* + * + * + * + * วัดพระธาตุแช่แห้ง จ.น่าน พระธาตุประจำปีเถาะ * + * + * + * + *







สวัสดีค่ะทุกท่าน



หลังจากปิดรีวิวอาหารไปแล้วเมื่อวันพุธ

และรีวิวที่เที่ยวคั่นไปแล้วกับพิพิธภัณฑ์พระพิฆเณศและถนนคนเดินวัวลาย(คลิกเพื่ออ่าน)








วันนี้จะมารีวิวที่เที่ยวของจ.น่านกันบ้างค่ะ ซึ่งที่ไปทั้งหมดก็มีวัดต่างๆ จำนวน 3 วัดตามหัวข้อ ซึ่งจะขอรีวิวตามลำดับของการได้ไปชมนะคะ (นั่นก็คือ วัดพระธาตุแช่แห้ง วัดภูมินทร์และวัดมิ่งเมืองค่ะ)

ที่จริงแล้วจ.น่านมีที่เที่ยวทางธรรมชาติอันงดงามมากๆ นะคะ แต่ไปคราวนี้ เนื่องด้วยเวลาอันจำกัดและสังขารอันไม่อำนวย จึงไม่สามารถที่จะไปสัมผัสและชื่นชมกับธรรมชาติได้เลยค่ะ ได้แต่ไปวัดเท่านั้น แหะๆ



ซึ่งก็ขอเปิดตัวด้วยพระธาตุประจำปีเกิดตัวเองค่ะ


วัดพระธาตุแช่แห้ง



















วันนั้นเช็คเอาท์ออกจากน่าน บูติก โฮเทล เรียบร้อยแล้ว เราก็อิงแผนที่เมืองน่านที่ได้มาเป็นหลัก ก็มาวิ่งถนนสุมนเทวราช (มั้งนะ) วิ่งตรง จนกระทั่งมาเจอแยกหนึ่ง (ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นรูปแรกที่ถ่ายมา) ก็เลี้ยวซ้ายขึ้นไป เพื่อข้ามสะพานพัฒนาภาคเหนือค่ะ

ระหว่างทางวันนั้นมีขบวนเด็กๆ เดินกันด้วย ไม่รู้ว่าเกี่ยวอะไรกับงานยี่เป็ง ณ วันนั้นหรือเปล่านะคะ






















ระหว่างข้ามสะพาน ก็เห็นว่าทางด้านซ้ายมือมีการตระเตรียมงานยี่เป็งอยู่ค่ะ เห็นแล้วก็ให้เสียดายว่า น่าจะลาเพิ่มอีกสักวันนะนี่




















จากนั้นก็วิ่งไปตามทางเรื่อยๆ แหละค่ะ (ถ้าจำไม่ผิด มีป้ายบอกอยู่นะคะ)

จนถึงแยกนี้ก็คือใกล้ถึงแล้วค่ะ

วัดนี้จะอยู่ตรงสามแยกนี้พอดี (จะว่า T ตันก็ไม่เชิงนะ ประมาณตัว Y มากกว่าค่ะ)

ซึ่งก็แปลกที่ทั้งวัดพระธาตุช่อแฮ และวัดพระธาตุแช่แห้งนี่ อยู่ตรงสามแยกคล้ายกันทั้งคู่เลยค่ะ




















ด้วยความไม่รู้ฮ่ะ เห็นลานจอดอยู่ตรงข้ามฝั่งถนนของวัด ซึ่งก็กว้างขวางพอสมควรก็จอดตรงนี้เลย
(ที่จริงข้างบน ตรงข้างๆ วัดเลยก็มีที่จอดค่ะ แหะๆ)





















