'หัวใจ๋ข้า หัวใจ๋เจ้า ห้อยอยู่เก๊าเดียวกั๋น' *
*คลิกเพื่ออ่านคำแปลเจ้า :)
~ข้อปฏิบัติที่ลัดสั้น ~ คำสอนของหลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ (๑)

...

วันนี้... ได้นิมนต์ให้อาตมามาแสดงธรรมให้ผู้ที่ประพฤติปฏิบัติธรรมฟัง ซึ่งวันนี้อาตมาจะได้นำหัวข้อที่ปฏิบัติธรรมเพียงสั้นๆ หรือลัดๆ นำไปใช้เป็นคู่ครองกับชีวิตของเรา ส่วนใดที่อาตมาได้ประพฤติปฏิบัติมาแล้วนั้น ยังใช้ประโยชน์ไม่ได้ นั้นก็จะได้เล่าให้ฟังเป็นเพียงเล็กน้อย แต่อย่านำไปปฏิบัติ


ดังนั้น การปฏิบัติธรรมะในทางพุทธศาสนานั้นมีมาก แต่คนใดมีปัญญาเเหลมคม พิจารณานำเอาไปใช้ได้ แล้วก็ไม่มีทุกข์ในชีวิตประจำวันนี้ แต่คนใดไม่มีปัญญา ฟังไปแล้วก็จำไม่ได้ ไม่ได้เอาไปปฏิบัติ อันนั้นก็เรียกว่าฟังแล้วไม่เข้าใจ ดังนั้น วันนี้ ผู้...ผู้ที่มาปฏิบัติธรรมล้วนแต่เป็นผู้ที่มีจิตใจเข้มแข็ง หรือจิตใจฝักใฝ่ในความพ้นทุกข์ อันนี้ที่จะให้ข้อคิดอุปมาเปรียบเทียบให้ฟังไว้ ข้อแรกที่สุด พุทธศาสนาคือ พระพุทธเจ้านั้นแหละ ท่านอุปมาไว้ว่า บัวสี่เหล่า เหล่าหนึ่งนั้นพ้นน้ำขึ้นมาสูงแล้ว คือตูมทางข้างใน ว่าเม็ดพืชในข้างในนั้นแหละ ตูมเต็มเเน่นอยู่ พอดีแสงพระอาทิตย์ หรือแสงตะเว็นนี้แหละ ส่องเข้ามา ดอกไม้ก็บานได้ทันทีเลย

แล้วดอกที่สองก็พ้นน้ำขึ้นมาแล้ว ตูมข้างในแต่ยังไม่แน่น เมื่อแสงตะเว็นหรือแสงพระอาทิตย์นี่แหละ ส่องเข้ามา ต้องสองวันสามวัน ดอกไม้นั้นก็บานได้ ดอกที่สาม ว่าพ้นน้ำเพียงเล็กๆ น้อยๆ ตูมน้อยๆ ยังไม่ทันแน่น เมื่อแสงตะเว็นออกมา...ส่องมา ดอกไม้ดอกที่สามนี่ก็ตั้งซ้อนแน่นขึ้น หลายวันก็บานได้เหมือนกัน ดอกที่สามคือยังเป็นอาหารของผัสสะ ปู ปลา เต่า อยู่ในน้ำในตม

อันนี้ก็คล้ายคือกัน ที่คนเราถือพุทธศาสนา หรือถือศาสนาพุทธนิ้ เมื่อมามองถึงแง่ปฏิบัติธรรม บางคนก็ไม่สนใจในการปฏิบัติธรรม สนใจเรื่องการทำบุญ บางคนก็ไม่สนใจเรื่องการทำบุญ สนใจการรักษาศีล เป็นอย่างนั้น บางคนก็สนใจการให้ทาน การรักษาศีล ไม่สนใจทำให้จิตใจสงบ บางคนก็ไปสนใจเรื่องทำจิตใจให้สงบ ไม่สนใจในการเจริญปัญญา


