เมือง คำชะโนด



นี่คือรูปที่เก็บไว้ เป็นจุดหมายของการเดินทาง
เช้า13สค48
วันที่แสงแดด ผลุบๆโผ่ลๆ ปลายหน้าฝน
หลังจากตั้งใจจะไปตามรอยพญานาค ตำนานพื้นบ้าน
นิทานปรัมปราของภาคอีสาน คว้ากล้องถ่ายรูปได้ก็ควบรถกระบะ
คู่ยาก ออกเดินทางจากขอนแก่น ขับรถมุ่งหน้าตามถนนหมายเลข2
ถนนมิตรภาพ ถึงอุดรธานี

จากอุดรธานี ขับรถต่อตามเส้นทางอุดรธานี-สกลนคร (หมายเลข 22) ขับรถผ่านอำเภอหนองหาน จนถึงแยกอำเภอบ้านดุง
เลี้ยวซ้ายที่บ้านหนองเม็ก ไปทางอำเภอบ้านดุงอีก 9 กิโลเมตร จะถึงบ้านคำชะโนด ระยะทางจากอุดรธานี ประมาณ 93 กิโลเมตร

เราขับรถเลี้ยวซ้าย มุ่งสู่ตัวอำเภอบ้านดุง เพื่อแวะนมัสการ
ศาลหลักเมือง ศาลเจ้าปู่ศรีสุทโธ ประจำอำเภอบ้านดุง



ด้านหน้าศาลหลักเมือง เจ้าปู่ศรีสุทโธ



รูปปั้น เจ้าปู่ศรีสุทโธ หน้าศาล



พระพักตร์ รูปปั้น



ยอดศาล ที่มีลวดลาย สวยงาม อ่อนช้อย





บริเวณหน้าศาล ที่มีนักท่องเที่ยว ประชาชนมาเคารพบูชาสักการะ

----------------------------------------------------------------

หลังจากกราบไหว้บูชาเสร็จก็เดินทางต่อไป




บ้านคำชะโนด อำเภอบ้านดุง จังหวัดอุดรธานี

รายละเอียดแหล่งท่องเที่ยว
คำชะโนด ตั้งอยู่บนพื้นที่ราว 20 ไร่ ซึ่งมีลำน้ำโอบล้อมเกือบรอบคล้ายดังเกาะ อยู่ในตำบลวังทอง อำเภอบ้านดุง เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบ้านบริเวณใกล้เคียงให้ความเคารพนับถือ เป็นสถานที่ 1 ใน 3 แห่งที่ผู้คนแห่งลุ่มน้ำโขงทั้งไทย-ลาว เชื่อว่าเป็นประตูลงสู่เมืองบาดาล สถานที่อาศัยของพญานาคแห่งแม่น้ำโขง แผ่นดินศักดิ์สิทธ์อันมีตำนานเกี่ยวกับพญานาค และกำเนิดของแม่น้ำโขงแห่งนี้ เรียกกันว่า…'วังนาคินทร คำชะโนด' หรือเมืองชะโนด ตามความเชื่อของชาวอีสาน และชาวลาวบริเวณนี้กล่าวว่าเมื่อประมาณ 10 กว่าปีที่ผ่านมา มีผีจ้างหนังของบริษัทแจ่มจันทร์ภาพยนตร์ไปฉายหนังและมีผู้เข้าชมเป็นจำนวนมาก และมีการพิสูจน์ว่าผู้เข้าชมเหล่านั้นไม่ใช่ชาวบ้าน ปัจจุบันบริเวณดังกล่าว ปกคลุมไปด้วยปาล์มลักษณะประหลาด ลักษณะคล้ายกับต้นตาล และต้นมะพร้าวรวมกัน เรียกว่า ต้นชะโนด ภายในสถานที่แห่งนี้มีศาลเจ้า และบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ให้กราบไหว้



ประตูทางเดินข้ามไปยังเกาะกลางน้ำ



สะพานทางเดิน ทอดตัวยาวรอผู้คนก้าวเดิน



มันเย็นยะเยือกชอบกล ขนรุก นิ๊ดนดิ



ต้นไม้ มีผ้า3สี 5สี 7สี ผูกกันด้วยความเข้มขลัง



ระหว่างเดินบนสะพาน มองเห็นวิวรอบเกาะกลางน้ำ



ยอดต้นชะโนด ดูขรึมๆ สูงๆ




แหงนหน้าถ่ายรูปยอดต้นชะโนด ย้อนแสง



ต้นชะโนด ใบเหมือนใบตาล ลำต้นเหมือนต้นมะพร้าว ลูกเป็นเม็ดเล็กๆคล้ายหมาก



บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ ที่ชาวบ้านเชื่อและนับถือ
ตามตำนานเป็น ทางพญานาคขึ้นมาสู่โลกมนุษย์





ยอดต้นชะโนด เหนือบ่อน้ำ ที่บ่อน้ำล้นขึ้นมาตลอด



ศาลเล็กๆ ข้างบ่อน้ำ



ศาลใหญ่ อีกมุมหนึ่งบนเกาะต้นคำชะโนด



รูปแกะสลักไม้ พญานาคกับเม่น



เห็นคนไหว้พระเสร็จ ก็มาลูบฆ้อง เสียงครางดังทั่วเกาะกลางน้ำ



พระและประชาชน ผู้เลื่อมใส ทะยอยกันเดินทางเข้าไปกราบไหว้ตลอดเวลา





รูปปั้นจำลอง องค์เจ้าปู่ศรีสุทโธ



คาถาบูชา ให้ท่องเวลากราบไหว้




*** ตำนานและความเชื่อ ***

อำเภอบ้านดุง เป็นดินแดนเมืองพญานาคและเ็ป้นที่ตั้งของ คำชะโนด
หรือวังนาคิน โดยมีเรื่องเล่าสืบทอดมายาวนานแต่โบราณ โดยเฉพาะแถบลุ่มน้ำโขง ๒ ฝั่ง มีความเชื่อว่าเจ้าปู่พญาศรีสุทโธ เป็นพระราชาแห่งพญานาค และเป็นผู้สร้างแม่น้ำโขง
และในคำชะโนด ยังเป็นที่ตั้งของประตูสู่เมืองบาดาล โดยมีหลักฐานเป็นบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ในคำชะโนด ซึ่งเชื่อกันว่า...
ในบ่อน้ำมีความศักดิ์สิทธิ์รักษาโรคได้ ตามคำอธิษฐาน
และบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ ประตูเมืองบาดาล
นี้ไปทะลุบ้านน้ำเป อำเภอโพนพิสัย
ซึ่งเป็นดินแดนกำเหนิด บั้งไฟพญานาค
โดยมีความเชื่อว่าเป็นตำนานที่เชื่อต่อกันตามตำนานโบราณ



ตำนาน คำชะโนด เมืองพญานาค อำเภอบ้านดุง

มีเรื่องเล่ากันว่า แต่ก่อนหนองกระแส ซึ่งอยู่ตอนเหนือของประเทศลาว
อยู่ตอนใต้ของประเทศจีน เป็นเมืองพญานาคครองอยู่ โดยแบ่งเป็น๒ส่วน
ส่วนหนึ่งมี เจ้าปู่พญาศรีสุทโธ เป็นผู้ครอบครองอยุ่
อีกส่วนหนึ่งผู้ครองคือ พญาสุวรรณนาค
มีบริวารฝ่ายละ ๕,000 เท่าๆกัน พญานาคทั้งสองเป็นเพื่อนกัน
มีความรักสามัคคีกันมาโดยตลอด เมื่อหาอาหารจับสัตว์ได้ก้แบ่งปันกัน
มาวันหนึ่งฝ่ายพญานาคได้จับเม่น ขนแหลมยาว
จึงแบ่งเน้อให้อีกฝ่ายหนึ่งตามที่เคยปฏิบัติกันมา
แต่อีกฝ่ายเมื่อเห็นขนแหลมยาวเข้าใจผิดคิดว่า...
ขนยาวน่าจะตัวใหญ่ แต่กับแบ่งเนื้อให้เพียงนิดเดียว
จึงเกิดความไม่พอใจ

เกิดผิดใจกันเรื่องการแบ่งอาหาร จนเกิดสงครามขึ้น
มีการระดมไพร่พลเข้าต่อสู้กัน ทั้งสองฝ่ายสู้รบกันอยู่นานถึง ๗ ปี
ต่างฝ่ายต่างก็เหนื่อยล้าเอาชนะกันไม่ได้ และต่างฝ่ายต่างก็พยายามจะเอาชนะให้ได้
เพื่อจะได้เป็นใหญ่ครอบครองเมืองหนองกระแสทั้งหมดแต่เพียงผู้เดียว

การต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตายของพญานาคทั้งสอง ทำให้เดือดร้อน
ไปทั้งสามภพ คือ บาดาล มนุษยื และสวรรค์

พื้นโลกสะเทือนเกิดแผ่นดินไหวไปทั่ว ความเดือดร้อนทราบถึงพระอินทร์
จึงได้เสด็จลงมายังโลกมนุษย์ที่หนองกระแส แล้วทรงตรัสเป็นพระราชโองการ
ให้ทั้งสองฝ่ายหยุดรบกัน ให้ถือว่าสองฝ่ายเสมอกัน ไม่มีใครแพ้ใครชนะ
ให้ทั้งสองฝ่ายสร้างแม่น้ำคนละสายออกจากหนองกระแส ใครสร้างถึงทะเล
ก่อนจะให้ปลาบึกไปอยุ่ในแม่น้ำนั้น

พญาสุทโธนาค
จึงพาบริวารสร้างแม่น้ำมุ่งหน้าไป ทางทิศตะวันออกของหนองกระแส
เมื่อถึงตรงไหนมีภูเขาขวางอยู่ แม่น้ำก็จะคดโค้งไปตามภูเขา
เพราะพญาสุทโธนาค เป็นนาคใจร้อน แม่น้ำสายนี้เรียกว่า แม่น้ำโขง
คำว่า...โขง มาจากคำว่า...โค้ง หรือไม่ตรงนั่นเอง

พญาสุวรรณนาค
เมื่อได้รับเทวราชโองการ จึงพาบริวารไพร่พลอพยพจากหนองกระแส
สร้างแม่น้ำมุ่งไปทางทิศใต้ พญาสุวรรณนาค เป็นนาคใจเย็น
พิถีพิถันและตรง การสร้างแม่น้ำจึงต้องทำให้ตรง แม่น้ำนี้เรียกว่า..
แม่น้ำน่าน เป็นแม่น้ำที่ตรงกว่าแม่น้ำทุกสาย

ในการสร้างแม่น้ำแข่งกันในครั้งนั้น ปรากฏว่าแม่น้ำโขง
ของพญาสุทโธนาคสร้างเสร็จก่อนจึงเป็นผู้ชนะและ...

