~ ~★ ~ ~★ ~ ~★ วัดหง็อกเซิน และหุ่นกระบอกน้ำ ~ ~★ ~ ~★ ~ ~★




จากรอบที่แล้วที่พาไปเที่ยว ฮาลองเบย์และนั่งรถซิคโล่ (คลิกเพื่ออ่าน) แล้ว วันนี้จะพาไปเที่ยวต่อค่ะ



หลังจากที่ลงจากรถซิคโล่แล้ว บางคนก็เลือกจะช็อปปิ้งที่ตลาด 16 สาย
(เพราะรถซิคโล่จอดส่งให้บริเวณนั้นเลยค่ะ)

แต่เราน่ะพาลูกทัวร์บางส่วนไปวัดหงอกเซิน ซึ่งตั้งอยู่บนเกาะหยก กลางทะเลสาปคืนดาบค่ะ





สำหรับประวัติของทะเลสาปคืนดาบก็คือ


มีกษัตริย์เวียดนามชื่อกษัตริย์เลไทโต ได้รับดาบจากเต่าที่ทะเลสาปนี้ ไปต่อสู้กับข้าศึกชาวจีนที่มารุกราน จนชนะได้ในที่สุด แล้วก็มาล่องเรือ นำดาบมาคืนที่ทะเลสาปแห่งนี้ซึ่งก็มีเต่าตัวหนึ่งมาคาบดาบรับกลับคืนไปค่ะ







หากเดินเลียบริมถนนไปจากหน้าโรงละครหุ่นกระบอกน้ำ ก็จะเจอสิ่งต่างๆ ตามลำดับดังนี้นะคะ



ประตูแรกค่ะ (เราถามแพนด้ามหาภัยแล้วว่าพอจะอ่านได้หรือไม่ ปรากฏว่า หมีฯบอกว่า มันเป็นอักษรจีนก็จริง ทว่าเป็นการเรียงคำแบบเวียดนาม (คือเป็นภาษาเวียดนามโบราณที่ใช้อักษรจีนก่อนที่ชาวฝรั่งเศสจะมาถอดคำเป็นอักษรโรมัน จนกลายเป็นภาษาเวียดนามในปัจจุบันนี้น่ะค่ะ) เพราะฉะนั้นรู้ว่าตัวไหนแปลว่าอะไร แต่ไม่สามารถเรียบเรียงความหมายได้นะคะ แต่ถ้าท่านใดตีความได้เพิ่มเติม ก็สามารถคอมเม้นท์เพิ่มได้นะคะ)



ตัวอักษรสองฝั่งนั่น เคยรู้ความหมายค่ะ แต่ที่จดไว้หายไปไหนก็ไม่รู้

(เพิ่มเติมโดยแพนด้าฯ คห.ที่ 3 ด้านซ้ายแปลว่า วาสนา ด้านขวาคือ ความสุขค่ะ)







พอผ่านประตูแรกมาปุ๊บ ก็จะเจอเจดีย์บนกองหิน อันนี้ฟังไกด์ไม่ทันว่าแปลว่าอะไร เพราะเราเดินอยู่ท้ายเลย วิ่งไปฟังไม่ทัน











ถ้าเดินต่อไป ก็จะพบกับประตูที่สองค่ะ (แพนด้าฯ บอกว่า มีคำว่าประตูมังกรค่ะ)



สัตว์มงคลสองในสี่ของเวียดนามค่ะ มังกรกับเสือ (ถ้าจำไม่ผิด คือ อำนาจ กับ ยศฐาบรรดาศักดิ์ค่ะ) เวียดนามได้รับอิทธิพลของจีนค่อนข้างเยอะ โดยเฉพาะเวียดนามเหนือและกลางค่ะ






ด้านหลังประตูที่สองก็มีสัตว์อีกสองชนิด


นั่นก็คือ นกกระเรียน (ถ้าจำไม่ผิดนะ) กับปลาอะไรหว่า (คือจำสัตว์มงคลได้ไม่ครบชัวร์ๆ เลยไม่แน่ใจว่า ปลานี่เป็นหนึ่งในสี่สัตว์มงคลหรือเปล่านะคะ)
(หลายคนอ่านถึงตรงนี้เริ่มบ่นว่า ยายนี่มันรู้อะไรกับเค้าบ้างเนี่ย )









