Group Blog
 
All blogs
 

Ngong Ping 360 องศา



เรามาที่เกาะลันเตา (Lantau Island) เพื่อขึ้นกระเช้า Ngong Ping 360 องศา แต่ก่อนจะขึ้นกระเช้า เดินข้ามสะพานไปยังห้าง City Gate เพื่อไปทานอาหารมื้อกลางวัน (ที่ค่อนข้าง late ประมาณใกล้บ่ายสามมั้ง) ที่ Food center ของ City Gate ก่อนหน้านั้นยังโชคดีที่แวะ 7&11 ซื้อน้ำและขนมปังรองท้องไปก่อน

ที่ 7&11 ในฮ๋องกง หรือบางร้านจะช่วยกันรณรงค์ลดโลกร้อน คือถ้าขอถุงใส่ของ จะต้องจ่ายตังค์ใบละ 50 เซ็นต์ฮ่องกง (หรือราว 2 บาท) เข้าท่าดีเหมือนกัน (เจอที่ร้าน Watsan ตอนซื้อน้ำเหมือนกัน ถ้าจะขอถุง ใบละ 50 เซ็นต์) แต่แอบสงสัยนิดนึง ถ้าชาวฮ่องกงซื้อของโดยไม่ขอถุง แล้วเขาใส่อะไร เพราะว่ามอง ๆ ไปไม่ค่อยเห็นใครหิ้วถุงผ้านะ




โชคดีที่ขาขึ้นกระเช้า คนไม่เยอะเลยไม่ต้องรอคิวนาน ใช้เวลาขึ้นกระเช้าประมาณ 25 นาที มองเห็นวิวทิวทัศน์ได้รอบ 360 องศา
มองเห็นสนามบินด้วย

ฉันเดินไปเรื่อย ๆ ตามทางหมู่บ้านวัฒนธรรม Ngong Ping จริง ๆ แล้วหมู่บ้านนี้ไม่ได้เป็นหมู่บ้านโบราณของจริง แต่สร้างขึ้นเลียนแบบสถาปัตยกรรมจีนโบราณ เพื่อดึงดูดกระเป๋านักท่องเที่ยวซะมากกว่า

ที่นี่หมอกลงจัดตามเคย อากาศเย็น ๆ กำลังสบาย เดินไปจนถึงบันไดทางขึ้นไปไหว้พระใหญ่แห่งวัดโปหลิน ยกพระหัตถ์ขวาและแนบพระหัตถ์ซ้ายไว้บนตัก เนื่องด้วยหมอกจัด จึงมองไม่เห็นพระพักตร์เต็มที่ บันไดเดินขึ้นไปสักการะมีทั้งหมด 268 ขั้น เดินไปไม่เหนื่อยนัก

เจอหนุ่มน้อยกระโดดขึ้นบันไดอยู่ บอกหนุ่มน้อยให้หันกลับยิ้มหน่อย ก็เลยได้รูปภาพตามที่เห็นนี่แหละค่ะ







ด้านนอกรอบองค์พระ จะประติมากรรมรูปนางฟ้า 6 องค์
หันหน้าเข้าหาองค์พระ

ขากลับลงกระเช้า ประชากรหนาแน่นมากช่วงรอคิวลงกระเช้า อ้อ! มาฮ่องกงแล้วพบว่าการเข้าคิวที่เมืองไทยกลายเป็นเรียบร้อยเลย เพราะว่าบางครั้งเจอบางคนทำเนียนจะมาแซงคิว ช่วงที่ฉันยืนต่อคิว มีครอบครัวด้านหลัง ทั้งชายหญิง ลักษณะเหมือนนักท่องเที่ยวจากจีนแผ่นดินใหญ่ จะทำเนียนหลายรอบแซง … แต่เราไม่ยอมหรอก


....รัชชี่....

in Hong Kong at the end of Feb







 

Create Date : 24 มีนาคม 2553    
Last Update : 29 มีนาคม 2553 16:58:07 น.
Counter : 761 Pageviews.  

City tour in Hong Kong



วันนี้เป็นคิวของ City tour 1 วันตามแพ็คเกจที่ซื้อ

ฝั่งตรงข้ามโรงแรม เป็นสวนสาธารณะ Kowloon Park เราข้ามถนนไปเดินเล่นก่อนเวลาทัวร์นัด อากาศกำลังดีเชียว อ้อ! ช่วงที่อยู่ฮ่องกง อุณหภูมิ 23-27 องศา อากาศกำลังสบาย ๆ แต่ยามเช้านี่หมอกเยอะเหมือนกัน







ที่นี่เขาเข้มงวดเรื่องการสูบบุหรี่ในที่สาธารณะบางแห่งมากเลยค่ะ เห็นป้ายที่สนามบินเหมือนกัน ค่าปรับถึง 5,000 HK$ เชียว (20,000 บาทเชียวนา)





