Group Blog
 
All Blogs
 
ทัวร์ท้องไร่ ปลายนา

ส่วนใหญ่วันหยุดตามเทศกาลต่างๆ คุณๆผู้อ่านพาลูกหลานไปเที่ยวที่ไหนกันครับ บางครอบครัวอาจพาไปห้างสรรพสินค้า บางครอบครัวอาจไปเยี่ยมญาติผู้ใหญ่ หรืออาจไปพักผ่อนตากอากาศตามแหล่งท่องเที่ยวทั่วไป

ไม่ว่าคุณๆจะพาไปเที่ยวที่ไหน สิ่งสำคัญนอกเหนือจากการพักผ่อนและการได้อยู่ใกล้ชิดกันในครอบครัว คือการให้เจ้าตัวน้อยได้เรียนรู้กับสิ่งใหม่ๆใช่ไหมครับ

วันนี้ผมขอแนะนำให้พาเจ้าตัวเล็กไปเรียนรู้จักโลกกับชีวิตในท้องไร่ ท้องนา

ที่จริงแนวคิดเรื่องนี้ ผมเก็บตกมาจากสมัยยังเรียนอยู่ในประเทศออสเตรเลีย เมื่อปิดเทอมครั้งหนึ่งผมมีโอกาสติดสอยห้อยตามครอบครัวออสซี่ข้างบ้านไปเที่ยว อันเป็นผลให้ได้เรียนรู้แนวคิด ทัศนคติในการเลี้ยงดูเด็กที่น่าสนใจ จึงขอนำมาขยาย...

ครอบครัว “เจนนี่” กับ “ปีเตอร์” มีลูกชายวัยห้าขวบเศษชื่อ “ทอม”

ทุกครั้งที่โรงเรียนปิด ไม่ว่าจะเป็นการปิดเทอม หรือปิดเทศกาลสำคัญๆยาวต่อเนื่อง 3-4 วัน พวกเขาจะถือโอกาสลาหยุดจากงานประจำพาบุตรชายหัวแก้วหัวแหวนไปเที่ยว

วันหยุดปิดเทอมในคราวนั้นก็เช่นกัน เจนนี่กับปีเตอร์พาลูกไปเที่ยวฟาร์ม

ถูกต้องแล้วครับ เป็นฟาร์มเลี้ยงสัตว์ ปลูกพืชผลทางการเกษตรธรรมดาๆนี่แหละครับ

ครั้งแรกที่ปีเตอร์มาชวนผมไปเที่ยวกับครอบครัวของเขา ผมงงระคนแปลกใจว่าจะไปทำไมฟาร์มเลี้ยงสัตว์ ปลูกพืช

คงด้วยท่าทางฉงน สงสัยของผมกระมัง ปีเตอร์จึงขยายความว่า เขาต้องการให้ลูกซึ่งเกิดและเติบโตในเมืองใหญ่ได้เรียนรู้จักชีวิตและธรรมชาติในชนบท

“เด็กในเมืองอย่างทอมไม่เคยรู้ว่า นมที่เขาดื่มทุกวันนี้มาจากไหน อาหารที่กินทุกมื้อมีความป็นมาอย่างไร เขารู้เพียงว่าไปซุปเปอร์มาเก็ตซื้อ เดี๋ยวก็ได้มาแล้ว เขาไม่รู้คุณค่าของมัน ไม่รู้คุณค่าของเกษตรกร คนเลี้ยงสัตว์ ปลูกพืช...

...ผมอยากให้เขารู้ว่าพืชผลแต่ละอย่างกว่าจะได้มานั้น และมาด้วยความยากลำบาก และเต็มเปี่ยมด้วยความหวัง ความฝันของเกษตรกร ผมไม่อยากให้ทอมโตขึ้นมาเห็นแต่คุณค่าของวัตถุ เงินทอง โดยไม่เห็นถึงคุณค่าของธรรมชาติ...”