แล้วก็ยังมีประตูที่สามค่ะ ที่จริง ถ้าไม่เดินผ่าน 2 ประตู แต่เดินเลาะริมทะเลสาปจากตลาด 16 สายก็จะเจอประตูที่สามเลยได้นะคะ



ผ่านประตูสามปุ๊บ ด้านซ้ายมือจะมีป้อมสำหรับจำหน่ายตั๋วค่ะ สำหรับชาวต่างชาติเท่านั้น
(สมัยเรามาเวียดนามใหม่ๆ ไกด์ยังต้องไปจ่ายเงินอยู่เลย แต่เดี๋ยวนี้เห็นพาลูกทัวร์เดินผ่านไปเฉยๆ แล้วค่ะ)








จากนั้นก็ข้ามสะพานรับตะวัน หรือสะพานแสงอาทิตย์แล้วนะคะ จากกลางสะพาน หันไปทางซ้ายมือจะเห็นหอเต่าได้ด้วยค่ะ





(รูปหอเต่านี่ถ่ายตอนนั่งซิคโล่ค่ะ)








สุดปลายทางสะพานก็จะเจอประตูนี้ค่ะ
(เอ่อ..ใครมีความรู้เกี่ยวกับธรรมเนียมเวียดนามหรือจีนก็ได้ค่ะ ช่วยบอกหน่อยสิคะว่า ทำไมมันต้องมีประตูเยอะแยะขนาดนี้เนี่ย)










สองฝั่งประตู จะมีสัตว์สองชนิด ด้านขวาคือกิเลน (ถ้าจำไม่ผิดนะ ) ส่วนฝั่งซ้ายจะเป็นเต่าในตำนานที่เกี่ยวข้องกับทะเลสาปคืนดาบนี้เองเงงเงงเงง


เขียนว่า (ตั้งแต่บรรทัดนี้ไปอ้างอิงถึงแพนด้าฯ) ใจกลางทะเลสาบ (มี) เดือนเพ็ญส่องลงจากหอสูง (บนเต่า อักษรสี่ตัวคือ เทพเจ้า เต่า การเมือง ตำรา ค่ะ)




ลักษณะการใช้คำต่างๆ เหล่านี้เป็นลักษณะของคำโบราณแบบที่พวกนักปราชญ์หรือขุนนางใช้ค่ะ ภาษาจีนเรียกว่า เหวินเหยียนเหวิน (ภาษาวรรณคดี) ชอบใช้ ซึ่งชีวิตปัจจุบันไม่ค่อยได้ใช้คำเหล่านี้แล้ว

ถ้าเทียบกับภาษาไทยก็ประมาณถ้าปกติใช้ฟัง แต่ภาษาเหวินเหยียนเหวินจะใช้ สดับ ประมาณนั้นอะค่ะ








ส่วนนี่คืออาคารด้านใน ภายในอาคาร และด้านหลังก็จะมีเทพเจ้าอีกองค์ด้วยค่ะ







(ภาพเรียงลำดับจากอาคารด้านหน้าไปหลังสุดนะคะ)







จากนั้นออกมา หันหน้าเข้าอาคาร เดินไปที่อาคารฝั่งซ้ายมือ ก็จะพบกับเต่าสตาฟฟ์ไว้นะคะ ซึ่งก็จะมีเครื่องวัดน้ำหนักด้วย แล้วน้ำหนักเต่านี่จะลดน้อยลงเรื่อยๆ ค่ะ เพราะตัวเต่าจะแห้งขึ้นเรื่อยๆ(ตัวเครื่องวัดอยู่ตรงมุมตู้กระจกค่ะ เห็นมั้ยเอ่ย?)