มีปลาบึกอาศัยอยู่ในแม่น้ำโขงแห่งเดียวในโลก

ตามราชโองการของพระอินทร์ และพญาสุทโธนาคได้เข้าเฝ้าพระอินทร์
ทูลขอทางขึ้นลงระหว่างเมืองบาดาลกับโลกมนุษย์ เอาไว้ ๓ แห่ง
พระอินทร์จึงทรงอนุญาตให้มีรูพญานาคเอาไว้ ๓ แห่ง คือ
๑.ที่พระธาตุหลวงนครเวียงจันทร์
๒.ที่หนองคันแท
๓.ที่พรหมประกายโลก หรือเรียกว่า...คำชะโนด

แห่งที่ ๑ และ ๒ ให้เป็นทางขึ้นลงอยู่เมืองมนุษย์และบาดาลของพญานาคเท่านั้น
ส่วนแห่งที่ ๓
ที่เป็นพรหมประกายโลกนี้ เป็นที่พรหมเทวดาลงมากินดินจนกลายเป็นมนุษย์
ให้พญาสุทโธนาค ไปตั้งบ้านเมืองครอบครองเฝ้าอยู่
ให้มีต้นชะโนดขึ้นเป็นสัญลักษณ์ ลักษณ์ต้นชะโนด ให้เอา
ต้นมะพร้าว ต้นหมาก และต้นตาล อย่างละเท่าๆกันผสมกัน

ในเวลา ๑ เดือทางจันทรคติ ข้างขึ้น ๑๕ ค่ำ
ให้พญาสุทโธนาค และบริวารกลายร่างเป็นมนุษย์
เรียกว่า...เจ้าปุ่พญาศรีสุทโธ และอีก ๑๕ วันข้างแรม
ให้พญาสุทโธ และบริวารกลายร่างเป็นนาค
เรียกว่า...พญานาคราศรีสุทโธ

นับแต่นั้นมาจนถึงปัจจุบัน พี่น้องบ้านม่วง บ้านเมืองไพร
บ้านวังทอง อำเภอบ้านดุง ได้พบเห็นชาวเมืองคำชะโนดไปเที่ยวงานบุญ
ประจำปี หรือ งานบุญมหาชาติ ทั้งชายและหญิงหลายครั้ง
บางครั้งจะเป็นหญิงไปยืมเครื่องมือทอผ้า ไปทอผ้าอยู่ประจำ
เจ้าปู่พญาศรีสุทโธได้จัดให้มีการแข่งเรือและประกาศชายงามที่เมืองคำชะโนด

นายคำตา ทองสีเหลือง ซึ่งเป้นชาวบ้านวังทอง ตำบลวังทอง
อำเภอบ้านดุงติดกับเมืองคำชะโนด ได้รับคัดเลือกจากเจ้าปู่ศรีสุทโธ
ให้ไปประกาศชายงาม นายคำตาไ้หายตัวไป ประมาณ ๖ ช.ม.
จึงกลับมาและได้เล่าเรื่องเมืองคำชะโนดที่ได้เห็นมาให้ชาวบ้านฟัง
(ข้อความนี้เป็นเอกสารที่พิมพ์แจกของทางศาลเจ้าปู่ศรีสุทโธ)



สงวนลิขสิทธิ์ตามกฏหมาย
หากต้องการนำไปใช้เผยแผ่ กรุณาติดต่อ
เจ้าของบทความครับ


Create Date : 13 สิงหาคม 2548
Last Update : 21 สิงหาคม 2548 23:36:11 น. 85 comments
Counter : 25527 Pageviews.  
 
 
 
 
ข้อมูล ของจังหวัดอุดรธานี บันทึกไว้ว่า...


วังนาคินทร์คำชะโนด เป็นบริเวณดงหนาป่าทึบของต้นคำชะโนดที่มีลักษณะคล้ายต้นตาลผสมกับต้นมะพร้าว ซึ่งมีอยู่ที่นั่นแห่งเดียวในประเทศไทย ถือเป็นเรื่องราวแปลกมากอย่างหนึ่ง เนื้อที่ของป่าคำชะโนดมีอยู่ราว 20 ไร่เฉพาะที่ตรงนั้น และมีลักษณะที่มีคูล้อม ท่ามกลางท้องทุ่งที่นา เป็นบริเวณที่ชาวเมืองและชาวบ้านในระแวกนั้นเชื่อว่าเป็นที่อยู่ของพญานาคราช หรือเป็นวังพญานาค ที่เรียกกกันว่า วังนาคินทร์ ในฤดูฝนทุ่งนาโดยรอบจะถูกน้ำท่วมจนมองไม่เห็นน้ำท่วม หรือน้ำจะท่วมไม่ถึง ที่สำคัญตรงกลางป่าชะโนดจะไม่ท่วม หรือน้ำจะท่วมไม่ถึง ที่สำคัญตรงกลางป่าชะโนดมีน้ำใสมาก เป็นลักษณะน้ำผุดขึ้นตลอดเวลา เข้าใจว่าเป็นบ่อน้ำโบราณที่ชาวบ้านถือว่าเป็นบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งใต้บ่อน้ำที่ลึกลงไป เชื่อว่าเป็นวังของพญานาคที่สามารถทะลุไปถึงเมืองโบราณ และออกสู่แม่น้ำโขงได้อีกทางหนึ่ง

จากลักษณะของป่าชะโนดดังกล่าว ตลอดจนสภาพแวดล้อมอื่นๆ เช่น มีลักษณะคูน้ำล้อมป่า จึงทำให้สันนิษฐานได้ว่า อาจจะเปฌ้นเมืองเก่าสมัยทวารวดีก็ได้ ซึ่งในเวลาต่อมาได้ล่มจมลงไปคงเหลือแต่ต้นชะโนดที่ขึ้นสูงชะลูดเป็นป่าทึบกลางทุ่งดังที่เห็นทุกวันนี้

แต่จากปากคำของชาวบ้านเชื่อว่าเป็นเมืองโบราณ และเป็นที่อยู่ของพญาศรีสุทโธนาคราชที่มาหลบสร้างเมืองขึ้นที่นี่ หลังจากที่หนีลงมาจากหนองแส ในประเทศจีน ตามพงศาวดารโยนก เรื่องเมืองสุวรรณโคมคำ (เชียงแสน) จากคำบอกเล่าของคนที่เฝ้าสถานที่ หากวันดีคืนดีก็จะมีลำแสงพวยพุ่งส่องสว่างขึ้นมาก้นบ่อใต้น้ำ ส่องประกายไปทั่วป่าชะโนด เป็นที่น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก จนเป็นที่กล่าวขานและพูดกันต่อๆมา

วังนาคินทร์คำชะโนด ตั้งอยู่ห่างจากอำเภอบ้านดุงไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือราว 17 กิโลเมตร การเดินทางไปเที่ยวที่วังนาคินทร์คำชะโนด จะใช้ทางเดียวกันกับทางไปบ้านเชียง แต่เมื่อผ่านอำเภอหนองหานประมาณ 4-5 กิโลเมตร ก็จะถึงปากทางสามแยกซ้ายมือที่เรียกว่า สามแยกปากทางหนองเม็ก คือทางเข้าไปยังอำเภอบ้านดุงนั่นเอง เมื่อไปถึงอำเภอบ้านดุงจะมีทางหลวงหมายเลข2396 แล้วแยกขวามือเข้าไปสู่คำชะโนดประมาณ 17 กอโลเมตร แหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของจังหวัดอุดรธานีที่เต็มไปด้วยเรื่องราวที่น่าพิศวงมหัศจรรย์น่าสนใจยิ่ง

มีเรื่องประหลาดที่เป็นที่กล่าวขานกันมากคือ วันหนึ่ง มีชายสองคนเดินทางไปว่าจ้างคณะหนังเร่ที่ในเมืองอุดรธานีให้ไปฉายที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ในอำเภอบ้านดุง ในขณะที่เดินทางเข้าไปในหมู่บ้านซึ่งมีผู้นำทางไปนั้นก็เป็นเวลาเย็นพอดี ครั้นพอค่ำมืดลงก็เตรียมอุปกรณ์เครื่องฉายหนัง ก็มีชาวบ้านนุ่งชุดขาวทยอยกันเข้ามาดูหนังค่อนข้างจะเป็นระเบียบ โดยไม่ยอมพูดคุยกัน พวกเขาพากันนั่งดูหนัง (ภาพยนต์) ทั้งคืน ครั้นพอเวลาจวนสว่าง ผู้คนต่างล้มตัวลงนอนหายไปทีละคนสองคนจนหมด กว่าคณะหนังเร่จะรู้ตัวก็ปรากฏว่าเขากำลังฉายหนังอยู่กลางป่าคำชะโนดที่วังนาคินทร์ ทุกคนต่างก็ตกใจพากันวิ่งหนีกระเจิง กว่าจะมีผู้คนมาพบและพากันเก็บข้าวเก็บของอุปกรณ์เครื่องฉายหนังเสร็จก็ทำเอาขวัญหนีกันหมด พวกเขาพูดได้อย่างเดียวว่าถูกผีหลอก

เรื่องราวดังกล่าวได้รับคำยืนยันจากผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์คณะหนังเร่ และเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อ 10 กว่าปีที่ผ่านมานี้เอง ปัจจุบัน คำชะโนดเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ที่มีนักท่องเที่ยวแห่งใหม่ที่มีนักท่องเที่ยวจากถิ่นอื่นสนใจเดินทางไปแทบทุกวัน

เมืองอุดรธานี แม้จะมีแหล่งท่องเที่ยวไม่มาก แต่แหล่งท่องเที่ยวแต่ละแห่งก็ล้วนน่าชม และเป็นที่น่าสนใจอย่างมากเลยทีเดียว
 
 

โดย: P_ปรัชญา วันที่: 13 สิงหาคม 2548 เวลา:22:22:02 น.  