ปีเตอร์ยังเล่าต่อไปอีกว่า ขณะนี้ฟาร์มจำนวนไม่น้อยในออสเตรเลียเปิดบริการให้คนภายนอก หรือนักท่องเที่ยวไปพักผ่อนหย่อนใจ เรียกขานกันว่า Farm stay

นอกจากจะมีที่พักแล้ว ฟาร์มหลายแห่งยังมีกิจกรรมกลางแจ้ง รวมถึงจัดกิจกรรมสำหรับเด็กๆให้เรียนรู้จักชีวิตชนบทอีกด้วย

ครับ ในที่สุดผมตัดสินใจติดตามครอบครัวของปีเตอร์ไปฟาร์ม ด้วยอยากรู้ว่าบ้านไร่ปลายนาของออสเตรเลียมันมีอะไร แล้วมันจะสอนเด็กเล็กอย่างทอมให้รู้จักธรรมชาติได้อย่างไร

ฟาร์มที่ผมไปในครั้งนี้ ไม่ห่างจากเมืองใหญ่ที่เราอาศัยอยู่กัน ชั่วเพียงขับรถประมาณ 4-5 ชั่วโมงก็ถึง ระหว่างทางเด็กน้อยอย่างทอมดูจะตื่นเต้นกับการท่องเที่ยวครั้งนี้มาก ยิ่งเมื่อพ่อบอกว่าจะได้เห็นไก่ เห็นแกะ ได้ขี่ม้า ได้นั่งเรือตกปลา ทอมยิ่งกรี๊ดกร๊าดดีใจใหญ่

ตลอดเวลาบนรถ พ่อแม่ของทอมพยายามจะเล่าอธิบายถึงเรื่องราวของสัตว์น้อยใหญ่ที่ต้องเจอะเจอในฟาร์ม โดยมีหนังสือภาพเด็กซึ่งซื้อหามาล่วงหน้าเป็นเครื่องมือช่วยขยายความเข้าใจของเจ้าตัวน้อย ถือว่าเป็นการทำการบ้านก่อนเจอของจริง

เมื่อถึงที่หมาย หนุ่มใหญ่เจ้าของฟาร์มเดินตรงเข้ามาทักทายด้วยความเป็นกันเอง พร้อมพาพวกเราไปยังที่พัก ซึ่งเป็นกระต๊อบเล็กๆ ธรรมดา เรียบง่ายแต่สะอาดสะอ้าน ถึงตอนนี้เราพบว่าฟาร์มแห่งนี้ยังมีอีก 2-3 ครอบครัวมาพักอาศัยในช่วงวันหยุดปิดเทอมด้วยเช่นกัน

เจ้าตัวเล็กอย่างทอมดูจะดีใจเป็นพิเศษที่พบเพื่อนใหม่ เพียงชั่วครู่ก็สนิทสนม เฮฮากับกลุ่มเด็กวัยไล่เลี่ยกัน

ที่ฟาร์มแห่งนี้ เขามีกิจกรรมสำหรับเด็ก โดยมีคนพาเด็กๆไปเลี้ยงแกะ เลี้ยงวัว เลี้ยงไก่ พร้อมพูดคุย เล่า อธิบายถึงวิถีธรรมชาติของสัตว์เหล่านี้อย่างรู้และเข้าใจถึงจิตวิทยาเด็ก ไม่แปลกใจเลยครับว่า ทำไมตอนขากลับเด็กพวกนี้ถึงได้ร้องห่มร้องไห้ อาลัยที่จากบ้านไร่เช่นนี้

เด็กๆ อย่างทอมดูจะตื่นเต้น ดีใจมากที่ได้ลูบไล้ สัมผัสสัตว์น้อยใหญ่ในฟาร์ม ยิ่งได้เห็นลูกเจี๊ยบฟักออกจากไข่ มันยิ่งเป็นสิ่งมหัศจรรย์สำหรับพวกเขาเลยทีเดียว

นอกจากกิจกรรมเลี้ยงสัตว์แล้ว เขายังมีกิจกรรมกลางแจ้งอีกหลายอย่างให้คนมาพักผ่อนได้ทดลองเรียนรู้กับวิถีชนบท อย่างเช่นการขี่ม้า เริ่มตั้งแต่ทำความรู้จักกับม้าที่จะขี่ แปรงทำความสะอาดก่อนจะเรียนรู้ถึงการนั่งควบขี่ออกตะลุยฟาร์ม หรือกิจกรรมพายเรือ ตกปลา กลางแม่น้ำใหญ่ซึ่งตัดผ่านฟาร์ม

พอถึงมื้ออาหาร พวกเราจะรวมตัวกันในห้องรับประทานอาหารรวม ลิ้มลองอาหารพื้นบ้าน ฝีมือภรรยาเจ้าของฟาร์ม อาหารเรียบง่าย แต่สด สะอาด ท่ามกลางบรรยากาศเป็นกันเอง ทำให้รสชาติอาหารโดดเด่นขึ้นอย่างน่าประหลาด