และด้านหลังของตู้นี้เอง ก็จะมีรูปเต่าที่ยังมีชีวิตอยู่จริงๆ ซึ่งเป็นรูปที่มีชาวเวียดนามคนหนึ่งถ่ายไว้ได้ เค้าว่ากันว่า นานๆ ทีเต่าตัวนี้จะโผล่มาจากทะเลสาปซึ่งถ้าใครได้เห็นจะโชคดีมาก



เอิ๊กซ์ซ์ซ์ซ์ เงาสะท้อนฮึ่มเลย ขออภัยนะคะ










จากนั้นเราก็เดินกลับออกมาที่ศาลเจ้าฝั่งตรงข้ามวัด ซึ่งด้านในสงบเงียบมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก จนไม่คิดว่าอยู่ใกล้ถนน 36 สายขนาดนี้



(หลังศาลเจ้าอันนี้จะเป็นที่เค้าน์ดาวน์นับถอยหลังเมืองฮานอยครบ 1,000 ปีค่ะ แต่เราไม่ได้ถ่ายมา )




ไกด์บอกว่า เป็นศาลของคนที่ทำเรื่องการทอผ้าเป็นคนแรกให้กับมนุษย์ แต่พอเข้าไปแล้วถ่ายมา เราว่าไม่น่าจะใช่นา



(เหมือนเจ้าแม่กวนอิมนะคะ แต่ก็ไม่แน่ใจว่าใช่หรือเปล่า แหะๆ)









หลังจากนั้นก็ว่างค่ะ ก็เลยเดินเตร็ดเตร่ไปซื้อกาแฟที่ซุปเปอร์แถวๆ นั้น (เป็นมินิมาร์ทเล็กๆ ค่ะ แต่ใช้บัตรเครดิตได้ด้วยนะ) จากนั้นเดินผ่านร้านหนึ่งเห็นคนเยอะมั่กๆ ปรากฏว่าเป็นร้านขายเครื่องดื่มไข่มุก (ดังหลังไทยเราหลายปีอยู่นะนี่) ก็เลยลองซื้อชาไข่มุกเวียดนามกินค่ะ ที่ร้านนี้


ภาพนี้ย้อนกลับไปถ่ายตอนกลางคืนนะคะ พอดีตอนแรกถ่ายแต่แก้วมา






ราคาก็ 10,000 ด่องเป็นต้นไปค่ะ แล้วแต่ประเภทที่เลือก
(มีรายการและราคาเป็นภาษาอังกฤษแปะไว้ที่เคาน์เตอร์ค่ะ)






เราเลือกชาสีตุ่นๆ หน่อย อร่อยดีค่ะ










หลังจากนั้นก็ไปรับประทานอาหารเย็นค่ะ มีดนตรีเล่นด้วย อาหารอร่อยใช้ได้เลยค่ะนักร้องหน้าตาจิ้มลิ้ม เล่นเอาตอนขายของ หนุ่มๆ ยอมซื้อของแพงกันเป็นทิวแถว แต่เราชอบอาจารย์ผู้ชายที่สีซอมากค่ะ สุดยอดมาก(มือพลิ้วไหวสุดๆ อ้ะ)










อิ่มหนำสำราญแล้ว ก็กลับมาที่เดิมเพื่อดูหุ่นกระบอกน้ำกันค่ะ มีป้ายเตือนเช่นเคย เรื่องการนำกล้องเข้าไป ใช้กล้องวีดีโอและกล้องถ่ายรูปเสียค่าใช้จ่ายตามนี้นะคะ (ถ้าอยากทราบว่าราคาไทยเท่าไหร่ ก็เอา 400 หรือ 500 หารค่ะ (แล้วแต่อัตราแลกเปลี่ยนอะค่ะ)




แต่ห้ามใช้กล้องแบบมืออาชีพ (แบบเอาไปทำรายการทีวีได้อะค่ะ) นะคะ

แต่เท่าที่เห็น ใช้ได้กับชาวตะวันตกค่ะ ส่วนใหญ่คนไทย ไม่จ่ายแต่ก็ยังไปถ่ายกันอยู่ดี อืมม์...อะนะ









ภาพในหุ่นกระบอกน้ำ ไม่ได้โพสต์นะคะ เพราะคิดว่าส่วนใหญ่น่าจะเคยเห็นกันแล้ว แต่ขอเชียร์ให้ดูค่ะ ถ้าไปแล้วไม่ได้ดู ก็นับว่าน่าเสียดายมากๆ จริงๆ ก็จะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับวิถีชีวิตของคนเวียดนาม ตำนานทะเลสาปคืนดาบ ฯลฯ


