เที่ยวญี่ปุ่นสุดหรรษา 2

นักท่องเที่ยวแต่ชุดเกอิชา |
ย้อนกลับมาเรื่องเกอิชาอีกนิดดีกว่า อยากรุ้ข้อมูลเกอิชาเพิ่มเิติม เลยมารบเร้าให้ไก๊ด์เล่าต่อ เกอิชา (ญี่ปุ่น: 芸者 geisha เกชะ ศิลปิน ?) เป็นอาชีพหนึ่งของสตรีญี่ปุ่นในสมัยก่อน ถือว่าเป็นผู้ที่ชำนาญทางศิลปะ และให้ความเพลิดเพลินบันเทิงใจ เป็นเสมือนผู้คอยต้อนรับและปรนนิบัติแขก เกอิชามีอยู่แพร่หลายอย่างมากในญี่ปุ่น ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 18 และ19 เมื่อ ค.ศ. 1920 มีจำนวนเกอิชาถึง 80,000 คน ส่วนในปัจจุบันแม้ว่าจะยังมีอาชีพเกอิชา แต่จำนวนค่อยๆ ลดลงอย่างต่อเนื่อง สำหรับเกอิชาฝึกหัดจะเรียกว่า ไมโกะ (ญี่ปุ่น: 舞子 maiko )
 |
คำว่า "เกอิชา" นั้น ภาษาญี่ปุ่นออกเสียงว่า "เกชะ" ในแถบคันไซ เรียกว่า เกงิ (芸妓, げいぎ) ส่วนเกอิชาฝึกงาน หรือ "เกโกะ" (芸子, げいこ) นั้น มีใช้มาตั้งแต่สมัยเมอิจิ ส่วนคำว่า "กีชา" ที่เรียกว่า "สาวเกอิชา" นั้น นิยมเรียกในช่วงปฏิบัติการร่วมระหว่างญี่ปุ่นและอเมริกา หมายถึง หญิงขายบริการ แต่เรียกตัวเองว่า "เกอิชา" อาชีพของเกอิชานั้น พัฒนาขึ้นมาจาก ไทโคะโมะชิ หรือ โฮคัง ซึ่งคล้ายกับพวกตลกหลวงในราชสำนัก เกอิชาในสมัยแรกนั้นล้วนเป็นผู้ชาย ส่วนผู้หญิงที่ทำหน้าที่อย่างเดียวกันนั้น จะเรียกกันว่า "อนนะ เกชะ" (女芸者) หรือ เกอิชาหญิง แต่ในปัจจุบัน เกอิชาเป็นหญิงเท่านั้น เดิมนั้นหญิงที่จะทำอาชีพเกอิชาจะได้รับการฝึกอบรมตั้งแต่เด็ก สำนักเกอิชามักจะซื้อตัวเด็กหญิงมาจากครอบครัวที่ยากจน แล้วนำมาฝึกฝนเลี้ยงดูโดยตลอด ในช่วงวัยเด็ก พวกเขาจะทำงานเป็นหญิงรับใช้ เพราะผู้ช่วยเกอิชารุ่นพี่ในสำนัก ถือเป็นส่วนหนึ่งของการฝึกฝนด้วยเช่นกัน และเพื่อชดใช้กับค่าเลี่ยงดูและการอบรมสั่งสอน การสอนและฝึกฝนอาชีพที่ยาวนานเช่นนี้ นักเรียนจะอาศัยอยู่ในบ้านของครูผู้ฝึก ช่วยทำงานบ้าน สังเกต และช่วยครู และเมื่อชำนาญเป็นเกอิชาแล้ว สุดท้ายก็จะเลื่อนขึ้น ไปสู่ตำแหน่งครูผู้ฝึกอบรมต่อไป การฝึกอบรมนี้จะต้องใช้เวลานานหลายปีทีเดียวในเบื้องต้นนั้นเด็กสาวจะได้เรียนศิลปะหลายๆ แขนง ได้แก่ การเล่นดนตรี (โดยเฉพาะชามิเซน รูปร่างคล้ายกีตาร์) การขับร้อง การเต้นรำ การชงชา การจัดดอกไม้ (อิเคบะนะ) รวมถึงเรื่องบทกวีและวรรณคดี