'หัวใจ๋ข้า หัวใจ๋เจ้า ห้อยอยู่เก๊าเดียวกั๋น' *
*คลิกเพื่ออ่านคำแปลเจ้า :)
~ความสงบแบบน้ำแข็ง ~ คำสอนของหลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ (๒)

จากนั้นมาก็ลาอาจารย์ พวกปัญจวัคคีย์ทั้งห้าก็ติดตามมา ก็มาทำทุกรกิริยา เรียก..เราเรียกว่าอดข้าวอดน้ำ ไม่กินข้าวไม่กินน้ำ อุดหู อุดจมูก อุดทุกแง่ทุกมุมเลย ธรรมดาคนไม่กินข้าว ไม่กินน้ำเนี่ยะ

(บ้านหลวงพ่อเรียกว่า เข้า แต่ทางภาคกลางเรียกว่า ข้าว ว่าซั้น หลวงพ่อพูดไม่เป็น เพราะหลวงพ่อไม่เคยเรียนหนังสือ อ่านหนังสือไทยไม่เป็น เขียนไม่เป็น อ่านไม่ได้ เป็นอย่างนั้น จึงว่าพูดภาษากลางจึงไม่เป็น)

คลำหน้าท้องซอดหลังท้อง ซอดสันหลัง คลำทางสันหลังซอดหน้าท้อง จ่อยผอม ไปไหนมาไหนก็ไม่ได้ ทำขนาดนั้นแหละ อันนั้นก็ยังไม่ได้เป็นพระพุทธเจ้า
ทุกคนรู้...นี่ เรียนมาแล้ว นักธรรมตรี ธรรมโท ธรรมเอก เป็นมหาเปรียญก็มี ถ้าฝ่ายพระเจ้าพระสงฆ์ หรือเรียนปริญญาตรี ปริญญาโท ปริญญาเอกก็มี แล้วมาบวชก็ได้ เป็นข้าราชการลาบวชก็มี ญาติโยมก็เช่นเดียวกัน บางคนบวชมาแล้วสึกไปก็มี สึกแล้วก็มาบวชอย่างที่หลวงพ่อนี่ก็เป็น หลวงพ่อบวชแล้วครั้งนี้เป็นครั้งที่สอง ถ้านับทางเป็นเณรแล้วก็เรียกว่าบวชสามครั้งแล้ว เป็นเณรครั้งหนึ่ง เป็นพระเจ้าหัวหนุ่มครั้งหนึ่ง ครั้งนี้เป็นหลวงตา

อันนั้นก็ยังไม่ได้เป็นพระพุทธเจ้า มากินหมากขามป้อม( มะขามป้อม) บ้านหลวงพ่อเรียกว่า หมากขามป้อม หมากส้มมอ(สมอ) ทางนี้อาจจะว่าผลไม้ ว่าอย่างนั้นก็ได้ เพราะเว่าให้มันเพราะแล้วก็ว่าผลไม้... เมื่อฉันผลไม้แล้ว พวกปัญจวัคคีย์ทั้งห้า เห็นว่า พระองค์เนี่ยะยังไม่ได้เป็นพระพุทธเจ้าดอก เจ้าชายสิทธัตถะกุมารเนี่ยะไม่ได้เป็นพระพุทธเจ้า เพราะเลิกละความเพียร เวียนมามักมากแล้ว ไม่ได้เป็นพระพุทธเจ้า พวกนั้นก็หนีไป พระองค์ก็เดินไปคนเดียว

เมื่อเดินไปคนเดียว ก็กินผลไม้ไป แล้วก็ไปพบเอานางสุชาดา นางสุชาดาเอาข้าวมาบวงสรวงเทวดา แล้วพระองค์ก็เลยไปเห็นข้าวอันนั้น ก็ถามนางสุชาดา นางสุชาดาก็ถวายข้าวนั้นให้ ถวายทั้งหมด

อันที่ทำมาแล้วนั้นน่ะ ไม่ใช่เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า ทิฏฐิจึงแปลว่าความเห็น เมื่อเห็นผิด ก็เรียกว่าเป็นมิจฉาทิฏฐิ เมื่อเห็นถูก ก็เรียกว่าสัมมาทิฏฐิ แต่ใครรู้ว่าใครเป็นสัมมาทิฏฐิ ใครรู้ว่าใครเป็นมิจฉาทิฏฐิ พูดให้กันไม่ได้....เรื่องนี้ จึงว่า อาศัยการปฏิบัติทิฏฐิของเราเอง

