Secret of a happy life. Eat as if you are a horse. Drink as if you are a whale.

ChikaLicious @Central Embassy

ชื่อร้าน : ChikaLicious
รายการอาหาร : 3 course Dessert Prix Fixe
ที่ตั้งร้าน : Central Embassy, กรุงเทพมหานคร วัฒนา Thailand
พิกัด GPS : 13° 44' 37.34" N 100° 32' 48.69" E



พอดีผมเป็นคนชอบตามกระแส เลยไปลองเดินห้างใหม่ Central Embassy มาครับ
ห้างเพิ่งเปิดได้ไม่กี่วัน บางส่วนก็ยังไม่เสร็จเรียบร้อยดี แต่คนเต็มเลย
อันที่จริงเป้าหมายหลักของผมก็คือ อาหารการกินในตัวห้างนั่นเอง มีหลายร้านที่ผมเล็ง ๆ ไว้ตั้งแต่ก่อนห้างจะเปิด
หนึ่งในนั้นก็คือร้าน ChikaLicious ที่ผมเพิ่งได้ไปลองทานมา เลยเอาภาพมาฝากครับ


ChikaLicious เป็น Dessert Bar ชื่อดังใน NewYork ของเชฟขนมขาวญี่ปุ่นชื่อ Chika Tillman
โดย Don Tillman สามีของเชฟ Chika เป็น Sommelier ผู้เชี่ยวชาญเรื่องไวน์
concept ร้าน
ChikaLicious ที่ทั้งสองร่วมกันทำก็เลยออกมาเป็น Dessert Bar
โดยมีเชฟ Chika ทำขนมและ Don เป็นคนคอยจัด pairing wine ให้
(ส่วนที่มาของสาขาประเทศไทยนี่ ผมเดาเอาว่าน่าจะมีคนไทยไปซื้อสูตรขนมตัว signature กับ concept ร้านมาเปิดสาขาที่ไทย)


มาถึงหน้าร้าน ChikaLicious แล้วเพิ่งรู้ว่าเค้าเปิดตอนเที่ยงตรง และมีช่วงหยุดตอนบ่ายด้วย (จำเวลาเปิดตอนเย็นไม่ได้) เลยไปเดินโต๋เต๋ฆ่าเวลา



ชั้น 5 ของ Central Embassy มีร้านอาหารอื่น ๆ น่าไปลองเต็มไปหมดเลยครับ ใกล้ ๆ ร้าน ChikaLicious มีร้าน  ROCKET coffee bar ร้านดังจากย่านสาทรมาเปิดร้านด้วย



มีร้าน sushi ที่เห็นคนญี่ปุ่นเดินเข้าออกเยอะเหมือนกัน ชื่อ HINATA



ร้านหม้อไฟ Nabesou



มีร้านใหม่จากเครือ Water Library ด้วยครับ



ISSAYA La Pâtisserie ก็อยู่ชั้นเดียวกัน



อันนี้ไม่ได้อยู่ชั้น 5 แต่เป็นอีกร้านที่ผมตั้งตารอให้มันเปิดไว ๆ ร้านราเมน Ippudo  นั่นเอง อยากให้ถึงเดือนกค.เร็ว ๆ จัง




ได้เวลาก็กลับมาที่ร้าน ChikaLicious ร้านมีที่นั่งไม่เยอะ กลางร้านมี Counter bar เป็นรูปตัว U
เราจะเห็นเชฟประดิดประดอยขนมแต่ละจานต่อหน้าต่อตาเลยครับ เชฟหลังเคาท์เตอร์เป็นมิตรและ informative มาก ๆ
งานยุ่งมือระวิงแต่ก็อุตส่าห์หันมาอธิบาย concept กับวิธีการสั่งอาหารด้วย ประทับใจสุด ๆ



เมนูช่วงเที่ยงจะเป็น 3 course Dessert Prix Fixe ราคา 400B ( Paring Wine เพิ่มเงิน 250B)  โดยเราสามารถเลือกขนมตัว main ได้ 1 อย่าง
ส่วนขนมตัวเปิดมื้อ (Amuse Bouche) กับขนมปิดท้ายมื้อ (Petit four) ทางเชฟจะจัดมาให้และเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ในแต่ละวัน



เปิดมื้อด้วย Amuse Bouche ของวันนี้ เป็นเยลลี่กาแฟ โปะทับด้วยไอศครีมวนิลลา
ตัวเยลลี่มีรสกาแฟชัดเจนและไม่หวาน กินคู่กับไอศกรีมหวานมันแล้วอร่อยลงตัว
รสคล้าย affogato แต่เป็นรูปแบบของไอศครีมเยลลีแทน



มาถึงจานหลัก พวกผมกับเพื่อนไปกัน 4 คน ลองสั่งคนละอย่าง ไม่ซ้ำกัน

เริ่มด้วยจานของเพื่อนผม โดมสีขาวบนจานรองน้ำแข็งที่เห็นนี้เป็นขนม signature ของร้าน ChikaLicious
มันคือ Fromage Blanc Island 'Cheese Cake' หรือโดมชีสเค้กเนื้อฟูนุ่ม ราดด้วยซอสครีม
แอบชิมไปคำนึงเนื้อฟูเบาละมุนลิ้นมาก ๆ แต่ถ้าใครชอบแบบชีสเค้กเข้มข้นอาจจะไม่ถูกใจเท่าไร