การได้คอยเป็นผู้ช่วยและได้เห็นเกอิชารุ่นพี่ทำงาน พวกเขาก็จะมีความชำนาญมากขึ้น และเรียนรู้ศิลปะที่ซับซ้อนขึ้น เช่น การแต่งชุดกิโมโน รวมถึงการพนันหลายแบบ รู้จักการสนทนา และการโต้ตอบกับลูกค้า เมื่อหญิงสาวได้เข้ามารับการฝึกฝนเป็นไมโกะ หรือเกอิชาฝึกหัด ก็จะเริ่มติดตามเกอิชารุ่นพี่ไปยังโรงน้ำชา งานเลี้ยง และการสังสรรค์ต่างๆ ที่เป็นสภาพแวดล้อมการทำงานจริงของเกอิชา ทำให้ได้ประสบการณ์ทำงานจริง และมีความชำนาญขึ้นเรื่อยๆ  |
"เกอิชานั้นไม่ใช่โสเภณี" แม้ว่าในอดีตจะมีการขายพรหมจารีอย่างถูกต้อง และเกอิชาก็ไม่จำเป็นต้องมีเพศสัมพันธ์กับลูกค้า แม้ว่าลูกค้าจะจ่ายเงินซื้อเพื่อการนี้ก็ตาม เกอิชากับโสเภณี มีความแตกต่างพอสมควร โดยสังเกตอย่างง่ายจากการแต่งตัว โดยที่โสเภณีจะมีสายโอบิผูกชุดที่สามารถแกะได้จากข้างหน้า เพื่อความสะดวกในถอดชุดออกออก เครื่องประดับของเหล่าหญิงโสเภณีมีความงดงาม หรูหรา ฟู่ฟ่า ในขณะที่เกอิชามีผ้าโอบิผูกจากข้างหลังตามชุดกิโมโนทั่วไป เครื่องประดับนั้นจะเรียบง่าย แต่แสดงออกถึง ความสวยงามตามธรรมชาติ ในรูปแบบของศิลปะได้อย่างดีทีเดียวเกอิชาสมัยใหม่จะไม่ถูกซื้อตัว หรือพามายังสำนักเกอิชาตั้งแต่เด็กเหมือนแต่ก่อนอีกแล้ว การเป็นเกอิชา ในสมัยใหม่นั้น เป็นไปโดยสมัครใจทั้งสิ้น และการฝึกฝนอาชีพนั้น จะเริ่มต้นที่หญิงสาว ช่วงวัยรุ่นตอนปลาย ไม่ใช่เด็กหญิงอย่างแต่ก่อน และจะใช้เวลาที่ยาวนานและยุ่งยากมาก เพราะฝึกเมื่ออายุมาก ปัจจุบันเกอิชายังคงอาศัยอยู่มากในสำนักเกอิชา ในบริเวณพื้นที่ซึ่งเรียกว่า ฮะนะมะชิ (花街 "เมืองดอกไม้") หรือ คะเรียวไค (花柳界 "โลกของดอกไม้และต้นหลิว") ซึ่งคล้ายกับย่านโพนโทะโช ในเกียวโต
 |
เกอิชานั้นมักได้รับการว่าจ้างให้ปรนนิบัติหมู่คณะ และมักทำงานร่วมกัน ในโรงน้ำชา (茶屋, ชะยะ) หรือร้านอาหารแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น โดยเวลาใช้บริการนั้นจะใช้ธูปจุดเป็นเกณฑ์วัด เรียกว่า "เซนโคได"(線香代, "ค่าธูป") หรือ เคียวคุได (玉代 "ค่าเพชร") ลูกค้าจะติดต่อโดยผ่านสำนักติดต่อเกอิชา หรือ เคนบัน (検番) ซึ่งจะมีตารางนัดของเกอิชาแต่ละคน และทำการนัดหมาย ทั้งเพื่อการทำงานและการฝึกฝนอาชีพเมื่อหญิงที่ทำงานเป็นเกอิชาแต่งงาน