Group Blog
 
All Blogs
 
จากใจ...คุณพ่อวัยทีน

ในวิชา “วิเคราะห์ข่าวปัจจุบัน” ผมให้นักศึกษาที่ลงเรียนวิชานี้ลองหัดวิเคราะห์ตัวเองก่อนจะวิเคราะห์อย่างอื่น ด้วยการเขียนงานมาส่งผมคนละชิ้น วิเคราะห์ว่าอะไรถึงทำให้ตัวเขาเป็นอย่างเช่นทุกวันนี้

นักศึกษาแต่ละคน เขียนวิเคราะห์ตนเองมาได้อย่างน่าสนใจ โดยเฉพาะเด็กหนุ่มคนหนึ่ง ผู้ตั้งชื่อเรื่องแปลกกว่าคนอื่นๆ เขาเขียนขึ้นหัวเรื่องว่า “คนเป็นพ่อ”

ผมขออนุญาตคัดลอกถ้อยความบางส่วนของงานชิ้นนี้มานำเสนอนะครับ เขาเขียนว่า...

“...ผมเป็นอีกคนที่ใช้ชีวิตปกติเหมือนวัยรุ่นทั่วไปจนผมอายุได้ 19 ปี แล้วผมก็ได้ทำพลาดไป

ผมรักสนุกจนไม่ได้ป้องกันอะไรเลย แต่ไม่ใช่ว่าผมจะมีอะไรกับผู้หญิงโดยไม่ป้องกันเลย เพียงแต่มีอยู่ครั้งหนึ่งซึ่งผมไม่ได้ป้องกัน

แฟนผมคบกันกับผมมานานพอสมควร เราไว้ใจกัน ในวันนั้น เราไม่ได้ป้องกัน จนผลที่ตามมาคือ แฟนของผมท้อง

สิ่งแรกที่ผมทำคือ ต้องรับผิดชอบทุกอย่างที่ทำ

ในตอนแรกผมเองคิดจะแก้ปัญหาโดยการเอาเด็กออกเหมือนกัน แต่เมื่อมาคิดกับแฟนของผมอีกที เราเป็นคนสร้างปัญหาขึ้นมา ต้องหาทางออกที่ดีกว่านี้ให้ได้

ในที่สุดผมเอาเด็กไว้ จนทุกวันนี้ลูกของผมอายุได้ 1 ขวบกว่าๆแล้ว ทำให้ผมมีความรับผิดชอบมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า

ทุกวันนี้ผมต้องเรียนไปด้วย เลี้ยงลูกด้วย

ชีวิตของผมเปลี่ยนไปจากเดิมมาก สิ่งที่ผมเคยทำไม่ว่าจะเป็นเที่ยวกลางคืน ติดเพื่อน ทุกวันนี้สิ่งเหล่านั้นผมก็เบาลงไปมาก

ผมตัดหลายๆอย่างเพื่อลูกของผมได้ ผมคิดว่าที่ผมทำได้ทุกวันนี้ เพราะมีตัวอย่างที่ดีให้ผมดูนั่นคือ พ่อ แม่ของผมเอง

ท่านทั้งสองมีความรับผิดชอบต่อครอบครัวสูงมาก เพราะต้องเลี้ยงลูกถึง 5 คน ซึ่งผมเป็นคนโต ท่านทำหน้าที่เป็นเสาหลักของครอบครัวได้ดีมาก

เมื่อก่อนแม่ผมติดการพนันเหมือนกัน ส่วนพ่อก็ดื่มเหล้า สูบบุหรี่เหมือนกัน แต่เมื่อท่านมีลูกแล้ว ท่านตัดสิ่งเหล่านั้นไปจากชีวิต ไม่แตะต้องอีกเลย

สิ่งนี้อาจเป็นสิ่งที่ผมได้จากพ่อแม่ก็ได้ ผมจึงมีความรับผิดชอบมากขึ้นกว่าเดิมมาก และต้องเลี้ยงลูกของผมให้โตเป็นคนดีให้ได้...”

