'หัวใจ๋ข้า หัวใจ๋เจ้า ห้อยอยู่เก๊าเดียวกั๋น' *
*คลิกเพื่ออ่านคำแปลเจ้า :)
สมมติ-หน้าที่ คำสอนของหลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ (๑)

หมายเหตุจขบ.- คำสอนของหลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภนี้ ได้ถอดออกมาจากแถบบันทึกเสียงที่บันทึกไว้เมื่อครั้งที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ นำมาเผยแพร่โดยไม่ได้แก้ไข ดัดแปลง ตัดตอน หรือต่อเติมแต่อย่างใด

สมมติ-หน้าที่ (๑)

.....เวลาการฉัน คำว่า “ฉัน” ที่นี่... รับประทานอาหาร มันเป็นคำสมมุติขึ้นให้กันเท่านั้น ดังนั้น ท่านผู้ฟังวันนี้ต้องตั้งใจฟังนะ พูดแล้ว พูดอีก พูดแล้ว พูดอีก พูดคำเก่านี่แหละ เพราะธรรมะนั้นเป็นของจริง เป็นของเดิม ต้องพูดเหมือนเดิม พูดของจริงนั้นจะเปลี่ยนแปลงไม่ได้ ต้องพูดความจริงอยู่อย่างนั้นตลอดเวลา

ความจริงอันนี้ ที่จะนำมาเล่าสู่ฟังกันในวันนี้ คือ อาตมาคนหนึ่งเป็นคนที่แสวงหาธรรมะ ไม่เข้าใจธรรมะจริงๆ แต่สำหรับตัวของอาตมาหรือตัวของผม แต่เมื่อเป็นเณร เคยทำกรรมฐานกับอาจารย์ วิธีพุทโธ หายใจเข้า-พุท หายใจออก-โธ ไปนั่ง … นั่งขัดสะหมาด เรียกว่า ขัดสมาธิ ตัวให้ตรง นี่ก็ทำ แต่ได้ความสงบเพียงเล็กน้อย.....( เทปมีเสียงซ่า )


อันความสงบกับความรู้สึกตัวเนี่ยมัน...มันเป็นอันเดียว...ความไม่รู้สึกตัวนั้นจะจัดเป็นความสงบไม่ได้ เหมือนกับคนนอนหลับนั่นแหละ จะจัดว่าคนนอนหลับเป็นความสงบไม่ได้ มันเป็นอย่างนั้น

ดังนั้นวันนี้จึงจะนำมาเล่าสู่ฟังเพียงความจริง คนเรามันไม่รู้สมมุติ ไม่รู้จริงๆ ........ตัวของผม สมมุติว่าเงินเนี่ย-ไม่รู้ เพราะมันเป็นของจริง ของศักดิ์สิทธิ์จริงๆ พระพุทธรูปอย่างนี้ ก็ว่ามันเป็นของจริง เป็นของศักดิ์สิทธิ์จริงๆ มันเข้าใจอย่างนั้น มันก็เลยไม่รู้ พูดเรื่องความไม่รู้นี่มีมากที่สุด เป็นอย่างนั้น มันก็มีมากที่สุด จะพรรณนาเอามาเล่าให้ฟังไม่ครบ ไม่จบ ไม่ถ้วน.....


อย่างทีบ้านผมหรือบ้านพี่สาว ผมมี... เรียกว่ามีอำนาจก็ว่าได้ มีความสามารถที่จะชี้แนวทางให้เขาทำอย่างนั้นอย่างนี้ได้ คราวหนึ่งบ้านเมืองมันเดือดร้อน เขาว่ายักษ์จะออกมากินคน ว่าอย่างนั้นน่ะ เขาพูดกันเต็มบ้านเต็มเมือง ก็ไปเอารูปอาจารย์ผู้ศักดิ์สิทธิ์ ใครๆ ก็ตามแหละ เอามาติดที่หน้าประตูเข้าในบ้าน บ้านตัวเองก็เอาไปติดไว้ บ้านพี่สาวก็เอาไปติดไว้ ไม่เอามาติด-ไม่ได้ ยักษ์จะเข้ามาบ้าน (หัวเราะ) หึๆๆ... ไม่รู้ เรื่องนี้เป็นเรื่องงมงายทั้งนั้น พูดแล้วมันก็น่า...น่าขำจริงๆ นี้มันจะไปศักดิ์สิทธิ์เรื่องอะไร พูดเรื่องนี้มาก็..จะพูดความจริงให้ฟัง

