Group Blog
 
All Blogs
 
The ugly parent syndrome

ขณะเขียนต้นฉบับอยู่นี้ เมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลียกำลังมีการแข่งขันว่ายน้ำชิงแชมป์โลก บรรดานักกีฬาว่ายน้ำชั้นนำจากทั่วโลกต่างมารวมตัวกันเพื่อพิสูจน์ความเป็นหนึ่ง

แต่เชื่อไหมครับว่า ปีนี้แทนที่ชาวออสซี่จะสนใจเรื่องผลการแข่งขันว่าใครจะเป็นเจ้าสระ พวกเขากลับเม้าท์แตกกันเรื่องโค้ชนักว่ายน้ำทีมชาติยูเครนทำร้ายร่างกายนักว่ายน้ำสาววัย 18 ปี ซึ่งเป็นลูกสาวของเขาเอง นัยว่าโค้ชผู้เป็นพ่อคงโกรธฉุนเฉียวที่ลูกสาวทำได้ไม่ดีอย่างที่ตนเองต้องการ ทั้งที่เธอเองเพิ่งทำสถิติโลกขึ้นใหม่หลายรายการด้วยกัน

ภาพพ่อกำลังทำร้ายลูกสาว...นักว่ายน้ำ...ถูกจับภาพได้โดยกล้องของสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่ง เมื่อถ่ายทอดออกมาเป็นข่าว ทางสหพันธ์ว่ายน้ำนานาชาติได้ขอให้ฝ่ายจัดการแข่งขันถอดชื่อของคุณพ่อเจ้าอารมณ์ออกจากการแข่งขันทันที

สำหรับผู้คนที่เติบโตในสังคมพ่อแม่เป็นใหญ่เมื่อเห็นข่าวนี้อาจสงสัยว่า ทำไมการที่พ่อแม่สั่งสอน ดุด่า เฆี่ยนตีลูก เพื่อให้ลูกแข่งขันกีฬาให้ได้ชัยชนะถึงเป็นความผิดบาปขนาดนี้

ในสังคมตะวันตกหลายๆประเทศรวมทั้งประเทศออสเตรเลียถือว่า เรื่องนี้เป็นประเด็นใหญ่ถึงขนาดมีการออกวาระแห่งชาติ เพื่อคุ้มครองสิทธิของนักกีฬาเด็กและเยาวชนไว้เลยทีเดียว

เนื่องจากที่ผ่านมามีพ่อแม่ผู้ปกครองจำนวนไม่น้อยที่ทั้งกดดัน ขู่เข็ญ ตะคอก ดุด่า ตลอดจนใช้กำลังกับลูกหลานของตนเอง เพื่อหวังเห็นลูกหลานของตนเล่นกีฬาจนได้ชัยชนะ

คนออสซี่เรียกบรรดาพ่อแม่ผู้ปกครอง ผู้ซึ่งไม่สามารถควบคุมอารมณ์รุนแรงของตนเองในขณะเชียร์ลูกหลานแข่งขันกีฬาว่า เป็นคนป่วยด้วยโรค

“The ugly parent syndrome”

แล้วการแสดงอารมณ์รุนแรง เกรี้ยวกราด น่ารังเกียจเช่นนี้ส่งผลอะไรต่อเด็กหรือครับ

งานวิจัยของ The Olympic Sports Medicine Centre ชี้ชัดว่า พฤติกรรมของพ่อแม่ผู้ปกครองที่มักระเบิดอารมณ์รุนแรงใส่ลูกหลานขณะเล่นกีฬาส่งผลให้เด็กตัวน้อยขาดความมั่นใจในตนเอง เด็กเหล่านี้จะไม่สามารถพัฒนาศักยภาพด้านกีฬาได้อย่างเต็มที่ ขณะเดียวกันเหยื่อตัวน้อยจำนวนมากยังเข็ดขยาดและไม่สนุกสนานกับกีฬาที่ตนชื่นชอบอีกเลย

พูดง่ายๆว่า แทนที่การเคี่ยวเข็ญของพ่อแม่จะส่งผลดีต่อลูก กลับกลายเป็นการทำร้ายลูกโดยไม่รู้ตัว