จากนั้นเราก็เดินข้ามถนนไปฝั่งตรงข้ามค่ะ

ผ่านเอ่อ..จะเรียกว่าบันไดนาคก็ไม่ได้เนาะ ทางเดินนาคแล้วกันค่ะ ขึ้นเนินไปนิดหน่อย

จะเห็นตัวพระธาตุอยู่ไม่ไกลแล้ว




















ซึ่งนาคที่นี่ แปลกแตกต่างจากวัดทางเหนือที่เราเคยเห็นคือ

ไม่มีตัวมกร - หรือตัวสางห่าคายเขาออกมาน่ะค่ะ

ปกตินาคของวัดทางเหนือ จะต้องโผล่พ้นออกมาจากตัวมกรง่ะ แต่ที่นี่ไม่ยักใช่แฮะ






















เดินขึ้นเนินไปสักพักหนึ่ง ก็เห็นตัวองค์พระธาตุองค์ใหญ่อีกองค์ แต่ดูเก่าๆ ไม่รู้ว่ามีความสำคัญอย่างไรนะคะ

อยู่ด้านขวามือ (เมื่อหันหน้าเข้าพระธาตุ) ด้านหลังกำแพงนาคเลยค่ะ



















จากนั้นก็เดินไปอีกหน่อย ก็เห็นตัวองค์พระธาตุอย่างค่อนข้างชัดเจนแล้วค่ะ

เป็นสีทองอร่ามสวยงามทีเดียว






















กำลังจะเดินเข้าไป แต่พอหันไปทางซ้ายก็เจอวิหารหลังหนึ่งค่ะ ซึ่งก่อนลงจากรถ เราก็อ่านข้อมูลมาว่า ที่วัดนี้มีวิหารหลวงซึ่งมีความน่าสนใจคือ ตรงกลางหลังคาทำเป็นส่วนหางของนาสองตัวเกี่ยวกระหวัดขึ้นไปสามชั้น

ซึ่งหลังนี้ก็ทำเหมือนกัีนค่ะ แต่ยังไม่ใช่วิหารหลวงหรอกนะคะ แหะๆ เราเข้าใจผิดเอง

ที่จริงตรงนี้เป็นวิหารพระนอนค่ะ




















ตรงทางเดินเข้า มีรูปปั้น เหมือนจะเป็นเทวดา กับยักษ์ เป็นผู้เฝ้าอยู่ด้วยค่ะ






















ทางขวามือก่อนจะเดินเข้าไป มีต้นโพธิ์ใหญ่ และพระพุทธรูปอยู่รายรอบด้วยนะคะ





















ประวัติของพระธาตุแช่แห้งค่ะ


ถ้าเอาแบบย่อๆ ตามหนังสือที่เราอ่านมานะคะ (อ้างอิงจากหนังสือจ.น่านของนายรอบรู้ สนพ.สารคดีค่ะ) ก็มีประวัติดังนี้ค่ะ

พระธาตุองค์นี้สร้างขึ้นระหว่างปี พ.ศ. 1896-1902 เจ้าพระยาการเมือง เจ้าผู้ครองนครปัวได้เดินทางไปช่วยพระยาโสปัตตกันทิ ผู้ครองเมืองสุโขทัยเพื่อสร้างพระธาตุหลวง พระยากรุงสุโขทัยจึงได้มอบพระธาตุ พระพิมพ์เงิน และพระพิมพ์ทองให้เพื่อตอบแทนน้ำใจ เจ้าพระยาการเมืองได้อัญเชิญพระธาตุและพระพิมพ์มายังเมืองปัว แล้วสร้างพระธาตุแช่แห้งบนยอดดอยภูเพียงแช่แห้งขึ้นประดิษฐานองค์พระธาตุค่ะ

ส่วนที่มาของชื่อดอยว่าแช่แห้งนั้นมีอยู่ว่า ในอดีตนั้น สมเด็จพระสัมมาพระพุทธเจ้าเสด็จมาประทับสรงน้ำที่ริมฝั่งแม่น้ำน่านทางทิศตะวันออก และเสวยผลสมอแห้ง ซึ่งพระยามลราชนำมาถวาย แต่ผลสมอนั้นแห้งมาก พระพุทธเจ้าจึงทรงนำผลสมอนั้นไปแช่น้ำก่อนเสวย และทรงพยากรณ์ว่า ต่อไปในภายภาคหน้าจะมีผู้นำพระบรมสารีริกธาตุมาประดิษฐาน จึงเรียกบริเวณนั้นว่าดอยแช่แห้งต่อมาค่ะ




















