชนสามารถนำเข้าเมล็ดพันธุ์ของพืชทั้ง 3 ชนิด ได้จากทุกประเทศ

โดยประเทศต้นทางต้องแนบใบรับรองปลอดศัตรูพืช (Phyto Certificate: PC) และใบรับรองว่าไม่ใช่พืชที่มีการตัดต่อพันธุกรรม (GMO) กำกับมาด้วย และเนื่องจากเมล็ดพันธุ์กัญชง กัญชา และกระท่อม เป็นพืชที่มีราคาสูง กรมวิชาการเกษตรจึงจะไม่มีการเก็บเมล็ดตัวอย่างมาสุ่มตรวจอัตราการงอก จำนวน 400 เมล็ด

จากแนวปฏิบัติเดิมของพืชชนิดอื่น จะเป็นต้นทุนของทุกภาคส่วนแต่กรมฯจะติดตามและตรวจสอบที่แปลงปลูก หรือแหล่งเพาะพันธุ์จำหน่าย ว่าเมล็ดมีการงอกตามที่มีการกล่าวอ้างหรือไม่ เป็นไปตามพรบ.พันธุ์พืช หากพบว่าไม่เป็นไปตามกล่าวอ้าง หรือพบโรคพืช แมลงศัตรูพืช กรมฯ จะสั่งให้มีการทำลายได้ทันที ซึ่ง แปลงที่จะมีการเพาะจำหน่ายจะต้องขึ้นทะเบียนกับกรมวิชาการเกษตร หรือสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)

หากเป็นกรณีเป็นผู้นำเข้าหรือประสงค์จะเป็นผู้รวบรวมและจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ในประเทศ ขอให้มาขึ้นทะเบียนเป็นผู้จำหน่าย หรือผู้รวบรวมที่กรมวิชาการเกษตร ผ่านเว็บไซต์ของกรมวิชาการเกษตร ซึ่งหากเอกสารขออนุญาตครบตามที่กรมแจ้งไว้ในระบบ อาทิ ใบอนุญาตนำเข้าจากกรมวิชาการเกษตร และใบรับรองสุขอนามัยพืช แสดงถึงการปลอดโรคพืช แมลงศัตรูพืช ปลอด GMO จากประเทศต้นทาง เป็นต้น

กรมฯ จะสามารถอนุญาตได้ภายใน 1 วันทำการ และสำหรับผู้ประสงค์ที่จะเป็นผู้จำหน่ายเมล็ดพันธุ์ไทย สามารถขออนุญาตเป็นผู้รวบรวมและจำหน่ายได้ที่กรมวิชาการเกษตร ผ่านเว็บไซต์กรมฯ โดยจะต้องเป็นการจำหน่ายพันธุ์ที่มีการรับรองถูกต้องของกรมวิชาการเกษตร ดังนั้น ขอเชิญชวน นักวิจัย นักพัฒนา นักปรับปรุงพันธุ์ของกัญชง กัญชา มาขึ้นทะเบียนเพื่อขอการรับรองพันธุ์จากกรมวิชาการเกษตร

สำหรับประชาชนผู้บริโภคที่ต้องการจะซื้อเมล็ดพันธุ์เพื่อนำไปปลูกทั้งในครัวเรือน หรือเชิงพาณิชย์ก็ขอให้เลือกซื้อจากร้านค้า ร้านจำหน่ายที่มีใบอนุญาตถูกต้องจากกรมวิชาการเกษตร โดยแต่ละร้านจะต้องมีใบอนุญาตติดแสดงไว้ที่ร้านค้าให้เห็น หรือกรณีซื้อขายผ่านระบบออนไลน์ ก็ขอให้เลือกซื้อจากร้านที่มีการสำแดงใบอนุญาตที่ถูกต้อง ซึ่งกรมวิชาการเกษตร จะมีการตั้งศูนย์ ONE Stop Service ที่ ตึกกสิกรรม กรมวิชาการเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ หากประชาชนต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ สายด่วน (hotline) 1174





 








 
 



Create Date : 07 มิถุนายน 2565
Last Update : 7 มิถุนายน 2565 16:13:42 น.
Counter : 379 Pageviews.