ครั้งหนึ่งไปอยู่วัดชลประทาน เจ้าคุณปัญญาขอร้องให้ไปสอนกรรมฐานที่วัดชลประทาน มีนายทหารคนหนึ่ง เขาเป็นนายร้อย..นายร้อยเอกได้เป็นนายร้อยเอกแล้ว แต่นายร้อยเอกหนุ่มๆ พอดีเขาเลื่อนชั้นให้เป็นนายพันตรี เตรียมตัวจะไปรับพัดยศหรืออะไร อาตมาไม่ทราบ หรือเป็น...เป็นใบประกาศหรืออย่างไร อาตมาไม่ทราบเรื่องนี้ ก็เตรียมตัวแล้วก็มากินข้าว กินข้าวแล้วก็มองกระจก เลี่ยมนั้นเลี่ยมนี้ มองดูท่าทีจะไปรับใบประกาศหรือพัดอะไร อาตมาไม่รู้เรื่องนี้ ( เสียงผู้ฟังพูด...สัญญาบัตร ) สัญญาบัตรตี้ ไม่รู้ แต่บ้านเขามีคลอง มีไม้ก่าย(พาด)ข้ามคลอง มองกระจกเตรียมเรียบร้อยจะไปรับเอาพันตรี พันตรีหนุ่มนะ เอ๊ะ! เดินออกไปมันไปพลิกคิง(พลิกตัว)อย่างไรก็ไม่รู้ ( พูดกลั้วหัวเราะ ) ไม่รู้ คนๆ นั้น ความจริงเป็นอย่างนั้น นี้คนไม่...ไม่รู้ ไม่รู้สมมุติจริงๆ พอดีไปมองอะไรไม่....ตกลงคลองเลย เครื่องแต่งตัวอันนั้นก็เลยเปียกไปหมดเลย ก็เลยเอาเครื่องแต่งตัวนั้นไปรับไม่ได้ กลับเข้าไปถ่ายชุดใหม่ไปเลย ชุดนี้ก็ไม่สวยแล้ว ชุดที่ไปรับเอาพันตรีเนี่ย ไม่..ไม่สวยแล้ว

อันนี้แปลว่าคนไม่รู้จักสมมุติ ติดสมมุติจริงๆ เนี่ยะ เสื้อผ้า พัดยศ หรือใบอะไรก็ ( ผู้ฟังพูด...สัญญาบัตร ) สัญญาบัตรนั้นน่ะ มันเป็นเพียงสมมุติขึ้นมาให้เราเท่านั้นเอง อันนี้แหละ คนเรามันทิ้งหน้าที่จริงๆ แน่ะ


อันนี้ก็มีอีกเรื่องหนึ่งที่จะนำมาเล่าให้ฟัง มีครูโรงเรียนคนหนึ่ง ครูโรงเรียนคนนั้นเป็นครูมา ต่อมาสอนโรงเรียนดีแล้ว ก็ท่านเอาการเอางานดี เขาเลื่อนชื่อ..อ้า..เลื่อนชั้นให้เป็นศึกษา พอดีเป็นศึกษาก็ต้องมีการกินเลี้ยงกัน เชิญพรรคพวกมากินเลี้ยงกัน พอดีตอนเช้ามาแล้ว เรียกว่าภรรยาก็ได้ แฟนก็ได้ จะว่ายังไงก็ได้ล่ะ พูดตามภาษาบ้านของอาตมาก็เรียกว่าเมีย ผัวเมียกัน แต่งกับข้าวมาให้กิน วันนี้พอดีเพื่อนหนีไปหมดแล้ว ไม่ยอมกินข้าวกับเมียอีกแล้ว ลูกก็ไม่กินแล้ว เราเป็นศึกษาแล้วนี่ มันตื่นไปเลย นี้คนมันไม่รู้จักสมมุติ แต่ความจริงอันนั้นมันไม่ใช่เป็นเรื่องอะไร เขาเลื่อนชั้นให้ มันก็เอาไปทิ้งไว้ที่ไหนมันก็อยู่อย่างนั้น