 
 
 
ข้อมูลจาก...ประเพณีไทยดอทคอม
-------------------------------------------
//www.prapayneethai.com/th/rite/north_east/view.asp?id=0537
------------------------------------------
ชื่อ เจ้าปู่ศรีสุทโธ คำชะโนด
ภาค ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
จังหวัด อุดรธานี


เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่เคารพยำเกรงและศรัทธาของคนในจังหวัดอุดรธานี และอีสานตอนบน
คำชะโนดตั้งอยู่ที่ตำบลวังทอง มีรอยต่อกับตำบลบ้านม่วง ตำบลบ้านจันทร์ อำเภอบ้านดุง
คำชะโนดในภาษาถิ่น คำ คือ ที่ที่มีน้ำซับไม่เคยเหือดแห้ง ชะโนด ต้นไม้ที่มีลักษณะประหลาด ประสมกันระหว่างต้นตาล และต้นมะพร้าว ชะโนดเป็นภาษาเขมร (โตนด = ต้นตาล) ชะโนดเป็นปาล์มชนิดหนึ่งไม่มีหนาม

ลักษณะความเชื่อ
เป็นความเชื่อที่ว่า คำชะโนดเป็นสถานที่ขึ้นลงระหว่างมนุษยพิภพกับนาคพิภพ ของพญาสุทโธนาคราช ผู้สร้างแม่น้ำโขงและเป็นเจ้าของปลาบึก ตรงกลางคำชะโนดจะมีบ่อน้ำที่ลึกมาก ผู้เฒ่าผู้แก่บ้านดุงเล่าว่าไม้ไผ่ ๖ ลำ ต่อกันก็หยั่งไม่ถึง และน้ำในบ่อไม่เคยแห้งเลย เชื่อกันว่าบ่อน้ำคำชะโนด ทะลุไปถึงแม่น้ำโขงได้
พญาสุทโธนาคราช หากประสงค์จะขึ้นมาบนมนุษยพิภพก็จะต้องมาขึ้นที่คำชะโนดเพียงแห่งเดียว บ่อน้ำนี้เป็นบ่อของพญานาคสุทโธจึงเป็นบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ใช้ดื่มกินรักษาโรคได้ เมื่อพญานาคสุทโธนาคขึ้นมาบนมนุษยพิภพก็จะเป็นมนุษย์และมีชื่อเรียกว่าเจ้าปู่ศรีสุทโธ
คำชะโนดมีพื้นที่ ๕๐ ไร่ มีบ่อน้ำอยู่กว้าง ๕ เมตร ยาว ๕ เมตร ก่อขอบปูนสูง ๖๐ เซนติเมตร ใกล้กับบ่อน้ำจะมีศาลเจ้าปู่ศรีสุทโธตั้งอยู่ ๒ ศาล เพื่อให้คนที่ไปคำชะโนดได้กราบไหว้บูชา และบนบานศาลกล่าวต่าง ๆ หากบนแล้วต้องแก้บน ถ้าไม่แก้บนจะเกิดเภทภัยร้ายแก่ผู้บนได้ความศักดิ์สิทธ์ของน้ำที่บ่อคำชะโนดนี้ถือเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ของจังหวัดอุดรธานี ได้นำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายในงานพระราชพิธีมงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๕ รอบ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๐
ผู้เฒ่าผู้แก่บ้านดุง เล่าว่าใครอยากจะดูปลา ดูเต่า ดูจระเข้ ไปขอเจ้าปู่ศรีสุทโธดูได้ที่วังคางฮูง เมื่อไหว้ขอดูแล้ว ประมาณ ๒ - ๓ นาที ก็จะเห็นสัตว์เหล่านี้โผล่มาให้ดู
ผู้ไม่มีอาหารจะกินจะขออาหาร กุ้ง ปู ปลา จากเจ้าปู่ก็ได้ แต่ต้องรักษาสัญญา ขอเท่าใดให้เอาไปเท่านั้น ขอเท่าที่จำเป็นหากโลภมากเอาเกินกว่าขอ เจ้าปู่จะลงโทษจะไม่ได้อะไรเลย
ในช่วงเดือนอ้าย เดือนห้า ห้ามถือผ้าสีแดงผ่านคำชะโนด เพราะจะเกิดฝนขึ้นอย่างกะทันหัน พัดกระหน่ำจนผู้ถือผ้าแดงบาดเจ็บได้ ถึงงานบุญเทศน์มหาชาติ (บุญผะเหวด) เดือน ๔ ถ้าผู้ใดได้พบชายหญิงเอาผ้าแดงพันศีรษะเข้ามาเที่ยวงานบุญผะเหวด จะต้องสร้างผาม (เพิงพัก) ไว้ให้คนเหล่านั้นพัก หากคนโพกผ้าแดงจะไปพักที่บ้านผู้ใดก็ตามจะต้องจัดให้พักในยุ้งข้าว และหากระด้งให้นอน ตกดึกมีผู้แอบไปดูก็พบว่าเป็นงูใหญ่นอนขนดตัวอยู่ในกระด้ง
มีเรื่องเล่าสืบกันมาว่า เคยมีผู้หญิง ๒ คนมาขอยืมเครื่องทอผ้าชาวบ้านวังทอง และขอค้างคืนที่บ้านด้วย โดยบอกว่า อย่าเปิดประตูเข้าไปโดยพลการ ถ้าเจ้าของบ้านเปิดประตูเข้าไปก็พบงูนอนอยู่ ๒ ตัว
บางครั้งมีถังตกบ่อน้ำ (น้ำส้าง) ในหมู่บ้านแต่ไปพบถังน้ำนั้นในบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่คำชะโนด
มีความเชื่อมากมายในเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ของคำชะโนด และเจ้าปู่ศรีสุทโธ เช่น ในกรณีเปรตกู้ ที่หลอกลวงชาวบ้านมาเป็นเวลานานไปเอาคำชะโนดเป็นสถานที่หลอกลวงชาวบ้านอีก จึงถูกจับได้ และเรื่องราวการหลอกลวงก็ถูกเปิดเผย จนถูกจับได้ไปฟ้องศาล และตัดสินให้จำคุก

ความสำคัญ
คำชะโนดมีความสำคัญในหลายด้าน
๑. เป็นความเชื่อของท้องถิ่นในเรื่องนาค เป็นสัตว์ในเทพนิยาย
๒. ความเชื่อในจิตวิญญาณ อำนาจลึกลับ ไสยเวท อันเป็นความเชื่อดั้งเดิม ของชุมชนไท - ลาว แม้ว่าจะรับนับถือพุทธศาสนาแล้วก็ตาม
๓. ความศักดิ์สิทธิ์ของคำชะโนด สามารถสร้างระบบจริยธรรมขึ้นมาควบคุมความประพฤติของชุมชน ที่อยู่ในละแวกนั้น และผู้เข้าไปเยี่ยมชมได้เช่น ไม่สวมรองเท้าเดินเข้าไปในบริเวณคำชะโนดจะต้องถอดร้องเท้าไว้ที่สะพานทางเข้า
๓.๑ เมื่อเดินเข้าไปในบริเวณคำชะโนด ก่อนอื่นทุกคนจะสำรวมกิริยาอาการ และไปไหว้พระพุทธรูปที่ศาลหลังแรก และไหว้เจ้าปู่ศรีสุทโธก่อน
๓.๒ เมื่อเข้าไปในบริเวณคำชะโนดแล้ว ไม่กล้าพูดจาหยาบคายคึกคะนอง หรือส่งเสียงเอะอะ อึกทึก ด้วยกลัวจะได้รับอันตราย
๓.๓ ไม่กล้าเด็ดใบไม้ เก็บต้นไม้พืชพรรณและสัตว์ใด ๆ ในคำชะโนด
๓.๔ การใช้น้ำในบ่อ ไม่ว่าจะเพื่อดื่มกินหรือนำกลับไปเพื่อความเป็นสิริมงคลจะกระทำด้วยความเคารพยำเกรง ค่อย ๆ ตัก และตักแต่พอประมาณ ไม่กล้าทำความสกปรกเลอะเทอะบริเวณบ่อน้ำ
๓.๕ การเดินชมรอบ ๆ คำชะโนดจะเดินอย่างสำรวมอากัปกิริยา คำชะโนดมีความสำคัญในคติความเชื่อของท้องถิ่นและคำชะโนดเป็นป่าพรุน้ำจืดขนาดใหญ่แห่งเดียวในภาคอีสาน การที่คำชะโนดศักดิ์สิทธิ์ น่ายำเกรง ทำให้ระบบนิเวศของคำชะโนดไม่ถูกทำลาย สามารถที่จะเป็นแหล่งธรรมชาติให้ศึกษา ซึ่งภาพในป่าพรุน้ำจืด และคำชะโนดจะสามารถเป็นแหล่งน้ำบริโภค และอุปโภคของชุมชนละแวกนั้นได้เป็นอย่างดีในอนาคต เมื่อรอบ ๆ คำชะโนดไม่ไกลเกิน ๑๕ กิโลเมตร เป็นแหล่งทำเกลือสินเธาว์ที่ใหญ่ที่สุดของอุดร

พิธีกรรม
จะมีพิธีเลี้ยงเจ้าปู่ศรีสุทโธทุกปี และจัดเป็นงานใหญ่มีทั้งพิธีเลี้ยงของชาวบ้านจะเลี้ยงในวันพุธ ก็จะจัดเครื่องเลี้ยงไปเลี้ยงที่ศาลเจ้าปู่ และหากผู้ใดที่บนบานเจ้าปู่ไว้ยังไม่ได้แก้บนก็จะถือโอกาสแก้บนไปพร้อมกับการเลี้ยงก็ได้ จะแต่งเครื่องตามที่บนบานไว้มาเลี้ยงร่วม
อีกพิธีเลี้ยง คือทางอำเภอจะเลี้ยงเจ้าปู่ปีละ ๒ ครั้ง
จัดเป็นพิธีใหญ่
๑. เลี้ยงในวันที่ ๑๓ เมษายน ของทุกปี
๒. เลี้ยงในวันที่ ๑ มกราคม ของทุกปี
กระทำพิธีในตอนเช้า
เครื่องเลี้ยงประกอบด้วย
หัวหมู ๑ คู่
เป็ด ๑ คู่
ไก่ ๑ คู่
แป๊ะซะปลา ๑ คู่
เหล้า ๒ ขวด
น้ำเขียว น้ำดำ น้ำแดง เหลือง แดง ขาว อย่างละคู่ (จะจัดน้ำอัดลม สีขาวใช้นม)
ผลไม้ ๙ อย่าง จะเป็นอะไรก็ได้
ขัน ๕ ขัน ๘
พาข้าวทิพ ๒ พา (สำหรับข้าวทิพ หรือขันข้าวทิพ)
ประกอบด้วย
ข้าวต้มโรยด้วยงาสุก ถั่วคั่ว น้ำผึ้ง สำหรับละ ๙ อย่าง
นายอำเภอบ้านดุงเป็นประธานในพิธีเลี้ยง มีดนตรี แคน ซึง กลอง ประกอบ เครื่องเลี้ยงจะจัดตั้งหน้าศาลเจ้าปู่ ในฤดูกาลเข้าพรรษาจะต้องจัดผ้าขาวไปห่มให้เจ้าปู่ ในวันเข้าพรรษา ถือว่าเจ้าปู่ถือศีลบวชต้องนุ่งขาวห่มขาว เมื่อออกพรรษาจะเปลี่ยนผ้าห่มให้เจ้าปู่เป็นผ้าแดง


 
 

โดย: P_ปรัชญา วันที่: 13 สิงหาคม 2548 เวลา:22:27:15 น.  

