|
เมื่อลูกเริ่มเล่นคอมฯ
บ่ายวันอาทิตย์ ขณะนั่งทำงานอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ ซึ่งวางเด่นอยู่ในห้องอเนกประสงค์ประจำบ้าน เจ้าลิงน้อยผู้พี่วัย 5 ขวบ ทำเนียนถามผมว่าทำอะไรอยู่ แล้วค่อยๆเดินตรงมาหา ก่อนหลุดปากบอกเจตนาของตนเองว่า ป๊าครับ..ขอเล่นเกมส์ในคอมพิวเตอร์หน่อยนะครับ แล้วลูกเล่นเป็นหรือ ผมอดแปลกใจไม่ได้ เพราะปกติผมไม่อนุญาตให้เขาหรือน้องชายยุ่งกับเครื่องคอมพิวเตอร์มาก่อน สอบถามดูได้ความว่า ตั้งแต่เรียนอยู่ชั้นอนุบาล 2 เขาก็เริ่มสัมผัส เรียนรู้ทักษะการใช้คอมพิวเตอร์อย่างง่ายๆมาจากโรงเรียน
และแน่นอนครับว่า ส่วนหนึ่งของการเรียนรู้เกี่ยวกับการใช้คอมฯ คือการเล่นเกมส์ ?!? ผมเปิดเกมส์ขับรถแข่งอย่างง่ายๆ ให้เขาเล่นชั่วครู่ ก่อนชวนให้ไปอ่านหนังสือนิทานเล่มโปรดกับแม่และน้อง เมื่อเจ้าหนูยอมผละจากเครื่องคอมฯ ผมนั่งครุ่นคิดเกี่ยวกับการใช้คอมพิวเตอร์ของลูก... ยอมรับครับว่า ผมมีภาพหลอนเกี่ยวกับการใช้คอมพิวเตอร์ของเด็กและเยาวชนในยุคนี้ เพราะนักศึกษาที่ผมสอนอยู่จำนวนไม่น้อยมีพฤติกรรม เสพติดเกมส์คอมพิวเตอร์ พวกเขามักเอาเวลาเรียนไปขลุกอยู่ในร้านเกมส์ ซึ่งเปิดบริการอยู่รอบรั้วมหาวิทยาลัย เล่นชนิดหามรุ่งหามค่ำก็หลายคน บางคนเรียนไม่จบ เพราะมัวอยู่ในร้านเกมส์มากกว่าห้องเรียน
แล้วไม่เพียงแต่พฤติกรรมติดเกมส์เท่านั้นนะครับ เด็กหลายคนถูกมิจฉาชีพล่อลวงผ่านเครือข่ายออนไลน์ในห้องแชท ห้องพูดคุยหลากหลายรูปแบบ เหยื่อโชคร้ายบางคนถูกล่วงละเมิดทางเพศ บางคนต้องสังเวยชีวิตกับการหลงเชื่อคนแปลกหน้าในโลกออนไลน์
เหตุการณ์เหล่านี้ล้วนปรากฏเป็นข่าวให้เราเห็นอยู่บ่อยครั้ง ทั้งข่าวในประเทศและข่าวต่างประเทศ ทำให้ผมค่อนข้างซีเรียจกับการใช้คอมพิวเตอร์ของลูก
จากการค้นหาข้อมูล ข้อแนะนำของเหล่ากูรูผู้รู้ดีเรื่องพัฒนาการด้านเด็ก นักจิตวิทยาทั้งไทยทั้งเทศล้วนให้ความเห็นสอดคล้องกันว่า ยุคสมัยนี้จะห้ามปรามเด็กไม่ให้ใช้คอมพิวเตอร์ ไม่ให้เล่นเกมส์ออนไลน์ คงเป็นไปได้ยาก เพราะคอมพิวเตอร์กลายเป็นส่วนหนึ่งของอุปกรณ์การเรียน การสอนยุคโลกาภิวัตน์ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม พ่อแม่ ผู้ปกครองพึงดูแล ควบคุม และจำกัดขอบเขตการเล่นอินเตอร์เน็ท หรือการใช้คอมพิวเตอร์ของลูกหลานให้อยู่ในความเหมาะสม พอดี โดยเริ่มจากผู้เป็นพ่อแม่ผู้ปกครองต้องพยายามรู้เท่าทันเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ อินเตอร์เน็ต หากคุณพ่อ คุณแม่คนไหนยังใช้อุปกรณ์เหล่านี้ไม่เป็น หรือไม่คล่องคงต้องหาเวลาร่ำเรียนฝึกฝนให้ชำนาญก่อนลูกตัวเล็กๆจะเติบใหญ่ มิเช่นนั้นคุณอาจถูกลูกสุดที่รักหลอกล่อเปิดเข้าไปในเวบต้องห้าม ซึ่งมีอยู่เกลื่อนโลกไซเบอร์ นอกจากนั้น หากพ่อแม่คนไหนมีพฤติกรรมเลี้ยงลูกด้วยการเปิดคอมพิวเตอร์ให้เล่นตามลำพัง หรือเปิดวีดีโอเกมส์ให้เล่น ด้วยหวังให้ลูกยอมนั่งสงบเสงี่ยมอยู่หน้าจอสี่เหลี่ยม คงต้องทบทวนวิธีการกันหน่อยละครับ