ตอนเจริญปัญญานี้แหละ มัน...มันผิดกันไกลมาก ตอนนี้ฟังแล้วจำให้ได้ ตัวของอาตมาเอง เมื่ออายุสิบเอ็ดกว่าปี ไปบวชเป็นเณร เคยศึกษาหลักวิธีปฏิบัติธรรมะ ท่านว่าวิปัสสนา ว่าอย่างนั้น ท่านสอนให้เจริญพุท-โธ แล้วนั่งขัดสมาธิ ตอนเจริญพุท-โธนี้ เวลาหายใจเข้า ให้ว่า-พุท หายใจออก ให้ว่า-โธ อันนี้ทำมาเป็นเวลานาน ต่อมาท่านก็มาสอนให้ว่า สัมมาอรหัง คือความเห็นถูกต้อง ท่านว่าอย่างนั้น อันนี้ก็ทำมานานพอสมควร ต่อมา ท่านก็มาสอนให้เป็นวิธีนับหนึ่งถึงสิบ แต่ให้ถูกกับลมหายใจเหมือนกัน และนับตั้งแต่สิบกลับลงมาถึงหนึ่งอีก แล้วก็นับตั้งแต่หนึ่งถึงยี่สิบ นับตั้งแต่ยี่สิบลงมาถึงหนึ่งอีก แต่วิธีเหล่านี้ทำให้ถูกต้องกับลมหายใจเข้า-ออกเหมือนกัน

ต่อมาเมื่อระยะเป็น....เรียกว่ามีครอบครัวแล้วเนี่ยะ ก็เลยได้มาที่จังหวัดอุดร มีอาจารย์คนหนึ่ง ท่านเรียนวิธีพอง-ยุบ ท่านก็มาสอนวิธีพอง-ยุบให้ วิธีพอง-ยุบนี้ ทำมานานพอสมควร และมาพิจารณาตัวเอง ก็ยังไม่มีความสว่างภายในจิตใจ คือ วิธีพุท-โธก็ดี วิธีพอง-ยุบก็ดี หรืออานาปนสติก็ดี สัมมาอรหัง นับหนึ่งสองสามก็ดี อาตมาไม่มีความสว่างภายในจิตใจ จิตใจมันแน่นอยู่ในจิตใจ แต่ความสงบนั้น..มี

ความสงบนั้นมี...มีความสงบโดยที่ว่าไม่รู้สึกตัว สงบ..นั่ง...สงบได้ แต่ละวันละวัน เราต้องไปทำความสงบ อันนั้นใช้ประโยชน์ได้น้อย หรือบางทีอาจจะผิดคำสอนของพุทธศาสนาก็ได้ เมื่อมาย้อนถึงความสงบตอนนี้ ท่านผู้ฟังทั้งหลายต้องตั้งใจฟังให้เป็น...ตอนนี้ คนมีปัญญาก็ฟังได้ รู้ได้ทันที ดอกไม้นั้นก็แปลว่าบานได้ทันที

เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะกุมารของเรานี่ไปบวช เราเรียกว่าพระพุทธเจ้า บวชแล้วก็ไปศึกษากับอาฬารดาบส อุทกดาบส สองอาจารย์นี้ คนแรกได้สมาบัติเจ็ด สอนให้ เข้าฌาน ออกฌานคล่องแคล่วว่องไวเหมือนกันกับอาจารย์ทุกสิ่งทุกอย่าง และบางทีอาจจะดีกว่าอาจารย์อีกซะด้วย เพราะเจ้าชายสิทธัตถะกุมารนี้เป็นคนแข็งแรง เป็นคนพูดจริงทำจริง อย่างที่พวกเรามาอบรมกรรมฐานกันที่นี่


