Secret of a happy life. Eat as if you are a horse. Drink as if you are a whale.

寿司神田 Sushi Kanda

ตอนในนี้บ้านเราเริ่มมีร้าน Sushi ระดับ premium เปิดเพิ่มเรื่อย ๆ และหลายร้านก็เปิดโอกาสให้ลูกค้าได้ลิ้มลองประสบการณ์การทานอาหารแบบ chef table ในรูปแบบของซูชิ ที่เรียกว่า Omakase course คือ การกินซูชิคอร์สที่เชฟเป็นผู้เลือกสรรวัตถุดิบตามฤดูกาล หรืออาหารที่เป็น signature ของร้านนั้นๆให้ลูกค้าได้ลิ้มรสอย่างเต็มอิ่ม ผมเคยทำรีวิวของ Omakase ไว้ 2 ร้าน คือ   Sukiyabashi Jiro กับ Yashin by Tenyu (ที่จริงแล้วยังดองรีวิว Kyubei @Ginza, Tokyo ไว้อีกร้านนึง ว่าจะแปะแล้วไม่ได้เอามาลงซะที)


Dream of Jiro's sushi - すきやばし次郎 (Sukiyabashi Jiro) - 3 Michelin stars sushi
//www.bloggang.com/viewblog.php?id=mee-amenochikara&date=17-11-2013&group=3&gblog=1

ครั้งแรกกับประสบการณ์ลองกิน Omakase Sushi Course ในประเทศไทย @Yashin by Tenyu
//www.bloggang.com/viewblog.php?id=mee-amenochikara&date=23-02-2014&group=5&gblog=75


รีวิวฉบับนี้จะพาไปชม Omakase course ของหนึ่งในร้าน Sushi ระดับ premium ที่ได้ชื่อว่า authentic เหมือนกินที่ญี่ปุ่น ชื่อว่าร้าน 寿司神田 (Sushi Kanda) อยู่ที่โครงการ NO.88 ในทองหล่อซอย 9 ร้านนี้ position ตัวเองเป็น Edomae Sushi (คือซูชิแบบดั้งเดิมนั่นเอง) เจ้าของร้าน Sushi Kanda ลงทุนบินไปกลับกรุงเทพฯ – โตเกียวทุกอาทิตย์ เพื่อไปซื้อวัตถุดิบที่ตลาดปลา Tsukiji ด้วยตัวเอง แล้วหิ้ววัตถุดิบบินกลับมากรุงเทพฯเพื่อทำเป็นซูชิขายที่ร้าน เรียกว่าทุ่มเทเพื่อวัตถุดิบมากๆ ผม follow ทั้ง FB และ IG ของทางร้านอยู่ เห็นทั้งรูปตอนทางร้านกำลังจ่ายตลาดบ้าง รูปกุ้งหอยปูปลาสารพัดที่หิ้วกลับมาทำอาหารบ้าง แต่ละอย่างมีจำนวนจำกัด ขายหมดแล้วก็บินไปซื้อมาใหม่ ซูชิแต่ละอย่างที่ทำก็เป็นแบบต้นตำรับแท้ ๆ มีพวกวัตถุดิบที่ไม่ค่อยเห็นร้านซูชิระดับ premium ร้านอื่นๆในไทยมีขาย เช่น ปลา Kawahagi หรือ หน่อต้นหอมอ่อน เห็นรูปของทางร้านหลาย ๆ รอบเข้า ก็เกิดกิเลสครอบงำ เลยไปจัดมาให้หายอยากเสียที




Omakase course ของร้าน Sushi Kanda มี 3 แบบ ได้แก่  

雪(Yuki) 3,000บาท /  月(Tsuki) 5,000บาท / 花(Hana) 7,000บาท

ทั้ง 3 แบบประกอบด้วยซูชิ 8 คำ และอาหารอื่น ๆ เช่น ซาชิมิ หรือ ปลาย่าง ในรีวิวฉบับนี้ผมลองทานแบบ  月(Tsuki) ครับ ให้สรุปผลลัพธ์แบบสั้นๆก็คือ ประทับใจมากกก ประทับใจแค่ไหน ... ก็แค่กลับไปกินอีกแทบจะทันทีอีก 2 รอบ...  สิริรวมเป็น 3 ครั้ง ในรอบ 2 อาทิตย์ที่ผ่านมา (ครั้งหลัง ๆ ผมไม่ได้ทานเป็น Omakase นะครับ ทานเป็น Sushi Set เล็ก ๆ แล้วสั่งเพิ่มเอา)


