กลับมาเยือนลาวอีกครั้งหลังจากไปหลวงพระบาง ทางเหนือเมื่อ 9 ปีที่แล้ว หลังจากที่กลับมาคราวนั้นเพื่อนร่วมทริปบอกว่าอยากไปเที่ยวลาวใต้ต่อ แต่ก็ยังไม่ได้ไปสักที คราวนี้เป็นอีกทริปที่เราตัดสินใจเร็วมาก หัวหน้าทัวร์ส่งเมลล์มาชวน น่าจะตัดสินใจภายในครึ่งวันตอบตกลงแบบงง ๆ คือจริง ๆ แล้วถ้าถามถึงโปรแกรมทัวร์ที่เห็นก็ยังไม่โดนเท่าไหร่ มีคนบอกว่าการท่องเที่ยวแบบนี้ไม่ใช่แนวของเรานัก แต่ว่าที่ไปน่าจะเป็นเพราะ"ตัวละคร"ที่ไปด้วยน่าสนใจ คือมีทั้ง entertainer ประจำกลุ่มและจัดการเรื่องทุกอย่างให้หมด ทั้งจองตัวเครื่องบิน ติดต่อทัวร์ รวมถึงจองโรงแรมที่อุบลในคืนแรก คือเดิมทีตามโปรแกรมทัวร์เป็น 3 วัน 2 คืน บินจากกรุงเทพไปอุบลตอนเช้า แล้วราว 8 โมงไกด์จะมารับเราข้ามช่องเม็กเพื่อไปลาวใต้ต่อ แต่เราขอว่าอย่าเลยมันจะเหนื่อยไปนะ เพราะเดินทางแต่เช้า ก็คือต้องตื่นแต่เช้ามาก ๆ ดูชีวิตมันเร่งรีบเกินไป แล้ววันแรกก็จะเหนื่อย ดังนั้นบินไปถึงอุบลในวันก่อนหน้าแล้วพักโรงแรมที่อุบลคืนหนึ่งก่อนดีกว่า รถตู้มารอรับที่สนามบินและพามาส่งที่ร้านอาหารและไปส่งที่โรงแรมต่อ นัดกันว่าเช้าถัดไปจะมารับ คุณนิด คนขับรถตู้ประจำทริป (ซึ่งจริง ๆ เราว่าเขาเป็นไกด์ได้เลยนะ เพราะว่ารู้เรื่องราวในลาวเยอะมาก รวมถึงเล่าเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยได้สนุกเลย) เท่าที่ทราบถ้ากรุ๊ปทัวร์มี 4 คนขึ้นไปเราจะต้องมีไกด์ลาว 1 คนไปด้วย และคราวนี้เราก็ได้น้อง"ปุ้ย" หรือชื่อจริงว่า "คำวิไล" ซึ่งเป็นการทำงานในฐานะไกด์ครั้งแรกของเธอ น้องปุ้ยจบการท่องเที่ยว จากมหาวิทยาลัยจำปาศักดิ์ เธอบอกว่าอ่านหนังสือไทยได้ เพราะรายการทีวีในลาวก็มีรายการของไทยก็เยอะ แต่ถ้าเขียนหนังสือไทยนี่เขียนไม่ได้ ทำเอาเรารู้สึกว่าที่ว่าคนไทยเรียนภาษาอังกฤษมา 20 ปีแต่พูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้สักที บางทีถ้ามีทีวีช่องภาษาอังกฤษ แล้วเปิดฟัง ๆ บ่อย ๆ จนเป็นความเคยชิน หลักการนี้ก็น่าจะทำให้คนไทยเก่งภาษาอังกฤษขึ้นมาได้บ้างนะ จากอุบลไปช่องเม็กประมาณ 80 กม. และใช้เวลาอีกไม่นานมากกว่าจะไปถึงเมืองปากเซ ขอบคุณภาพแผนที่จากอินเตอร์เน็ต เห็นแผนที่ทำให้เห็นภาพชัดว่าสถานที่บางจุดในแผนที่ที่เราไปเที่ยว มันไม่ไกลมากเลย ปราสาทวัดภู