(เมื่อบวชครั้งนั้นนะ เป็นพระ..เจ้าหัวหนุ่มหกเดือน อุปัชฌาย์ที่สอนให้คือ พระครูวิชิตธรรมาจารย์ เป็นเจ้าคณะอำเภอเชียงคาน ท่านก็สอนบอกว่า... ) ในประเทศอินเดียน่ะ ท่านสอน มีร้อยแปด ศาสนา ร้อยแปดลัทธิ ร้อยแปดอาจารย์ ท่านว่าอย่างนั้น ร้อยแปดศาสนา ร้อยแปดลัทธิ ร้อยแปดอาจารย์ นั้น อาจจะเป็น ร้อยเก้ากับพระพุทธเจ้าก็ได้ จำนวน ๑๐๘ คนนั้น จะเห็นพระพุทธเจ้าถูกต้อง....ไม่ คงจะไม่เป็น คงจะคิดว่าพระพุทธเจ้าของเราเนี่ยะ เป็นมิจฉาทิฎฐิ พระพุทธเจ้าของเราก็คงจะคิดว่า พวกอาจารย์ ๑๐๘ เป็นมิจฉาทิฎฐิ....ปฏิบัติตามกันไปไม่ได้

ดังนั้น เมื่อพูดมาถึงตอนนี้ก็เอาไว้ที่ตอนเราพูดว่า ฉันข้าว เสี่ยงถาด เสี่ยงขัน ไม่ต้องพูดเลย เอาลัดกันเพียงสั้นๆ เพื่อจับใจความให้ได้ เพราะเคยพูดมาหลายครั้งหลายหนแล้วเรื่องเหล่านั้น

บัดนี้พระองค์ได้บำเพ็ญตน เรียกว่า บำเพ็ญทางจิต ได้ตรัสรู้เป็นพระอรหันต์ ฆ่ากิเลสตาย คายกิเลสหลุด ดับทุกข์ได้จริงอย่างสนิท ว่าอย่างนั้นนะ เรียกว่า ทุกข์นั้นไม่ปรากฎขึ้นมาได้ เพราะว่าจิตพระองค์นั้นหลุดพ้นแล้วจากสภาพ อะไรปรุงแต่งไม่ได้อีกต่อไป เราเคยเชื่อกันอย่างนั้น

บัดนี้เมื่อพระองค์ได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว เดินทางมา นึกว่าจะไปโปรดอาจารย์ ว่าจะไปโปรดปัญจวัคคีย์ ว่าอย่างนั้น นึกถึงอาจารย์ก็ว่า ตายแล้ว ดับจิตไปแล้ว เห็นพวกปัญจวัคคีย์นี่แหละว่าคงจะมักธรรมะด้วยกัน เพราะสมัยนั้นอยู่ด้วยกัน ๖ คน แล้วอุปัฎฐากบำรุงเรามา คิดถึงบุญคุณอันนั้นก็เลยตาม

เดินทางมาก็มีนักบวชคนหนึ่ง ว่าอย่างนั้น ท่านว่าให้ฟัง นักบวชคนนั้นก็เป็นผู้แสวงหาธรรมะ แสวงหาคำสอนของพระพุทธเจ้า แสวงหาพระพุทธเจ้า แสวงหาทางพระนิพพานนั่นแหละ ทางดับทุกข์นั่นแหละ เมื่อเห็นพระพุทธเจ้าเดินมา ก็น่าเลื่อมใส น่าเคารพ น่านับถือ ว่าอย่างนั้น

ก็เลยถามพระพุทธ-เจ้าว่า ท่านอยู่ที่ไหน มาจากไส ถามกันเป็นธรรมดาอย่างไทยเฮา มาพบกันต้องถามนี่แหละว่า คุณไปไสมา เขาจิว่าอย่างนั้น ไปทางนั้นทางนี้มา จิไปทางใด๋ มาจังใด๋ ก็จิถามกันอย่างซี่ แล้วถามพระองค์ว่า ท่านเป็นลูกศิษย์ของใคร อยู่สำนักไหน ใครเป็นครูบาอาจารย์ของท่าน

พระพุทธเจ้าก็เลยบอกว่า เราไม่เป็นลูกศิษย์ของใคร ไม่อยู่สำนัก...ไม่ได้อยู่สำนักไหน เราตรัสรู้เองโดยชอบ บัดนี้พราหมณ์คนนั้นก็ว่า…แลบลิ้น ว่าซั่น หันหลังให้เลยไป ไม่ได้ฟังธรรมะคำสอนของพระพุทธเจ้าเลย เลยไม่รู้ธรรมะคำสอนของพระพุทธเจ้า

อันนี้ก็แสดงว่าธรรมะนั้นไม่สามารถที่จะมองเห็นได้ด้วยตาเนื้อ สำหรับคนมีปัญญา จึงจะมองเห็นได้ เขาเรียกว่าตาทิพย์ ตาทิพย์ ตาทิพย์ไม่ใช่ตาอันนี้ ตาปัญญา


ดังนั้น หนังสือกาลามสูตรบอกไว้ว่า อย่าเชื่อถือโดยเขาพูดตามกันมา อย่าเชื่อถือโดยเขาเล่าลือกันมา อย่าเชื่อถือโดยเห็นเขาทำตามกันมา อย่าเชื่อถือโดยเห็นมีอยู่ในตำราคัมภีร์...อะไร...สิบข้อ อยากรู้แน่นอนก็ต้องไปดูเอาหนังสือที่กาลามสูตร ที่ท่านผู้รู้เขียนไว้หลายที่หลายด้านหลายทาง