0 comment
“ประพัฒน์”มองอาหารโลกทั้งวิกฤต-โอกาส
นายประพัฒน์  ปัญญาชาติรักษ์ ประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ เผยถึงกรณีผลกระทบที่เกิดจากสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนซึ่งมีแนวโน้มขยายตัวและยืดเยื้อ มีผลทำให้หลายประเทศเกิดวิกฤตขาดแคลนอาหารและห้ามส่งออก รวมไปถึงราคาพลังงานพุ่งสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เพราะทั้งประเทศรัสเซียและยูเครนเป็นประเทศผู้ส่งออกธัญพืชรายใหญ่ของโลกซึ่งเป็นสินค้าหมวดอาหารทั้งอาหารคนและอาหารสัตว์จะส่งผลทำให้เกิดภาวะขาดแคลนและราคาสูง  

ประเทศไทยเป็นประเทศผู้ผลิตอาหารและสินค้าเกษตรมีเกษตรกรรายย่อยอยู่จำนวนมาก สิ่งที่เป็นผลกระทบกับเกษตรกรและคนไทยทั้งประเทศ คือ สินค้าหมวดอาหารและราคาพลังงานที่สูงขึ้นนั่นหมายความว่าปัญหาเงินเฟ้อจะตามมา และมั่นใจว่าสถานการณ์นี้ราคาธัญพืชของไทยก็จะราคาสูงขึ้นเช่นเดียวกัน






 






 
รวมทั้งพืชตระกูลแป้ง เช่น ข้าว ข้าวโพด มันสำปะหลัง หรืออ้อย น้ำตาล ก็ดีขึ้นด้วย สิ่งที่เป็นทั้งวิกฤตและโอกาสหากรัฐบาลบริหารด้วยความเข้าใจก็จะสามารถสร้างโอกาสและลดวิกฤตในแง่ผลกระทบได้ เม็ดเงินจะไหลกลับสู่ประเทศและเกษตรกร

ฝากถึงรัฐบาลโดยเฉพาะส่วนราชการที่ดูแลเรื่องนี้ขอให้บริหารอย่างเข้าใจ ประเทศไทยสามารถสร้างรายได้เพิ่มมากขึ้นจากการส่งออกสินค้าเกษตร ขอให้เจรจาและสร้างอำนาจต่อรองอย่างมีน้ำหนัก เพราะต่อจากนี้ไปตลาดจะเป็นของผู้ขายซึ่งจะสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าของตัวเองได้และจะทำให้พี่น้องเกษตรกรมีรายได้เพิ่มมากขึ้นภาวะสมดุลก็จะกลับคืนมา  

สถานการณ์สงครามที่เกิดขึ้นอยู่ขณะนี้ไม่น่าไว้วางใจและไม่มั่นใจว่าจะอยู่ยาวนานแค่ไหน ถ้ายืดเยื้อออกไปก็จะมีผลกระทบอีกหลากหลายรุนแรงมากขึ้นตามมา ฝากถึงเกษตรกรและท่านทั้งหลายกรุณาใช้จ่ายอย่างประหยัด ใช้เท่าที่จำเป็น อาหารถ้าสามารถที่จะผลิตบริโภคเองได้ทั้งในครอบครัวและชุมชนก็จะบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนลงได้

เน้นพึ่งตัวเองให้มากๆ สินค้าเกษตรหลายตัวที่สามารถจะสร้างรายได้ให้ดีขึ้นก็ควรเร่งขยายผลเพื่อสร้างโอกาสให้ตนเอง และควรศึกษาหาข้อมูลข่าวสารให้ดี เพราะหากว่ารีบขายออกไปก็อาจทำให้เสียโอกาสแต่หากมีข้อมูลข่าวสารที่ดีพอก็จะสามารถสร้างอำนาจต่อรองให้กับตัวท่านเองและประเทศชาติได้ในอนาคต





 




 

 

                                      



Create Date : 31 พฤษภาคม 2565
Last Update : 31 พฤษภาคม 2565 16:36:02 น.
Counter : 413 Pageviews.