ที่พูดความจริงเนี่ย อย่างที่อาตมานุ่ง คราวนี้นุ่งเสื้อ..เสื้อกันหนาวนี่ แต่ความรู้อันนั้น มันไม่ใช่ได้อยู่ที่เสื้อนี่เด่ะ เสื้อนี่ไปแก้ไว้ที่ไหน มันก็อยู่อย่างนั้นแหละ แต่ความจริงให้เรารู้ว่า อันนี้เป็นหน้าที่ของเรา เราต้องปฏิบัติหน้าที่ของเราให้ถูกต้อง เช่น เป็นครูก็เช่นเดียวกัน อันครูนั้นมันเสื้อเป็น เขาไปติดไว้เสื้อ เขาไม่ได้ติดไว้หน้าผากคนเลย เขาไม่ได้ติดไว้ที่ไหนในคน เขาติดไว้เสื้อ ติดเครื่องพัด เครื่องอะไรเครื่องยศเครื่องอะไรเหล่านั้นแหละ เป็นตำรวจก็เหมือน..เขาติดไว้เสื้อ หรือเคยเห็นคนเอาไปติดไว้หน้าคนมั้ย ใครมีที่ไหน ไม่เคยไปติดไว้หน้า ไปติดไว้ที่ไหนไม่เคยมีเลย

อันนี้แหละหลง..หลงจริงๆ คนเราหลงจริงๆ หลงสมมุติจริงๆ แต่คนมันก็เป็นคนธรรมดานี้เอง แต่ว่าเมื่อเขาแต่งตั้งให้แล้วก็ต้องทำการทำงานตามหน้าที่เท่านั้นเอง เมื่อเอาเสื้อไปวางไว้แล้ว เครื่องหมายอันนั้นมันก็ไม่ได้ติดเราไป ไม่ได้ติดเราไปจริงๆ แน่ะ! เป็นอย่างนั้น จึงว่าอันนี้ก็พูดความจริงให้ฟัง


ดังนั้น การศึกษาธรรมะนี่ อาตมาก็เลยรู้สมมุติอันนี้ขึ้นมา รู้ขึ้นมาทีแรกมันไม่รู้หรอก ทีแรก ทีแรกมันก็รู้รูป รู้นามนี่แหละ เคยพูดให้ฟัง แล้วตอนรู้สมมุตินี่ มันรู้ไปให้ครบให้จบให้ถ้วนจริงๆ รู้จริงๆ เรื่องเนี้ยะ พอดีรู้เรื่องนี้แล้วก็เลิกละได้ เลิกละจริงๆ อาตมาไม่เห็นว่ามีความศักดิ์สิทธิ์อะไรกัน แต่ว่าเราจะทำให้มันดีหรือชั่วเท่านั้นเอง ถ้าเราทำดีมันก็ดี เราทำชั่วมันก็ชั่วเท่านั้นเอง