 
 
 
ตัดมาแป่ะ เป็นข่าวเก่าที่เคยลงพิมพ์ นสพ.ไทยรัฐ
//www.bongkoch.com/magazine/other/chanos.html

เรื่องผีเปรต"คำชะโนดเมืองบาดาลเหนือน้ำ"
โดย เสก สายสิญจน์



"คำชะโนด" กลายเป็นข่าวดังชนิดพาดหัวหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ไทยรัฐติดต่อกันมาเป็นเวลา หลายวันแล้ว ด้วยเรื่องผีเปรต เรื่องมีอยู่ว่า ผอ.นาย แพทย์นักทอล์คโชว์ชื่อดังท่านหนึ่ง ซึ่งสนใจในเรื่องจิตวิญญาณ ได้เล่า ถึงเรื่องผีเปรต เทพารักษ์ และการ บิณฑบาตรจากรุกขเทวาที่ "คำ ชะโนด" โดยมีการถ่ายทำวิดีโอไว้ เป็นหลักฐานเห็นกันจะๆ ด้วย เท่านั้นยังไม่พอ พระดัง คือพระพยอม กัลยาโณ แห่งวัด สวนแก้ว ก็ยังนำมาเทศน์เสริมถึง เรื่องนี้ แม้ท่านจะพูดทำนองแบ่งรับ แบ่งสู้ไม่ยืนยัน แต่ถึงไม่เชื่อก็ไม่ควร ลบหลู่ ทว่าคนไทยจำนวนไม่น้อย ค่อนข้างจะอ่อนไหวกับเรื่องภูติผีปิ ศาจ หลายคนจึงสนใจมาก ส่วนบาง คนนั้นแค่ได้ฟังเรื่องราวจากคนดังๆ ทั้งนั้น ก็เชื่อเข้าไปกว่าครึ่งค่อน ทีนี้ก็กลายเป็นเรื่อง เกรียวกราวซีครับมีประกาศว่า จะมีการนำ เทปวิดีโอเรื่องผีเปรตดังกล่าวมา ออกอากาศแพร่ภาพในวันวิสาขบูชา ด้วย ก็ยิ่งเพิ่มความสนใจแก่ผู้ที่ได้ ยินเป็นทวีคูณ และตั้งตาตั้งใจคอยดู แต่ข่าวสารสมัยนี้ สื่อ ต่างๆ แย่งกันเสนอ ใครทำได้เร็วที่ สุด ยิ่งได้รับความนิยม ดังนั้นก่อน จะถึงวันวิสาขบูชาเพียงไม่กี่วัน ไอทีวี ทีวีเสรีก็คว้าเทปผีเปรตมาออก อากาศได้ก่อน สร้างความฮือฮาแก่ ผู้ชมอย่างยิ่ง



เท่าที่ดูจากวิดีโอ ภาพที่ เห็นไม่ค่อยชัดนัก เป็นภาพคนธรรม ดานี่เองสวมชุดดำ เห็นลางๆ ยืนอยู่ ใต้ต้นไม้ใหญ่ ซึ่งเขาบอกว่าเป็น เทพารักษ์หรือรุกขเทวดานี่แหละ แล้วก็มีร่างดำทมึนสูงโย่งเย่ง ซึ่งมี การบรรยายว่าเป็นเปรต มีเสียงร้อง หรือพูดก้ำกึงกันด้วยภาษาแปลกๆ ด้วย ภาพเปรตนั้น นอกจาก ความสูงซึ่งรู้ๆ กันอยู่ว่า เปรตต้อง สูงแล้ว ก็ไม่เห็นมีอะไรจะน่ากลัว รูปปั้นเปรตหลวงพ่อขอมที่วัดไผ่โรงวัวยังน่ากลัวเสียกว่า ได้มีการพยายามพิสูจน์ ว่าเป็นเรื่องแหกตาหรือเปล่า โดย การเชิญผู้เชี่ยวชาญในการถ่ายภาพ มาดู และใช้กล้องทันสมัยที่สุด จำลองภาพขยายภาพ ในที่สุดก็ลงความเห็นว่า น่าจะเป็นการต้มตุ๋นระดับประเทศ มากกว่า อีกทั้งเมื่อสืบสาวประวัติ ตัวตั้งตั้วตีคนหนึ่งคือพระ ไม่โกน คิ้วซึ่งรู้จักกันในนาม "พระกู้"