เกริ่นมาซะนาน ขอเข้าเรื่องซะที ในรีวิวฉบับนี้จะขอลงภาพของคอร์ส Omakase เป็นหลักก่อน แล้วแถมท้ายรูปจากมื้ออื่นๆตอนท้ายรีวิวครับ  รูปรวมๆของ Omakase ร้าน Sushi Kanda ครับ



ตัวเชฟของร้าน Sushi Kanda เชฟ 羽戸(Hato) เป็นเชฟชาวญี่ปุ่นที่มี expertise ใน Edomae Sushi เคยทำงานเป็นเชฟซูชิโรงแรมมาก่อน เพิ่งจะโดนดึงตัวมาประเทศไทยทำซูชิให้ร้าน Kanda ตอนร้านนี้เปิดเมื่อเดือนกย.ปีที่แล้ว เชฟพูดไทยได้นิดหน่อย ภาษาอังกฤษคล่องพอควร ถ้าใครพูดญี่ปุ่นได้ชวนเชฟคุยได้เลยครับ เชฟมีบุคลิกแจ่มใสเป็นกันเองมาก นอกจากเชฟคนญี่ปุ่นแล้ว ยังมีเชฟคนไทยอยู่หลังเคาท์เตอร์คอยช่วยเชฟญี่ปุ่นด้วยครับ ทั้งสองคนยิ้มแย้มแจ่มใสและมีอารมณ์ขัน



พอสั่งอาหารเสร็จเชฟจะเอาใบไผ่มาปูบนเคาท์เตอร์ ไว้เสิร์ฟซูชิให้ครับ ให้สาหร่ายวากาเมะมาทานเล่นด้วย



แอบชะโงกดูวัตกุดิบในกระบะ แลดูแวววาว สีสันสดใสน่าทาน



สั่งคอร์ส Omakase จะมีอาหารทานเล่นก่อนจะเริ่มทานซูชิ วันที่ผมไปทานได้ Sashimiมา 4 ชนิดเริ่มด้วย ปลา Houbou กับ ปลาHirame

สำหรับปลา Houbou นี่ใครเคยอ่าน Osen น่าจะรู้จัก เนื้อนุ่มรสหวานอ่อนๆ ไม่เหนียว ส่วน Hirame เนื้อเหนียวนุ่มทานคู่กับ Ponzu อร่อยมาก


ตามมาติดๆด้วย Otoro รสเข้มข้น เคี้ยวแล้วละลายในปาก แอบติดเอ็นหน่อย ๆ



Sashimi อย่างสุดท้ายคือ Kampachi เนื้อเด้ง กรอบ อร่อย



ของทานเล่นอย่างสุดท้ายก่อนจะเข้าสู่คอร์สซูชิ คือ Hotate Isobeyaki หรือ หอยเชลล์ย่างห่อสาหร่าย นั่นเอง  
เวลาทานก็ห่อด้วยสาหร่ายแล้วหยิบทานด้วยมือ หอยเชลล์ตัวใหญ่ สุกนอกดิบใน หวานฉ่ำ



มาดูซูชิอันเป็นเนื้อหาใจความสำคัญของคอร์สนี้ เริ่มด้วย Kinmedai เป็นปลาเนื้อขาวที่ไขมันสูงมาก เนื้อเนียนนุ่มและมีไขมันเข้มข้น หนังปลาลนไฟมาแค่พอตึงๆ หอมกลิ่นไขมันในหนังปลาที่burnแล้ว

หลายๆครั้งที่ผมทานซูชิร้านอื่นๆในประเทศไทยจะรู้สึกว่าบางร้านข้าวซูชิแห้งและแข็งไปหน่อยนึง แต่ของร้าน Kanda นี้ข้าวซูชิร้านเขาฉ่ำกำลังดีเลยครับ การทำข้าวซูชิให้ฉ่ำพอดีไม่แห้งเกินแต่ก็ไม่เละไม่ใช่เรื่องง่าย ซึ่งจุดนี้ร้าน Kandaผ่านฉลุย