อันเครื่องหมายอันนั้นมันไม่ได้รู้ว่าดีว่าชั่ว มันไม่รู้ แต่นายทหารคนนั้นแหละ เป็นความจริง พอดีตกคลองแล้วก็เลยกลับคืนไปแต่งชุดใหม่ ชุดนี้ก็ไม่สวยเหมือนเดิมแล้ว เพราะว่าชุดนั้นมันเตรียมพร้อมแล้วเนี่ยะ ก็ไปรับเอา เค้าก็ให้เหมือนกัน ให้อันเครื่อง..อะไร สัญญาบัตรติ เขาก็ให้เหมือนกัน ไม่ใช่ว่าแต่งเครื่องชุดนี้ไปแล้ว เขาไม่ให้ เขาไม่ว่าอย่างนั้น เขาว่า เขาให้ตามหน้าที่เท่านั้นเอง

ดังนั้น พวกเรามาที่นี่ ก็ต้องว่าให้เข้าใจหน้าที่ของเรา เรามาปฏิบัติธรรมะ บัดนี้ก็ต้องสับกันไป เรามาปฏิบัติธรรมะ ต้องปฏิบัติตามหน้าที่ของเรา ตอนนี้ก็จะยกเอาตัวเองแหละมาพูด เพราะตัวเองทำยังไง ก็ต้องเอาอันนั้นมาพูด เพราะคนเรามีเรื่องอันใด ก็ต้องเอาเรื่องนั้นมาพูดสู่กันฟัง


สมัยนั้นไป...ไปปฏิบัติธรรมะ อาจารย์ต้องมี..มีขอกรรมฐาน การขอกรรมฐานเข้าออกได้ กรรมฐานก็เข้าได้ ออกได้นะ แต่ต่อมาเดี๋ยวนี้ ทำไมหลวงพ่อจึงไม่ให้ขอกรรมฐาน ไม่ให้เข้าให้ออก ตัวกรรมฐานจริงๆ นั้น มันไม่มีการขอ ไม่มีการเข้า ไม่มีการออก มันต้องทำอยู่เดี๋ยวนั้นตลอดเวลา คนใดรักการ รักงาน รักหน้าที่ คนนั้นแหละ ชื่อว่าเป็นคนเอาจริงเอาจัง

คนโบราณ ข้าเจ้าสอนเอาไว้ ความซื่อสัตย์เป็นสมบัติของคนดี หากคนใดไม่ซื่อสัตย์ ว่าซั่น จะเอาดีไม่ได้ คนใดไม่ซื่อสัตย์ ไม่ปฏิบัติหน้าที่ของตัวเองแล้ว จะเอาดีไม่ได้ ท่านว่า มันเข้าหลักคนสมัยนี้พูดว่า มีความรู้ท่วมหัว เอาตัวไม่รอด มันเป็นอย่างนั้น

ดังนั้น การปฏิบัติธรรมะนี้ รู้แล้ว รู้แล้วต้องจดจำเข้าไปในมันสมอง ที่ไหนไม่ทราบเลย มันรู้แล้วมันไม่หลงไม่ลืมจริงๆ มันไม่หลงไม่ลืมจริงๆ เนี้ยะ! มันเป็นอย่างนั้น


ดังนั้นอาตมาก็เลยเลิกละได้จริงๆ เพราะเห็นทุกข์ ความทุกข์เนี่ยะ หายใจเข้าก็ทุกข์พอแฮงแล้ว กลืนน้ำลายก็ทุกข์อยู่พอเเฮงแล้ว นี่! กินข้าว เคี้ยวข้าว เคี้ยวอาหารนี่ ก็ทุกข์แทบจะตายแล้วเดี๋ยวนี้ แล้วยังซ้ำมิหนำจะไปทำธุระอื่นๆ เข้ามาทุกข์อีกแล้ว นี่! มันเห็นอย่างนี้จริงๆ