สำหรับประวัติเรื่องการเล่นหุ่นกระบอกน้ำนั้น เนื่องจากเมื่อก่อน บริเวณนี้จะมีน้ำท่วมทุกปีแหละค่ะ (จากแม่น้ำแดง) เพราะฉะนั้น เมื่อน้ำท่วมบ่อยครั้งเข้า คนเวียดนามแถบนี้ก็เลยคิดการละเล่นเพื่อให้มีอะไรทำแก้เบื่อ ก็คือการเล่นหุ่นกระบอกน้ำนั่นเอง แต่ว่าเมื่อก่อน เค้าจะมีหมู่บ้านใครก็มีคณะของตัวเองนะคะ แต่หลังๆ ล้มหายกันไปเยอะ เพราะไม่ค่อยมีการถ่ายทอดกันง่ายๆ (เหมือนวิชาของไทยสมัยก่อนแหละค่ะ) จนกระทั่งมีการอนุรักษ์ขึ้น ก็เลยยังรักษาไว้ได้อยู่ค่ะ






สำหรับตอนนี้ก็แค่นี้ก่อนนะคะ


ครั้งหน้าจะพาชมพิพิธภัณฑ์ลุงโฮ เจดีย์เสาเดียวค่ะ









ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาชมนะคะ


235116/3562/276




Create Date : 03 กันยายน 2551
Last Update : 3 กันยายน 2551 14:14:26 น. 24 comments
Counter : 2528 Pageviews.

 
น่าเที่ยวนะคะเวียดนามบ้านใกล้เรือนเคียงเรานี่เอง
ไม่ไกลเดินสะดวกซะด้วย
ขอบคุณที่นำเที่ยวค่า


โดย: โมกสีเงิน วันที่: 3 กันยายน 2551 เวลา:9:30:21 น.  

 
ตามมาเที่ยวต่อค่ะ ชอบเต่าน้อยจังเลย น่ารักอ่ะ


โดย: เบบูญ่า วันที่: 3 กันยายน 2551 เวลา:11:52:49 น.  

 
เออ วันนั้นสงสัยข้อความนี้ไม่ผ่าน...
รูปแรก ตัวแดงซ้ายคือวาสนา ตัวแดงขวาคือความสุข

ลป. เรื่องหนังสือ บอกแขแล้วเรียบร้อย ไว้ว่างๆ คงได้นัดไปรับของกันอีกทีโฮก


โดย: แพนด้ามหาภัย วันที่: 3 กันยายน 2551 เวลา:12:04:45 น.  

 
เวียดนามมีอะไรให้เราได้ติดตามชมกันเยอะ
เลยนะคะ .. เกรงว่าไม่กี่ปี ตามไทย
ทัน เอ หรือว่าตอนนี้เค้าจะก้าวหน้าไปกว่า
ปท.ไทยเยอะแล้วหนอ .. เพราะว่าไทยเรา
มัวแต่ทะเลาะกันเอง คนอื่นเลยก้าวไกล
ไปกันหมดค่ะ ..

.......

ชอบชื่อทะเลสาบคืนดาบจัง ฟังดูไม่ซ้ำใคร
จะว่ามีความหมายตามชื่อและตำนาน
แล้วก็ถ้าเรียกชื่อเผินๆ ก็เพราะเหมือนกันนะคะ
แปลกดี ..


ชอบการไปเดินเลียบถนนแบบนี้จังค่ะ
เดินไปเรื่อยๆ ผ่านประตูหลายด่านมาก
คิดถึงหนังจีนซะงั้นค่ะที่แบบว่า .. ต้องผ่าน
เข้าไปแต่ละค่ายกล .. ฟังดูน่ากลัวแต่ว่า
ถ้าเรื่องท่องเที่ยวเราว่าเพลินดีค่ะ เพราะว่า
แต่ละประตูก็ไม่ซ้ำแบบกันเลย ...


โดย: JewNid วันที่: 3 กันยายน 2551 เวลา:12:39:56 น.  