คำที่2 เป็น signature ของร้านนี้เลยครับ คือ Uni หรือ หอยเม่น นั่นเอง เชฟจะปั้นโดยตักหอยเม่นวางบนใบโฮบะก่อน แล้วปั้นหอยเมนพร้อมกับข้าวทั้งที่ห่อใบโฮบะนี้ไว้


พอจะเสิร์ฟก็ลอกเอาใบโฮบะออกแบบนี้


สะกิดวาซาบิใส่ลงไปนิดนึง


แล้วเชฟก็จะเอามาวางวางบนมือเราเลยครับ พร้อมส่งเข้าปากได้ทันที หอยเม่นร้านนี้หวานฉ่ำและอร่อยมาก



พอเอ่ยปากชมว่าหอยเม่นอร่อย เชฟก็เอากล่องหอยเม่นมาให้ดูครับ บอกว่าเป็นหอยเม่นจากร้านเดียวกับที่ขายหอยเม่นให้  Sukiyabashi Jiro ด้วย



คำที่ 3 เป็น Otoro ตอนกินเป็น Sashimiก็ว่าอร่อยแล้ว มาเจออันนี้อร่อยกว่าอีก เนื้อปลาหวานหอมมัน ละลายในปากได้อย่างกับกินไอติม



คำที่ 4 เป็น Kuruma Ebi แบบสด ๆ เนื้อแน่น กรอบ และหวานมาก กินที่ญี่ปุ่นบางร้านแบบเอากุ้งเป็นๆมาทำให้ยังไม่อร่อยขนาดนี้เลย



หันไปเจอเชฟผู้ช่วยคนไทยเตรียมจอกเหล้าใส่ข้าวซูชิโรยไข่ปลาแซลมอนอยู่ ก็นึกในใจอยู่ว่าน่ากินจัง  แล้วก็ได้มากินจริง ๆ เพราะมันเป็นส่วนหึ่งของคอร์ส Omakase ด้วย



คำที่ 5 เป็นข้าวซูชิโปะ Ikura แบบใส่มาในจอกเหล้าในจอกมีสาหร่ายอบหั่นเป็นชิ้นเล็กๆคั่นอยู่ระหว่างไข่ปลากับข้าวด้วยครับ ไข่ปลาก็อร่อยนะ แต่ไม่ต่างจากร้านอื่นๆใน price range เดียวกันเท่าไร



คำที่ 6 Shime Saba หรือปลาซาบะดองน้ำส้ม เนื้อปลานิ่มมากก แทบไม่ต้องเคี้ยว หอมและมัน รสเปรี้ยวหวานหมดจด อร่อยมากๆครับ กระทั่งเจ้า 白板こんぶShiro-ita Konbu แผ่นบางๆข้างบนยังกรอบอร่อยเลย ติดใจจนถึงขั้นตอนตอนหลังกลับมากินร้านนี้อีกผมสั่งเจ้า Shime Saba นี่มากินเพิ่มด้วยเลย



คำที่ 7 Aji อาจิ มีขิงขูดโปะหน้ามาตามต้นตำรับเป๊ะๆ อันนี้ก็อร่อยดีครับ สดไม่มีที่ติ แต่ก็ไม่ได้ประทับใจอะไรมากเป็นพิเศษ



คำสุดท้าย  Sawara หนึ่งในปลาที่เห็นมีแค่ไม่กี่ร้านในกทม.ใช้ รสหวานอ่อนๆ



ไข่หวาน ปิดท้ายท้ายคอร์สซูชิ ผมเฉยๆกับไข่หวานที่นี่ รู้สึกว่าไม่ได้ต่างอะไรมากกับทั่วไป



อาหารที่เตรียมโดยเชฟคนญี่ปุ่นหมดลงเท่านี้ครับ อาหารอื่นที่ไม่ใช่ซูชิที่ต้องใช้ทักษะการปั้นซูชิ
(อย่างเช่นไข่ปลาแซลมอนในจอกเหล้าก็เหมือนกัน)จะเตรียมโดยเชฟคนไทยที่เป็นผู้ช่วยเชฟ

