'หัวใจ๋ข้า หัวใจ๋เจ้า ห้อยอยู่เก๊าเดียวกั๋น' *
*คลิกเพื่ออ่านคำแปลเจ้า :)
หูทิพย์ - ตาทิพย์ ~ คำสอนของหลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ (๕)

.............
ดังนั้น คนจะไปตกนรกนั้น เหมือนกับข้าวสารที่ยัดอยู่ในกระสอบ ดังนั้น เราไม่มีหูทิพย์ ไม่มีตาทิพย์ ก็ไม่สามารถที่จะมองเห็นสัตว์นรกได้ เช่นว่า คนไปตกนรกนั้น แน่นอัดกัน เหมือนกับข้าวสารยัดอยู่ในกระสอบ แต่มองกันไม่เห็น ได้ยินแต่เสียงเอะอะโวยวาย ดังก้องอยู่อย่างนั้นแหละ แต่มองไม่เห็น


สมมุติให้ฟังกันง่ายๆ อย่างที่เราทำครัว ในหม้อ-หม้อครัวที่เรากำลังทำอาหาร พอดีเราเอาหม้อไปตั้งบนไฟแล้ว น้ำมันเดือดขึ้นมา ที่มีอาหาร เช่น ผัก หญ้า อะไรก็ตามแหละ หรือหมากพริก หมากเขือ อะไรก็ตาม ที่เรามองเห็นด้วยตา มันจะอยู่นิ่งๆ ไม่ได้ เหมือนกับน้ำที่ยังไม่เดือด เมื่อน้ำมันเดือดขึ้นมาแล้ว สิ่งเหล่านั้นก็หมุน หมุนอยู่อย่างนั้นแหละ หมุนไปหมุนมา ขึ้นลง ๆ อยู่อย่างนั้นแหละ

ดังนั้น สวรรค์กับนรกนี้ มันตรงกันข้าม เช่น สามี ภรรยา หรือบุตร เพื่อนร่วมโลก เกิดแก่เจ็บตายด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น เราเคยพูดอย่างนั้น เมื่อเรามีสติ มีปัญญา หรือมีสมาธิ มองหน้าภรรยา สามี บุตร ก็เป็นหน้าภรรยา สามี บุตร หรือมองหน้าเพื่อนที่ร่วมโลก เกิดแก่เจ็บตายด้วยกัน ก็มองเห็นเป็นคน เรียกว่า เป็นคน มีหน้ามีตาเหมือนกันกับเรา นี้เรียกว่า มีสมาธิ มีสติ มีปัญญา เรียกว่า มีคุณธรรม ยังมีธรรมะประจำใจอยู่

บัดนี้ คนใดไม่มีคุณธรรมประจำใจ มองเห็นหน้าภรรยา สามี หรือบุตร ก็ไม่ค่อยถนัด มันลายหรือมันนัว(มัว) หรือเห็นหน้าเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน มันลายมันนัว มองไม่ค่อยเห็น

เราเคยได้ยินมั้ย คนใดมีความโกรธเกิดขึ้นภายในจิตใจ เดือดดาล ร้อนระอุขึ้นมา เช่น สามีภรรยาทะเลาะกัน หรือเพื่อนบ้านทะเลาะกัน ว่า มึงนะ เดี๋ยวโกรธขึ้นมาเต็มที่แล้ว มองไม่เห็นนะ เนียะ มันไม่เห็น หรือบางคนมองเห็นเท่ากำปั้น หรือเท่าข้อมือ บางคนก็มองเห็นเท่าแสงหิ่งห้อย เพราะว่ามันมองไม่เห็น เพราะความโกรธเกิดขึ้นภายในจิตใจ โกรธหนักๆ เข้ามา มองไม่เห็นเลย ที่มองไม่เห็น ก็ชกต่อย เตะ ตีกัน เป็นอย่างนี้

อันนี้เรียกว่า เมื่อชกต่อย เตะ ตีกัน แล้วก็มีความเอะอะโวยวายกันขึ้น อันนี้เรียกว่า นรก อยู่ที่ในจิตใจ ก่อนที่จะเอะอะโวยวาย ชกต่อยเตะตีกันนั้น ก็เพราะโมหะ คือความหลงผิด มองคนไม่เป็นคน หรือมองไม่เห็น ก็เพราะโทสะ โมหะ โลภะ

บางครั้งบางคราว สามีภรรยา มองหน้าสามีภรรยา ไม่เป็นคน มองเป็นสัตว์ เป็นสุนัข หรือเป็นเปรตเป็นผี อะไรเหล่านี้ อันนี้ก็เรียกว่า นรกเกิดขึ้นภายในจิตใจ ดังนั้น คนที่ไม่มีหูทิพย์ ไม่มีตาทิพย์ จึงไม่สามารถที่จะมองเห็นสัตว์นรกได้ และไม่มองเห็นสวรรค์ได้

ดังนั้น พวกเรามา ณ สถานที่นี่ มาเจริญสติ หรือมาเจริญวิปัสสนา เพื่อให้เห็นยิ่ง รู้จริง ตามแบบฉบับ ที่พระพุทธเจ้าพูดเอาไว้ วิปัสสนานี้ มันเป็นชื่อของบาลี ถ้าพูดตามภาษาบ้านเฮา เรียกว่า แปลว่า การเห็นแจ้ง รู้จริง

