'หัวใจ๋ข้า หัวใจ๋เจ้า ห้อยอยู่เก๊าเดียวกั๋น' *
*คลิกเพื่ออ่านคำแปลเจ้า :)
~ ทำพระนิพพานให้แจ้ง ~ คำสอนของหลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ (๔-จบ)

.......

ทำไป ทำอย่างเดิมนั่นแหละ สร้างจังหวะให้มันรู้สึกตัวอย่างเดิมนั่นแหละ เมื่อทำช้ามันตึงเครียด ทำเร็วขึ้นบัดนี่ ทีแรกต้องทำช้า เพื่อเรายังไม่ชำนาญกับสิ่งเหล่านั้น บัดนี้ความชำนาญมัน...มันคล่องแคล่ว มันไวขึ้น จิตใจมันนึกมันคิดก็เห็น ก็รู้ ก็เข้าใจ สัมผัสได้ เป็นอย่างนั้น

เมื่อรู้เท่าทันเหตุการณ์อย่างนี้แล้ว เรื่องโทสะ โมหะ โลภะ เข้าใจว่าเป็นของไม่ดี เราก็เลิกมันได้ ถ้าเรายังไม่เห็น เลิกมันไม่ได้ แต่ความเป็นเองนั่น มันเป็นอยู่อย่างนั้น เรียกว่าสิ่งนั้นมันมีอยู่อย่างนั้น จะรู้ก็มีอยู่อย่างนั้น ไม่รู้ก็มีอยู่อย่างนั้น เรียกว่าเป็นสัจจะแท้ ท่านว่าอย่างนั้น

ดังนั้น คนที่รู้ จึงไม่เอาสิ่งนั้นเข้ามาเป็นเพื่อน แต่มันเป็นเพื่อนแต่ไม่เอาเข้ามาเป็นเพื่อน จึงว่า เมืองคนดี แต่ให้เป็นคนดี เมืองคนดี แต่เป็นคนไม่ดี เอาสิ่งนั้นมาเป็นเพื่อน เอาสิ่งนั้นมาปกครอง แต่ว่าเมืองคนดี ร่างกายนี้ดีแล้ว แต่เอาจิตใจชนิดนั้นเข้ามาครองในทางที่ไม่ดี เรียกว่าเป็นคนไม่ดี ท่านว่าอย่างนั้น เมืองคนดี กลับเป็นคนไม่ดีนี่ คนไม่ดีจึงพูดคำหยาบคาย คนไม่ดีจึงทำความผิด คนไม่ดีจึงคิดผิดตี้ ถ้าเมืองคนดี เป็นคนดีเข้ามาอยู่ เราก็ทำดี พูดดี คิดดีตี้ อันนี้เราไม่เข้าใจความหมาย แต่เพียงเราพูดได้

อันคำพูดนั้นจึ่งว่า ร้อยคำ พันคำ หมื่นคำ แสนคำก็ตาม สู้การกระทำให้เห็นแจ้งครั้งเดียวไม่ได้ สู้การกระทำให้เห็นแจ้งครั้งเดียวไม่ได้ เมื่อการกระทำเห็นแจ้งครั้งเดียวแล้ว มันซาบซึ้งตรึงใจอยู่กับสิ่งเหล่านั้น สิ่งเหล่านั้นจึงว่ามันก็มีอยู่ในนั้น แต่ไม่เอาสิ่งนั้นเข้ามาใช้เท่านั้นเอง

ดังนั้น สิ่งนี้แปลว่าไม่ยึด ไม่ถือ คำว่าไม่ยึด ไม่ถือ มันพูดได้ แต่มันไม่หลุดออกจากกัน เมื่อมันไม่หลุดออกจากกัน มันก็ต้องติดเหมือนกับลูกโซ่ มันเป็นเปราะ..เป็นเปราะ เกาะกันไว้อย่างนั้น เมื่อเรามีสะไบ(ตะไบ) หรือมีเพชรหรือมีอะไรตัด...ตัดออกไปแล้ว มันก็เกาะกันไม่ได้ อ้าว...สมมุติให้ฟัง มีกระจกบานหนึ่ง มาตั้งไว้ที่ตรงนี้ เราอยู่ด้วยกันนี่หลายคนนี่ แต่รูปของทุกคนมองเข้าไปหน้ากระจก ต้องไปอยู่ในกระจกทั้งหมด กระจกนั้นไม่รู้สึกว่ามันหนัก เมื่อหันหน้ากระจกออกไปแล้ว รูปภาพในหน้าของเรานี่ จะไม่มีอยู่ในกระจกเลย อันนี้ก็ฉันนั้น