มื้อเช้า ไกด์พาไปทานติ่มซำที่ภัตตาคารแห่งหนึ่ง มีอาหาร 8 อย่าง แต่ละอย่างมาปริมาณน้อย ๆ คนทานน้อยอย่างฉันยังพอโอเค แต่พูดถึงแล้วฉันว่าปริมาณน้อยไปนะ (ยิ่งถ้าคนทานจุแล้ว ไม่น่าจะอิ่ม)

เป็นธรรมดาของทัวร์ที่ต้องพาไปร้านช็อปปิ้ง (ตามสั่งของทัวร์) เขาพาแวะร้านจิวเวลรี่ร้านหนึ่ง ตอนนี้ที่กำลังฮิตคือ แหวนหรือจี้ทำเป็นรูปกังหัน ตามความเชื่อเรื่องฮวงจุ้ย ปัดเป่าสิ่งไม่ดีออกไป ที่คณะของเรามีพี่คนหนึ่งได้ช็อปแหวนเพชรรูปกังหันนี่แหละ ราคาประมาณสองหมื่นบาท

สิ่งที่ไม่ถูกใจนิดนึงคือเจ้าหน้าที่ของร้านจิวเวลรี่แห่งนี้ตามประกบจัง ไม่ว่าเราจะไปเดินดูของตู้ไหน จะมีเจ้าหน้าที่หญิง 2 ท่านตามประกบทุกจุด
พร้อมคำบรรยายสรรพคุณชวนซื้อ

เวลาผ่านไปชักเบื่อ เราอยากเดินลงไปข้างล่างเพื่อออกไปรอรถข้างนอก หรือข้ามถนนไปสำรวจร้าน 7-11 ฝั่งตรงข้าม ปรากฏว่าเจอเจ้าหน้าที่ผู้หญิงคนหนึ่ง (หน้าตาค่อนข้างเหี้ยมโหด ) บอกว่าไม่ได้ค่ะ ลงไปก็ไม่เจอรถจอดข้างหน้า ข้างหน้ารถจอดไม่ได้ ให้รออยู่ที่นี่ ชักเริ่ม ๆ โกรธเล็กน้อยเหมือนถูกกักบริเวณ

ฉันกับบัดดี้ชักเซ็ง เลยหามุมยืนคุยกัน สักพักเจ้าหน้าที่ (คนที่ชอบตามประกบ) เดินเข้ามาทักทายว่าเป็นอย่างไรบ้างในฮ่องกง คุยนั่นคุยนี่ เสร็จคุณเธอเริ่มเนียน ทำเป็นแนะนำว่าในฮ่องกงมีของที่ระลึกเป็นพวงกุญแจ เผื่อซื้อเป็นของฝากนะ เดิมก็เข้าใจว่าเธอแนะนำเผื่อให้ไปซื้อที่อื่น ผ่านไปสักพักเริ่มลงล็อก เธอบอกว่าเดินไปชมมั้ย มีตู้ที่วางของที่ระลึกเป็นพวงกุญแจนะ เป็นนักขายจริง ๆ


ฉันมาชม The Peak ภาคกลางวันอีกรอบ (จากที่คืนก่อนมาเองด้วย MTR)
ยามกลางวันหมอกก็ยังลงจัดเช่นเดิม ขำตัวเองอีกเหมือนกัน
ไปซื้อฮาเก้นดาสรอบที่ 2 (ต่อจากคืนก่อน) อยู่เมืองไทยไม่กิน

บรรยากาศ The Peak ยามกลางวัน ที่เห็นตึกเอียง ๆ เพราะเรากำลังนั่ง
Peak Tram ขึ้นไปด้านบน ส่วนตู้ไปรษณีย์ที่เห็นคือที่ส่งโปสการ์ด
รอบแรกกลับถึงเมืองไทย




ไหว้เจ้าแม่กวนอิมที่ Repulse Bay วัดเจ้าแม่กวนอิมอยู่ที่ริมหาด มีรูปปั้น
องค์เจ้าแม่กวนอิม และเจ้าแม่ทับทิม ตั้งหันออกหน้าสู่ทะเล

ที่สะพานสีแดงนี่ เรียกว่า สะพานต่ออายุ มีความเชื่อว่าถ้าข้ามไปครั้งหนึ่ง อายุจะยืนยาวไปอีก 3 ปี แต่มีเคล็ดว่าไม่ให้เดินย้อนกลับ เพราะอายุจะสั้นลง 3 ปี
ให้เดินผ่านไปแล้วอ้อมกลับมาอีกทาง




แถบ ๆ นี้ก็จะมีเป็นถิ่นที่อยู่ของเศรษฐี เพราะว่าชาวฮ่องกงส่วนใหญ่จะอยู่เป็นตึกสูง ๆ มีทั้งของเอกชนหรือรัฐบาล ถ้าเป็นของรัฐบาลก็จะดูรายได้ของผู้อยู่ว่าต้องไม่เกินระดับเท่านั้นเท่านี้