 
เอ้อ แล้วน้องเต่านี่มีความหมายอะไรเป็นพิเศษมั้ยคะ
เค้าถึงได้สร้างหอไว้ขนาดนี้เลย


โดย: หัวใจสีชมพู วันที่: 3 กันยายน 2551 เวลา:13:29:32 น.  

 
เพื่อนผมที่ได้ไปก็เคยเล่าเรื่องทะเลสาปคืนดาบให้ฟังเหมือนกัน แต่ละท้องถิ่นก็มีตำนานน่าสนใจต่างๆกันไปนะครับ

แต่เวียดนามนี่น่าไปแฮะ ต้องลองแพลนดูซะแล้ว


โดย: แฟนผมตัวดำ วันที่: 3 กันยายน 2551 เวลา:14:31:49 น.  

 
ตอบคุณปลาเมนต์ 5 ค่ะ

เต่านี้เชื่อกันว่าจักรพรรดิองค์หนึ่งของเวียดนาม ต่อสู้กับกองทัพจีนสมัยราชวงศ์หมิงแล้วชนะ พระองค์ได้ดาบวิเศษจากเต่ายักษ์ในทะเลสาบแห่งนี้ค่ะ

พอจีนแพ้และเวียดนามเป็นเอกราช วันหนึ่งจักรพรรดิเสด็จล่องเรือชมทะเลสาบ เต่าก็โผล่มาเอาดาบคืนก่อนจะหายตัวไปในน้ำ เต่าสตาฟฟ์ที่เห็นในตู้นั่นก็เป็นเต่ายักษ์จริงๆ แต่คนเวียดนามเขาก็ยังเชื่อกันว่า ตัวที่เอาดาบไป ยังอยู่ในทะเลสาบค่ะ หุหุ


โดย: แพนด้ามหาภัย วันที่: 3 กันยายน 2551 เวลา:15:45:20 น.  

 
อ่า ทราบความสำคัญของเต่าแล้วค่ะ
มือมันไวเลื่อนลงมาเร็วไปหน่อย
เลยข้ามตรงนั้นไปพอดี

ขออภัยนะคะ


โดย: หัวใจสีชมพู วันที่: 3 กันยายน 2551 เวลา:18:26:27 น.  

 
+ โทษทีครับครูเต้ย ... พี่เพิ่งอัพบล็อกตัวเองตอนบ่ายอ่อนๆ แต่กว่าจะได้มาอ่านหน้านี้ก็เย็นซะแล้น แหะๆ

+ โห! แค่นี้รายละเอียดก็เพียบแล้วครับ ... ถ้าอย่างครูเต้ยเรียกว่า 'รู้อะไรบ้างมั้ยเนี่ย' ของพี่ก็คงเป็นพวก dumb & dumber ไปเลยจิครับนั่น ... สักแต่ถ่ายๆๆ รูปเข้าไป ไกด์อธิบายก็เดินตามไปฟังไม่ค่อยทัน เลยเรียกอะไรไม่ค่อยถูก แทบไม่เหลือข้อมูลอะไรมาอัพลงบล็อกเลยอ่า เหอๆๆ

+ ของพี่ ตรงทะเลสาบคืนดาบกับพิพิธภัณฑ์ลุงโฮฯ อาจลงรวมๆ เป็นตอนหน้าเลย ไม่แน่ใจเหมือนกัน เด๋วขอดูการย่อ-จัดการรูปก่อนอ่ะครับ ว่าจะทำได้แค่ไหน (แต่ข้อมูล คงต้องให้ผู้อ่าน มาหาอ่านเอาจากบล็อกนี้เหมือนเดิม อุๆ อิๆ )

+ เรื่องประตูนี่ พี่ถ่ายมาไม่ครบทุกอันด้วยซ้ำ (แบบว่าไม่รู้ความสำคัญ) เหอๆ
+ ตรงป้อมเก็บตังค์ ตลกดีตรงที่เย็นวันที่ 2 ตอนแรกคณะเล็กของพี่ (ทั้ง 4 คน) จะเดินผ่านได้อยู่แล้ว ปรากฏว่าไม่ผ่านตรงพี่เขย (หน้าเค้าไม่ออกจีนเหมือนบ้านพี่อีก 3 คน) ก็เลยต้องถอยหลังกันกลับ ... แล้วรอติดตามคณะใหญ่เข้าไปเที่ยวในตอนสายของวันที่ 3 อ่ะครับ (แหม! เกือบแอ๊บต่างชาติได้แล้วเชียว เหอๆ)