มองไปทางขวาก็จะเจอทางเข้าแล้วนะคะ จะเข้าต้องถอดรองเท้าก่อนนะคะ

ถ้าใครนุ่งสั้นมา ก็มีผ้านุ่งให้นุ่งด้วยค่ะ อยู่บนโต๊ะทางขวามือของภาพ























เข้าไปปุ๊บก็เจอกับองค์พระธาตุเลยค่ะ สีทองสุกอร่ามมากๆ



















หันไปทางขวามือก็จะเจอกับวิหารหลวงแล้วค่ะ

จะเห็นว่า ตรงกลางสันหลังคาเป็นหางนาคสองตัวเกี่ยวกระหวัดกันตามที่หนังสือบอกนะคะ

หนังสือบอกว่า เป็นศิลปกรรมที่ได้รับอิทธิพลจากล้านช้างที่หาดูได้ยากในปัจจุบันด้วยค่ะ



















หันไปทางซ้ายมือ ก็จะเจอที่ให้นมัสการพระธาตุได้ค่ะ

ที่จำหน่ายธูปเทียน ก็อยู่ใกล้ๆ กันนะคะ ทำบุญตามศรัทธาค่ะ






















หลังจากเราสักการะเรียบร้อยแล้ว (มีคำสวดบูชาองค์พระธาตุ) เวียนทักษิณาวัตร (ตามเข็มนาฬิกา) 3 รอบ ก็เริ่มไปทำบุญอย่างอื่นค่ะ


อย่างอันนี้ก็มีทำบุญกระเบื้องมุงหลังคา แผ่นละ 49 บาทเองอ้ะ ถูกกว่าวัดอื่นที่เคยเจอแฮะ เลยทำไปกับคุณสามีคนละแผ่นค่ะ (ต่างฝ่ายต่างทำให้ครอบครัวตัวเองด้วยน่ะค่ะ แหะๆ)





















ปกติที่อื่้นก็จะมีแบบ บริจาคด้วยเงินเฉยๆ ไปเลย หรือใช้สีเมจิคเขียนกระเบื้อง


แต่ที่นี่ใช้เป็นเขียนบนกระดาษแล้วเอาแปะที่แผ่นกระเบื้องค่ะ ส่วนเงินก็หยอดใส่ตู้นะคะ





















จากนั้นก็ไปทำบุญถวายข้าวสารต่อค่ะ (ปีนี้คุณสามีเขาชงง่ะ เลยพาทำบุญเยอะหน่อย แหะๆ) ถุงละ 50 บาทค่ะ ก็หยอดเงินใส่ตู้เหมือนเดิม เขียนชื่อแล้วแปะที่ถุงข้าวสารเช่นกันค่ะ
























จากนั้นก็เดินไปทางขวามือก็จะเจอศาลาอีกหลังค่ะ เป็นที่ประดิษฐานพระเจ้าทันใจค่ะ

พระเจ้าทันใจนี่ จะต้องเป็นพระพุทธรูปที่ทำการสร้างให้เสร็จภายในวันเดียวนะคะ























ตัวองค์พระธาตุคุ่ะ เทียบกับตัวคนแล้วคงพอจะประมาณการได้ว่า องค์จริงสูงประมาณไหนนะคะ

จะเห็นว่ามีการถวายผ้าห่มองค์พระธาตุด้วยค่ะ



















จากนั้นเราก็เดินไปที่วิหารค่ะ เห็นคันทวย (ตัวเชื่อมระหว่างหลังคากับผนัง) แกะสลักสวยดีค่ะ






















ด้านหน้าวิหารมีสิงห์ปูนปั้นอยู่ค่ะ ทางเหนือมักจะมีสิงห์ ถ้าไม่อยู่หน้าวิหารก็หน้าวัด