เนื่องจากฮ่องกงมีระบบคมนาคมที่ดีมาก สามารถไปไหนได้สะดวกสบายด้วยรถไฟใต้ดิน อีกทั้งเป็นประเทศที่มีเนื้อที่ราวหนึ่งพันตาราง กม. ถ้าทุกคนมีรถ การจราจรคงไม่ไหวแน่ ราคารถที่ฮ่องกงไม่แพง แต่ค่าเลี้ยงดูแพง ถ้ามีต้องจ่ายค่าที่จอดรถแถวบ้าน หรือค่าที่จอดรถในเมือง ซึ่งมีอัตราสูงมาก

ฉันติดอกติดใจทางม้าลายที่นี่จัง ช่วงจังหวะไฟเขียว จะมีเสียงสัญญาณดังเร็ว ๆ ส่วนสีแดงจังหวะช้า (น่าเอามาใช้ที่บ้านเรา) ฉันพบว่า 90% ที่ผู้คนมีวินัยในการข้ามทางม้าลาย แม้ว่าจะไม่มีรถ เขาก็ไม่ข้ามกันถ้าตอนนั้นเป็นสัญญาณไฟแดง เราพยายามปฏิบัติตัวเป็นนักท่องเที่ยวที่ดีที่เคารพกติกา หลายครั้งที่มีคนส่วนน้อยข้ามถนนช่วงไฟแดง ในขณะที่นักท่องเที่ยวชาวไทยอย่างเรายืนเป๋อเหลอรอช่วงสัญญาณไฟเขียว


จากประสบการณ์ในการเดินทาง ฉันพบว่าการข้ามถนนที่ฮ่องกงง่ายที่สุด (ง่ายกว่าที่เมืองไทยหลายจุดเสียอีก) ส่วนอียิปต์ และเวียดนาม ฉันขอยกให้เป็นประเทศที่ข้ามถนนยากที่สุด







....รัชชี่...

In Hong Kong at the end of Feb.








Ratchee’s grateful Journal
วันจันทร์ 22 มี.ค.

ไม่ได้เขียนอะไรมานานเลย บันทึกเหตุการณ์ซะหน่อย ช่วงนี้เป็นฤดูเรียนพิเศษของเด็ก ๆ จากที่ใช้บริการ BTS มาเกือบ 3 เดือน ปกติหลังจากสถานีสยามแล้ว คนจะออกจาก BTS เยอะมาก แต่เดือนนี้แปลก ๆ จนมีอยู่วันหนึ่ง เพิ่งสังเกตว่าสถานีพญาไท มีเด็กวัยรุ่นใส่กางเกงขาสั้นเดินออกจาก BTS พอสายตามองตามไป ก็เห็นเด็ก ๆ เดินกันเพียบที่ด้านนอก ก็เลยมาถึงบางอ้อ! นี่เอง

เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว จากการนอนไม่เพียงพอของคืนก่อน พอครึ่งบ่ายวันศุกร์ไปแล้ว ฉันมีอาการเบลอ ๆ งง ๆ หาเรื่องเดินบ้างก็แล้ว มันก็ยังตื้อ ๆ หัว พอหลังเลิกงาน กลับถึงบ้าน ไมได้ทำอะไร ก่อนอื่นพอหัวถึงหมอน หลับยาวโลดไป 2 ชม. สรุปว่าชาร์จแบตตัวเอง ตื่นขึ้นมาค่อยยังชั่ว ยังไง ๆ คนเราก็ต้องการการชาร์จแบตทั้งกายและใจเนาะ

ฉันเพิ่งได้ CD จากเพื่อนมา เป็นละครเรื่อง “สี่แผ่นดิน” ที่จินตหราเล่นเป็นแม่พลอย ไม่เคยดูละครเลย เพิ่งจะได้ดูนี่แหละ ก็พบว่าสมแล้วล่ะที่เคยได้ยินว่า จินตหรา สมกับเป็นแม่พลอยในเรื่องมาก

การดูละครหรือภาพยนตร์ในอดีตทำให้สะท้อนประวัติศาสตร์ในอดีต พลอยในเรื่องเกิดเมื่อปี 2425 และพลอยเริ่มเข้าวังเมื่ออายุ 10 ขวบ ช่วงพลอยเริ่มสาว สาว ๆ ในวังเริ่มฮิตการขี่จักรยาน ก็คงเป็นช่วงนั้นที่จักรยานเข้ามาในบ้านเรา

ได้ของเล่นใหมเมื่อวานนี้ คือ มือถือ iPhone เป็น smart Phone เครื่องแรกที่ฉันใช้ ปกติใช้มือถือเพื่อการโทรศัพท์เท่านั้น อยากลองดู smart ของมือถือซะหน่อย ลองเล่น net ผ่านมือถือแล้ว และ set email yahoo รวมถึง email บริษัท สามารถเข้าได้แล้ว

...รัชชี่...