แต่เมื่อเรารู้แจ้ง เห็นจริงแล้ว รูปภาพอันนั้นมีอยู่ แต่กระจกไม่หนัก เราก็เหมือนกัน แต่ฟังเสียงพูดนั้น ฟังได้ จะพูดดีก็ฟังได้ จะพูดชั่วก็ฟังได้ ตาเราก็มองเห็นได้..การกระทำของบุคคล แต่มันไม่หนัก แสดงว่ามันไม่ยึดแล้ว มันขาดออกจากกันแล้ว ท่านว่าอย่างนั้น อันนี้รู้ต้องรู้ไปอย่างนี้ เป็นขั้นเป็นตอนไปอย่างนี้ เพราะว่ามันไปตามส่วนของมัน เหมือนกับมือเรานี้ มันมีข้อมือ กำมือได้ เหยียดมือได้ มันเป็นข้อตามจังหวะๆ ของมันไป

ดังนั้น การที่หลุดแล้ว ก็หลุดไปตามจังหวะของมันไป หลุดทีแรก เรื่องรูปนาม หลุดที่สองเข้าไป เรื่องโทสะ โมหะ โลภะ หลุดไปขั้นที่สาม หลุดเรื่องความยึดมั่นถือมั่น หลุดไปขั้นที่สี่ หลุดเรื่องที่เรียกว่ามีศีล มีก็ได้ ไม่มีก็ได้ ศีลจึ่งไม่ไปยึดอยู่กับตำรา ดูเอาใจทีเดียว ศีลอยู่ในตำรานั้นมันหนัก มันมาก รักษาไม่ไหว เพียงรักษาเห็น รู้ เข้าใจ จิตใจมันนึกมันคิด มันก็เสร็จเรื่องกับการรักษาศีล การกินเจก็เหมือนกัน การให้ทานก็เหมือนกัน ทุกสิ่งทุกอย่างมันหลุดไปอย่างนี้ เป็นขั้นเป็นตอนของมันไปอย่างนี้

หลุดออกไปขั้นต่อไป เราพูดกันว่าความสงบ คำว่าความสงบเนี่ยะ สงบโดยวิธีไหน เราจะรู้ ไม่ใช่นั่งสงบ, สงบจากความพ้นไป สงบจากความหลุดพ้น สงบจากการที่ไม่รู้ เพราะมันรู้ มันเห็น มันเข้าใจ อันนี้แหละเป็นการเจริญสติแท้ๆ แต่ว่าไม่กำหนดรู้ แต่เพียงรู้ ถ้ากำหนดรู้ มันหนัก เรียกว่ารู้กายทีแรก เรียกว่ากายานุปัสสนา ไม่ใช่กายในกายนะ ไม่ใช่กายในกายเข้าไปตับ ไต ไส้ ปอดนะ อันนี้แปลว่ารู้กาย เวทนา รู้การเคลื่อนไหว เวทนาหมายถึงการเคลื่อนไหว เคลื่อนไหวโดยวิธีใดก็รู้..นี่ อันนี้เรียกว่ารู้กาย

บัดนี้รู้...เรียกว่า...รูปบัดนี่ เรียกว่าการเคลื่อนไหว กำหนดรู้ รูปเนี่ยะมันเคลื่อนไหว มันเป็นรูป ต้องให้รู้รูป มันเคลื่อนไหวเป็นเวทนา จิตมันคิด รู้มัน ธรรมอันทำให้จิตใจคิดนั่นน่ะ เราต้องรู้ธรรมในธรรม แต่ว่าไม่กำหนดมัน มันรู้เอง อันนี้เรียกว่าสติปัฏฐานสี่

อริยสัจสี่ บัดนี่ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค...

ทุกข์ เพราะเกิดมาเป็นก้อนทุกข์ เป็นรูปนี้เป็นก้อนทุกข์ เป็นก้อนทุกข์

สมุทัยทำให้ทุกข์เกิด คือ ตัวคิดนั่นเอง เมื่อมันคิดออกไป เราไม่รู้ มันสร้าง..(เน้นเสียง)..ขึ้นมา เรียกว่า สังขาร มันปรุงขึ้นมาเป็นเรื่องเป็นราว เพราะเราไม่รู้ทันนั่นเอง ตัวสมุทัยจึ่งให้ละ

ทุกข์จึงกำหนดรู้ ท่านว่าอย่างนั้น แต่เราไม่กำหนด เพียงแต่รู้ มันเคลื่อนไหว เรารู้ มันเป็นก้อนทุกข์ เราก็เลิก ละมันได้