0 comment
ยึดทุเรียน 8 พันต้นเตรียมขนออกนอกประเทศ
ด่านตรวจพืชช่องเม็ก จับมือ ด่านศุลกากรช่องเม็ก จับผู้ต้องสงสัยเตรียมขนต้นพันธุ์ทุเรียนหมอนทอง พืชสงวนไทย 8 พันต้น  มูลค่ากว่า 2 แสนบาทออกนอกประเทศ   ยึดของกลางพร้อมแจ้งข้อกล่าวหาทำผิดตามพ.ร.บ.พันธุ์พืชหากลักลอบส่งออกพืชสงวนไทย 11 ชนิดโดยมิได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรี มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 4 พันบาท  






 





 


นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร  เปิดเผยว่า ตามที่นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้สั่งการให้กรมวิชาการเกษตรเข้มงวดตรวจสอบการลักลอบส่งออกพืชสงวนตามพระราชบัญญัติพันธุ์พืช ของไทย  ล่าสุดนายตรวจพืช ด่านตรวจพืชช่องเม็ก จ.อุบลราชธานี  กรมวิชาการเกษตร  ได้รับเบาะแส จากพลเมืองดีว่า จะมีการลักลอบนำพืชสงวนของไทยส่งออกนอกราชอาณาจักร
 
จึงได้ประสานขอความร่วมมือกับด่านศุลกากรช่องเม็กร่วมกันเข้าตรวจสอบพบรถยนต์บรรทุกคันหนึ่งบริเวณจุดตรวจรถยนต์และสินค้าขาออก ด่านพรมแดนช่องเม็ก ซึ่งจอดอยู่ในพื้นที่ขาออก คณะเจ้าหน้าที่จึงขอทำการตรวจสอบรถยนต์บรรทุกดังกล่าว พบต้นกล้าพันธุ์ทุเรียนอยู่หลังรถยนต์บรรทุก จึงได้ควบคุมตัวผู้ขับรถดังกล่าว มายังด่านศุลกากรช่องเม็ก





 








 
จากการตรวจค้นพบต้นกล้าพันธุ์พืชสงวน คือ ต้นพันธุ์ทุเรียนหมอนทอง จำนวน 8,000 ต้น คิดเป็นมูลค่า 240,000 บาท  (ต้นละ 30 บาท) จึงแจ้งข้อหาให้ผู้ต้องสงสัยทราบว่าเป็นการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติพันธุ์พืช พ.ศ.2518 และที่แก้ไขเพิ่มเติม  มาตรา 30 ห้ามมิให้ผู้ใดส่งออกพืชสงวน เว้นแต่ได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากรัฐมนตรี  และเฉพาะเพื่อประโยชน์ในการทดลองหรือวิจัยในทางราชการเท่านั้น  

หากฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 4,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ  โดยได้นำส่งผู้ต้องสงสัยให้พนักงานสอบสวน  สถานีตำรวจภูธรเมืองอุบลราชธานี และได้ยึดของกลางที่เป็นพืชสงวนทั้งหมดไว้ในความดูแลของด่านศุลกากรหนองคายเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป 







 







 
การจับกุมครั้งนี้ ได้แจ้งข้อหาให้ผู้ถูกจับกุมทราบว่าผิดตามพระราชบัญญัติพันธุ์พืชฯ ฐานความผิดพยายามส่งออกพืชสงวนของไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามกฎหมายนั้นรัฐมนตรีจะมีอำนาจอนุญาตให้ส่งออกพืชสงวนได้เฉพาะเพื่อใช้ประโยชน์ในการทดลองหรือวิจัยเท่านั้น  