 

Create Date : 13 มีนาคม 2553    
Last Update : 22 มีนาคม 2553 16:45:16 น.
Counter : 1456 Pageviews.  

Hong Kong at first sight



เป็นสิ่งที่แปลกที่ฉันมักจะตกสำรวจสถานที่ที่คนส่วนใหญ่จะต้องเคยไปแล้ว อย่างในเมืองไทย เช่น เกาะเสม็ด (ที่เมื่อก่อนถือว่าฮิต หรือว่าปายที่นักท่องเที่ยวนิยมไปในตอนนี้) และสำหรับต่างแดน สิงคโปร์ ฮ่องกง
ประเทศบ้านใกล้เรือนเคียง ก็เช่นกัน

จริง ๆ แล้วสิงคโปร์หรือฮ่องกง ไม่ได้อยู่ในลิสต์รายการท่องเที่ยวต่างแดนที่ตั้งใจจะไป เพราะฉันชอบแนวทัวร์วัฒนธรรม ชมสถาปัตยกรรมที่สวยงามและแตกต่าง ส่วนสิงคโปร์และฮ่องกง ฉันรู้สึกว่ามันคือเมืองใหญ่ เฉกเช่น กรุงเทพ
ปัจจุบันก็เห็นอยู่แล้ว

แต่แล้วล่าสุดฉันก็ได้ไปเยือน และพบว่าไม่เสียดายที่ได้ไป เพราะต้องยอมรับกับระบบคมนาคมที่ยอดเยี่ยมของเขาจริง ๆ รถไฟใต้ดิน MTR (Mass Transit Railway) สามารถเดินทางไปได้ทั่วบ้านเมืองของการเชื่อมโยง ใช้เวลาไม่นาน

ฉันซื้อแพคเก็จฮ่องกงในรูปแบบตั๋วเครื่องบิน + ที่พัก + ทริปมาเก๊า 1 วัน รวมอาหารที่ให้ 2 มื้อคือติ่มซำที่ฮ่องกง และมื้อกลางวันที่มาเก๊า ซิตี้ทัวร์ 1 วัน รวมค่ากระเช้าและค่าเข้าชม Ngong Ping รถราง Peak Tram เรือเฟอร์รี่ข้ามฟาก
ไปมาเก๊า นอกนั้นฉันแวะซื้อ Octopus Card สำหรับการท่องเที่ยวด้วยตัวเองโดย MTR และจ่ายค่าอาหารเองในมื้ออื่น ๆ

ฉันแวะซื้อบัตร Octupus Card ที่สนามบิน Chek Lap Kok ด้วยราคาขั้นต่ำ 150 HK$ (ฉันแลกเงินฮ่องกงไปด้วยอัตรา 4.28 บาทต่อ 1 HK$ ซึ่งเขาจะรวมค่ามัดจำบัตรไว้ 50 HK$ ดังนั้นมูลค่าที่ใช้ได้จริงคือ 100 HK$ บัตรนี้สะดวกมากสามารถใช้ได้กับ MTR, รถบัส , Airport Express ร้าน 7-11)

เบ็ดเสร็จแล้ววันสุดท้ายของการเดินทาง ฉันไปแลกคืน เราจะถูกหัก refund fee ไป 7 HK$ สรุปแล้วฉันจ่ายค่าเดินทางไปประมาณ 50 HK$ หรือราว 214 บาท ซึ่งถือว่าถูกมาก ๆ เพราะไปโน่นมานี่อยู่หลายสถานีเหมือนกัน




.....นั่งรถรางขึ้น The Peak.....



เขาบอกว่าความสวยงามด้านบนของ The Peak ในยามกลางวันและกลางคืน
แตกต่างกัน

จริง ๆ แล้วโปรแกรมซิตี้ทัวร์ในวันถัดไปจะพาไปตอนกลางวัน แต่เนื่องด้วยอยากเห็นตอนกลางคืน คืนแรกจึงเดินทางไปเที่ยวเอง และใช้บริการ MTR เป็นครั้งแรก

ฉันเดินทางด้วย MTR จากสถานี Tsim Sha Tsui เดินไม่ไกลจากโรงแรมที่พัก ไปลงสถานี Central ราว 1 ทุ่ม









เดินออกจากสถานี ทำไมน้อ! บริเวณแถบนั้นมันเงียบ ๆ จัง แต่เขาว่าฮ่องกงเป็นเมืองปลอดภัยติดอันดับของโลก ฉันและบัดดี้ 1 คน เจอชายหนุ่มฮ่องกงคนแรกที่หน้าตาดีเชียว จะเข้าไปถามทาง ปรากฏว่าชายหนุ่มคนนี้ยกมือปัด
แล้วรีบจ้ำอ้าวไป (จะรีบไปไหน ๆ ) ทำเอารู้สึกเซ็งไปนิดนึง