+ เรื่องถ่ายรูปเต่ายักษ์ในทะเลสาบ เค้ามีการตั้งรางวัลไว้ด้วยนะครับ ว่าถ้าใครถ่ายได้จะได้เงินเป็นจำนวนเท่านี้ (แต่ทุกวันนี้ ภาพนั้นก็ยังคงเป็นภาพสุดท้ายละมั้ง ที่มีคนถ่ายไว้ได้อ่า)

+ ตรงศาลเจ้าฝั่งตรงข้าม พี่ไม่ได้เข้าไปข้างในแฮะครับ แต่ป้ายฮานอยพันปี ถ่ายมาด้วยแหละ เด๋วคงได้เอาลงบล็อกตอนหน้าจ้า

+ หุ่นกระบอกน้ำ ชอบเหมือนกันอ่า น่ารักดี ไม่เหมือนที่ไหน (ถึงแม้จะดูอลังสู้หลายๆ ศิลปะของบ้านเราไม่ได้ก็ตามที)

+ รออ่านตอนหน้าต่อจ้ะ


โดย: บลูยอชท์ วันที่: 3 กันยายน 2551 เวลา:18:41:32 น.  

 
แวะมาเที่ยวด้วยคน


โดย: คนขับช้า วันที่: 3 กันยายน 2551 เวลา:23:15:52 น.  

 
น่าไปเที่ยวค่ะ
ตามมาบอกหนังสือ เรื่องปลูกฝันไว้ในแผ่นดิน : สำนักพิมพ์ บริษัทฟ้าอภัยจำกัด ลูเซีย บาเกดาโน่ เขียน,รัศมี กฤษณมิษ แปล (จำนวน 168 หน้า ราคา 80 บาท) ค่ะ ขอบคุณที่ไปเยี่ยมนะคะ


โดย: sangseetong วันที่: 3 กันยายน 2551 เวลา:23:39:31 น.  

 
+ แหะๆ เรื่องรูปนั่น ปนๆ กันมาจาก 2 กล้องเลยนะครับ คือกล้องพี่เอง (ส่วนใหญ่ถ่ายวิว) กับกล้องพี่เขย (ส่วนใหญ่ถ่ายคน) แต่ที่ตลกคือดันออกมาเป็นสีซีดๆ realistic เหมือนกันทั้ง 2 กล้องเลยเนี่ยแหละ ... ถ้าจะให้สีสดใส รูปสวยโดดเด้งเหมือนรูปโปสการ์ด คงต้องเปลี่ยนไปใช้กล้อง SLR และพัฒนาฝีมือการถ่ายให้ขึ้นไปสู่ระดับตามหลังน้องหมีชุนให้ได้ละมังครับ
+ แต่รูปครูเต้ยที่ถ่ายมา ก็สวยใช่หยอกนะครับ ของพี่ซะอีก ดูสีซีดๆ ไงมะรุ แถมย่อรูปซะจนเหลือจิ๊ดเดียวเองอ่า


โดย: บลูยอชท์ วันที่: 4 กันยายน 2551 เวลา:11:56:34 น.  

 
ขอบคุณที่พาเที่ยวเวียตนามนะคะ ดูแต่รูปก่อนพาไปชิมกาแฟ นึกว่าสาวไกด์พาไปเที่ยวเมืองจีนซะอีกค่ะ เพราะตัวอักษรเป็นภาษาจีนทั้งนั้นเลย


โดย: haiku วันที่: 4 กันยายน 2551 เวลา:14:08:00 น.  

 
มาเยี่ยมเยียนยามบ่ายๆคะ


โดย: sawkitty วันที่: 4 กันยายน 2551 เวลา:15:37:09 น.  