ลองนึกภาพดูสิครับว่า ทุกครั้งที่เจ้าตัวน้อยกำลังสนุกสนานในสนามกีฬา กำลังวิ่งไล่เตะลูกบอล หรือกำลังหวดลูกเทนนิส หรือกำลังว่ายน้ำอย่างมีความสุข แต่กลับมีพ่อแม่ผู้ปกครองหน้ายักษ์โผล่ออกมาพร้อมเสียงตะคอก ดุด่าลอยเข้าหู คอยสั่งให้วิ่งไปทางนั้นทางนี้ ทำอย่างโน้นอย่างนี้ แล้วถ้าเด็กแข่งแพ้ ยิ่งต้องเจอกับพายุอารมณ์ของพ่อแม่

เด็กที่ไหนละครับจะยังสนุกกับกีฬา

โรคร้าย...The ugly parent syndrome...นับวันยิ่งแพร่ระบาดมากขึ้น ส่วนหนึ่งเนื่องจากการแข่งขันกีฬาในทุกวันนี้กลายเป็นธุรกิจที่มีเม็ดเงินมหาศาล

นักกีฬาแชมป์ระดับโลกมักได้รับผลตอบแทนจากความเหน็ดเหนื่อยด้วยชื่อเสียงและเงินทองมากมาย กีฬาหลายๆประเภทจึงกลายเป็นแหล่งสร้างเศรษฐีและดาราคนใหม่

ด้วยเหตุนี้จึงมีพ่อแม่ผู้ปกครองจำนวนหนึ่งฝันจะสร้างลูกให้เป็นเศรษฐีและเป็นคนมีชื่อเสียง โด่งดังผ่านการกีฬา พ่อแม่เหล่านี้มักใช้การเคี่ยวเข็ญ ดุด่า เกรี้ยวกราด เฆี่ยนตีนักกีฬาตัวน้อยๆของเขาอยู่เสมอ

พฤติกรรมของพ่อแม่ที่มีอาการของโรค The ugly parent syndrome ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในประเทศตะวันอย่างออสเตรเลียนะครับ เมืองไทยเราก็สามารถพบเห็นได้มากมายตามสนามการแข่งขันของเด็กและเยาวชน

พ่อแม่คนไทยเหล่านี้อยากให้ลูกของตนเองรวยและโด่งดังอย่าง “ภารดร” “ลีซอ” ฯลฯ จนลืมคิดว่า แก่นแท้ของการกีฬานั้นหาใช่เพียงชัยชนะในเกมการแข่งขัน หากแต่คือการทำให้ลูกหลานมีสุขภาพ ร่างกายที่แข็งแรง เรียนรู้จักน้ำใจนักกีฬา รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย

แล้วเราจะมีหลักอย่างไรให้ตนเองรอดพ้นจากโรค The ugly parent syndrome ในคู่มือ Kids’ Sport: A very real guide for grown ups ของ The NSW Department of Sport and Recreation แห่งรัฐนิวเซ้าท์เวล ประเทศออสเตรเลีย ให้ข้อแนะนำที่น่าสนใจว่า...

พ่อแม่ต้องเป็นกำลังใจและเป็นกองหนุนให้กับลูกหลานในการเล่นกีฬา ขอให้คำนึงเสมอว่า การที่ลูกมีความพยายาม มานะบากมั่นในการฝึกซ้อมและเล่นอย่างเต็มที่ หรือเล่นอย่างสุดความสามารถคือความสำเร็จมากกว่าชัยชนะที่ได้จากการแข่งขันเสียอีก

ขณะเดียวกันต้องสอนให้ลูกเคารพต่อกฎกติกาการแข่งขัน ต้องสอนให้เรียนรู้ว่าเวลาแข่งขันอะไรพึงกระทำ และอะไรไม่พึงกระทำ อย่าสนับสนุนให้ลูกใช้เทคนิคทำผิดกติกาเพื่อหวังผลด้านชัยชนะ

เมื่อการแข่งขันเริ่มต้นขึ้น ไม่ว่าผลที่ปรากฏจะเป็นอย่างไร อย่าโทษลูก

อันนี้สำคัญ เพราะพ่อแม่ส่วนใหญ่มักพูดสอนแบบเย้ยหยัน ประเภทที่ว่า “เห็นไหม พ่อ/แม่ บอกแล้วให้ขยันซ้อม มัวแต่ห่วงเล่น ถ้าซ้อมหนักกว่านี้ก็ชนะไปแล้ว”

และไม่ใช่เป็นประเภทว่า...ลูกแพ้แล้ว แต่พ่อแม่ไม่ยอมแพ้ เที่ยวโวยวายโทษกรรมการหาว่าลำเอียง หรือโทษเพื่อนร่วมทีมของลูก กล่าวหาว่าพวกเขาเล่นแย่ เลยทำให้ลูกแพ้ละครับ

การกระทำเช่นนี้นอกจากจะทำให้ลูกขายหน้าเพื่อนฝูงแล้ว ยังเท่ากับสอนให้ลูกไม่ยอมรับกับความพ่ายแพ้อีกด้วย

อืม... ลูกโตขึ้นมาคล้ายนักการเมืองบางคน ไม่รู้ด้วยนะ !