เหยื่อรายต่อไปของการถามทาง คือชายหนุ่มอีกคน แต่ว่าท่าทางเขาจะพูดภาษาจีนได้ดีกว่าภาษาอังกฤษ เพราะว่าหลายประโยคพูดภาษาจีน (ซึ่งเราฟังไม่รู้เรื่อง ) แต่ก็เห็นว่าเขาตั้งใจที่จะสื่อสารภาษาอังกฤษ พร้อมบอกชื่อตึกหนึ่งให้สังเกตเป็นทางผ่าน ให้เราเดินไปเรื่อย ๆ

ระหว่างทางก็มีถามชาวฮ่องกงเป็นระยะ ๆ
มาเห็นป้ายบอกทางไป The Peak ทีหลัง









แล้วในที่สุดความสำเร็จก็เป็นของเรา เมื่อเดินมาถึงจุดรถราง

Peak Tram เป็นรถรางที่เปิดให้บริการมาตั้งแต่ ค.ศ. 1888 ให้บริการขึ้นสู่ยอดเขา Victoria Peak ที่นี่เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในฝั่งฮ่องกง ระดับความสูง 554 เมตรจากระดับน้ำทะเล ระหว่างทางจะมองเห็นบ้านของ
คนรวยชาวฮ่องกงตามไหล่เขา































ด้านบนเป็นเหมือนเมืองในหมอก หมอกลงจัดทีเดียว ที่นี่ฉันเข้าร้านไอศกรีม
ฮาเก้นดาส มาชิมครั้งแรกที่ฮ่องกง เพราะว่าอยู่เมืองไทยจะซื้อยี่ห้อนี้ทีไร รู้สึกว่าเอาตังค์จำนวนนั้นไปซื้อของกินอย่างอื่นดีกว่า เพราะถ้าเทียบกับราคาในไทยจะแพง แต่ที่ฮ่องกง scoop ละ 30 HK$ กว่านิด ๆ หรือลูกละ 150 บาท แต่ถ้าเปรียบเทียบดูแล้วจะไม่แพงเลยเมื่อเทียบกับราคาอาหารอื่น ๆ ในฮ่องกง




.....รัชชี่.....
In Hong Kong at the end of Feb


ขอบคุณป้าเดซี่แห่ง Bloggang สาวไทยที่ใช้ชีวิตในฮ่องกง ที่แนะนำสถานที่ 2 แห่งที่น่าไปให้ คือแหล่งช็อปปิ้งรองเท้า (กำลังลดราคา) และร้านอาหาร (ได้เข้าไปอ่าน comment ที่บล็อกฉันเมื่อช่วงที่อยู่ฮ่องกง) แต่สรุปด้วยเรื่องเวลา
เลยไม่ได้ไปตามที่แนะนำเลย


รีวิวที่พัก โรงแรม Milra อยู่ย่าน Tsim Sha Tsui



ห้องน้ำซีทรู สามารถมองเห็นเตียงนอนผ่านกระจกใสจากห้องน้ำได้ แต่ไม่ต้องตกใจ มีปุ่มเลื่อนให้ม่านลงมาปิด

ถูกใจที่สามารถดูได้ทั้งทีวี และต่ออินเตอร์เน็ต (ฟรี) ที่แน่ ๆ คืนวันที่ 26 ก.พ. ต้องเช็คก่อนว่ามีปัญหาอะไรที่เมืองไทยหรือเปล่า เป็นห่วงสนามบินปิด

ประทับใจกับสายการบิน Emirates

ลัดฟ้าไปมาเลเซีย ตอน 6



ที่กัวลาลัมเปอร์

มูลค่าในการสร้างตึกปิโตรนาส 20,000 ล้านบาท ใช้เวลาสร้าง 3 ปี เคยเป็น
ตึกที่สูงที่สุดในโลก แต่ตอนนี้พ่ายยกตำแหน่งให้ Taipei 101 แล้วล่ะค่ะ ไกด์ชาวมาเลเซียบอกว่าปิโตรนาส คือ ปตน. ก็เปรียบเสมือน ปตท.บ้านเรานั่นเอง


มุมมองตึกตอนอยู่ในรถ





.....เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยของตึกแฝด....


ตึกนี้มีความสูงถึง 452 เมตร หรือสูงกว่าตึกใบหยกบ้านเรา 148 เมตร ออกแบบโดยชาวอเมริกัน Cesar Pelli ก่อสร้างโดยบริษัทจากญี่ปุ่น และบริษัทเกาหลี
รับผิดชอบกันคนละตึก และต่างก็ต้องแข่งขันกันด้วย เพราะหากใครสร้างเสร็จก่อนก็จะเป็นผู้สร้างสะพานเชื่อมตึกทั้งสองในชั้นที่ 42

ปรากฏว่าแรกๆเกาหลีสร้างได้เร็วมาก แต่หลังจากญี่ปุ่นตั้งหลักได้ก็แซงเกาหลีและเสร็จก่อนประมาณ 1 เดือน....