 
มาเยี่ยมเยียนค่ะ
ไม่เจอกันนาน

พาเราไปเที่ยวซะแล้ว
แต่เครื่องดนตรีที่อยู่หน้าผู้ชาย
เหมือนโปงลางบ้านเราเลย

เสียงคล้ายกันป่าวค่ะ


โดย: penguinbear (penguin_bear ) วันที่: 4 กันยายน 2551 เวลา:19:10:38 น.  

 
มาเที่ยวด้วยอีกค่า หนุกดี


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 4 กันยายน 2551 เวลา:23:13:38 น.  

 

คลิกที่รูป เพื่อเอาโค้ดรูปนี้ไปแปะ

หวัดดีจ้า


ขอให้มีความสุขในวันสุดสัปดาห์ที่จะมาถึงนะคะ
ขอบคุณที่พาไปเที่ยวนะคะครูเต้ย



โดย: หอมกร วันที่: 5 กันยายน 2551 เวลา:8:28:13 น.  

 
สวยน่าไปเที่ยวจังค่ะ

ชาไข่มุกก็มีขายที่โน่นด้วยเหรอคะ
(ชอบกิน)


โดย: ศรีสุรางค์ วันที่: 5 กันยายน 2551 เวลา:11:18:49 น.  

 
ไปเวียดนามมาเหรอคะ เท่าที่ดูในรูปแล้วแถวโน้นดูร่มรื่นดีนะคะ ออกแนวจีนด้วยเนาะ แก้วนั้นเรียกชาไข่มุกใช่ป่ะคะ


โดย: sailamon วันที่: 5 กันยายน 2551 เวลา:14:04:45 น.  

 
อ๊ะ ไปเที่ยวมานี่นา (แอบอิจฉาเล็กน้อย)
เห็นภาพตอนแรกนึกว่าจีนซะอีกค่ะ

จขบ. เก็บรายละเอียดที่เที่ยวดีนะคะ เวลาเราเที่ยว ไม่ค่อยได้อะไรมาเลยค่ะ แบบว่าผ่านมาแล้วก็ผ่านไปจริง ๆ


โดย: ยาคูลท์ วันที่: 7 กันยายน 2551 เวลา:7:29:07 น.  

 
ง่ะ แล้วคุณสาวไกด์ได้จ่ายตังค์ค่าถ่ายรูปป่าวเอ่ย

ดูจากค่าน้ำแล้วอาหารคงไม่ค่อยแพงเท่าไหร่นะที่นี่


โดย: LEE (lyfah ) วันที่: 7 กันยายน 2551 เวลา:17:52:43 น.  

 
ตามมาเที่ยวด้วยคนค่า


โดย: แมวเอิง วันที่: 8 กันยายน 2551 เวลา:6:58:32 น.  

 
ดีจังนะ ดูบรรยากาศแล้วเหมือนไป 2 ประเทศ
จีน + เวียดนาม .. อิอิ

-- วันเสาร์ไปงานหนังสือลดราคากับแขที่ DABT อีกแฟ้ววววว ..
อ้อ! เจอกันคราวหน้าขอยืมนาร์เนียเล่ม 1 มาลองชิมหน่อยจิ ตอนแรกกะยกชุดแต่ตังค์หมด

=)


โดย: hunjang วันที่: 8 กันยายน 2551 เวลา:8:13:50 น.  

 
ปล. อ่านเทวาจบแระ ..
มันส์มากกก เฮียแลงดอนสุดยอดดด

=)


โดย: hunjang วันที่: 8 กันยายน 2551 เวลา:8:16:26 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สาวไกด์ใจซื่อ
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 203 คน [?]




ชอบอ่านหนังสือและดูหนังค่ะ ตอนนี้ทำงานด้านการท่องเที่ยวอยู่ นิสัยดีบ้างร้ายบ้าง แล้วแต่สภาวการณ์และคนที่เจอ


เนื้อหาและรูปภาพทั้งหมดในบล็อกสงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย ไม่อนุญาตให้นำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของบล็อก


ติดต่อเจ้าของบล็อกได้ที่ theworpor@yahoo.com
หรือ
https://www.facebook.com/saoguide






Group Blog
 
<<
กันยายน 2551
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
3 กันยายน 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add สาวไกด์ใจซื่อ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.