โดย พระราชบัญญัติพันธุ์พืชฯ  กำหนด พืชสงวนไว้ทั้งหมด 11 ชนิด คือ ทุเรียน  องุ่น ลิ้นจี่ มะพร้าว มะขาม ส้มโอ ลำไย ทองเครือ กวาวเครือ สละ และสับปะรด หากมีการลักลอบส่งออกพันธุ์พืชสงวนของไทยเหล่านี้ออกไปขยายพันธุ์ในประเทศอื่นๆ จะส่งผลกระทบต่อเกษตรกรและระบบเศรษฐกิจของประเทศไทยโดยตรงอย่างมาก  ดังนั้นหากผู้ใดทราบเบาะแสการกระทำผิดดังกล่าวสามารถแจ้งได้ที่ด่านตรวจพืชของกรมวิชาการเกษตรทั่วประเทศ





 




 


 



Create Date : 27 พฤษภาคม 2565
Last Update : 27 พฤษภาคม 2565 18:01:09 น.
Counter : 339 Pageviews.

0 comment
"DSI"อายัดทรัพย์คดีทุจริตสหกรณ์ออมทรัพย์กระทรวงเกษตรฯ
DSI สนธิกำลังกรมส่งเสริมสหกรณ์ สถานีตำรวจนครบาลนางเลิ้ง ตรวจค้นยึดอายัดทรัพย์สินในคดีฟอกเงินเกี่ยวกับการทุจริตในสหกรณ์ออมทรัพย์กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จำกัด

นายไตรยฤทธิ์  เตมหิวงศ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมด้วย พันตำรวจตรี ยุทธนา  แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ  นายระวี  อักษรศิริ ผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินทางอาญา และคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ร่วมกับ นายประกอบ เผ่าพงศ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์  พันตำรวจเอก สมยศ  อุดมรักษาทรัพย์ ผู้กำกับการ สถานีตำรวจนครบาลนางเลิ้ง






 






 
พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจจากสถานีตำรวจนครบาลนางเลิ้ง เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย จำนวน 6 จุด ได้แก่ สถานที่พักอาศัยในจังหวัดปทุมธานี จำนวน 2 จุด สถานประกอบกิจการภัตตาคารและร้านอาหารในจังหวัดปทุมธานี จำนวน 2 จุด  สถานประกอบกิจการโรงแรมในจังหวัดสมุทรสงครามและจังหวัดเพชรบูรณ์ จำนวน 2 จุด เพื่อแสวงหาหลักฐานและยึด/อายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการทุจริตในสหกรณ์ออมทรัพย์กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จำกัด เพื่อดำเนินคดีพิเศษ

โดยกรณีดังกล่าวสืบเนื่องจากพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลนางเลิ้ง ได้รับคดีอาญาไว้ทำการสอบสวน กรณี มีการทุจริตภายในสหกรณ์ออมทรัพย์กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จำกัด อันเป็นความผิดอาญาฐานลักทรัพย์นายจ้าง โดยพบว่ามีการทุจริตเงินสหกรณ์ฯ มากกว่า 600 ล้านบาท กระทำการหลายครั้งลักษณะเป็นปกติธุระ ซึ่งเป็นความผิดมูลฐานตามมาตรา 3 (18)  แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม 







 







 
จากการสืบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ พบว่ามีการนำเงิน  ที่ทุจริตออกจากสหกรณ์ไปซื้อทรัพย์สินประเภทที่ดิน เพื่อประกอบกิจการรีสอร์ท บ้านพัก ภัตตาคาร ร้านอาหารหลายแห่ง รถยนต์หรูและทรัพย์สินอื่นอีกจำนวนมาก โดยยังพบว่ามีการนำไปลงทุนซื้อหลักทรัพย์หรือหน่วยลงทุนอื่นด้วย จึงเป็นพฤติการณ์ที่เข้าข่ายการเปลี่ยนแปลงสภาพทรัพย์สิน เพื่อปกปิดแหล่งที่มา