ส่วนเจ้าของตึกมีชื่อว่า Kuala Lumpur City Center Holdings Sdn. Bhd. ตัวตึกสร้างด้วยสแตนเลสและติดกระจกทั้งหลัง

.....ขอบคุณเรื่องราวของตึก ที่หยิบยกมาเอ่ยถึง
แต่ขออภัยจำไมได้แล้วว่ามาจากแหล่งใดค่ะ........


มุมมองตึกแฝดตอนยืนอยู่บนท้องถนน





เขาว่าถ้าจะขึ้นตึกปิโตรนาสล่ะก็ ต้องไปรับบัตรคิวด้วยค่ะ 1,000 คน/วัน
แต่พวกเราไม่ได้ขึ้นหรอกค่ะ


โคลสอัพ



ขณะอยู่ตรงนั้น จู่ ๆ ก็คิดขึ้นมาว่า ตามตึกต่าง ๆ ในกรุงเทพ เราเคยเห็น
นักท่องเที่ยวต่างชาติมายืนถ่ายรูปกับตึกต่าง ๆ มั้ยน้อ ...... ไม่เคยแฮะ....



ฉันเคยเดิน ๆ อยู่แถว ๆ รถไฟฟ้าตรงพระพรหมเอราวัณ แล้วเจอนักท่องเที่ยว (คาดว่าเป็นฮ่องกง เกาหลี หรือจีน) ยืนถ่ายรูปกันบนทางเดินตรงรถไฟฟ้า โดยตรงพระพรหมเป็นวิวข้างหลัง

อดชมจตุรัสเมอร์เดก้าค่ะ เพราะวันนั้นมีการปิดถนนบริเวณที่จะไป สงสัยเขามีงานค่ะ ไกด์บอกว่าจตุรัสนี้ก็เปรียบเสมือนสนามหลวงบ้านเรานั่นล่ะค่ะ

พระราชวังค่ะ เห็นไกด์ว่ามีช่วงเวลาที่ให้ม้าพักค่ะ เพราะยืนนิ่งมานานให้
นักท่องเที่ยวชมและถ่ายรูป ช่วงที่ฉันไปยืนถ่ายรูป เห็นมั้ยคะม้าเริ่มหันมามองแล้ว







เก็บตกมาเลเซียมุมอื่น ๆ

Rest area เมืองมาเลเซีย ชิมกาแฟท้องถิ่นแก้วละ 1.4 ริงกิต (14 บาท)












เหมือนเขาใช้คำทับศัพท์คล้าย ๆ ภาษาอังกฤษ (Restaurant ร้านอาหาร)






....เก็บตกป้ายหน้าห้องน้ำชายและหญิง....






....ตามไกด์ไปร้านช็อปปิ้ง....

เป็นธรรมเนียมที่ต้องไปแวะร้านช็อปปิ้งที่ไกด์จะพาไป มีร้านช็อคโกแลต
ร้านนาฬิกาค่ะ











สติ๊กเกอร์แปะแขนเสื้อพวกเราก่อนเข้าร้าน พอออกจากร้านก็ดึงออก





...ไกด์มาเลเซีย....

ไกด์ท้องถิ่นชอบแซวว่าคนไทยภาษาอังกฤษไม่ดี แถมเวลาพูดทับศัพท์ภาษาอังกฤษก็พูดแบบไทย ไม่ออกเสียงตัวเอส เขายกตัวอย่างห้างเซ็นทรัล เราก็ออกเสียงแบบไทย ๆ ในขณะที่จริง ๆ แล้วต้องออกเสียงแบบฝรั่ง

ถ้าไกด์แซวรอบเดียว เราก็ไม่ว่ากัน ก็ถือว่าตลก ๆ ขำ ๆ สร้างความเฮฮา แต่เนื่องจากไกด์พูดหลายรอบเลย จนทำให้ช่วงสุดท้ายของทริป ที่ไกด์ไทยเชิญลูกทัวร์ให้ความเห็น มีพี่ท่านหนึ่งกล่าวว่า หลายช่วงของการเดินทาง ผมพยายามหาโอกาสคุยกับไกด์ท้องถิ่นตลอด เพื่อไม่อยากให้เขาเข้าใจอะไรคนไทยผิด ๆ

จริงอยู่คนไทยอาจจะมีสำเนียงการออกเสียงภาษาอังกฤษแบบไทย ๆ แต่บางอย่างเป็นความตั้งใจของเราเองที่จะเรียกชื่อแบบไทย อย่างเช่นห้างเซ็นทรัล ไม่ได้เรียกให้เป็นสำเนียงฝรั่งว่า “เซ็นทรัลลลลลลล” ขนาดนั้น เป็นต้น

.....บ่นอีกรอบ....