จานนี้ของเพื่อนเช่นกัน เป็นอีกหนึ่งใน  signature ของร้าน
Warm Chocolate Tart with Pink Peppercorn Ice Cream and Red Wine sauce
ทาร์ตชอกโกแลตกับไอศกรีมพริกไทย ตัวไส้ทาร์ตชอกโกแลตตรงกลางยังเหลวอยู่หน่อย ๆ
พอตัดออกมาเหมือน warm lava cake เลย ตัวไอศกรีมพริกไทยก็อร่อยมาก ๆ
(Pink Peppercorn เป็นพริกไทยที่ร้านขนมหลายร้านนิยมเอามาทำขนมครับ อย่าง La Duree ก็เอามาทำเป็น macaron )



อีกจานของเพื่อนเป็น Kiwi Tartare with Lavender on Crispy Kataifi and Coconut Sorbet
เรียกง่าย ๆ ว่าเป็น กีวี่หั่นเต๋าคลุกกับน้ำเชื่อมลาเวนเดอร์
ส่วน Kataifi ที่รองไว้ด้านล่างเป็น pastry ของทาง Middle East หน้าตาละม้ายคล้ายหมี่กรอบบ้านเรา
เจ้าแท่งยาว ๆ ที่วางพาดมาด้านบนเป็น Earl Grey stick หอมกรอบ อร่อยมาก ครับ



จานนี้ของผมเอง Honey Parfait in Pineapple Gazpacho with Cilantro Syrup and Lace Tuile แปลง่าย ๆ ว่าเป็นไอศครีมรสน้ำผึ้ง ในซอสเย็นที่ทำจากสัปปะรดและผักชี โปะหน้าด้วยคาราเมลกรอบ



ผมสั่ง wine pairing มาด้วยครับ ได้เป็น sparkling wine : Peter Lehmann Moscato  รสหวาน crisp อร่อยมาก (อยากได้อีกแก้ว  555 )



ทานแล้วเข้าคู่กันดีครับ



ปิดท้ายมื้อด้วย Petit Four ประกอบด้วย  Marshmallow มะพร้าว, Chocolate tart และ Rum balls



สรุปแบบสั้น ๆ สำหรับร้าน  ChikaLicious นี่ผมค่อนข้างประทับใจเลยทีเดียว ขนมสร้างสรรค์แปลกใหม่
แต่ละจาน component เยอะ ปรุงอย่างประณีตบรรจงและสดใหม่ คือหลังจากเราสั่งแล้วถึงจะเริ่มทำ

ถ้าจะมีข้อเสียก็คือ ความประณีตและการปรุงสดใหม่ไม่ทำทิ้งไว้นี่แหละครับ ที่ทำให้ใช้เวลาค่อนข้างมากสักหน่อย
(อ่านจากกระทู้เก่า ๆ ใน pantip ของคุณ Mono Loco ที่เคยไปทานสาขา NY เค้าบอกว่าสาขาNY ก็ออกไปทาง chill ๆ นะ
เจ๊ Chika  ค่อย ๆ ทำอย่างใจเย็นไม่แคร์ลูกค้าที่ต่อคิว และทำประตู 2 ชั้นลงล็อกไว้เลย ถ้าลูกค้าที่นั่งอยู่ยังไม่ออกไป คนใหม่ก็ไม่ได้เข้ามา)

ณ ตอนนี้
ChikaLicious น่าจะเป็นร้านเดียวในประเทศไทยที่นำเสนอประสบการณ์การทานขนมแบบ course
ส่วนตัวผมคิดว่าเป็นมื้อที่คุ่มค่าทีเดียว 
มีโอกาสจะกลับไปใช้บริการอีกแน่ ๆ ครับ



Create Date : 12 พฤษภาคม 2557
Last Update : 12 พฤษภาคม 2557 22:26:38 น. 2 comments
Counter : 4129 Pageviews.  

 
พี่หมี แวะมาทักทายทางนี้ คือรุ้งไม่ได้เข้ามาห้าปี จนลืมพาสเวิดไปแล้ว ฮ่าๆๆๆ พี่หมีสุดยอดมากๆๆๆๆ ที่คอยเข้ามาอัพเดทบล็อกตลอด ขอเป้นแฟนพันธ์แท้ต่อไป (ฟอเอเว่อร์) ค่ะ ฮ่าๆๆๆ


โดย: arcoiris วันที่: 14 พฤษภาคม 2557 เวลา:20:57:05 น.  

 
น่าไปมากเลยค่ะ


โดย: Bonjour_KiTTy วันที่: 15 พฤษภาคม 2557 เวลา:23:29:33 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

amenochikara
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 28 คน [?]




[Add amenochikara's blog to your web]

MY VIP Friend