........................................................................................................
บทความนี้ผมเขียนลง ตีพิมพ์ครั้งแรกในนิตยสาร Mother & Care ฉบับที่ 29 เดือน พฤษภาคม 2550


Create Date : 22 มีนาคม 2551
Last Update : 30 มีนาคม 2551 11:41:18 น. 6 comments
Counter : 659 Pageviews.

 
บางทีพ่อแม่ก็ทำร้ายลูกจริง ๆนะคะ


โดย: irean วันที่: 22 มีนาคม 2551 เวลา:13:25:41 น.  

 
เห็นด้วยค่ะ


โดย: แสนซนคนกวนโอ๊ย วันที่: 22 มีนาคม 2551 เวลา:13:57:17 น.  

 
เห็นแล้วคิดถึงภาพยนตร์เรื่อง 'ดรีมทีม' ที่กำลังจะเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ของไทย

ผมเคยมีพ่อที่เป็นโค้ชสอนบาสให้ ตอนนั้น ระหว่างการแข่งขัน จำหน้าเขาได้เลยว่า ลุ้นกว่านักกีฬาในสนามอย่างผมอีก

มันเป็นอีกเรื่องนึงที่ทำให้คิดได้ว่า เรากับพ่อใกล้ชิดกันไปอีกก้าว อย่างน้อยเมื่อเราชนะ พ่อก็ดีใจไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันแน่นอน

แต่พ่อผมเป็น Parent ที่ไม่ Ugly นะครับ


โดย: bank. IP: 124.120.179.146 วันที่: 23 มีนาคม 2551 เวลา:12:42:59 น.  

 
สิ่งที่คุณพ่อ คุณแม่ ทำไม่ได้ ก็ไปคาดหวัง กดดัน เขี่ยวเข็ญให้ลูกทำให้ได้ เพื่อเป็นตัวแทนความฝันของพ่อ และแม่....

ในบ้านเราเห็นอยู่มากมาย โรงเรียนกวดวิชาจึงเกิดเป็นดอกเห็ด...

เศร้าใจแทนค่ะ


โดย: viji (viji ) วันที่: 26 มีนาคม 2551 เวลา:11:02:30 น.  

 
อยากขยันหาข้อมูลเหมือนเจ้าของบล็อคบ้างจัง


โดย: Prachies (Prachies ) วันที่: 26 มีนาคม 2551 เวลา:22:38:08 น.  

 
เห็นด้วยค่ะ กับ การที่พ่อแม่จะเข้าใจลูก ไม่ทำร้ายจิตใจและกายของลูก

แต่การเคี่ยวเข็ญของพ่อแม่ ต่อลูกบางคนที่เฉื่อยชา ขี้เกียจ ไม่รับผิดชอบ
ให้มาขยัน และ รู้ผิดชอบชั่วดี มีความรับผิดชอบเพิ่ม แบบนี้เราสนับสนุนค่ะ

เจอเด็กคนหนึ่ง ที่บอกได้ว่า หากไม่มีแม่ที่เคร่งครัด และแม่แสดงให้รู้ว่าแม่รักเขาจริงแบบนี้ เขาคงไม่ประสบความสำเร็จ และมีความสุขในชีวิตแบบนี้หรอก ในขณะที่เมื่อก่อน ชาวบ้านนินทาหาว่าแม่คนนี้ ไม่สมควรจะมีลูกเลย

มองได้หลายมุม หลายแง่ เพราะพ่อแม่มีหลายแบบเหมือนกัน
บางคนนั้นรักลูกมาก แต่แสดงออกโดยการบ่น
บางคนรักมาก ปรนเปรอมาก


โดย: It-ta-tee วันที่: 28 มีนาคม 2551 เวลา:21:13:58 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สายน้ำกับสายเมฆ
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Locations of visitors to this page

Tracked by Histats.com
Friends' blogs
[Add สายน้ำกับสายเมฆ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.