ว่าแต่ลูกทัวร์ 32 คน ไป ๆ มา ๆ กลายเป็นว่ามีฉันเพียงคนเดียวที่อารมณ์ติ๊สท์หาซื้อโปสการ์ด เขียนส่งกลับตัวเองและคนรอบข้างรวมทั้งหมด 5 ใบ แต่ด้วยหาร้านขายแสตมป์ไม่เจอ ไกด์ท้องถิ่นเลยบอกว่า งั้นฝากโปสการ์ดกับเงินค่าแสตมป์ไว้ เดี๋ยวไกด์จะส่งมาให้ ..........

... และแล้วโปสการ์ดก็ล่องหน ไม่กลับมา



......รัชชี่......

Brief in English....by Ratchee

At Kuala Lumpur

Cost of Petronas Building is around 20,000 Million Baht, construction within 3 years, once here was the world ‘s tallest building but now Building Taipei 101 is the tallest.

This building is 452 meters high , designed by American “Cesar Pelli” and constructed by Japanese and Korean company. There’s a bridge at floor 42 connection between this twin buildings .








 

Create Date : 16 กันยายน 2552    
Last Update : 17 กันยายน 2552 21:04:23 น.
Counter : 2200 Pageviews.  

ลัดฟ้าไปมาเลเซีย ตอน 5




.....เส้นทางสู่เก็นติ้งไฮแลนด์.......

ชมสวนสตอเบอร์รี่กัน





ฟาร์มเลี้ยงผึ้ง บ้านของผึ้ง ผึ้งใช้ชีวิตอยู่ในกล่องนี้ล่ะค่ะ




....นักท่องเที่ยวที่มาชม....




...กิ๊ฟท์ช็อป....











เนื่องจากฉันไม่แน่ใจว่าเสื้อที่เตรียมมาจะพร้อมสู้อากาศเย็นที่เก็นติ้งหรือเปล่า เพราะเขาว่าที่เก็นติ้งจะเย็นกว่าที่คาเมรอน ไฮแลนด์ เพราะตอนแรกคิดว่ามาเลเซียกับไทยอยู่ไม่ห่างกัน ดังนั้นแม้จะไปเจอจุดที่เย็น แต่เนื่องจากเป็นช่วงหน้าร้อน จึงเตรียมมาแค่แจ็คเก็ต 1 ตัวกับผ้าพันคอ 1 ผืน

ฉันผู้เป็นคนขี้หนาว เลยต้องไปหาซื้อผ้าพันคอไหมพรมมาอีก 1 ผืนที่ตลาดนี้เอง









พบหนุ่มน้อยน่ารัก ตอนแรกเขิน ๆ จะไม่ยอมให้เราถ่ายรูป





เดินตลาดข้างทางค่ะ ข้าวโพดนี่ฝักละ 30 บาทนะคะเนี่ย









ฉันว่ามาเลเซียยังดูแลทรัพยากรป่าไม้เป็นอย่างดี (สำหรับเส้นทางที่ฉัน
เห็นด้วยตาผ่านการเดินทาง) เมื่อเปรียบเทียบกับเวลาฉันนั่งรถไปต่างจังหวัดในไทยบางจุดแล้วรู้สึกว่าต้นไม้ส่วนหนึ่งมันถูกตัดไปเยอะทีเดียว

ช่วงที่นั่งรถกระเช้าขึ้นเก็นติ้ง มองลงไปด้านล่าง ป่าไม้เขาอุดมสมบูรณ์จริง ๆ เรานั่งกระเช้าประมาณ 3.5 กม. เก็นติ้งอยู่ที่ระดับความสูงประมาณ 2,000 เมตรจากระดับน้ำทะเล

ใช้เวลาประมาณ 15 นาทีของการนั่งกระเช้า (ไกด์บอกว่าถ้าขับขึ้นไปใช้เวลาราว 25 นาที แต่ถนนบางช่วงจะค่อนข้างชัน) บนนั้นเปรียบเสมือนเป็นเมือง
เป็นห้างสรรพสินค้าใหญ่โต ที่มีทุกอย่าง มีสวนสนุก คาสิโน











ไกด์เล่าว่าค่าขึ้นกระเช้าครั้งละ 5 ริงกิต ไปกลับ 10 ริงกิต แต่ถ้าใครขึ้นมาเล่น
คาสิโน แล้วนำใบเสร็จมาโชว์ ค่าขึ้นกระเช้าก็ไม่ต้องเสียค่ะ

ตอนแรกฉันละหวั่น ๆ ว่าจะมีจุดหวาดเสียวของบางช่วงที่นั่งกระเช้า แต่ไม่มีค่ะ ราบเรียบดี