ก็จะเลิกจากอาชีพนี้ หากไม่แต่งงาน เมื่ออายุมากขึ้น ก็จะเลิกอาชีพนี้เช่นกัน แต่อาจทำงานเป็นเจ้าของร้านอาหาร ครูสอนดนตรี เต้นรำ หรือครูสอนเกอิชาต่อไปก็ได้ ออ โซเดสเน่ ถามนิดเดียวร่ายซะยาวเชียว ว่าแล้วเราก็รีบไปต่อครับ ยังเหลือที่สุดท้ายของวันนี้คือศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ (Fushii Inari Taisha Shirine) หรือ ศาลเจ้าพ่อจิ้งจอกขาว ซึ่งอยู่ห่างไปแค่ 15 นาที ศาลเจ้าแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อบูชาสุนัขจิ้งจอก ที่เชื่อกันว่าเป็นทูตของเทพเจ้าของการเก็บเกี่ยว พื้นที่บริเวณนี้อุดมสมบูรณ์ไปด้วยน้ำ ปลูกข้าวจึงได้ผลผลิตที่ดีมีคุณภาพ จึงเป็นแหล่งของการผลิตเหล้าสาเกคุณภาพดีด้วยเช่นกัน 
โทริอีสึ |
ศาลเจ้าแห่งนี้มีสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของญี่ปุ่นปรากฎอยู่ แทบทุกคนต้องเคยเห็นภาพอุโมงค ์ทางเดินที่เกิดจากการเรียงโทริอิสึแดงจ้า กว่าหนึ่งหมื่นซุ้ม ทอดสู่ฟูชิมิอินาริไทชะ หรือศาลเจ้าพ่อสุนัขจิ้งจอก ชาวนาเชื่อกันว่าเป็นผู้เดินสารของเทพแห่งการเก็บเกี่ยว ใช้เวลาเดินราว 2 ชั่วโมงหรือเป็นระยะทาง 4 กิโลเมตร ก็จะพบศาลแห่งนี้ แต่เนื่องจากเรามีเวลาแค่นิดเดียวครับ เลยได้ถ่ายภาพกันนิดหน่อย และไม่สามารถที่จะเดินเข้าไปลึก ๆ ได้ เพราะต้องเดินทางไปเมืองนาโกย่า ซึ่งต้องใช้เวลาในการเดือนทางอีกเกือบ 3 ชั่วโมง ถ่ายภาพเสร็จเราก็รีบมาขึ้นรถกันเลย วันนี้เราเดินทางกันเต็ม ๆ เรียกได้ว่าประทับใจมากครับ กับการมาเที่ยวครั้งแรกในดินแดนอาิทิตย์อุทัย นี่เพิ่งจะวันที่สองนะเนี่ย วันต่อ ๆ ไป จะเป็นยังไงน้าาาา ไว้ตามกัน ต่อเนอะ แต่คืนนี้ขอพักผ่อนก่อน ชาตแบตให้เต็มที่ วันพรุ่งนี้จะได้วิ่งปร๋อ ^ ^ 25-02-10 ทะเลสาปฮามานาโกะ - ไร่วาซาบิ - บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์อุชิโนฮักไก เข้าสู่การเดินทางวันที่ 3 วันนี้เราก็อำลาเมืองนาโกยา เมืองนาโกยา เรามาแวะพักเฉย ๆ ที่นี่สถานที่ท่องเที่ยวเ้ค้ามีแต่ไม่ค่อยเยอะ ส่วนใหญ่จะไว้เป็นที่แวะพักเฉย ๆ เช้านี้ เรานั่งรถยาวกันมาเลย เพื่อที่จะไปทะเลสาปฮามานาโกะ หรือทะเลสาปปลาไหล ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 ชั่วโมง มาถึงก็ได้เวลาที่จะต้องเข้าห้องน้ำพอดี เค้าทำ จุดชมวิวที่นี่เป็นจุดพักรถพอดี ใช้ทรัพยากรได้คุ้มค่าจริง ๆ ครับ จะให้ชมวิวปล่าว ๆ ก็เสียดายอยู่ ทำเป็นจุดพักรถ และมีของฝากจำพวกผลิตภัณฑ์จากปลาไหล ให้ได้ซื้อหากัน ทิวทัศน์ก็สวยไม่ใช่เล่นครับ เรียกได้ว่า ครบ 3 ช (ฉี่ ชอป แฉะ) กันเลยทีเดียว  |