และ หน้าม้าชื่อยาวเหยียดที่ตั้งตนเป็นนัก จิตวิญญาณ แต่เปลี่ยนชื่อตัวเองตั้ง 3 ครั้ง ราวกับต้องการปกปิดอะไร สักอย่างจนไม่น่าเชื่อถือแล้ว เรื่องนี้ ก็ทำท่าจะเป็นเรื่องตุ๋นระดับประเทศ เช่นเดียวกับเรื่องช้างน้ำตัวเท่าฝ่ามือ และลูกมัคคลีผลซึ่งฮือฮากันเมื่อ 3-4 ปีก่อน เนื่องจากข่าวเน้นเรื่องผี เปรต บอกแต่ว่าถ่ายทำที่เมือง "คำชะโนด" จึงมีคนสงสัยว่า "คำ ชะโนด" คืออะไร อยู่ที่ไหน อยากรู้ เรื่องของสถานที่นี้ บังเอิญผมเคยไป "คำชะโนด" แห่งนี้มาเมื่อไม่นานนี้ เอง จึงคิดว่าน่าจะนำมาเล่าสู่กันฟัง "คำชะโนด" มีตำนาน สลับซับซ้อนว่าเป็นเมืองพญานาค ดังนั้นจึงเกี่ยวพันกับเรื่องพญานาค และคงเป็นเพราะบรรยากาศของ คำชะโนดดูลึกลับ จึงเหมาะอย่างยิ่ง ที่จะสร้างเรื่องผี "มนุสโสสิ" พระกรรม วาจาจารย์จะถามผู้ขอบวช มีความ หมายว่า "เป็นมนุษย์ใช่ไหม" ทั้งนี้ เพื่อป้องกันผู้ที่ไม่ใช่มนุษย์ ซึ่งในที่ นี่น่าจะหมายถึงนาคแปลงร่างมาขอ บวช พิธีการนี้ทำให้เห็นว่า ความเชื่อเกี่ยวกับพญานาคสามารถ แปลงร่างเป็นมนุษย์มีมานานแล้ว แม้ความเชื่อดังกล่าวจะฟังดูเหมือน ตำนานหรือนิยายปรำปราที่เล่าสืบ ทอดต่อๆ กันมา ทว่าผู้คนแถบเมือง ตามลำแม่น้ำโขงจำนวนไม่น้อย เชื่อ ว่าเรื่องพญานาคเป็นเรื่องจริง และ แม่น้ำโขงคือลำน้ำของพญานาค ทุกปีในวันออกพรรษา ของไทยและลาว ซึ่งเหลื่อมกันอยู่ วันหนึ่ง จะมีประชาชนสองฝั่งโขง พากันมาเฝ้าดูลูกไฟประหลาดที่ลอย ขึ้นจากลำน้ำโขง และเรียกบ้องไฟ พญานาค ฟังแล้วเหลือเชื่อ แต่เป็น ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นทุกปี มีคน เห็นนับแสน ตั้งแต่ชาวไร่ชาวนา ตาสีตาสาไปจนถึงปัญญาชนคนมี ความรู้ นักเรียนนอก คุณกำพล เมืองโคตร ผู้จัดการโรงแรมหนองคายแกรนด์ โรงแรมทันสมัยระดับ 5 ดาว ของ จังหวัดหนองคาย บอกกับผู้เขียนว่า เห็นมากับตา เมื่อผู้เขียนซักถามว่า ตามความรู้สึกส่วนตัวคิดว่าเป็น อะไร คุณกำพลส่ายหน้า บอกว่าไม่ ทราบจริงๆ น่าจะนับได้ว่าเป็นปรา-กฏการณ์เหนือธรรมชาติ ส่วนที่ สันนิษฐานกันว่าน่าจะเกิดจากแก๊ส ธรรมชาติก้นแม่น้ำนั้น ฟังเป็นวิชา การดี แต่ก็ตอบปัญหาที่ว่า ทำไม จำเพาะมาเกิดขึ้นตอนวันออกพรรษา ไม่ได้ โรงแรมหนองคาย แกรนด์ของคุณกำพล ตั้งขึ้นเพื่อรอง รับการท่องเที่ยวบูม เนื่องจากการ เปิดสะพานมิตรภาพไทย-ลาว ใช้ พญานาคเป็นโลโก้ มีไม้แกะสลักรูป พญานาคตั้งตระหง่านตั้งแต่ทางเข้า ล็อบบี้โรงแรมและอีกหลายจุด ส่วน ข้าวของเครื่องใช้ไม่ว่าซอง กระดาษ เขียนจดหมาย เมนู ล้วนโลโก้พญานาคทั้งสิ้น ส่วนวังพญานาคนั้น โจษ ขานกันมานานแล้วว่า อยู่ที่เมือง ชะโนด จังหวัดอุดรฯ ทว่าเนื่องจาก เมืองดังกล่าวค่อนข้างจะอยู่ห่างไกล จากตัวเมือง และถนนหนทางไม่สู้ ดีนัก จึงยังไม่แพร่หลาย รู้กันเฉพาะ คนแถวถิ่นนั้นเท่านั้น จนกระทั่ง เมื่อคราวที่จัด งานพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระ- ชนพรรษา 5 รอบของพระบาทสม- เด็จพระเจ้าอยู่หัว ท้องสนามหลวง เมื่อวันเสาร์ที่ 5 ธันวาคม 2530 น้ำ จากบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ "คำชะโนด" ได้รับเลือกไปร่วมงานพระราชพิธี ดังกล่าว จึงมีผู้สนใจเมืองชะโนด หรือคำชะโนดมากขึ้น ในโอกาสที่ บ.ซันมูนทัวร์ และททท.ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร่วมกันสำรวจแหล่งท่องเที่ยวอีสาน ผู้เขียนร่วมเดินทางไปด้วย และได้ รับฟังคำบรรยายจากรองผู้ว่าจังหวัด อุดรฯ นายสันติ เกรียงไกรสุข ถึงเรื่องเมือง "ชะโนด" พร้อมอ้าง อิงหลักฐาน และประจักษ์พยาน บุคคล น่าสนใจและน่าเชื่อถือมาก จึงขอนำเสนอต่อท่านผู้อ่านตาม ลำดับ ท่านรองผู้ว่าฯ สันติ เคย เป็นนายอำเภอบ้านดุง ซึ่งเป็นที่ตั้ง ของเมืองชะโนดมาก่อน ท่านบอก ว่าคุ้นกับเมืองชะโนดมาก แต่พูดถึง ทีไรก็ยังขนลุก ท่านเล่าว่า เมืองชะโนด มีลักษณะเหมือนเกาะ มีต้นชะโนด ขึ้นเบียดเสียดเยียดยัดจนร่มครึ้ม ตลอดวัน แสงแดดแทบจะส่องไม่ ถึงพื้น มีเนื้อที่ราวๆ 20 ไร่เศษๆ แผ่นดินรอบๆ เมืองชะโนดเป็นที่ ราบลุ่มมีลักษณะเหมือนพรุ ชุ่มน้ำ อยู่ทุกตารางนิ้ว ที่น่าแปลกก็คือ เมื่อ ถึงหน้าน้ำ น้ำจะท่วมโดยรอบ แต่ เมืองชะโนดดูเหมือนจะลอยขึ้น พื้น ที่ในบริเวณเมืองชะโนดน้ำไม่ท่วม พอน้ำลดก็ลงตาม เรื่องเมืองชะโนดขึ้นลง ตามน้ำนี้ ถามกี่คนๆ ก็ยืนยันว่าเป็น เรื่องจริง ตามตำนานเล่าขานกัน ว่า เจ้าพญาศรีสุทโธ ซึ่งเป็นพญา-นาคครอบครองเมืองนี้ มีเพื่อนเป็น พญานาคเช่นกันชื่อสุวรรณนาค อาศัยอยู่ที่หนองกระแส เกิดทะเลาะ วิวาทกันเนื่องจากความเข้าใจผิด จน ทำสงคราม พลอยให้บรรดาสัตว์ น้อยใหญ่ล้มตาย ได้รับความเดือด ร้อนไปด้วย ร้อนถึงพระอินทร์ต้อง ลงมาตัดสินคดีความ ให้พญานาคทั้ง สองสร้างแม่น้ำแข่งกัน ถ้าแม่น้ำ ของใครถึงทะเลก่อน ก็จะให้มีปลา บึกอยู่ในแม่น้ำสายนั้น พญาสุวรรณนาคสร้าง แม่น้ำน่าน ส่วนสุทโธสร้างแม่น้ำ โขงและเสร็จก่อน จึงมีปลาบึกใน แม่น้ำโขงเพียงแห่งเดียว ด้วยเหตุที่ผู้สร้างแม่น้ำ ทั้งสองไม่กินเส้นกัน คนแก่คนเฒ่า จึงเชื่อว่า ถ้าเอาน้ำจากแม่น้ำที่ทั้ง สองสร้าง คือแม่น้ำน่านกับแม่น้ำ โขงมาใส่รวมขวดเดียวกัน ขวดจะ แตก หน้าเมืองชะโนด มีวัดอยู่ วัดหนึ่งชื่อวัดศิริสุทโธตามชื่อพญา นาค วัดนี้มีหลวงปู่คำตาเป็นสงฆ์ที่ ได้รับความเคารพนับถืออย่างสูงจาก ชาวบ้านเป็นเจ้าอาวาส หลวงปู่คำตาเมื่อตอน หนุ่มๆ เป็นฆราวาส รูปร่างหน้าตา ดี มีเรื่องเล่าว่าจู่ๆ ท่านก็หายไป 7 วัน แล้วกลับมาใหม่ เล่าให้ใครต่อ ใครฟังว่า ถูกพาไปประกวดชายงาม ที่เมืองพญานาค หลังจากนั้นไม่นาน ท่านก็บวช โดยไม่สึกจนมรณภาพ ตามประวัติศาสตร์ บ่อน้ำ ศักดิสิทธิ์เมืองพญานาคนี้ รู้จักกันมา นานแล้ว มีบันทึกไว้ว่าเมื่อประมาณ พ.ศ. 2472 พระยาพหลพยุหเสนา ได้ออกตรวจราชการมณฑลอุดร และพระยาตรังค์ภูมาภิบาลข้าหลวง เทศาภิบาลผู้สำเร็จราชการมณฑล อุดร ได้นำท่านและคณะไปสักการะ บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์นี้ มีพิธียิงปืน 9 นัด เป็นการคารวะด้วย ทว่าพิธียิงปืนนี้ ภายหลังยกเลิกไป นัยว่าหลวงปู่มา เข้าทรงบอกว่าไม่ชอบ เหตุการณ์ที่กล่าวขาน กราวเกรียวที่สุดเกี่ยวกับคำชะโนด เมืองศักดิ์สิทธิ์ หรือนครพญานาค เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 29 ม.ค. 2531 มี ชายคนหนึ่งมาติดต่อบริษัทแจ่มจันทร์ซึ่งเป็นบริษัทหนังเร่ จ้างให้ เอาหนังไปฉายที่บ้านวังทอง อ.บ้าน ดุง ซึ่งอยู่ห่างจากตัวจังหวัดอุดรร้อย กม. วางมัดจำไว้เป็นเงินสี่พันบาท โดยมีข้อแม้ว่า ฉายถึงตี 4 แล้วรีบ เก็บจอเลิกได้เลย อย่าอยู่ถึงสว่าง แม้จะเป็นเงื่อนไขที่ค่อน ข้างจะแปลกอยู่สักหน่อย แต่นาย ธงชัย แสงไชย ผู้จัดการบริษัทแจ่ม จันทร์ก็ไม่ติดใจอะไร ได้ให้ลูกน้อง 7 คน เอารถไปฉายหนังดังกล่าว วันรุ่นขึ้นพวกคนงาน ของบริษัทหนังเร่แจ่มจันทร์ เดิน ทางกลับมา และเล่าเรื่องประหลาด ให้นายธงชัยฟังว่า เมื่อคืนนี้ถูกพาไป ฉายหนังให้ผีดู เพราะตลอดเวลาที่ ฉาย คนดูไม่มีการส่งเสียงเอะอะ หรือเดินพลุกพล่าน เท่าที่มองเห็น นั้น มีคนดูไม่น้อยเลย แต่แปลกที่ ผู้หญิงดูเหมือนจะนุ่งขาวห่มขาว หมด ส่วนผู้ชายก็นุ่มดำห่มดำ และ นั่งแยกกันคนละฟาก ไม่มีใครมาออกร้านหรือ เอาของมาขายในบริเวณที่ฉายหนัง เหมือนอย่างทุกครั้ง แม้แต่บุหรี่ก็ไม่ มีขาย พอถึงตี 4 คนดูหายไปหมด อย่างเงียบเชียบ ไม่รู้ว่าหายไปไหน จึงรีบเก็บจอและเดินทางกลับ พอ เจอร้านขายบุหรี่ก็แวะเข้าไปซื้อ คน ขายถามว่าไปฉายหนังที่ไหน เมื่อ บอกว่าฉายในหมู่บ้านวังทอง คน ขายบุหรี่รวมทั้งชาวบ้านวังทองบาง คนซึ่งมาซื้อของที่ร้าน ก็ยืนยันว่า เมื่อคืนนี้ไม่มีการฉายหนังที่ในหมู่ บ้านเลย ก็เลยไม่รู้ว่า ไปฉายหนัง ที่ไหนกันแน่ นายธงชัยผู้จัดการซัก ถามลูกน้องทั้ง 7 คนที่ไปกับรถฉาย หนัง ทั้งเจ็ดได้เล่าเรื่องตรงกัน และ มองไม่เห็นเหตุผลว่าจะโกหกทำไม เพราะค่าฉายหนังก็ได้มาครบ แต่ไม่ อาจบอกสถานที่ฉายให้แน่นอนได้ เนื่องจากเมื่อไปถึงก็มืดสนิทแล้ว และเก็บจอกลับตอนตี 4 ยังไม่สว่าง ด้วยความสงสัย นาย ธงชัย แสงไชย จึงเดินทางไปตรวจ ดูแถวหมู่บ้านวังทอง และพบว่ามี รอยรถแล่นไปยังบริเวณเมืองคำชะโนด ซึ่งนับถือกันว่าเป็นเมือง ศักดิ์สิทธิ์ เมืองของพญานาคที่น่า แปลกใจก็คือ ไม่รู้ว่ารถแล่นเข้า ไปได้อย่างไร เพราะบริเวณนั้นมี ลักษณะเป็นพรุ น้ำเจิ่งซุ่มอยู่ชั่วนา ตาปี แม้แต่คนเดินก็จะจมลงไปครึ่ง หน้าแข้ง แต่รถ 6 ล้อพร้อมอุปกรณ์ ฉายหนังแล่นเข้าไปได้ นายธงชัยได้ไปนมัสการ หลวงปู่คำตา ซึ่งตอนนั้นยังไม่มรณ ภาพ เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง หลวง ปู่บอกว่าท่านเองก็หายไปบริเวณนั้น พ่อแม่ค้นหาอยู่ 7 วันจึงพบว่านอน หลับอยู่แถวๆ นั้นเอง ท่านบอกว่า มีความรู้สึกเหมือนได้เดินทางไปยัง เมืองลึกลับที่อยู่ใต้ดิน ท่านเชื่อว่าบริเวณดง ชะโนดต้องกลายเป็นเมืองเก่า และ มีวิญญาณสิงสู่อยู่ในดงคำชะโนด และอาจเป็นได้ที่เขามีงานฉลองกัน บรรดาวิญญาณเหล่านั้นจึงไปจ้างหนัง มาฉาย แต่ได้พรางตาให้คนฉายหนัง มีความรู้สึกเหมือนฉายให้คนดู เรื่องนี้เล่าลือเกรียวกราว มาก และหนังสือพิมพ์ไทยรัฐฉบับ วันศุกร์ที่ 4 ตุลาคม 2534 ได้นำ ไปลงในคอลัมน์มิติที่ 5 สัมผัสที่ 6 ยิ่งทำให้แพร่หลายไปใหญ่ และมี ประชาชนไปเยือนเมืองคำชะโนด มากขึ้นๆ จนบัดนี้ "คำชะโนด" กลายเป็นจุดขายที่สำคัญสำหรับการ ท่องเที่ยวอุดรไปเสียแล้ว ได้ทราบ ว่า วันหยุดสุดสัปดาห์จะมีผู้คนหลั่ง ไหลไปนับพันๆ จนลานจอดรถกว้าง ใหญ่ดแคบไปถนัด วันที่ผู้เขียน และคณะเดิน ทางไปถึงนั้น ก็ปรากฏว่ามีคนไป เที่ยวจำนวนไม่น้อย เรามองเห็นดง "คำชะโนด" แต่ไกล ดูเหมือนจะลอยเด่น อยู่ท่ามกลางที่ราบลุ่มที่เจิ่งนองด้วย น้ำรอบด้าน ทุกคนรู้สึกตื่นเต้นและ ประทับใจกับภาพที่เห็นมาก "คำชะโนด" มีความ หมายดังนี้คือ คำ แปลว่าน้ำซับ ชะโนด หรือสะโนด เป็นชื่อต้นไม้ ดังนั้นคำชะโนดจึงมีความหมายว่า ดงต้นชะโนดนั่นเอง คำชะโนดหรือเมืองชะโนด เมืองศักดิ์สิทธิ์หรือนครพญา-นาคนี้ ตั้งอยู่ในท้องที่อำเภอบ้านดุง ซึ่งอยู่ระหว่างรอยต่อ 3 ตำบลคือ ตำบลบ้านม่วง ตำบลวังทองและ ตำบลบ้านจันทน์ ต้นชะโนด มีลักษณะ คล้ายต้นมะพร้าวผสมกับต้นหมาก และต้นตาล แต่ละต้นสูงลิ่วกว่า 30 ม. บ่งบอกถึงอายุนานนับร้อยปี ขึ้น เบียดเสียดกันแน่นพึบ จนแสงแดด แทบจะส่องไม่ลอด ทำให้ในดงเย็น ชื้นตลอดวัน ที่ออกจะแปลกก็คือ มีต้นชะโนดที่นี่แห่งเดียว ไม่เคยมี ใครพบในที่อื่นเลย ทางการได้ทำซุ้มประตู และทางเดินคอนกรีตไปยังดง ทำให้ เดินสะดวกขึ้น แต่ทุกคนจะต้อง ถอดรองเท้า พื้นที่ของดงชะโนดประ มาณ 20 กว่าไร่ มีร่องรอยว่าเคย เป็นเมืองโบราณมาก่อน ตรงกลาง ดงมีศาล 3 ศาล ทางด้านหนึ่งมีบ่อ น้ำขนาด 6X6 เมตรเห็นจะได้ นับ ถือกันว่าเป็นบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ มีน้ำ ตลอดปี บางคนเชื่อว่าเป็นปล่อง พญานาค อาจไปทะลุแม่น้ำโขงได้ มีคนเอาขวดไปกรอกน้ำ จากบ่อศักดิ์สิทธิ์นี้ ซึ่งจะต้องใช้ขวด พลาสติก ห้ามใช้ขวดแก้ว ในพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนพรรษา 5 รอบของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีการ นำน้ำจากบ่อศักดิ์สิทธิ์ทั่วประเทศไป ประกอบพิธี และน้ำจากบ่อเมือง คำชะโนดนี้เอง เป็นหนึ่งในจำนวน นั้น ทั้งหมดนี้ เป็นเรื่อง ของความเชื่อ แต่ไม่ว่าท่านจะ เชื่อหรือไม่ก็ตาม ผู้เขียนขอยืน ยันว่า "คำชะโนด" ไม่ใช่สถาน ที่ธรรมดา ท่านจะสัมผัสได้ทัน ที ด้วยความรู้สึกเมื่อได้เห็น
 