น้ำตกตาดฟาน น้ำตกหลี่ผี น้ำตกคอนพะเพ็ง ไกด์เล่าว่าที่มาของชื่อ"ปากเซ" หมายถึงเมืองนี้อยู่ตรงปากแม่น้ำเซพอดี อ๋อ! เข้าใจละ เวลาที่ได้รู้ว่าชื่อแต่ละชื่อมีความเป็นมาอย่างไรแล้วรู้สึกดี เมื่อใกล้ถึงตัวเมือง รถพาข้ามสะพานมิตรภาพลาว-ญี่ปุ่น ระยะทาง 1,380 เมตร สถานที่ท่องเที่ยวหลักในลาวใต้น่าจะเป็นน้ำตกนี่แหละ เพราะทรัพยากรในลาวยังมีอยู่มาก ตอนแรกก็ยังไม่ได้รู้สึกอะไรมากกับการมาน้ำตก แต่พอเห็นน้ำตกของเขาจริง ๆ แล้วก็พบว่าสวยจริง แต่จุดที่แตกต่างจากน้ำตกบ้านเราคือ ปกติเวลาไปเที่ยวน้ำตกไหน ๆ มักจะต้องเดินเยอะหน่อย ขึ้นไปหลาย ๆ ชั้น เมื่อถึงที่แล้วก็สามารถเล่นน้ำได้ หรือไม่ก็ล้างหน้าล้างตาให้ชื่นใจกับความเย็นของน้ำ แต่น้ำตกที่นี่ (ได้ไปเที่ยวน้ำตก 5 แห่ง) ส่วนใหญ่จะเดินไม่ไกลมาก จากจุดจอดรถ และมักจะ "ดูได้แต่ตา" คือว่าจะอยู่ไกลจากจุดที่ยืน เล่นน้ำไม่ได้ เพราะอันตราย อาจจะเป็นด้วยธรรมชาติแบบนี้มั้ง สถานที่ท่องเที่ยวของเขาจึงยังดีอยู่ ไกด์เล่าว่าส่วนใหญ่สถานที่ท่องเที่ยวจะให้สัมปทานผู้ที่เข้ามาทำ ให้มีสถานที่สะดวก มีน้ำไฟเข้าถึง ทำถนนทางเข้า บางทีก็ให้สัมปทานกับคนต่างชาติก็มี เช่น คนไทย คนเวียดนาม จริง ๆ แล้วลาวใต้ยังมีน้ำตกที่สวยงามอีกเยอะ แต่ว่ายังไม่สะดวกที่จะเข้าไป และยิ่งถ้าไม่มีสาธารณูปโภคพร้อม คนก็เลยยังไม่ค่อยอยากไป ต้องรอคนบุกเบิกเข้าไปทำสัมปทานก่อน ........................... "น้ำตกผาส้วม" สารภาพว่าตอนที่ได้ยินชื่อน้ำตกนี้ฟังแล้วรู้สึกว่าชื่อแปลก ๆ คือ มันนึกถึงห้องส้วมน่ะ แต่พอมาฟังไกด์เล่า "ส้วม"ในภาษาลาวแปลว่า "ห้องหอ" เดินข้ามสะพานตรงนี้ไป
ป้ายที่พบเจอ น้ำตกผาส้วมได้รับการพัฒนาโดยคุณวิมล บำรุงกิจ คนไทยที่ได้รับสัมปทานในการเข้าไปพัฒนา (อย่างที่กล่าวไปแล้วในตอนต้นว่าสถานที่ท่องเที่ยวปัจจุบันของลาวมักเกิดจากการให้สัมปทาน) เขาเร่ิ่มต้นสำรวจพื้นที่โดยมีอุปกรณ์ เข็มทิศ สมุดบันทึก ขวาน ได้รับสัมปทานจากลาว 15 ปี เขาใช้เวลาสำรวจพื้นที่นี้ 2 ปีโดยใช้เครื่องทุ่นแรงเท่าที่หาได้ เช่น ช้าง แรงงานคนท้องถิ่น น่าเสียดายที่เมื่อโครงการเรียบร้อย เขาไม่สามารถมองเห็นโครงการที่สร้างมากับมือได้เพราะก่อนหน้านั้นเขาเป็นไข้มาเลเรีย หมดสติโคม่าไปหลายวัน และส่งผลให้ตามองไม่เห็น "น้ำตกตาดฟาน" คุณนิดเล่าว่า "ตาด" แปลว่า "น้ำตก" "ฟาน" แปลว่า "เก้ง" คงจะเป็นน้ำตกที่มีเก้งเยอะ มาเล่าเรื่องปั๊มน้ำมันในลาวกันสักหน่อย ก็เห็นอยู่ไม่กี่แบรนด์ แต่ที่เห็นบ่อยที่สุดน่าจะเป็น PV Oil หรือ PetroVietnam คุณนิดบอกว่าเป็นปั๊มของเวียดนาม ที่ถ่ายรูปมาถือว่าเป็นปั๊มใหญ่ทีเดียว (ปกติที่เห็นทั่วไปจะขนาดเล็กกว่านี้) พอดีคุณนิดแวะเติมน้ำมันที่นี่ ราคาน้ำมันช่วงนี้อยู่ที่ระหว่าง 9,100 - 9,800 กีบ คิดเป็นเงินไทยราว 36-39 บาท ด้านหลังปั๊มจะมี Mart รวมถึงร้านขายสินค้าของที่ระลึก เช่น เครื่องเงิน ผ้า ส่วนอาคารใหญ่ด้านข้าง เป็นมุมขายสินค้าแบรนด์เนมแบบ Copy พนักงานขายบอกว่าเปิดมาราว 1 ปีแล้ว แอบเดิน ๆ ดูราคาเล่น ๆ เช่น กระเป๋า Louis Vitton รุ่น Neverfull ขนาด MM ราคาประมาณ 3,500 บาท นาฬิกา Rolex น่าจะราว 4-6,000 บาท Mart และที่ขายของที่ระลึก อาคารนี้ขายของแบรนด์เนม Copy ความคาดหวังต่อทริปนี้ก่อนไป : 7/10 ความพึงพอใจต่อทริปนี้เมื่อไปแล้ว : 10/10 Factor : เพื่อนร่วมทริป . การเดินทางแบบ slow life . จำนวนสถานที่แต่ละวันไม่ต้องมากแต่ดื่มด่ำจริง ๆ กับแต่ละที่ . อากาศกำลังสบาย ....รัชชี่....
ความรู้สึกก่อนไป : เนื่องด้วยช่วงหลังรู้สึกตัวว่าร่างกายไม่ค่อยเฟิร์ม ไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย อ่านโปรแกรมทัวร์ผ่าน ๆ ว่าส่วนใหญ่ไปน้ำตก นึกถึงน้ำตกบ้านเราที่มักเดินเยอะกว่าจะถึง ทำเอาไม่ค่อยมั่นใจว่าเราจะไปทำความลำบากหรือล่าช้าให้คนอื่นหรือเปล่า เรื่องอากาศ เป็นเดือนธันวาคม หน้าหนาวแล้ว คิดว่าลาวซึ่งน่าจะเป็นประเทศสดกว่าบ้านเรา อากาศอาจจะหนาวกว่าบ้านเรา กลัวไม่ไหวอีกเพราะเป็นคนขี้หนาว ความรู้สึกขณะอยู่ที่นั่น : fresh ทุกวัน นอนราว 4 ทุ่มกว่า รู้สึกตัวก่อนนาฬิกาปลุก ตื่นก่อนตีห้าครึ่งทุกวัน ทัวร์ไม่เร่งรีบ ใช้สายตาในการมองและซึมซับกับบรรยากาศ โชคดีที่เจออากาศกำลังดี เย็นสบาย (อาจจะเริ่มร้อนในช่วงบ่าย) เป็นการเดินทางที่ชาร์จแบตในตัวได้ดีทีเดียว
|
ไม่เร่งรีบ ได้ซึมซับกับธรรมชาติจริงๆ
ลาวยังมีความบริสุทธิ์ทางธรรมชาติอยู่มาก
เดิมผมยังคิดว่าแต่ละที่น่าจะอยู่ไกลและเดินมาก
เมื่อทราบว่าไปได้ถึงที่อย่างใกล้ชิดแบบนี้น่าไปมากครับ
ภาพน้ำตกสวยมากๆครับ
รัชชี่ Travel Blog