การไปเที่ยวฟาร์มในครั้งนั้น ทำให้ผมอดคิดถึงเมืองไทยไม่ได้ว่า เด็กไทยในเมืองใหญ่ โดยเฉพาะเด็กที่เติบใหญ่ ในเมืองกรุงก็คงไม่ต่างจากทอม เด็กน้อยจากดาวน์อันเดอร์ ไม่มีโอกาสจะเรียนรู้ถึงคุณค่าของเมล็ดข้าว ต้นไม้ ใบหญ้า ไม่รู้ถึงความเหนื่อยยากของชาวไร่ ชาวนา

สิ่งที่เด็กเมืองเรียนรู้คือห้างสรรพสินค้า อาหารฟาสต์ฟู้ด ของเล่นราคาแพงระยับ เครื่องกล่อมเกลาเด็กยุคใหม่คือทีวี หรือเกมคอมพิวเตอร์

วันหยุดคราวหน้า หากคุณๆผู้อ่านมีรากเหง้า หรือมีเพื่อนฝูงอยู่ในชนบท ถือเป็นโอกาสดีนะครับที่จะพาเจ้าตัวเล็กออกไปวิ่งเล่น เรียนรู้ธรรมชาติโลกกว้าง หรือหากคุณๆที่มีเรือกสวนไร่นาอยู่แล้วในชนบท อยากจะจัดทำเป็นที่พักผ่อน เรียนรู้ของเด็กเมือง เหมือนในออสเตรเลียบ้าง อันนี้ผมขอสนับสนุนเต็มกำลัง

วันหยุด... พาเจ้าตัวเล็กไปท้องไร่ ท้องนากันเถอะครับ

.......................................................................................................................................................................
บทความนี้ผมเขียนลง ตีพิมพ์ครั้งแรกในนิตยสาร Mother & Care ฉบับที่ 43 เดือน กรกฎาคม 2551ซึ่งเรียบเรียงใหม่จากงานที่เคยเขียนอยู่ในคอลัมน์สะดุดจิงโจ้ในเวบ //www.manager.co.th เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2547







Create Date : 08 กันยายน 2551
Last Update : 8 กันยายน 2551 15:47:27 น. 2 comments
Counter : 660 Pageviews.

 
แวะมาทักทายกันค่ะ

เพิ่งพาหลานออกไปเที่ยวต่างจังหวัด ดูชีวิตเกษตรกรรม เที่ยวไร่ต่างๆ เหมือนกัน แต่อาจจะไม่ใช่ชนบทแท้ๆ ก็ได้บรรยากาศไปอีกแบบนึงเช่นกัน


โดย: mamminnie วันที่: 8 กันยายน 2551 เวลา:18:03:33 น.  

 
นึกถึงเด็กไทย..
้ถ้าไปเจออากาศร้อน ดินลูกรังฟุ้งคลุ้งควัน
ไปเจอความคันในดินนา ...เผลอเผลอก็เจองูเงี้ยวเขี้ยวข้อ
(อันที่จริงออสเตรเลียน่าจะน่ากลัวกว่า งูหางกระดิ่งน่าเหวอที่สุด)
ไปฟาร์มวัว ฟาร์มไก่ อาจเจอเชื้อโรค หรือความสกปรกจากกลิ่น จากดินทำร้าย
ไปดูฟาร์มเลี้ยงไก่อย่างพี่ไทย มีแค่ไก่โผล่มาแค่หัว ใช้หลอดไฟแสงส้มแทนพระอาทิตย์ ให้มีเวลานอนแค่ 4 ชั่วโมงต่อวัน
เพื่อเร่งไข่..
บางตัวโดนฉีดยาเร่งเนื้อ ให้มีแค่เนื้อ ไปเสิร์ฟคนเมืองได้เต็มอิ่ม

ไม่แน่ใจนักว่าเด็กจะรักธรรมชาติคนเมือง
บรรยากาศแบบนี้เขาอาจเกลียดบ้านนอก .. หรือไม่ก็เกลียดเมืองไปเลย

แต่...บางทีแบบนี้อาจได้ผลดีกว่าเด็กเมืองนอกด้วยนะครับอาจารย์

ฮ่า-ฮ่า เป็นมังสวิรัติไปให้รู้แล้วรู้รอดเลยเด็กไทย


โดย: Dinner31 วันที่: 14 กันยายน 2551 เวลา:20:03:47 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สายน้ำกับสายเมฆ
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Locations of visitors to this page

Tracked by Histats.com
Friends' blogs
[Add สายน้ำกับสายเมฆ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.