ทะเลสาบฮามานโกะ อยู่ในเมืองชิซุโอกะ เป็น 1 ใน 10 ทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดของประเทศญี่ปุ่น มีอาณาเขตติดกับฮามามัตสุ โคไซ และเมืองอาราอิ พื้นที่ของทะเลสาบมีขนาด 65 ตารางกิโลเมตร และมีปริมาณน้ำ 0.35 ลูกบาศก์กิโลเมตร (1 ลูกบาศก์กิโลเมตร (cubic kilometre, km³) คือ ปริมาตรของสี่เหลี่ยมลูกบาศก์ที่มีความกว้าง ความยาว และ ความลึก เท่ากับ 1 กิโลเมตร ) ชายฝั่งโดยรอบมีความยาวประมาณ 114 กิโลเมตร จุดลึกสุดมีความลึกถึง 16.6 เมตร เฉลี่ยความลึกอยู่ที่ 4.8 เมตร แต่เดิมน้ำในทะเลสาแห่งนี้ เป็นทะเลสาบน้ำจืด แต่หลังจากเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในปี 1498 ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางธรณีวิทยา น้ำทะเลจึงทะลักเข้ามา เป็นผลทำให้ น้ำในทะเลสาบมีรสกร่อย ทะเลสาบฮามานะ มีความสำคัญทางด้านเศรษฐกิจอันหลากหลาย โดยที่นี่จะมีการเลี้ยงปลาไหลญี่ปุ่น สาหร่าย หอยนางรม ตะพาบ ปลาเก๋า ปลาไวท์อิง (ปลาของยุโรปตระกูลปลาคอต ตัวแบน ใช้เป็นอาหาร) และปลาลิ้นหมา นอกจากนี้บริเวณโดยรอบทะเลสาปยังมีการพัฒนาให้เป็นสถานที่พักต่างอากาศอีกด้วย 
ลานจอดรถ |  ร้านขายข้าวปลาไหล |  ขายส้มครับ |
มาถึงที่นี่แล้วจะพลาดไม่ได้เลยครับกับการลิ้มลองรสชาติของปลาไหลญี่ปุ่น มีให้เลือกหลากหลายเลยครับ ไม่ว่าจะเป็นปลาไหลย่าง ข้าวหน้าปลาไหล ฯลฯ ซึ่งคนญี่ปุ่น เค้าจะนิยมทานกันมากในหน้าร้อนครับ เชื่อกันว่าจะลดอาการคลายร้อนได้ดีทีเดียว นอกจากนี้เนื้อปลาไหลญี่ปุ่นเนี่ย ยังมีสารอาหารอีกมากมาย เช่น วิตามินบี 1และวิตามินเอ มีสารอาหาร EPA ที่ช่วยในการลดไขมันในเส้นเลือด และ DHA ซึ่งบางครั้งเราเรียกว่า อาหารสมอง พอมาเขียนเรื่องปลาไหล ก็เลยทำให้เกิดคำถามว่า แล้วมันเหมือนหรือแต่างต่างกับปลาไหลบ้านเราตรงไหน ก็เลยไปคนคว้าหาข้อมูล ได้คำตอบว่า ปลาไหลญี่ปุ่น เนี่ย