ใช่ครับถึงแม้ว่าเทคนิคนี้จะทำให้คุณมีเวลาว่างสำหรับปฏิบัติภารกิจส่วนตัว หรือทำงานบ้านได้มากขึ้น แต่นั่นหมายถึง คุณเปิดโอกาสให้ลูกติดเกมส์ หรือตกเป็นเหยื่อของอาชญากรออนไลน์มากขึ้นเช่นกัน ดังนั้นควรหากิจกรรมให้เด็กๆได้ทำระหว่างอยู่บ้าน เช่นการวาดรูป เล่นดนตรี อ่านหนังสือ ฯลฯ ขณะเดียวกัน พ่อแม่ผู้ปกครองต้องกำหนดระยะเวลาการใช้คอมพิวเตอร์ร่วมกับลูกๆ ให้ชัดเจนไปเลยครับว่า สามารถเล่นคอมพิวเตอร์ได้วันละกี่นาที จากนั้นให้เขียนข้อตกลงร่วมติดเอาไว้ในสถานที่ที่ลูกๆสามารถเห็นได้อย่างชัดเจน แล้วยึดถือเป็นกฎเหล็กประจำบ้าน ไม่ใช่เดี๋ยวพอเจอลูกอ้อน หรือลูกตื้อขอต่อเวลาการเล่นคอมฯอีกครึ่งชั่วโมงก็ยอม ทำให้กฎกติกาไร้ความหมายไปในที่สุด แต่ที่สำคัญคือ ระหว่างลูกใช้คอมพิวเตอร์ควรมีผู้ใหญ่นั่งประกบเพื่อคอยสอน และคอยเตือนหากลูกเริ่มมีทีท่าอาการเล่นเกมส์ไม่ยอมเลิก หรือเริ่มแชทคุยกับคนแปลกหน้า ฯลฯ เครื่องคอมพิวเตอร์ก็ไม่ควรวางอยู่ในห้องนอนลูกนะครับ ควรจัดวางอยู่ในพื้นที่ส่วนกลางของบ้าน ผู้ใหญ่สามารถมองเห็นได้ตลอดเวลา อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเราๆท่านๆ ผู้เป็นพ่อแม่จะคอยปกป้อง คอยเซ็นเซอร์เวบไซด์ไม่พึงประสงค์ไม่ให้ลูกเข้าไปดู แต่ด้วยการที่เด็กรุ่นใหม่เขาเรียนรู้คอมพิวเตอร์มาตั้งแต่วัยอนุบาล เขาย่อมสามารถหาทางซิกแซก หลบเลี่ยงเข้าเวบต้องห้าม หรือเข้าไปรู้จักเพื่อนแปลกหน้าในเครือข่ายออนไลน์ได้ไม่ยากนัก อืม...ว่ากันตามตรง เรื่องทำนองนี้ ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุครับ ทางที่ดีคือให้เด็กได้เรียนรู้ถึงโทษภัยของอินเตอร์เนท คอมพิวเตอร์ด้วยตนเองน่าจะช่วยให้เขาระงับจิตใจ ไม่หลงเป็นเหยื่อในโลกไซเบอร์ การเรียนรู้ด้านมืดของสื่อออนไลน์ต้องเริ่มสอนตั้งแต่ลูกหลานของเรายังเป็นเด็กเล็กๆ ตั้งแต่เขาเพิ่งสัมผัส เรียนรู้การใช้คอมพิวเตอร์ ให้เขาค่อยๆซึมซึบว่า นอกจากประโยชน์ของคอมพิวเตอร์ในการเรียนรู้โลกกว้างแล้ว มันยังมีด้านอันตรายที่พึงระวังอีกด้วย
เมื่อใดที่มีข่าวเหยื่อถูกล่อลวงผ่านสื่อคอมพิวเตอร์ก็ต้องรีบหยิบยกมาเป็นกรณีตัวอย่าง ให้ลูกหลานได้ลองขบคิดว่า ถ้าเป็นเขาจะยินยอมออกจากบ้านเพื่อไปพบคนแปลกหน้าจากโลกออนไลน์หรือไม่ เพราะอะไร
การสอนให้ลูกหลานรู้เท่าทันสื่อเทคโนโลยีใหม่ๆเหล่านี้ ก็เสมือนการฉีดวัคซีนให้พ้นโรคภัยจากคอมพิวเตอร์นั่นเอง
....................................................................................................................................................................... บทความนี้ผมเขียนลง ตีพิมพ์ครั้งแรกในนิตยสาร Mother & Care ฉบับที่ 58 เดือน ตุลาคม 2552
Create Date : 15 ตุลาคม 2552 |
Last Update : 11 พฤศจิกายน 2552 23:15:25 น. |
|
1 comments
|
Counter : 679 Pageviews. |
|
|
|
โดย: นักศึกษาหน้าขาวแถวหน้า IP: 110.169.35.210 วันที่: 15 ตุลาคม 2552 เวลา:18:04:54 น. |
|
|
|
| |
|
|
หลายชาย 5 ขวบ จับคอมไม่ปล่อยเลยครับ
เริ่มเป็นห่วงละครับ
ว่าง ๆ พามา มหาลัย ให้พวกผมแกล้งหน่อยคร้าบ