 

โดย: P_ปรัชญา วันที่: 13 สิงหาคม 2548 เวลา:23:26:27 น.  

 
 
 
ขอบคุณครับที่นำเรื่องราวและภาพมาให้ได้อ่านได้เห็นกัน
 
 

โดย: ไสยหรือวิทยวิถึ (ขามเรียง ) วันที่: 14 สิงหาคม 2548 เวลา:3:37:29 น.  

 
 
 
ดอกสารภี
 
 

โดย: 15 สิงหาคม 2548 IP: วันที่: 12:39:10 เวลา:202.28.25.183 น.  

 
 
 
คำชะโนดโจษขานแต่กาลก่อน
รำลึกย้อนยังจำคำกล่าวขาน
ต้นชะโนดโดดเด่นเน้นตำนาน
จะขออ่านให้อิ่มยิ้มพอใจ...

ขอบคุณค่ะ เรื่องราวที่น่าอ่าน
และภาพในวีดที่สวยงาม
อนุโมทนาด้วยค่ะ ที่ได้ไปทำบุญ...
 
 

โดย: ดอกสารภี IP: 202.28.25.183 วันที่: 15 สิงหาคม 2548 เวลา:12:45:05 น.  

 
 
 
เคยได้ยินแว่วๆ อยู่เหมือนกันค่ะ เคยดูจากรายการรายการนึงด้วย แต่จำไม่ได้แล้วว่าจากรายการอะไร
 
 

โดย: สายลมโชยเอื่อย วันที่: 15 สิงหาคม 2548 เวลา:15:11:07 น.  

 
 
 
สวยจังนะคะ

เหมือนเกาะในทะเลเลย

อยากไปเที่ยวบ้างจัง

อยากมีวันหยุดเยอะๆ
 
 

โดย: คุณป้ายังปิ๊ง วันที่: 15 สิงหาคม 2548 เวลา:15:40:11 น.  

 
 
 
โชคดีที่อ่านตอนกลางวันค่ะ


 
 

โดย: รสา รสา วันที่: 15 สิงหาคม 2548 เวลา:18:18:03 น.  

 
 
 
คุณรสา อยู่ต่างประเทศเป็นตอนกลางวัน
แต่ที่เมืองไทยมันมืดแล้วครับ

ขอบคุรทุกท่าน
ที่ให้เกียรติมาเยี่ยมชมครับ
 
 

โดย: P_ปรัชญา วันที่: 15 สิงหาคม 2548 เวลา:21:15:47 น.  

 
 
 


มาทักทายอีกคราวนะ
 
 

โดย: ศาลาไทย (salathai ) วันที่: 15 สิงหาคม 2548 เวลา:23:24:00 น.  

 
 
 
สวัสดีค่ะ

ยังไม่เคยได้ไปเที่ยวเลยสักครั้ง

เรื่องผีเปรตน่าจะมีนะ

ขอบคุณนะคะที่นำเรื่องราวต่างๆมาให้อ่านกัน

มีความสุขในวันนี้นะคะ
 
 

โดย: รักดี วันที่: 16 สิงหาคม 2548 เวลา:7:22:50 น.  

 
 
 
เรื่องราวน่าสนใจมากค่ะ

และขอบคุณค่ะ เดี๋ยวจะเข้าไปดูรูปค่ะ

เอ พี่เริ่ม ทำบ๊อกเองได้แล้วนี่คะ

ยินดีด้วยค่ะ เย่
 
 

โดย: โสมรัศมี วันที่: 16 สิงหาคม 2548 เวลา:11:25:58 น.  

 
 
 
พี่จะให้เปลี่ยนเพลงให้ กรุณาบอกได้เลยนะคะ สบายมากค่ะ
 
 

โดย: โสมรัศมี วันที่: 16 สิงหาคม 2548 เวลา:11:27:09 น.  

 
 
 
ฝากคุณโสม ดูแลด้วยครับ

ห้ามทิ้งกันไปนา
 
 

โดย: P_ปรัชญา วันที่: 16 สิงหาคม 2548 เวลา:13:21:41 น.  

 
 
 
อยากไปเที่ยวแถวอีสานสักครั้ง เพราะเราพูดลาวอีสานได้เด้อ
แต่ยังไม่เคยไปสักที ต้องหาโอกาส
 
 

โดย: เสียงซึง วันที่: 17 สิงหาคม 2548 เวลา:7:37:26 น.  

 
 
 
สวัสดีค่ะยินดีทีได้รู้จักค่ะตามมาขอบคุณที่แอดเป็นเพื่อนน่ะคะอิอิอิ
 
 

โดย: ซ่าส์ (oryzaja ) วันที่: 17 สิงหาคม 2548 เวลา:9:15:39 น.  

 
 
 
สวัสดี ครับ คุณ P_ปรัชญา
ตามมาอ่านครับ
 
 

โดย: ลำน้ำ C วันที่: 17 สิงหาคม 2548 เวลา:9:50:33 น.  

 
 
 
สวัสดีทุกท่านครับ
ขอบคุณที่ให้เกียรติแวะมาเยี่ยมชม
ผมทำห้องไม่ดีเลย
ไม่มีห้องรับแขก ขอต้อนรับ
ขอต้อนรับ เชิญทุกท่านตามสบายครับครับ
 
 

โดย: P_ปรัชญา วันที่: 17 สิงหาคม 2548 เวลา:9:53:28 น.  

 
 
 
,มาเยี่ยมคะ
 
 

โดย: สาวหน้าเข้ม วันที่: 17 สิงหาคม 2548 เวลา:17:02:29 น.  

 
 
 
สวัสดียามเย็นค่ะ^O^
 
 

โดย: ปักเป้า IP: 202.57.175.56 วันที่: 17 สิงหาคม 2548 เวลา:18:17:52 น.  

 
 
 

ไม่ค่อย ได้เที่ยว อีสานเลยค่ะ วันหลังต้องหาโอกาสไปบ้าง
 
 

โดย: ไม่ได้ตั้งใจโสด วันที่: 18 สิงหาคม 2548 เวลา:13:09:32 น.  

 
 
 
ค่ะ คุณพี่
 
 

โดย: แม่โสม (โสมรัศมี ) วันที่: 18 สิงหาคม 2548 เวลา:13:13:23 น.  

 
 
 
แวะมาเยี่ยมจ๊า บายดีปะ คิดถึงน๊า
 
 

โดย: กีวี่สีฟ้า วันที่: 18 สิงหาคม 2548 เวลา:13:15:34 น.  