อันนี้เป็นอาหารในคอร์ส Omakase หลังจากทานซูชิหมด  เป็นคางปลาฮามาจิต้มซีอิ๊ว เนื้อนุ่มฟูเป็นปุย ชิ้นโตมาก สารภาพว่าทานเกือบไม่หมด



นึกว่าหมดคอร์สแล้ว ยังมีกุ้งเผามาให้ทานอีกตัว -*- ณ จุดนี้เริ่มอิ่ม



ยังครับ คอร์ส Omakase ยังไม่จบ เชฟผู้ช่วยยังเตรียมของดังของร้านนี้มาให้อีก 1 อย่าง ชื่อว่า Bic Roll


มันคือ Roll ที่อัดแน่นด้วย ไข่ปลาแซลมอน หอยเม่น และ Negi Toro(ท้องปลาทูน่าสับใส่ต้นหอม)
เครื่องล้นมากกกก ถึงขั้นต้องเอาจานรองไว้ และใช้ช้อนตักทาน เหมือนกินไอศครีมพาเฟ่ต์
(ได้ยินมาว่า คุณ Bic เจ้าของร้านคั่วกลิ้ง+ผักสดที่อยู่ใกล้ๆกับร้านนี้เป็นคนรีเควสท์ให้ทำเมนูนี้ขึ้นมา เลยเอาชื่อมาตั้งเป็นชื่อเมนูซะเลย)



ท้ายคอร์สมีเสิร์ฟซุปมิโสะใส่พวกกุ้งหอยลงไปต้มด้วย รสชาติดีครับ คล่องคอ



พอดีเคยเห็น FB ทางร้านลงภาพหน่ออ่อนต้นหอม เลยลองถามหา ก็ได้คำตอบว่ามี เลยสั่งมาลองสักคำ
หน่อต้นหอมหวานกรอบ เผ็ดซ่านิดๆ กินท้ายมื้อแบบนี้รู้สึกว่าช่วยย่อยดี เค้าเอาหน่อต้นหอมไปแช่น้ำแข็งมาก่อนปั้นด้วยเย็นชื่นใจ เหมาะกับช่วงอากาศร้อนๆแบบนี้



ในภาพซูชิหน่อต้นหอมจะเห็นว่ามีอะไรสีน้ำตาลๆแทรกอยู่ระหว่างก้อนข้าวกับหน่อต้นหอม มันคือ Bonito Flake หรือปลาโอแห้งขูดฝอยนั่นเอง
ทางร้านเค้าเอาแท่งปลาโอทั้งชิ้นมาขูดๆด้วยกล่องสำหรับไสปลาโดยเฉพาะแบบสดๆใหม่ๆหลังจากเราสั่งเลยครับ



พอเรียกคิดเงินจะมีขนมออกมาให้ทาน อันนี้เป็น Tofu Tiramisu เนื้อนิ่มและเบา รสเต้าหู้ชัดเจนดี


เป็นอันจบรีวิวส่วนของ Omakase สรุปง่าย ๆ ว่าผมชอบซูชิมากเลยครับ เอาแค่ข้าวซูชิก็อร่อยแล้ว วัตถุดิบก็สดใหม่และ properly prepared เลยหาโอกาสกลับไปกินซูชิอีก


หลังจากวันที่ผมได้ไปลอง Omakase ของร้านนี้ผ่านไปไม่เท่าไร ด้วยความประทับใจในรสชาติก็เลยหาโอกาสไปทานอีก



คราวนี้เป็นมื้อเที่ยงวันธรรมดา เลยได้ลอง Lunch Set เป็นเซตซูชิ 10 คำ ราคา 880 บาท (มีสลัดกับซุปให้)



โฉมหน้าของ Sushi Lunch Set ได้ชนิดปลาที่จัดโอเคเลยทีเดียวสำหรับเซ็ทกลางวัน มีหอยเชลล์กับ Otoro รวมอยู่ด้วยด้วย (Tamago / Otoro / Hotate / Aji / Salmon / Engawa) นี่เป็นรูปของ 6 คำแรก



นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งของ Lunch Set ชุด 10คำ  อีก 4 คำเสิร์ฟแยกมา จากซ้ายไปขวาเป็น Kisu โปะมาด้วยเนื้อบ๊วยยีละเอียด ซึ่งเป็นการปรุงรสแบบ Edomae Sushi ตรงกลางเป็น Akami (ปลาทูน่าแบบไม่มัน) และ Shime Saba(ปลาซาบะดองน้ำส้ม)