เมื่อเป็นเช่นนั้น ได้สมาบัติเจ็ดแล้ว พิจารณาถึงตัวเองแล้ว เห็นพวกปัญจวัคคีย์ทั้งห้า ผู้ที่ติดตามไปนั้นแหละ ทำ..พูด..อะไรต่างๆ นี่ ไม่พอใจก็มี พอใจก็มี ที่เห็นด้วยตา ฟังด้วยหูนี่ อันนี้ก็ชื่อว่าแก้ทุกข์ไม่ได้ ก็ถามอาจารย์ อาจารย์ก็ว่าหมดความรู้ เมื่อหมดความรู้ก็ลาอาจารย์หนีไป เมื่อหนีจากอาจารย์ไป..คนนี้ ก็ไปเรียนคนที่สอง ได้สมาบัติแปดได้สมาบัติแปดนั้น เราเคยเข้าใจกันว่า เข้าฌานได้ ออกฌานได้ เรียกว่าสมาบัติแปด คล่องแคล่วว่องไวเหมือนกันกับอาจารย์ทุกสิ่งทุกอย่าง ทุกแง่ทุกมุม

บางทีอาจจะดีกว่าอาจารย์ก็ได้ เพราะว่าท่านเป็นคนพูดจริงทำจริง เพราะท่านแสวงหาความรู้ทางดับทุกข์จริงๆ เมื่อเป็นเช่นนั้น เห็นพวกปัญจวัคคีย์ทั้งห้า...ทำ...พูด ได้ยินด้วยหู เห็นด้วยตา พอใจก็มี ไม่พอใจก็มี แสดงว่าความทุกข์นั้นยังไม่ลดน้อยลง ยังเหมือนเดิม ก็ไปถามอาจารย์ อาจารย์ก็ว่าหมดความรู้แล้ว

ดังนั้น ความสงบนั้นจึงว่า อันความสงบแบบนั้น มันไม่ใช่เป็นพุทธศาสนา มันเป็นคำสอนของพราหมณ์ ที่เราไปศึกษากันนั้น เพราะเราไม่รู้ ตัวอาตมาเองก็ได้ศึกษาเล่าเรียนมาเช่นนั้นเหมือนกัน แต่ไม่รู้จึงทำ ความไม่รู้นี่แหละ เป็นโทษอย่างหนัก ไม่รู้จึงทำ ผิดก็ไม่รู้ ถูกต้องก็ไม่รู้ อันนี้ชื่อว่า ความผิดนั้น เพราะความไม่รู้

เมื่อเป็นเช่นนี้ เราเข้าใจแล้ว พวกเราปฏิบัติ..ไปนั่งให้มันสงบนั่น เราไม่ต้องทำความสงบ เพราะมันไม่เป็นคำสอนของพุทธศาสนา มันเป็นคำสอนของพราหมณ์ อันนั้นมันเป็นคำสอนของพราหมณ์


บัดนี้ เมื่อ...เมื่อพูดถึงตอนนี้ก็เลยมารวบรัดตัดใจความให้สั้น เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะกุมาร คือพระพุทธเจ้าของเรานี่แหละ เห็นว่าไม่เป็นทางตรัสรู้ แล้วก็หนีเลย ลาจากอาจารย์นั้นมา เมื่อลาจากอาจารย์นั้นมา ก็มาทำทุกรกิริยา เราเคยได้ยินกันว่า กินข้าววันละเท่าเม็ดงา ไม่ได้กินหลาย กินข้าวนี่ กินข้าววันหนึ่งเท่าเม็ดงาเท่านั้น นี่การรักษาศีลก็เช่นเดียวกัน การรักษาศีลก็ยังไม่ถูกต้อง การกินอาหารทุกสิ่งทุกอย่างนั้นก็ยังไม่ถูกต้อง ยังไม่ได้เป็นพุทธศาสนาอะไร ทำขนาดนั้น เดินไปไหนมาไหนไม่ได้ เพราะคนไม่กินข้าว มันก็ซูบผอมลง มีแต่หนัง เอ็น กระดูก รัดรึงกันเอาไว้เท่านั้น อันนี้ก็ทำแทบจะหมดลมหายใจ อันนี้ก็ยังไม่ถูกต้อง








Create Date : 09 พฤศจิกายน 2550
Last Update : 9 พฤศจิกายน 2550 15:45:10 น. 4 comments
Counter : 516 Pageviews.