นี่คือความในใจส่วนหนึ่งของคุณพ่อวัยเยาว์ ผู้กำลังเรียนอยู่ในรั้วมหาวิทยาลัย เหมือนเช่นพ่อแม่วัยละอ่อนอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งนับวันจะมีมากขึ้นเรื่อยๆทั้งในระดับมหาวิทยาลัย และมัธยมศึกษา

หลังจากอ่านงานชิ้นนี้ ผมมีโอกาสพูดคุยกับคุณพ่อลูกอ่อนคนนี้เป็นการส่วนตัว เด็กหนุ่มร่างผอมสูง ตัดผมแนวเกาหลีทันสมัย เปิดใจเล่าถึงการตัดสินใจครั้งสำคัญในชีวิตว่า...

“...เมื่อเราตกลงใจเอาลูกไว้ ผมกับแฟนเดินเข้าไปกราบขอโทษพ่อแม่ของพวกเรา เล่าความจริงให้ฟัง พวกเขาร้องไห้เสียใจ แต่โชคดีมากๆที่ท่านเตือนสติไม่ให้เราคิดสั้นทำผิดพลาดซ้ำสอง พวกท่านให้กำลังใจเราในการเลี้ยงดูลูกให้เป็นคนดี...

...แฟนผมตัดสินดร๊อปพักการศึกษาไว้ ตอนแรกผมจะลาออกไปหางานทำ แต่เธอขอให้ผมเรียนจบก่อน ตอนนี้เหลืออีกแค่ 2 ปี ผมตั้งใจว่าถ้าเรียนจบหางานทำได้จะให้แฟนผมกลับมาเรียนใหม่ให้จบเหมือนกัน..”

กรณีของหญิงตั้งครรภ์ในวัยเรียน ส่วนใหญ่ถ้าตัดสินใจไม่ทำแท้งก็มักจะลาออก หรือแค่หยุดพักการเรียนเป็นการชั่วคราว

เหตุผลส่วนหนึ่งนอกจากการอับอายเพื่อนฝูงแล้ว ก็เป็นเพราะสถาบันการศึกษาของไทยส่วนใหญ่ไม่เปิดโอกาสให้เด็กนักเรียน นักศึกษาอุ้มท้องโย้มาเรียนหนังสือ ในขณะที่ฝ่ายชายสามารถไปเรียนได้ตามปกติ

ตรงประเด็นนี้ กระทรวงศึกษาธิการน่าจะมีบทบาทสำคัญในการผลักดันให้เกิดการแก้ปัญหาอย่างรอบด้าน เพราะในหลายๆประเทศเขามีมาตรการช่วยเหลือพ่อแม่วัยเยาว์กลุ่มนี้ แต่ของไทยการบริหารจัดการ ให้ความรู้ ให้ความช่วยเหลือของภาครัฐ และองค์กรพัฒนาเอกชนยังมีอยู่น้อย

ถ้าจะอ้างว่า หากให้ความช่วยเหลือเท่ากับเป็นการส่งเสริมให้เด็กวัยรุ่นตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร ผมคิดว่าเป็นมุมมองคับแคบไปหน่อย

ด้านหนึ่งเราควรส่งเสริมให้ความรู้เรื่องเพศศึกษา แนะนำเกี่ยวกับการคุมกำเนิดแก่เด็กวัยรุ่น พร้อมทั้งให้พวกเขาตระหนักถึงผลที่อาจเกิดขึ้นจากการพลั้งเผลอ ในหลายประเทศถึงกับมีตุ๊กตาเด็กอ่อนตั้งโปรแกรมอัตโนมัติ ให้ร้องไห้เลียนแบบพฤติกรรมของทารกสำหรับฝึกเด็กวัยรุ่นให้รับรู้ถึงผลของความรักสนุก

ในอีกด้านหนึ่งก็ควรมีองค์กรภาครัฐ หรือเอกชนมาช่วยแนะนำ ให้ความรู้ในการดูแลครรภ์ ตลอดจนถึงการคลอดแก่พ่อแม่วัยทีน เพื่อให้สมาชิกใหม่ในสังคมเกิดมาอย่างมีคุณภาพ