มีตำนานเรื่องแม่สิงห์ด้วยนะคะ ที่ลูกบุญธรรมฆ่าแม่สิงห์ เลยบอกว่า จะขอไถ่โทษด้วยการสร้างสิงห์ไว้ที่หน้าวัดค่ะ

แต่ถ้าไม่เอาตำนาน หนังสือท่านก็บอกว่า เป็นศิลปะแบบพม่าค่ะ



















เหนือกรอบประตู จะเป็นนาค 8 ตัวซ้อนกระหวัดกันค่ะ แปลกตาดี





















พอดีวันนั้นในตัววิหารหลวง มีงานพิธีอะไรสักอย่างอยู่ค่ะ

เราเลยไม่ได้เข้าไปกราบพระเลย ได้แต่ขออนุญาตท่านแล้วก็ถ่ายรูปมาให้นะคะ เสียดายอยู่เหมือนกัน






















จากนั้นคุณชายก็กวักมือเรียก บอกว่า ถ่ายรูปแบบที่ปกหนังสือสิ

ก็เลยได้เก็บรูปนี้ (แต่แบบติดคนมาด้วย) มาให้ดูักันค่ะ






















จะเห็นว่า หลังคาจั่วซ้อนกันสามชั้นนะคะ การสร้างลักษณะนี้เป็นศิลปะแบบล้านนาค่ะ




















จากนั้นเราก็เดินกลับไปที่ลานจอดรถค่ะ จะเห็นว่าขึ้นเนินมาไม่สูงมาก ไม่เท่าพระธาตุแช่แห้งที่ต้องขึ้นบันไดไปสูงๆ นะคะ




















แต่พอไปถึงรถก็นึกออกว่า ไม่ได้บูชาวัตถุมงคลมาเลยนี่นา ไม่ได้แล้วๆ

คุณชายก็เลยบอกว่า เดี๋ยวขับขึ้นไปจอดที่ลานด้านบนข้างๆ วัดเลยแล้วกัน เมื่อกี๊เห็นมีที่จอดอยู่ ก็เลยขับขึ้นไปเลยค่ะ เหมือนๆ จะเป็นโรงเรียนแหละค่ะ ถ้าใครขับรถมาเอง จอดตรงนี้เดินใกล้กว่านะคะ (แต่จะไม่ได้ผ่านทางเดินนาคน่ะค่ะ)





















จากนั้นก็เดินเข้าไปดูวัตถุมงคลค่ะ

ก่อนออกมา น้องที่น่านบูติกบอกว่า อย่าลืมจุดเทียนที่ไม่มีน้ำตาของที่นี่ด้วย (คือน้ำตามันจะถูกเผาหมดไปเลยน่ะค่ะ) ซึ่ง..ก็ลืมเช่นกัน พอกลับมาบูชาวัตถุมงคล ก็เลยได้เห็นแล้วก็นึกออก ก็เลยได้จุดกันค่ะ แหะๆ
























ก็ได้บูชาตัวองค์พระธาตุจำลองแบบนี้มาค่ะ ที่จริงมีพระด้วย แต่เราอยากได้ตัวพระธาตุไปไว้ไหว้รำลึกที่บ้านน่ะค่ะ



















สำหรับการรีวิววัดพระธาตุแช่แห้งก็ขอจบแต่เพียงเท่านี้นะคะ หวังว่าคงพอเป็นประโยชน์สำหรับท่านที่มาอ่านและคิดว่าจะไปกันบ้างนะคะ แต่ตัวพระธาตุจะอยู่ห่างจากตัวเมืองไปพอสมควรค่ะ ไม่แน่ใจว่า ถ้าไม่มีรถส่วนตัวไป จะต้องหารถไปได้ยังไงนะคะ

ก่อนจะจบบล็อกวันนี้ก็ขอให้ข้อมูลเรื่องพระธาตุประจำปีเกิด (ตามความเชื่อของล้านนา) เพิ่มเติมแล้วกันนะคะ