เมื่อเห็นอย่างนี้ น้ำตามันไหลออกมาเลย..อาตมา ไหลออกมา โอ้โถ...ตาย เราทำไมจึงไม่รู้สิ่งนี้เป็นทุกข์ มันทุกข์จริงๆ คนเราเป็นก้อนทุกข์ชนิดหนึ่ง เราเห็นอยู่นั้น เห็นอยู่นั้นตลอดเวลา คราวนั้นติดบุหรี่ นี่! อาตมาติดบุหรี่ สูบบุหรี่กระป๋อง เอาไปซื้อเอาเวียงจันทน์ เพราะเวียงจันทน์นี่มันไปมาหากันสบาย ไม่ต้องขอหนังสือ ไปได้มาได้ ไปเวลาใดก็ได้ เด็กก็ได้ คนแก่ก็ได้ ข้ามไปข้ามมา
เวียงจันทน์มันเป็นเมืองลาว แล้วฝรั่งเค้า..เข้าไปอยู่ แล้วเขามีอะไรดีๆ เนี่ยะ ไปขายที่เวียงจันทน์ ไปซื้อเอามาสูบเป็นประจำเลย พอดีหมดยาแล้วคราวนี้ก็ต้องมีคนเดินไปเดินมา เราไปหาซื้อที่ไหนไม่ได้ คนสูบบุหรี่ไปไกลๆ เนี่ยะ ถ้าลมเอามาก็ตาม อะไรมัน กลิ่นมันมาเข้าจมูกเนี่ยะ ซซซซ......( ทำท่าสูดหายใจเข้าเสียงดัง ) อย่างนี้แหละ สูบเอา มีแรง มีแรง ยังไม่ทันได้สูบนะ มีแรงแล้วเนี่ยะ มันติดเอาจริงๆ เนี่ยะ นี่แหละกิเลสน่ะ ให้เข้าใจว่ากิเลส


กิเลสไม่ใช่เป็นตัวเป็นตนนะ ไม่ใช่ย่าง(เดิน)มาอย่างคนธรรมดานี่น่ะ ไม่ใช่ย่างมาอย่างสัตว์ มันไม่เห็นตัวเห็นตนเลย อันนี้เรียกว่าญาณ ญาณปัญญา ปัญญาเข้าไปรู้หรือว่าญาณชั้นแรกเข้าไปรู้ สมมุติก็เหมือนกัน ญาณ ญาณเข้าไปรู้ ปัญญาเข้าไปรู้...













Create Date : 03 ตุลาคม 2550
Last Update : 3 ตุลาคม 2550 12:36:12 น. 1 comments
Counter : 589 Pageviews.

 
กิเลสตัวร้ายที่เราต้องกำจัดออกไป แต่มันยากมากๆเลยน้อยคนนักที่ทำได้


โดย: ยอพระกลิ่น วันที่: 3 ตุลาคม 2550 เวลา:13:28:36 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

แม่ไก่
Location :
ลำปาง Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 184 คน [?]




**หลังไมค์เจ้า**





Cute Clock Click!



เออสิ,มาอยู่ใยในโลกกว้าง
เฉกชลคว้างมาเมื่อไรไม่นึกฝัน
ยามจากไปก็เหมือนลมรำพัน
โบกกระชั้นสู่หนไหนไม่รู้เลย


รุไบยาต ~ โอมาร์ คัยยัม
สุริยฉัตร ชัยมงคล : แปล




Latest Blogs

~ท่านหญิงในกระจก/แสงเพลิง ~

~เพชรรากษส/อลินา ~

~มนตร์ทศทิศ/ราตรี อธิษฐาน ~

~เมื่อหอยทากมีรัก 1-2/"ติงโม่"เขียน/พันมัย แปล ~

~ให้รักระบายใจ/"ณกันต์"เขียน ~

~ผมกลายเป็นแมว/Abandoned/Paul Gallico เขียน(ภูธนิน แปล) ~

~พ่อค้าซ่อนกลรัก & หมอปีศาจแสนรัก/"หูเตี๋ย" เขียน(Wisnu แปล) ~

~อาจารย์ยอดรัก/"หูเตี๋ย" เขียน(Wisnu แปล) ~

~จอมโจรพยศรัก/"หูเตี๋ย" เขียน(Wisnu แปล) ~


สารบัญหนังสือ: รวมลิงก์หนังสือที่รีวิวในบล็อก # ๑ + ๒



Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add แม่ไก่'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.