คำสุดท้ายเป็นไข่ปลาในจอกเหล้าเหมือนครั้วงที่แล้ว ลองตักข้างในขึ้นมาให้ดู



ซุปคล้าย ๆ กับที่กินรอบที่แล้ว



สั่งปลาทูน่าแช่ซีอิ๊วมาด้วย 1 ชิ้น เนื้อแน่น firm และอร่อยมาก



ด้วยความติดอกติดใจในรสชาติ .... ผ่านไปอีกไม่กี่วันก็ไปจัดมาอีกครับ คราวนี้กิน Set Sushi แบบ a la carte menu บ้าง

อันนี้คือ  竹 Ta-ke เซท 7 คำ ราคา 1,000 บาท คล้ายที่กินตอนเป็นเซตกลางวัน Upgrade ปลาขึ้นมาหน่อย



เหลือบไปเห็นมุมๆเคาท์เตอร์มีถังไม้ใส่หอยนางรมแช่น้ำแข็ง เชฟบอกว่าเป็นหอยนางรมจาก Hiroshima เพิ่งมาใหม่ๆวันนี้เลย



ก็เลยจัดไป ... เชฟหยิบขึ้นมาแกะให้ดู หอยนางรมตัวใหญ่คับเปลือกหอยเลยครับ



หั่นครึ่งราดซอสเปรี้ยว Ponzu ออกมาเป็นแบบนี้ หอยนางรมสด หวานเจี๊ยบ อร่อยมากๆ



ยังไม่พอ ... ติดใจ Shime Saba อยากกินอีกจัดมาครับ 1 คำ เนื้อแห้งกว่า 2 ครั้งแรกที่กินหน่อยนึง แต่ก็อร่อยอยู่



อีกสักคำ Tataki Ototo  (Seared Otoro) หรือท้องปลาทูน่าลนไฟนั่นเอง



ไหนๆก็ไหนๆ ... หอยเม่นเค้าอร่อยขนาดนี้ ขอสักคำเถอะนะ บอกเชฟ ไม่นานเกินรอ ... เชฟเดินมายื่นให้ถึงมือ



ปิดท้ายด้วยหอยเม่นที่รับมอบมาจากมือเชฟครับ หอยเม่นร้านนี้หอมหวานมัน อร่อยฟินมากๆ



สรุปได้ว่า ร้าน Sushi Kanda ราคาสูงจริงแต่คุณภาพอาหารสูงตามอย่างสมเหตุสมผล เป็นตัวเลือกร้านซูชิอันดับต้นๆที่ผมจะไปทานในกทม.
ใครสนใจลองไปทานดูได้นะครับ Lunch Set วันธรรมดาราคาโอเคเลยทีเดียว

เป็นอันจบรีวิวฉบับนี้แต่เพียงเท่านี้ ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านจนจบนะครับ


寿司神田 Sushi Kanda

2nd Fl., No.88, Thonglor Soi 9, Bangkok, Thailand 10110

Mon: 5:30 pm - 11:00 pm
Wed - Sun: 11:30 am - 1:30 pm, 5:30 pm - 11:00 pm

Phone    : 02 712 6639



Create Date : 08 พฤษภาคม 2557
Last Update : 8 พฤษภาคม 2557 20:43:32 น. 3 comments
Counter : 4008 Pageviews.  

 
ขอชมภาพของดียั่วน้ำลาย เพราะราคาระดับพรีเมี่ยมคงเกินงบฯ ในกระเป๋า


โดย: แมวเซาผู้น่าสงสาร วันที่: 9 พฤษภาคม 2557 เวลา:0:05:10 น.  

 
รูปสวย น่าทานค่ะ


โดย: Bonjour_KiTTy วันที่: 15 พฤษภาคม 2557 เวลา:23:32:36 น.  

 
ถ้ามีโอากสจะไปลองค่า



โดย: สมาชิกหมายเลข 3450494 วันที่: 19 สิงหาคม 2563 เวลา:11:51:45 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

amenochikara
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 28 คน [?]




[Add amenochikara's blog to your web]

MY VIP Friend