ปีชวด - พระธาตุศรีจอมทอง จ.เชียงใหม่
ปีฉลู - พระธาตุลำปางหลวง จ.ลำปาง
ปีขาล - พระธาตุช่อแฮ จ.แพร่
ปีเถาะ - พระธาตุแช่แห้ง จ.น่าน
ปีมะโรง - วัดพระสิงห์ จ.เชียงใหม่
ปีมะเส็ง - เจดีย์พุทธคยา อินเีดียว
ปีมะเมีย - เจดีย์ชะเวดากอง พม่า
ปีมะแม - พระธาตุดอยสุเทพ จ.เชียงใหม่
ปีวอก - พระธาตุพนม จ.นครพนม
ปีระกา - พระธาตุหริภุญชัย จ.ลำพูน
ปีจอ - พระูเกศแก้วจุฬามณี สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ (หรือไปที่วัดเกตุการาม จ.เชียงใหม่แทนได้ค่ะ)
ปีกุน - พระธาตุดอยตุง จ.เชียงราย












ขอบคุณทุกท่านที่แวะมานะคะ

580082/4496/410




Create Date : 08 มกราคม 2553
Last Update : 8 มกราคม 2553 16:37:05 น. 15 comments
Counter : 4946 Pageviews.

 
เห็นแล้วอยากกลับบ้านจัง


โดย: lovely_ung วันที่: 8 มกราคม 2553 เวลา:9:10:38 น.  

 

แวะมาไหว้พระธาตุตรงนี้ได้เลย..สาธุ

ชัดเจนและหลากหลายมุมมอง..จุใจ


Happy Children's Day


โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 8 มกราคม 2553 เวลา:9:16:17 น.  

 
งั้นเราต้องไปพระธาตุศรีจอมทองที่เชียงใหม่ละสิเนี๋ย อิอิ แต่อยากไปดอยตุงเชียงรายอ่ะ แง แง..



More Graphics Comment click here.


โดย: ตัวp_box วันที่: 8 มกราคม 2553 เวลา:10:40:22 น.  

 
เพิ่งไปไหว้มาค่ะ เมื่อวันขึ้นปีใหม่ เพราะเราก็เกิดปีเถาะเหมือนกับ จขบ เลย อิอิ
ขอให้มีแต่ความสุขนะคะ


โดย: Princess Lily วันที่: 8 มกราคม 2553 เวลา:12:35:12 น.  

 
ไหว้ผ่านบล็อกจะได้มั๊ยน๊า
ปีเถาะเหมือนกันอ่ะนะ


โดย: คุณย่า วันที่: 8 มกราคม 2553 เวลา:12:54:41 น.  

 
เราคงจะได้ไปเยือนเหมือนกันล่ะคะ
เพราะตั้งใจเอาไว้แล้วว่าจะไปไหว้พระธาตุ
เดือนเกิดสักหน่อย แต่ว่าจะได้ไป
เมื่อไหร่หนอ รอเวลาอีกแป๊ปๆ ค่ะ

วันนี้เลยได้อ่านแบบอิ่มเอมเลย เหมือนว่า
ถ้าได้ไปแล้วคงจะไม่พลาดเพราะว่า
มาอ่านบล็อกของคุณสาวไกด์เหมือนได้ไกด์
มากมายเลยคะ


โดย: JewNid วันที่: 8 มกราคม 2553 เวลา:14:29:44 น.  

 
กลับไปจะไปเล่งเน่ยยี่...


โดย: แพนด้ามหาภัย วันที่: 8 มกราคม 2553 เวลา:20:47:33 น.  

 
แวะมาไหว้พระเที่ยววัดครับผม



ปล. โครงการถนนเส้นนี้มีมิตรภาพคงมีไปเรื่อยๆอ่ะครับ
ส่วนผมก็คงจะเขียนไปเรื่อยๆ
พยายามจะไม่ให้พลาดสักครั้งแหละครับ


โดย: ไอซ์คุง (ปีศาจความฝัน ) วันที่: 8 มกราคม 2553 เวลา:22:57:18 น.  