 
 
 
เพิ่งรู้จักนะคะ ไอ้ต้นชะโนดเนี่ย แล้วไปเอาประวัติศาสตร์มาจากไหนเนี่ย เก่งจัง...
ไม่ค่อยได้มีโอกาสไปทางภาคอีสานเลยคะ ทั้ง ๆ ที่ชอบอาหารอีสานมาก ๆ ไปเที่ยวที่ไรก็ทะเลทุกที เพราะชอบนะคะ
ดีจังได้ไปเที่ยวโดยไม่ต้องเดินทาง...
 
 

โดย: Angel Tanya วันที่: 19 สิงหาคม 2548 เวลา:3:10:07 น.  

 
 
 
ไปถวายบั้งไฟที่จ.อุดรฯมาทุกปี แต่ก็มะเคยไป อ.บ้านดุงสักที

หลังวันเกิด เดือนนี้ก็จะไปอีก

ต้องลองไปนมัสการ ศาลหลักเมือง ศาลเจ้าปู่ศรีสุทโธ ดูบ้างแระค่ะ
 
 

โดย: stella@luna วันที่: 19 สิงหาคม 2548 เวลา:14:47:26 น.  

 
 
 
เป็นคนไทยแท้ ๆ
แต่เกิดมาเรายังไม่เคยไปเที่ยวแถบภาคอีสานเลย
 
 

โดย: กาปุ้ย วันที่: 19 สิงหาคม 2548 เวลา:22:16:17 น.  

 
 
 
ขอบคุณครับได้ความรู้เยอะมาก
 
 

โดย: นัด IP: 203.156.112.24 วันที่: 20 สิงหาคม 2548 เวลา:7:56:21 น.  

 
 
 
สวัสดีวันเสาร์ค่ะไม่รู้ว่าวันนี้เพื่อนๆทำงานกันไหมแต่เรามานั่งทำงานอยู่อ่ะคะอิอิ
 
 

โดย: ซ่าส์ (oryzaja ) วันที่: 20 สิงหาคม 2548 เวลา:9:10:28 น.  

 
 
 
แวะมาเยี่ยมค่ะ...ข้อมูลเพียบเลย...ถ้าจะไปเที่ยวอีสานเดี๋ยวจะมาเก็บข้อมูลอีกรอบค่ะ...
 
 

โดย: ว่าน วันที่: 20 สิงหาคม 2548 เวลา:15:02:53 น.  

 
 
 
น่าสนใจอ่ะค่ะ
 
 

โดย: คนขี้เหงาคนหนึ่ง วันที่: 20 สิงหาคม 2548 เวลา:17:25:17 น.  

 
 
 
สวัสดีค่ะ พี่ปรัช..
วันนี้เพิ่งจะได้มีเวลาออกทัวร์blog
แล้วจะกลับมาอ่านอีกค่ะ
 
 

โดย: แม่อบเชย วันที่: 20 สิงหาคม 2548 เวลา:19:10:43 น.  

 
 
 
แวะมาเยือนค่ะ ขออ่านแบบคร่าวๆก่อนนะคะ อย่างน้อยก็ได้ทราบตำนานแม่น้ำโขงกะแม่นำน่านค่ะ
 
 

โดย: หญ้าหนวดแมว วันที่: 21 สิงหาคม 2548 เวลา:6:24:19 น.  

 
 
 
au
 
 

โดย: 21 สิงหาคม 2548 IP: วันที่: 11:08:08 เวลา:203.209.126.165 น.  

 
 
 
อรุณสวัสดิ์ค่ะแวะมาทักทายค่ะ
 
 

โดย: oryzaja วันที่: 22 สิงหาคม 2548 เวลา:9:10:43 น.  

 
 
 
สวัสดีทุกท่านครับ ขอบคุณมากมายที่ให้เกียรติแวะมาทักทายกันครับ
 
 

โดย: P_ปรัชญา วันที่: 22 สิงหาคม 2548 เวลา:20:24:13 น.  

 
 
 


แวะมาเยี่ยมเยียนค่ะ
โห...เรื่องยาวจังคงต้องค่อย ๆ ไล่
อ่านวันละนิดแล้วค่ะ อิ อิ
 
 

โดย: ยี่หร่า@ วันที่: 22 สิงหาคม 2548 เวลา:22:53:19 น.  

 
 
 
แวะมาเยี่ยมบ้านน้องปรัชญา บ้านสวยค่ะ ขอบคุณที่ไปทักทายพี่นะคะ แล้วจะมาใหม่ค่ะ
 
 

โดย: sea angle วันที่: 23 สิงหาคม 2548 เวลา:0:30:45 น.  

 
 
 
ขอขอบคุณทุกท่านที่ให้เกียรติมาแวะ
เยี่ยมชมครับ
(มีหลายท่านที่อยู่ต่างประเทศเมลล์มาถามว่า...ปลาบึกที่อยู่ในนิทานปรำปรา
รูปร่างเป็นอย่างไร เลยขอนำภาพปลาบึกมาลงไว้ให้ชมครับ)








ตัวไม่เล็กเลยนะครับ เจ้าปลาบึก
 
 

โดย: P_ปรัชญา วันที่: 23 สิงหาคม 2548 เวลา:8:34:55 น.  

 
 
 
แวะมาดูปลาบึกค่ะ...ตัวโต๊..โต...นะค่ะ
 
 

โดย: ว่าน วันที่: 23 สิงหาคม 2548 เวลา:14:12:36 น.  

 
 
 

กินด้วยยยยยยย
 
 

โดย: a0p0radio IP: 61.90.82.189 วันที่: 23 สิงหาคม 2548 เวลา:14:27:58 น.  

 
 
 
ใกล้บ้านนะ

แต่ไม่เคยไปเลยค่ะ

อ่านแล้ว อยากไปจัง

 
 

โดย: แก้มยุ้ย IP: 61.19.222.33 วันที่: 23 สิงหาคม 2548 เวลา:15:07:25 น.  

 
 
 
สวัสดีค่ะ...พี่ปรัชญา...ห้องนั่งเล่นเป็นกระทู้ที่ไม่แสดงในหน้ารวมของห้องชายคาค่ะ...ว่างๆแวะไปนั่งเล่นดูนะค่ะ...พี่ปรัชญา...สงสัยเล่นหุ้นมากไปนะค่ะ...เลยสดุดกับคำว่าบักเม่า...แต่นู๋ก็ไม่รู้ว่า พี่บักเม่าไปเล่นห้องสินธรด้วยรึเปล่านะค่ะ...แหะ..แหะ..
 
 

โดย: ว่าน วันที่: 23 สิงหาคม 2548 เวลา:15:22:09 น.  

 
 
 


กินด้วยยยยยยย


โดย: a0p0radio

-----------------------------------------------------------------

จัดให้ครับ
 
 

โดย: P_ปรัชญา วันที่: 23 สิงหาคม 2548 เวลา:20:30:36 น.  

 
 
 
ผมว่าน่ากลัว มากกว่าน่ากิน ผมก็ไม่เคยกินครับ
 
 

โดย: P_ปรัชญา วันที่: 23 สิงหาคม 2548 เวลา:20:38:42 น.  

 
 
 
ยังไม่เคยไปที่อำเภอนี้ค่ะ

ป้าแจ๋วจะกลับมาอ่านอย่างละเอียดอีกทีหนึ่งนะคะ

ชอบเนื้อปลาบึกจังเลย นำมาทำลาบแบบอีสานอร่อยมากเลยค่ะ
 
 

โดย: ป้าแจ๋วแหวว วันที่: 23 สิงหาคม 2548 เวลา:21:18:24 น.  

 
 
 
ช่างสรรหาภาพจังนะคะ แดงฉานเชียว
 
 

โดย: sea angle วันที่: 24 สิงหาคม 2548 เวลา:0:11:47 น.  

 
 
 
ปลาบึก นี้คงจะเหมือนที่ทางเชียงของ เชียงราย ที่มีการจับในเดือนเมษานะคะ
 
 

โดย: ดอกสารภี IP: 203.151.140.116 วันที่: 24 สิงหาคม 2548 เวลา:6:46:37 น.  

 
 
 
สวัสดีค่ะน่ากลัวจังนะคะพี่เราไม่กล้ากินหรอกค่ะสงสารอ่ะแงแงแง
 
 

โดย: oryzaja วันที่: 24 สิงหาคม 2548 เวลา:9:06:44 น.  

 
 
 
เหวอ....

น่ากัวจังเลยค่ะ....
 
 

โดย: ว่าน วันที่: 24 สิงหาคม 2548 เวลา:11:56:04 น.  

 
 
 
โหหหหหหหหหห ปลาตัวใหญ่มากเลยค่ะ
 
 

โดย: แม่โสม IP: 202.176.106.43 วันที่: 25 สิงหาคม 2548 เวลา:8:16:51 น.  

 
 
 
แวะมาขอบคุณค่ะ..........เรื่องมันผ่านไปนานแล้วค่ะ.........แค่คิดถึงขึ้นมาเฉยๆนะค่ะ
 
 

โดย: ว่าน วันที่: 25 สิงหาคม 2548 เวลา:19:53:57 น.  

 
 
 
โหยย...ภาพแต่ละภาพสุดยอดเลยอ่ะ
 
 

โดย: blueblood@มาทุกวัน!!!! ^o^ วันที่: 26 สิงหาคม 2548 เวลา:9:51:41 น.  

 
 
 
สวัสดีค่ะตามมาเยี่ยมค่ะ
 
 

โดย: oryzaja วันที่: 26 สิงหาคม 2548 เวลา:15:09:28 น.  

 
 
 
สวัสดีค่าพี่

หากพี่ต้องการให้บ๊อกหน้าตาแตกต่างกว่านี้ แจ้งหลังไมค์น้องได้ทันทีเลยนะคะ โปรดอย่าเกรงใจค่ะ
 
 

โดย: โสมรัศมี วันที่: 26 สิงหาคม 2548 เวลา:15:18:30 น.  

 
 
 
สวัสดีค่ะ

ขอบคุณที่แวะไปเยี่ยมรักดีนะคะ
 
 

โดย: รักดี วันที่: 26 สิงหาคม 2548 เวลา:18:25:30 น.  

 
 
 
ได้เห็นปลาบึก..ตัวเท่าคนเลยนะคะ
น่าสงสารจังเลย
 
 

โดย: แม่อบเชย วันที่: 26 สิงหาคม 2548 เวลา:19:28:41 น.  