หลังคลอดก็เช่นเดียวกันนะครับ น่าจะให้ความรู้ สอนคุณพ่อคุณแม่วัยจ๊าบในการเลี้ยงดูทารกน้อย หรือมีนักจิตวิทยามาช่วยให้คำปรึกษาด้วย เพราะถ้าปล่อยให้เด็กวัยรุ่นสวมบทพ่อแม่เลี้ยงดูลูกตามลำพัง เชื่อว่าพ่อแม่บางคนอาจไม่สามารถควบคุมความเครียดในการเลี้ยงดูเด็ก

สำหรับด้านพ่อแม่ หรือครอบครัวของเด็กหนุ่มสาว ถ้ารับรู้ว่าลูกหลานของตนเองตั้งครรภ์ หรือแฟนของเขาตั้งครรภ์ควรรีบตั้งสติ อย่ามัวตีโพยตีพายดุ ด่า ว่ากล่าวเพียงอย่างเดียว เพราะนั่นทำกับผลักให้เด็กตัดสินใจผิดพลาดได้ง่าย ควรหันหน้ามาพูดคุยกับลูกวัยรุ่นช่วยกันแก้ปัญหา ร่วมประคับประคองครอบครัวใหม่

ครอบครัวน้อยๆของคุณพ่อ คุณแม่วัยทีนจะมีคุณภาพต้องอาศัยความร่วมมือของทุกภาคส่วนในสังคมมาช่วยกันครับ

.......................................................................................................................................................................
บทความนี้ผมเขียนลง ตีพิมพ์ครั้งแรกในนิตยสาร Mother & Care ฉบับที่ 60 เดือน ธันวาคม 2552


Create Date : 05 ธันวาคม 2552
Last Update : 5 ธันวาคม 2552 14:24:11 น. 8 comments
Counter : 874 Pageviews.

 
รู้สึกดี นะครับพี่ชาย ที่ได้อ่านเอนทริทรี่นี้

อย่างน้อย ก็เตือนใจคนที่ทำผิดแล้วไม่ให้พลาด ซ้ำสอง

ขอให้พี่และครอบครัวมีความสุข กับการใช้ชีวิตนะครับ



โดย: เคียงตะวัน วันที่: 5 ธันวาคม 2552 เวลา:15:08:04 น.  

 
น่านับถือการตัดสินใจของพวกเค้าจังค่ะ



โดย: เจ้าดอกแก้ว (tanH2O ) วันที่: 5 ธันวาคม 2552 เวลา:16:09:03 น.  

 
เราก้อเปนคนหนึ่งคะ
ที่ตัดสิ้นใจแบบนั้นนะ

ทุกปัญหามีทางออกคะ


โดย: mommyteen IP: 180.180.77.81 วันที่: 5 ธันวาคม 2552 เวลา:20:07:02 น.  

 
ที่นี่ ... เปิดโอกาสให้เท่าเทียมกันค่ะ จะท้องหรือไม่ท้อง

แถมระหว่างที่เข้าเรียน ทางมหาวิทยาลัยเค้ายังมีบริการเลี้ยงลูกให้ชั่วคราวอีกด้วย


โดย: June4 วันที่: 5 ธันวาคม 2552 เวลา:22:15:39 น.  

 
คิดถึงเพื่อนชายหลายคนในห้องคะ....ลูกคนละคนสองคน


โดย: ต้าหมิ๋น วันที่: 5 ธันวาคม 2552 เวลา:22:23:22 น.  

 
เขาเป็นผู้ชายที่ดีมากคนหนึ่ง
รับผิดชอบ
เเละมีคุณธรรม


โดย: ยังไงก็น้อง วันที่: 5 ธันวาคม 2552 เวลา:23:13:05 น.  

 
อ่านแล้วรู้สึกดีจังค่ะ วัยทีนก็ทำสิ่งดีๆๆได้ พลาดแล้วแก้ไขเจ๋งค่ะนับถือ


โดย: red color วันที่: 6 ธันวาคม 2552 เวลา:8:53:58 น.  

 
เค้าเป็นผู้ชายที่น่านับถือมากๆคะ


โดย: look IP: 192.168.191.254, 180.183.64.116 วันที่: 21 มกราคม 2553 เวลา:6:08:59 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สายน้ำกับสายเมฆ
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Locations of visitors to this page

Tracked by Histats.com
Friends' blogs
[Add สายน้ำกับสายเมฆ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.