อันเป็นความผิดฐานฟอกเงิน ตามมาตรา 5 พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542  และเข้าข่ายเป็นคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ จึงได้รับเป็นคดีพิเศษที่ 237/2565 เพื่อดำเนินการสืบสวนสอบสวน และยึด/อายัดทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำความผิด โดยจะได้มีการสืบสวนสอบสวนและ   ขยายผลเพิ่มเติมเพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดต่อไป

 สำหรับผลการตรวจค้น ทั้ง 6 จุด พบทรัพย์สินประเภทที่ดิน จำนวน 8 แปลง มีเนื้อที่ประมาณ 61 ไร่  รถยนต์เปอโยต์ รุ่น BIPPER จำนวน 1 คัน  รถยนต์ฮุนได รุ่น H-1 จำนวน 1 คัน รถยนต์ปอร์เช่ รุ่น คาเยน จำนวน 1 คัน กระเป๋าแบรนด์เนมหลายใบ นาฬิกาหรูจำนวนหลายเรือน รวมทรัพย์สินฯ ที่ได้ทำการตรวจยึด/อายัดไว้มีมูลค่าประมาณ 300 ล้านบาท โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษ จะได้ทำการขยายผลเพื่อติดตามทรัพย์สินต่อไป





 





 



Create Date : 25 พฤษภาคม 2565
Last Update : 25 พฤษภาคม 2565 15:20:02 น.
Counter : 407 Pageviews.

0 comment
"ประภัตร"ตั้งเป้าผลิต 30 ล้านตันข้าวเปลือก
นายประภัตร โพธสุธน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติด้านการผลิต ครั้งที่ 1 / 2565 โดยมีผู้บริหารหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตัวแทนสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย ตัวแทนสมาคมโรงสีข้าวไทย และตัวแทนเกษตรกร เข้าร่วม ณ ห้องประชุมกระทรวงเกษตรและสหกรณ์    เพื่อร่วมกันพิจารณาเห็นชอบเป้าหมายการผลิตข้าว และการวางแผนการผลิตข้าว ปีการผลิต 2565/2566  และการกำหนดพื้นที่เป้าหมายส่งเสริมการปลูกข้าว ปีการผลิต 2565/2566 

นายประภัตร เปิดเผยว่า ล่าสุดกระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าภายในได้กำหนดความต้องการใช้ข้าว (Demand)ปี 2565/66 ไว้ที่จำนวน 27.6 ล้านตันข้าวเปลือก ซึ่งตนในฐานะที่กำกับดูแล กรมการข้าวจึงได้ร่วมกันพิจารณากำหนดเป้าหมายการผลิตข้าว (supply)ปี 2565/66 ให้ชัดเจน และเบื้องต้นได้วางเป้าหมายการปบิตข้าวไว้ที่จำนวน 30 ล้านตันข้าวเปลือก แยกเป็นข้าวหอมมะลิ 9.1 ล้านตันข้าวเปลือก ข้าวหอมปทุมธานี (ข้าวหอมไทย) 1.8 ล้านตันข้าวเปลือก ข้าวขาว (ข้าวเจ้า) 12.9 ล้านตันข้าวเปลือก





 






 
ข้าวเหนียว 6 ล้านตันข้าวเปลือก และข้าวตลาดเฉพาะ 0.2 ล้านตันข้าวเปลือก โดยกำหนดเป้าหมายการผลิตข้าวหอมปทุมธานี ข้าวขาว ข้าวเหนียว และข้าวตลาดเฉพาะเท่ากับเป้าหมายความต้องการใช้ข้าว ปี 2565/66 ยกเว้นข้าวหอมมะลิจะกำหนดเป้าหมายการผลิตข้าวมากกว่าความต้องการใช้ข้าวจำนวน 2.3 ล้านตันข้าวเปลือก 