 
 
 
ซาหวัดดีค่ะ ...

ดีใจจังเลยที่ไม่ได้โผล่มาตอนกลางคืน .. ละเอียดดีจังค่ะ ..

ไม่อ่านเลยค่ะ ..

บรื๋ยย ..

แบบว่าไม่กลัวแต่ไม่ค่อยกล้าอ้ะค่ะ ..
 
 

โดย: ป้าทุยบ้านทุ่ง วันที่: 27 สิงหาคม 2548 เวลา:11:31:48 น.  

 
 
 



มาแอบบบบบบบบ ดูค่ะ
อิ .. อิ..


กัวจขบ.เก๊บตัง
 
 

โดย: หนี่หนีหนี้ วันที่: 27 สิงหาคม 2548 เวลา:18:19:46 น.  

 
 
 
สวัสดีค่ะ

รวมเล่ม ( 1-4 แล้วค่ะ )

มีความสุขในวันอาทิตย์นะคะ


 
 

โดย: รักดี วันที่: 28 สิงหาคม 2548 เวลา:12:24:07 น.  

 
 
 
สวัสดีค่ะ และก็มา good night คืนนี้นะคะ หลับฝันดีค่ะขอบคุณที่ไปแต่งกลอนที่บล๊อกประจำนะคะ
 
 

โดย: oryzaja วันที่: 28 สิงหาคม 2548 เวลา:22:58:51 น.  

 
 
 
มาฟังเพลงใหม่ค่ะ...
 
 

โดย: ว่าน วันที่: 29 สิงหาคม 2548 เวลา:11:40:14 น.  

 
 
 
สวัสดีคะ แวะมาทักทายนะคะ
เรื่องราวน่าสนใจมากเลยนะคะ อยากไปเที่ยวบ้างจัง ^_^
 
 

โดย: คนเก่งฟ้าประทาน วันที่: 29 สิงหาคม 2548 เวลา:14:22:12 น.  

 
 
 
ขอบพระคุณ คุณพี่ค่ะ ที่เข้าไปให้ความรู้เพิ่มเรื่องเมืองลาว

คุณน้องอยากไปเหมือนกัน

อยากไป พิสูจน์ ภาษาเขาน่ะค่ะ

ตอนนี้คงเปลี่ยนไปมาก ตั้งแต่คุณน้องไปเยือน ตอนแปดขวด


เอ่อ... คุณพี่คะ คุณพี่คงง ว่าทำไม หน้าเวบพี่ยื่นยาวเหยียด

คุณน้องรูดๆดู คิดว่า อาจมาจาก บางอย่างที่ยาวเกินหน้า เช่นรูปที่ใหญ่ไป
หรือ//images.google.co.th/imgres? และ มีอะไรที่ยาวเหยียด ที่อยู่ใน คคห ที่แร่ปลาใหญ่น่ะค่ะ

อยู่ในหัวข้อคุณน้องยังพอแก้ไขให้ได้

แต่นี่ อยู่ใน คคห คุณน้องก็ไม่กล้าลบ หรือแก้อะไรอ่ะค่ะ
 
 

โดย: โสมรัศมี วันที่: 29 สิงหาคม 2548 เวลา:19:53:47 น.  

 
 
 
คืนนี้ราตรีสวัสเหมือนเคยนะคะ ฝันดีค่ะ ขอบคุณมากค่ะที่ไปเยี่ยมเราบ่อยๆ
 
 

โดย: oryzaja วันที่: 29 สิงหาคม 2548 เวลา:23:43:58 น.  

 
 
 
เข้ามาเยี่ยมชมอีกครั้งครับ พี่
 
 

โดย: aeaw IP: 203.188.5.192 วันที่: 30 สิงหาคม 2548 เวลา:4:58:08 น.  

 
 
 
ไม่ได้มาดูหลายวันครับ
ขอขอบคุณทุกท่านครับ
 
 

โดย: P_ปรัชญา วันที่: 30 สิงหาคม 2548 เวลา:20:19:36 น.  

 
 
 
มาเยี่ยมค่ะ
รูปน่าสนใจมาก
 
 

โดย: กิ่งไม้ไทย วันที่: 20 กันยายน 2548 เวลา:21:45:47 น.  

 
 
 
ทวีคูณ
 
 

โดย: 9 กุมภาพันธ์ 2549 IP: วันที่: 17:07:31 เวลา:125.24.0.99 น.  

 
 
 
เราเงี้ยก็บ้านอยู่ใกล้คำชะโนดมากเลย ยังไม่มีเวลาไปเลยนะ ขนาดบ้านอยู่ในอำเภอบ้านดุงแท้ๆ ยังเคยไปแค่ครั้งเดียวเอง แต่ถ้าไปที่ศาลปู่ศรีสุทโธล่ะก็ไปบ่อยเหมือนกัน
 
 

โดย: คนบ้านใกล้คำชะโนด IP: 125.25.54.230 วันที่: 29 มีนาคม 2550 เวลา:14:07:14 น.  

 
 
 
รูปสวยมากเลยครับ
ผมได้มีโอกาสไปคำชะโนดเมือ่ปีที่แล้ว สวยและศักดิ์สิทธิ์จริงๆครับ
 
 

โดย: หมี IP: 84.5.24.157 วันที่: 18 พฤษภาคม 2550 เวลา:18:32:56 น.  

 
 
 
ใครมีรูปภาพ มัคคลีผล ให้ชมบ้าง ช่วยเอามาให้ดูเป็นขวัญตาหน่อยนะ
 
 

โดย: คนอยากรู้ IP: 203.113.0.192 วันที่: 17 กรกฎาคม 2550 เวลา:14:20:01 น.  

 
 
 
เป็นความรู้ใหม่ที่น่าทึ่งมากๆครับ ขอบคูณที่แจกจ่ายความรู้ครับ
 
 

โดย: po2508 IP: 58.10.27.226 วันที่: 11 ตุลาคม 2550 เวลา:15:46:19 น.  

 
 
 
 
 

โดย: 1234 IP: 124.120.163.173 วันที่: 18 ตุลาคม 2550 เวลา:11:31:41 น.  

 
 
 
รักคำชะโดมากนะคะ จะกลับไปเทียวอีกครังนะคะ
รักนะจูบจู๊บ
 
 

โดย: โดยนุ๊ก IP: 125.26.170.224 วันที่: 26 ตุลาคม 2550 เวลา:11:45:34 น.  

 
 
 
ชอบพญานาคมากรู้สิกมีความผูกพันอย่งบอกไม่ถูก ถ้าชาตหน้ามีจริงขอให้เกิดเป็น นางพญานาคเทวี
 
 

โดย: นาคเทวี IP: 222.123.187.28 วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:19:17:49 น.  

 
 
 
อยากทราบว่ามันคือปลาอะไรครับ
 
 

โดย: แบงค์ IP: 203.172.210.100 วันที่: 26 มีนาคม 2551 เวลา:11:27:33 น.  

 
 
 
อยากไปเที่ยวดูจังอยากไปจิงๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
 
 

โดย: kon na luk IP: 118.173.223.33 วันที่: 19 เมษายน 2551 เวลา:20:32:30 น.  

 
 
 
คำชะโนดสวยงามมากนะ_คัยไม่เคยมาเที่ยวก็มาได้นะ
ชาวอุดรธานียินดีต้อนรับเสมอ
ที่นี่ถูกเล่าขานมานานมาก_มีเรื่องเล่ามากกว่านี้อีกนะจะบอกให้_อยากรู้ต้องมาละกานเดี๋ยวจะหาว่าโม้ ไม่พูดดีกว่าอยากรู้ก็มานะจ๊ะ_ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด

เพราะคนไทยเรามีจิตใจดีงาม...อิอิ
 
 

โดย: ชาวอุดรขอบอก IP: 125.26.171.90 วันที่: 22 พฤษภาคม 2551 เวลา:15:31:00 น.  

 
 
 
อ๋อลืมบอกว่าเดี๋ยวนี้เค้าสร้างทางเข้าแบบใหม่แล้วนะ
 
 

โดย: ชาวอุดรขอบอก IP: 125.26.171.90 วันที่: 22 พฤษภาคม 2551 เวลา:15:34:00 น.  

 
 
 
เคยได้ทราบ ว่าที่เกาะกลางนำของคำชะโนด นั้นลอยอยู่บนผิวนำ เวลานำขึ้นเกาะก็ลอยสูงขึ้น นำไม่ท่วม เวลานำลดเกาะก็ลอยตำลง ไม่ทราบว่าจริงหรือเปล่า แต่นี่อ่านเจอในหนังสือเกี่ยวกับหลวงปู่มั่น ท่านเคยพิจารณาเอาไว้
 
 

โดย: สมชัย IP: 125.27.35.236 วันที่: 1 มิถุนายน 2551 เวลา:11:30:51 น.  

 
 
 
เท่าที่อ่านในหนังสือพิมพ์และในเน็ตมีความน่าสนใจน่าไปมากและจะพาครอบครัวไปให้ได้
 
 

โดย: คนอุตรดิตถ์ IP: 61.7.175.28 วันที่: 15 กรกฎาคม 2551 เวลา:12:42:31 น.  

 
 
 
วิวน่าสนใจมากบรรยากาศคงดีมากแน่นอนเลย
 
 

โดย: คนอุตรดิตถ์ IP: 61.7.175.28 วันที่: 15 กรกฎาคม 2551 เวลา:12:46:52 น.  

 
 
 
ติดตามอ่านมาตลอดเลย แต่ยังไม่มีโอกาสที่จะได้ไปชมความสวยงามที่นั้นเลยอยากให้ช่วยกันอนุรักษ์ไว้
 
 

โดย: คนรักษ์เมืองคำชะโนด IP: 192.168.212.89, 202.143.142.67 วันที่: 21 กรกฎาคม 2552 เวลา:11:35:02 น.  

 
 
 
ภาพศาลเล็ก ๆ ข้างบ่อน้ำถ่ายติดวิญญาณป่ะ
มีหน้าแปลก ๆ ด้วยขอบอก
 
 

โดย: แอบดู IP: 192.168.1.21, 58.181.168.106 วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:13:33:28 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

P_ปรัชญา
 
Location :
ขอนแก่น Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 63 คน [?]




หยิ่ง
กับตัวเองบ้าง
ในบางครั้ง

เบื่อ
ชีวิตความผิดหวัง
ในบางหน

เกลียด
ความไม่จริงใจ
ในบางคน

ยอมทน
คนหยามเหยียดได้
ในบางที


[Add P_ปรัชญา's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com