 
มาไหว้พระด้วยคนค่ะ

ตอนนู้นที่มีโอกาสได้ไปเชียงใหม่ ก็คิดเหมือนกันค่ะว่า เอ...พระธาตุประจำปีเกิดคือที่ไหนน้าาา (เพื่อน ๆ ในกลุ่มก็เกิดปีไล่ ๆ กันหมดล่ะค่ะ) แต่ก็นึกไม่ออก เลยอดไหว้พระธาตุประจำปีเกิดเลย


โดย: :D keigo :D วันที่: 8 มกราคม 2553 เวลา:23:34:08 น.  

 

ขอบคุณที่นำมาฝากจ๊ะ


โดย: อุ้มสี วันที่: 9 มกราคม 2553 เวลา:0:23:48 น.  

 
ตามไปเที่ยวด้วยค่ะ พระธาตุแช่แห้งเป็นอีกสถานที่ที่อยากไปมาก แต่ยังไม่ได้ไปเลย

แล้วมาขอคะแนนโหวตให้โครงการ Wish u happy crochet contest ด้วยนะค่ะ ของเราหมายเลข 2


โดย: Roseshadow วันที่: 9 มกราคม 2553 เวลา:6:53:21 น.  

 
ขอบคุณสำหรับรีวิวค่ะและก็ข้อมูลพระธาตุประจำปีเกิด

ของเราเนี่ย น่าจะเคยไปมาแล้วเหมือนกันนะ ปีมะโรงอะค่ะ

มาสวัสดีปีใหม่ค่ะ ขอให้สุขภาพแข็งแรงค่ะ


โดย: cottonbook วันที่: 9 มกราคม 2553 เวลา:17:28:58 น.  

 
มาเก็บข้อมูล เตรียมไปน่าน


โดย: kp ข้าวโพด วันที่: 10 มกราคม 2553 เวลา:16:10:24 น.  

 
นี่คืออีกที่ที่ผมอยากไปแต่ไม่มีโอกาสครับพี่ แต่พี่ลองอ่านดูรายนามสิครับ พระธาตุปีเกิดตามคติชาวล้านนา

มีให้ไหว้ที่ จุฬามณี ดาวดึงส์ ผมว่าแปลก ๆ อ่ะ แม้ให้ไหว้ที่อื่นแทนได้ แต่ตอนแรกเนี่ย ใครคิด

ผมว่าถ้าไม่เปลี่ยนหรือให้ไหว้ที่เชียงใหม่แทน ใครเกิดปีจอต้องตายก่อนถึงจะได้ไหว้พระธาตุปีเกิดตัวเองอ่ะ

อรุณสวัสดิ์นะครับพี่


โดย: พยัคฆ์ร้ายแห่งคลองบางหลวง วันที่: 11 มกราคม 2553 เวลา:6:20:18 น.  

 
กลุ่มเพื่อน 5.63 โรงเรียนอุตรดิตถ์ ขอเชิญร่วมงานสังสรรค์ประจำปี 2554 ณ ร้านอาหารครัวริมชล อำเภอเมือง จังหวัดอุตรดิตถ์ วันเสาร์ที่ 19 ก.พ. 2554 เวลา 18.00 น. เป็นต้นไป


โดย: กลุ่มเพื่อน 5.63 อ.ต. IP: 210.246.186.9 วันที่: 9 ธันวาคม 2553 เวลา:6:39:28 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สาวไกด์ใจซื่อ
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 203 คน [?]




ชอบอ่านหนังสือและดูหนังค่ะ ตอนนี้ทำงานด้านการท่องเที่ยวอยู่ นิสัยดีบ้างร้ายบ้าง แล้วแต่สภาวการณ์และคนที่เจอ


เนื้อหาและรูปภาพทั้งหมดในบล็อกสงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย ไม่อนุญาตให้นำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของบล็อก


ติดต่อเจ้าของบล็อกได้ที่ theworpor@yahoo.com
หรือ
https://www.facebook.com/saoguide






Group Blog
 
<<
มกราคม 2553
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
8 มกราคม 2553
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add สาวไกด์ใจซื่อ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.