ส่วนเมล็ดพันธุ์ข้าว ที่จะนำมาใช้เพาะปลูกปีการผลิต 2565/66 รวมรอบที่ 1 (นาปี) และรอบที่ 2 (นาปรัง) พิจารณาจากข้อมูลเมล็ดพันธุ์ข้าวของ 4 หน่วยงาน ได้แก่ กรมการข้าว ศูนย์ข้าวชุมชน สหกรณ์การเกษตร และสมาคมผู้รวบรวมและจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ข้าวทุกชนิดพันธุ์ข้าว

สำหรับนาปี ปี 2565/66 และนาปรัง ปี 2566 มีปริมาณโดยรวมจำนวนกว่า 636,000 ตัน แบ่งการผลิตเป็น 1) กรมการข้าว 95,000 ตัน 2) สหกรณ์การเกษตร 30,000 ตัน 3) ศูนย์ข้าวชุมชน 111,000 ตัน และ4) สมาคมผู้รวบรวมและจ าหน่วยเมล็ดพันธุ์ข้าว 400,000 ตันซึ่งเพียงพอกับการเพาะปลูกแน่นอน






 






 
นอกจากนี้ที่ประชุม ยังมีมติเห็นชอบแผนการผลิตข้าว ปี 2565/66 โดยใช้ข้อมูลประกอบการพิจารณาจากแหล่งต่างๆ โดยพิจารณาจากการคาดการณ์ปริมาณน้ำ เมล็ดพันธุ์ข้าวที่มีเพียงพอ ปริมาณสต็อกข้าว ณ ปลายปี 2564 และต้นปี 2565 ถือว่ายังไม่ Over Stock จึงได้วางแผนการผลิตข้าว ปี 2565/66 แบ่งเป็น 2 รอบ โดยรอบที่ 1 ให้เป็นไปตามความต้องการของชาวนาที่ส่วนใหญ่ปลูกข้าวได้ปีละ  1 ครั้ง

ส่วนรอบที่ 2 เป็นการผลิตข้าวส่วนที่เหลือที่ยังผลิตในรอบที่ 1 ที่ได้ไม่ครบตามเป้าหมายการผลิตข้าว (Supply) ที่กำหนดไว้หากรอบที่ 1 หากผลิตเกินแล้ว ก็ต้องปรับลดรอบที่ 2 โดยแผนการผลิตข้าว ปี 2565/66 พื้นที่ 66.2 ล้านไร่ คาดการณ์ผลผลิต 30 ล้านตันข้าวเปลือก แยกเป็นรอบที่ 1 พื้นที่ 59.4 ล้านไร่ คาดการณ์ผลผลิต 25.5 ล้านตันข้าวเปลือก

รอบที่ 2 พื้นที่ 6.8 ล้านไร่ คาดการณ์ผลผลิต 4.4 ล้านตันข้าวเปลือก โดยพื้นที่และผลผลิตข้าวรอบที่ 2 สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริง เช่น สถานการณ์ราคา และภัยธรรมชาติ

นายประภัตรบอกด้วยว่าการพิจารณาการกำหนดพื้นที่เป้าหมายส่งเสริมการปลูกข้าว ปี 2565/66 รอบที่ 1 เป็นการกำหนดพื้นที่เป้าหมายส่งเสริมการปลูกข้าวที่แยกเป็นรายชนิดข้าว รายจังหวัด และรายอำเภอ ตามการประกาศของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีพื้นที่ทั้งสิ้น 59. ล้านไร่ ประกอบด้วย ข้าวหอมมะลิ 26 ล้านไร่ ข้าวหอมประทุมธานี (ข้าวหอมไทย) 1.8 ล้านไร่ ข้าวขาว (ข้าวเจ้า) 15.5 ล้านไร่ ข้าวเหนียว 15.7 ล้านไร่ ข้าวตลาดเฉพาะ 0.4 ล้านไร่ 





 



 



Create Date : 19 พฤษภาคม 2565
Last Update : 19 พฤษภาคม 2565 16:13:21 น.
Counter : 254 Pageviews.

0 comment
1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  

สมาชิกหมายเลข 3402302
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



contact >> parwnation@gmail.com
hello welcome
contact =>>parwnation@gmail.com
New Comments