เห็นแล้วนับถือผู้สร้างเก็นติ้งนี้เหมือนกัน กว่าจะสร้างเมืองทั้งหมดบนนั้น รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งหลาย

ใกล้ถึงจุดสูงสุดแล้ว เริ่มเห็นโรงแรมลิบ ๆ แล้วไหมคะ









ฉันพักที่นี่ล่ะค่ะ โรงแรม First world สีสันเขาสุดยอดเลยล่ะค่ะ มองแล้วคิดไปถึงสวนสนุกที่อยู่ไม่ไกล สีสันกลมกลืนกันเลย




เข้าไปเดินดูในคาสิโนเหมือนกัน แต่ไม่ได้ทดลองเล่นอะไรหรอก เพราะไม่ชอบ ไกด์บอกว่าถ้าใครอยากเล่น ให้ไปเจอกันที่หน้าคาสิโนตอนสองทุ่มครึ่ง ที่นั่นเขาจะให้เงินนักท่องเที่ยวที่มากับกรุ๊ปทัวร์คนละ 10 ริงกิต (หรือ 100 บาท)

หลายคนในกรุ๊ปทัวร์นี้เข้าไปเล่น บ้างก็เสียเป็นหลักพัน ที่ได้มาเยอะที่สุดก็ราว 6,000 บาท(เอาเงินที่ได้มาเป็นค่าทัวร์ส่วนหนึ่งเลยนะเนี่ย)

แต่พอดีฉันเองเป็นคนไม่นิยมเรื่องการพนันเลย ก็เลยเดินเข้าไปดูอย่างเดียว ด้วยความเพลินลืมตัว ถ่ายรูปตรงมุมด้านหน้าไป 1 รูป แต่จริง ๆ เขาห้ามถ่าย ถ้างั้นก็ไม่เอามาเผยแพร่แล้วกันนะคะ เดี๋ยวผิดจรรยาบรรณ













ส่วนใหญ่บนเก็นติ้ง ก็จะเดินดูมากกว่าค่ะ ปรากฎว่าเดินไปเรื่อย ๆ จนไปเจอทางออกเป็นพวกสถานีรถทัวร์ของเขา
สำหรับนักท่องเที่ยวที่จะใช้บริการไปเมืองอื่น






เก็นติ้งเป็นเสมือน City of entertainment จริง ๆ แต่จะว่าไปแล้วฉันไม่ประทับใจนัก เพราะให้ความรู้สึกเหมือนเดินห้างเมืองไทยยังไงยังงั้น













นี่เป็นถนนสำหรับผู้ที่จะขับรถขึ้นมาเก็นติ้งแทนการนั่งกระเช้าค่ะ แต่เขาว่าบางจุดชันเหมือนกันค่ะ







ห้องพักค่ะ (คนละเรื่องกับที่ คาเมรอน ไฮแลนด์ จากลัดฟ้าไปมาเลเซีย ตอน 4) เราได้ key card เป็นที่ระลึกด้วยค่ะ ถ้าอยากเก็บไว้ แต่ถ้าไม่อยากเก็บก็คืนโรงแรมไป




.......รัชชี่.........







The way to Genting Highland ..... By Ratchee....



As I’m not sure about the weather at Genting, because I went Malaysia in the end of April and because Malaysia and Thailand is not far away so I have only 1 jacket and 1 scarf.

At Cameron Highland the weather is rather cold and going to Genting is more higher than Cameron Highland so I bought a new scarf at the market.

While I was on the cable car around 3.5 Km, 15 minutes to Genting , I saw beautiful environment of Malaysia , Genting is at level 2000 metre above sea level. Genting looks like “City of Entertainment” : department store, theme park , casino.

For me , I was not interested in this place so much as I thought that it’s not much different when I’m going to any department store in Thailand. So most of the time I was there , I only walked and saw some areas , just went casino for only seeing as I don’t like gambling.







รับโค้ดเพลง Trouble Is A Friend คลิกที่นี่




 

Create Date : 08 สิงหาคม 2552    
Last Update : 8 สิงหาคม 2552 20:59:23 น.
Counter : 2934 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  


รัชชี่
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?]




พี่มานิต ประภาษานนท์ เป็นผู้ชักชวนเข้าสู่วงการการเขียนบล็อก ด้วยประโยคว่า
“จ๊ะเขียนบล็อกซี"

เริ่มเขียนบล็อก : 24 ก.ย. 51




สงวนลิขสิทธิ์ตาม พรบ.ลิขสิทธิ์
พ.ศ.2539 ห้ามละเมิดไม่ว่าการลอกเลียน นำรูป ข้อความที่เขียนไว้หรือส่วนหนึ่งส่วนใดในบล็อกแห่งนี้ ไปเผยแพร่อ้างอิง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของบล็อก






Setting program for counting visitors since 7 Nov. 2009
free counters
New Comments
Friends' blogs
[Add รัชชี่'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.