อันนี้ก็แสดงว่าอุปกาชีวกคนนั้นไม่เชื่อ ก็ปฏิเสธไปเลย ...แน่ะ...อันนี้ไม่เชื่อก็เป็นทางสุดโต่ง เลยไม่วิพากษ์วิจารณ์ ไม่พิจารณา เรียกว่า ไม่ได้ปฏิบัติ จิว่ายังไงก็ได้ ทางหนังสือเขาว่าทางสุดโต่ง...อะไร หลวงพ่อไม่เคยรู้อย่างนั้น เพราะมันเป็นตัวหนังสือ เป็นตำรับตำรา หลวงพ่อไม่เคยเรียน บัดนี้ บางคนเชื่อหัวฝังเข้าไปเลย ไม่ได้นึกไม่ได้คิดอะไร เหมือนกัน เป็นโทษทั้งสองอย่าง เชื่อเลยทันทีก็ไม่ได้ ไม่เชื่อก็ไม่ได้ เป็นอย่างนั้น

ดังนั้นพระองค์นั้นจึงสอนให้เราทุกคนทดลองปฏิบัติ เมื่อเราทดลองปฏิบัติแล้วเราจะได้พบกับความจริงที่มีอยู่ในตัวเรานี้เอง






**เชิญอ่าน ประวัติโดยสังเขปของหลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภค่ะ








Create Date : 04 มีนาคม 2551
Last Update : 4 มีนาคม 2551 14:11:48 น. 5 comments
Counter : 613 Pageviews.

 
"ได้ตรัสรู้เป็นพระอรหันต์ ฆ่ากิเลสตาย คายกิเลสหลุด ดับทุกข์ได้จริงอย่างสนิท"

มาสวัสดีตอนเช้า..


โดย: treehouse วันที่: 5 มีนาคม 2551 เวลา:8:08:04 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณแม่ไก่...ช่วงนี้พระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรก ค่ะ

รบรากะนายเสร็จ ต้องรบกะนักการเมือง...ถ้าเป็นบ้านเมืองที่การเมืองไม่เย็น คงเหลือไว้เพียงชื่อ...

ดีว่าบ้านเราการเมืองไม่ร้อน..
เลยเอาตัวรอดมาได้ค่ะ
ไม่ถูกสั่งเก็บ อิ อิ อิ

คิดถึงนะคะ


โดย: โมกสีเงิน วันที่: 5 มีนาคม 2551 เวลา:9:40:04 น.  

 
มาอ่านต่อค่ะคุณแม่ไก่


โดย: BeCoffee วันที่: 5 มีนาคม 2551 เวลา:20:41:23 น.  

 
สวัสดีจ๊ะ
หลังจากปรับปรุงบ้านใหม่
เลยไม่อยากเอาอะไรมาลงแล้ว
นอกจากงานเขียนของตัวเอง
เดี๋ยวจะโดนเวบมาสเตอร์ เหน๊บแนม
ว่า ละเมิด ลิขสิทธิ์ 555


โดย: ยอพระกลิ่น วันที่: 6 มีนาคม 2551 เวลา:1:49:45 น.  

 


แวะมาฟังธรรมมะยามเช้าครับผม


โดย: ห่วงใย วันที่: 6 มีนาคม 2551 เวลา:6:16:20 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

แม่ไก่
Location :
ลำปาง Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 184 คน [?]




**หลังไมค์เจ้า**





Cute Clock Click!



เออสิ,มาอยู่ใยในโลกกว้าง
เฉกชลคว้างมาเมื่อไรไม่นึกฝัน
ยามจากไปก็เหมือนลมรำพัน
โบกกระชั้นสู่หนไหนไม่รู้เลย


รุไบยาต ~ โอมาร์ คัยยัม
สุริยฉัตร ชัยมงคล : แปล




Latest Blogs

~ท่านหญิงในกระจก/แสงเพลิง ~

~เพชรรากษส/อลินา ~

~มนตร์ทศทิศ/ราตรี อธิษฐาน ~

~เมื่อหอยทากมีรัก 1-2/"ติงโม่"เขียน/พันมัย แปล ~

~ให้รักระบายใจ/"ณกันต์"เขียน ~

~ผมกลายเป็นแมว/Abandoned/Paul Gallico เขียน(ภูธนิน แปล) ~

~พ่อค้าซ่อนกลรัก & หมอปีศาจแสนรัก/"หูเตี๋ย" เขียน(Wisnu แปล) ~

~อาจารย์ยอดรัก/"หูเตี๋ย" เขียน(Wisnu แปล) ~

~จอมโจรพยศรัก/"หูเตี๋ย" เขียน(Wisnu แปล) ~


สารบัญหนังสือ: รวมลิงก์หนังสือที่รีวิวในบล็อก # ๑ + ๒



Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add แม่ไก่'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.