 
พยายาม จะอ่านทำความเข้าใจ

ค่อนข้างยากสำหรับโมกซึ่งไม่มีพื้นฐาน แนวนี้ ตอนนี้เริ่มบ้างแล้วอย่างที่บอก สงสัยอายุเพิ่มขึ้นค่ะคุณแม่ไก่

จะอัพบล๊อกวันนี้ค่ะ มาบอกก่อน
คิดถึงค่ะ


โดย: โมกสีเงิน วันที่: 9 พฤศจิกายน 2550 เวลา:17:11:24 น.  

 
สวัสดีวันเสาร์ค่ะ แม่ไก่

อืม... จริงนะคะ ถ้าเจริญสมาธิเพียง
อย่างเดียวเพื่อสร้างความสงบ... เรา
ก็จะแค่สงบ ณ เวลานั้น พอมีกระแส
อารมณ์พัดแรง ๆ ความสงบก็สิ้นสุด

การเจริญปัญญาจึงสำคัญมากๆ เพื่อ
ในยามที่พายุอารมณ์เข้าแทรก สติ
จะได้ตรึกตรองเห็นเหตุเห็นผลตาม
กำลังปัญญาที่มี

แต่... ความสงบก็ยังควรอยู่ในจิตใจ

...ปลิวเข้าใจถูกไหมคะ...


โดย: ปลิวตามลม วันที่: 10 พฤศจิกายน 2550 เวลา:12:01:14 น.  

 
คุณโมกฯ...
ค่อย ๆ อ่าน ค่อย ๆ ทำความเข้าใจเดี๋ยวก็จะ...ซาโตริ...ค่ะ

คุณปลิวคะ...ใช่เลยค่า...การทำใจให้สงบเป็นสมถกรรฐาน...เป็นพื้นฐานที่ดีของวิปัสสนาคือการเห็นแจ้งด้วยญาณปัญญาค่ะ

สาธุค่ะ


โดย: แม่ไก่ วันที่: 10 พฤศจิกายน 2550 เวลา:15:26:34 น.  

 
อ่านแล้ว สาธุ
ค่ะแม่ไก่
เข้าใจอยู่นะคะแต่ปฏิบัตินี่สิไม่รู้ว่าดอกคูณจะทำได้ขนาดไหน


โดย: ดอกคูณริมฝั่งโขง วันที่: 11 พฤศจิกายน 2550 เวลา:14:41:44 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

แม่ไก่
Location :
ลำปาง Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 184 คน [?]




**หลังไมค์เจ้า**





Cute Clock Click!



เออสิ,มาอยู่ใยในโลกกว้าง
เฉกชลคว้างมาเมื่อไรไม่นึกฝัน
ยามจากไปก็เหมือนลมรำพัน
โบกกระชั้นสู่หนไหนไม่รู้เลย


รุไบยาต ~ โอมาร์ คัยยัม
สุริยฉัตร ชัยมงคล : แปล




Latest Blogs

~ท่านหญิงในกระจก/แสงเพลิง ~

~เพชรรากษส/อลินา ~

~มนตร์ทศทิศ/ราตรี อธิษฐาน ~

~เมื่อหอยทากมีรัก 1-2/"ติงโม่"เขียน/พันมัย แปล ~

~ให้รักระบายใจ/"ณกันต์"เขียน ~

~ผมกลายเป็นแมว/Abandoned/Paul Gallico เขียน(ภูธนิน แปล) ~

~พ่อค้าซ่อนกลรัก & หมอปีศาจแสนรัก/"หูเตี๋ย" เขียน(Wisnu แปล) ~

~อาจารย์ยอดรัก/"หูเตี๋ย" เขียน(Wisnu แปล) ~

~จอมโจรพยศรัก/"หูเตี๋ย" เขียน(Wisnu แปล) ~


สารบัญหนังสือ: รวมลิงก์หนังสือที่รีวิวในบล็อก # ๑ + ๒



Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add แม่ไก่'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.