เมื่อเห็นแจ้ง รู้จริงนั้น ก็เรียกว่า ไม่ทำเหมือนเดิม ที่ความไม่รู้ นี้จึงว่า ได้ความหมายว่า ต่างเก่า ล่วงภาวะเดิม


แต่ก่อนนั้น มีความหลงผิด มีความโกรธ มีความโลภ ต่อมาเมื่อได้ยินได้ฟัง พระที่ท่านนำเรื่องของพระพุทธเจ้า มาเล่าสู่ฟัง เราเกิดมีสติปัญญา จดจำเอาไว้ได้ เรียกว่า เราก็ต้องให้คล้ายคือกัน หรือว่ามีหูทิพย์ มีตาทิพย์ คล้ายคือกับพระพุทธเจ้า เรียกว่า เราได้ตั้งสติ ฟังธรรมะจากพระพุทธเจ้า

ดังนั้น เราพูดว่า พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ เป็นภาษาบาลี... ข้าพเจ้าถือเอาพระพุทธ-พระพุทธเจ้าเป็นสรณะ เป็นที่พึ่ง กำจัดภัยได้จริง เมื่อเรามีหูทิพย์ มีตาทิพย์ มันก็กำจัดทุกข์ภัย หรือความเดือดร้อนออกไปได้จริง

ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ เป็นภาษาบาลี ...ข้าพเจ้าถือเอาพระธรรมเป็นสรณะ เป็นที่พึ่ง กำจัดภัยได้จริง เมื่อเราฟังแล้ว จดจำเอาไว้ได้ เราก็ต้องกำจัดความทุกข์ หรือความเดือดร้อน หรือกำจัดโจร หรือพญามารออกได้ อย่างที่พระพุทธเจ้านั่นจริง

สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ เป็นภาษาบาลี... แปลเป็นภาษาไทยว่า ข้าพเจ้าถือเอาพระสงฆ์เป็นสรณะ เป็นที่พึ่ง กำจัดภัยได้จริง แน่ะ เมื่อเราปฏิบัติอย่างพระสงฆ์ สาวกของพระพุทธเจ้านั้น เราก็กำจัดความทุกข์ความเดือดร้อน หรือกำจัดพญามาร หรือโจรออกไปได้

ที่พูดแล้วข้างต้นว่า เมื่อจิตใจมันอยากไปสูบบุหรี่ โฮ้ย! โจรมาแล้ว พญามารมาแล้ว เราต้องสู้กับมัน มันอยากขึ้นมา เราก็มีตาทิพย์ มีหูทิพย์ มองเห็นทะลุเข้าไปถึงจิตใจ เอ๊! มารมาแล้ว หรือโจรมาแล้ว จะมาปล้นมาจี้เราแล้ว มันจะมายาดเอาบัลลังก์เราแล้ว ก็ต้องเห็นอย่างนี้

จึงว่า เอาขันวางลงไปในแม่น้ำ ทวนกระแสของน้ำ หรือเอาถาดลงไปวางแม่น้ำ ทวนกระแสของน้ำ คืออำนาจของกิเลสฝ่ายต่ำ เรียกว่าน้ำ น้ำคือกิเลส นี่ พระพุทธเจ้าท่านทรงสอนเอาไว้ อย่าพึ่งทำไปตามอำนาจของกิเลสฝ่ายต่ำ ท่านสอนให้เรามีสติ มีสมาธิ มีปัญญา ดังนั้น พระพุทธเจ้า คือมีความเมตตา กรุณา สงสาร เอื้อเฟื้อ เอาใจใส่ และมีปัญญา อันนี้เรียกว่า เป็นคุณธรรมที่ประจำใจพระพุทธเจ้า












Create Date : 09 ธันวาคม 2550
Last Update : 9 ธันวาคม 2550 16:26:40 น. 0 comments
Counter : 726 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

แม่ไก่
Location :
ลำปาง Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 184 คน [?]




**หลังไมค์เจ้า**





Cute Clock Click!



เออสิ,มาอยู่ใยในโลกกว้าง
เฉกชลคว้างมาเมื่อไรไม่นึกฝัน
ยามจากไปก็เหมือนลมรำพัน
โบกกระชั้นสู่หนไหนไม่รู้เลย


รุไบยาต ~ โอมาร์ คัยยัม
สุริยฉัตร ชัยมงคล : แปล




Latest Blogs

~ท่านหญิงในกระจก/แสงเพลิง ~

~เพชรรากษส/อลินา ~

~มนตร์ทศทิศ/ราตรี อธิษฐาน ~

~เมื่อหอยทากมีรัก 1-2/"ติงโม่"เขียน/พันมัย แปล ~

~ให้รักระบายใจ/"ณกันต์"เขียน ~

~ผมกลายเป็นแมว/Abandoned/Paul Gallico เขียน(ภูธนิน แปล) ~

~พ่อค้าซ่อนกลรัก & หมอปีศาจแสนรัก/"หูเตี๋ย" เขียน(Wisnu แปล) ~

~อาจารย์ยอดรัก/"หูเตี๋ย" เขียน(Wisnu แปล) ~

~จอมโจรพยศรัก/"หูเตี๋ย" เขียน(Wisnu แปล) ~


สารบัญหนังสือ: รวมลิงก์หนังสือที่รีวิวในบล็อก # ๑ + ๒



Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add แม่ไก่'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.