ตัวสมุทัยทำให้ทุกข์เกิด คือ ตัวคิดนั่นเอง ถ้าเราเห็นมันคิดแล้ว ความคิดมันหยุด จึงว่าสมุทัยต้องละ มันละ กับมันหยุด ก็เป็นอันเดียวกัน

มรรค ต้องเจริญ ...ว่าซั่น
มรรค ต้องทำ พลิกมือ คว่ำมือ เคลื่อนไหวไปมา ต้องทำ มรรคต้องเจริญ
คำว่าเจริญ ก็ต้องทำนั่นเอง ทำให้มาก พริบตาก็รู้ หายใจก็รู้ อันนี้คนอื่นมองเห็น กำมือ เหยียดมือ เคลื่อนไหว เอียงซ้าย เอียงขวา ก้มเงย มันเป็นของหยาบ พริบตา ละเอียดเข้าไป มันละเอียดก็มัน...มันมองไกลไม่เห็น หายใจ ละเอียดเข้าไป เราก็ต้องศึกษาตามหลักการเหล่านี้ มันละเอียดเข้าไป

ส่วนคิดนี่ คนอื่นมองไม่เห็น บัดนี้..นี่ แต่ตัวเองก็ยังไม่เห็น ไม่รู้แล้วนี่ อันนี้เรียกว่า อริยสัจสี่ คือ ทุกข์-รู้ เพราะการเคลื่อนไหว สมุทัย ทำให้ทุกข์เกิด ตัวสมุทัย คือตัวคิด มันคิด เราต้องรู้ พอดีเห็น รู้ เข้าใจ ความคิดมันหยุด แปลว่า สมุทัยต้องละ มรรคต้องเจริญ มรรคต้องทำ ทำบ่อยๆ มากขึ้นๆ มันเป็นอย่างนั้น

นิโรธจึงว่าทำให้แจ้ง
ให้แจ้งคืออะไร มันเห็น มันรู้ มันเข้าใจ วิธีกลไกเทคนิคของจิตใจ...รู้ ไม่ใช่จะไปจำเอากับตำรา อันคนไปจำเอากับตำรา..ตำรับตำรานั้น ดีแล้ว แต่ว่ามีทุกข์บ้างมั้ย ถ้ามีทุกข์ ก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลย ถ้าคนนั้นไม่มีทุกข์ ก็ดีแล้ว ดีเหมือนกัน แต่ที่เราไม่ได้ศึกษาเล่าเรียนนั้น ก็ต้องรู้อันนี้ รู้จริงๆ เรื่องนี้

อันนี้เรียกว่า อริยสัจสี่ และสติปัฏฐานสี่ ไม่ต้องแปลอะไรมาก ทำเพียงเท่านี้แหละ มันจะรู้ จะเห็น จะเข้าใจ













Create Date : 23 พฤศจิกายน 2550
Last Update : 23 พฤศจิกายน 2550 16:03:49 น. 0 comments
Counter : 586 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

แม่ไก่
Location :
ลำปาง Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 184 คน [?]




**หลังไมค์เจ้า**





Cute Clock Click!



เออสิ,มาอยู่ใยในโลกกว้าง
เฉกชลคว้างมาเมื่อไรไม่นึกฝัน
ยามจากไปก็เหมือนลมรำพัน
โบกกระชั้นสู่หนไหนไม่รู้เลย


รุไบยาต ~ โอมาร์ คัยยัม
สุริยฉัตร ชัยมงคล : แปล




Latest Blogs

~ท่านหญิงในกระจก/แสงเพลิง ~

~เพชรรากษส/อลินา ~

~มนตร์ทศทิศ/ราตรี อธิษฐาน ~

~เมื่อหอยทากมีรัก 1-2/"ติงโม่"เขียน/พันมัย แปล ~

~ให้รักระบายใจ/"ณกันต์"เขียน ~

~ผมกลายเป็นแมว/Abandoned/Paul Gallico เขียน(ภูธนิน แปล) ~

~พ่อค้าซ่อนกลรัก & หมอปีศาจแสนรัก/"หูเตี๋ย" เขียน(Wisnu แปล) ~

~อาจารย์ยอดรัก/"หูเตี๋ย" เขียน(Wisnu แปล) ~

~จอมโจรพยศรัก/"หูเตี๋ย" เขียน(Wisnu แปล) ~


สารบัญหนังสือ: รวมลิงก์หนังสือที่รีวิวในบล็อก # ๑ + ๒



Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add แม่ไก่'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.