เป็นปลาไหลที่มีชีวิตอยู่ได้ในน้ำจืด และน้ำเค็ม คือเวลาเค้าเกิด ก็จะเกิดที่ทะเล แ้ล้วก็จะว่ายกลับไปเจริญเติบโตที่น้ำจืด ฟังแล้วจะคล้าย ๆ กับปลาแซลมอนนะครับ แต่จะสลับกัน ตรงที่ว่าปลาแซลมอนเนี่ย เค้าเกิดที่น้ำจืด และไปโตที่น้ำเค็ม ปลาไหลญี่ปุ่น ปลาไหลญี่ปุ่น มีชื่อพันธ์ทางวิทยาศาสตร์ว่า Anguilla japonica พบได้ที่ ญี่ปุ่น เกาหลี เวียดนาม ทะเลจีนตะวันออก และทางตอนเหนือของฟิลิปินส์ วงจรชีวิตของเค้าาจะเป็นลักษณะนี้ครับ เมื่อเจ้าปลาไหล(ที่โตแล้ว)จะเดินทางจากน้ำจืดไปสู่ทะเลเพื่อผสมพันธุ์ นักวิทยาศาสตร์คาดว่าพ่อแม่ปลาตายหลังจากผสมพันธุ์ที่ทะเลนั่นเอง ตัวอ่อนของพวกมันจะมีรูปร่างที่ต่างจากพ่อแม่ ตัวอ่อนจะมีตัวที่ใสและกว้าง ตัวอ่อนระยะนี้เรียกว่า Leptocephalus larvae ระบบทางเดินอาหารของ Leptocephalus larvae จะยังไม่ทำงาน ทำให้นักวิทยาศาสตร์คิดว่าพวกมันซึมซับสารอาหารจากน้ำทะเลผ่านทางผิวหนัง พวกมันจะอยู่ในช่วง Leptocephalus larvae อยู่นานพอสมควร (1-3 ปีในปลาไหลอเมริกันและปลาไหลยุโรป) Leptocephalus larvae จะลอยตามกระแสน้ำ จนกระทั้งมันเปลี่ยนรูปร่างเป็นปลาไหลขนาดจิ๋วที่มีตัวใสๆ (glass eel) ช่วงนี้จะเป็นช่วงที่พวกมันเริ่มเดินทางเข้าสู่แม่น้ำ พวกมันจะเริ่มมีเซลส์สีเพิ่มขึ้นที่ผิวหนังขณะที่มันเดินทางขึ้นไปในแม่น้ำช่วงนี้เรียกว่าเป็นช่วง Elver หลังจากช่วง Elver พวกมันจะเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น (Juvenile) ซึ่งพวกมันจะอยู่ในน้ำจืดอีกหลายปี (แล้วแต่ชนิดและสถานที่) ปลาไหลแท้ส่วนมากจะเป็นปลานักล่าพวกมันชอบกินปลา กุ้งและปู เป็นอาหาร พอมันโตพร้อมผสมพันธุ์เมื่อไหร่มันถึงว่ายกลับบ้านคือออกมาที่ทะเลอีกครั้งครับ ส่วนปลาไหลบ้านเรา เรียกว่า ปลาไหลนา ซึ่งพันธุ์นี้กับพันธุ์ปลาไหลญี่ปุ่นจะไม่ใกล้เคียงกันเลย แต่ถามว่าแทบบ้านเรามีปลาไหลแบบพันธุ์ญี่ปุ่นบ้างไหม ก็มีครับ เค้าเรียกว่าปลาตูหนา ซึ่งก่อนหน้านีก็เคยมีคนพบที่ปทุมธานี ทางคมชัดลึกเค้ารายงานไว้ ปลาตูหนา ก็สามารถนำมาประกอบอาหารได้เหมือนกับปลาไหลญี่ปุ่นเลยครับ
Free TextEditor
Create Date : 01 พฤศจิกายน 2553 |
|
1 comments |
Last Update : 1 พฤศจิกายน 2553 22:39:34 น. |
Counter : 2779 Pageviews. |
|
 |
|