|
เสี่ยงตายรายวัน
ทุกเช้าขณะขับรถส่งลูกๆไปโรงเรียน ผมมักเห็นมอเตอร์ไซด์หลากยี่ห้อขี่ปาดซ้าย แทรกขวาไปมาระหว่างขบวนรถยนต์ที่จอดนิ่งอยู่กลางถนนใหญ่
มอเตอร์ไซด์เหล่านั้น หลายคันมีเด็กนักเรียนนั่งซ้อนท้ายอยู่ บางคันเด็กตัวน้อยนั่งหลับโงกเงกไปมาอยู่บนเบาะ บางคันทั้งเด็กและผู้ใหญ่เบียดอัดกันอยู่ถึง 3-4 คน
แล้วเชื่อไหมครับว่า พวกเขาส่วนใหญ่ไม่มีใครสวมหมวกกันน็อค....นั่นเป็นภาพชินตาสำหรับผม แต่ภาพชินตาดังกล่าวได้กลายเป็น “ภาพติดตา” และ “สะเทือนใจ”ในเวลาต่อมา
วันนั้น...หลังจากส่งลูกๆไปโรงเรียน ผมขับรถมุ่งตรงไปทำงาน ระหว่างรถติดไฟแดง ผมเห็นมอเตอร์ไซด์คันหนึ่งซึ่งจอดเยื้องไปข้างหน้า มีผู้โดยสารทั้งผู้ใหญ่และเด็กรวม 5 ชีวิต
ผู้เป็นพ่อขี่มอเตอร์ไซด์โดยมีลูกวัยอนุบาลนั่งคล่อมอยู่ข้างหน้า ส่วนด้านหลังมีเด็กนักเรียนวัยประถมนั่งแนบชิดหลังพ่อ ต่อท้ายด้วยผู้เป็นแม่ซึ่งอุ้มลูกน้อยวัยแบเบาะอยู่ในอ้อมแขน
ไม่น่าเชื่อเลยครับว่ามอเตอร์ไซค์คันเดียวจะมีคนนั่งได้มากขนาดนี้ ที่สำคัญคือ ทุกคนไม่สวมหมวกกันน็อค !?!
เมื่อสัญญาณไฟจราจรเปลี่ยนเป็นเขียว มอเตอร์ไซค์คันดังกล่าวรีบพุ่งตัวออกไปอย่างเร็ว แต่วิ่งไปได้ไม่ไกล มีรถบรรทุกคันหนึ่งเหยียบเบรกระทันหันจนท้ายปัดข้ามเลน มอเตอร์ไซด์วิ่งตามหลังหักหลบไม่ทัน ชนโครมเสียงดังสนั่น
พลเมืองดีริมถนนหลายคนวิ่งไปให้ความช่วยเหลือ เสียงเอะอะ โวยวายดังไปทั่ว สภาพไทยมุงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
หลังจากการจราจรติดชะงักอยู่ครู่ใหญ่ ขณะเคลื่อนรถผ่านจุดเกิดเหตุผมเห็นผู้เป็นแม่เลือดอาบเต็มศีรษะ ลุกยืนขึ้นตะโกนร้องหาลูก ส่วนร่างผู้เป็นพ่อและลูกๆยังนอนนิ่งอยู่บนพื้นถนน ลิ่มเลือด เศษกระจก เศษโลหะกระจัดกระจายทั่วบริเวณ
มันเป็นภาพหดหู่ สะเทือนใจยิ่งนัก ผมได้แต่หวังให้พวกเขารอดปลอดภัย
เหตุการณ์วันนั้นทำให้ผมอดตั้งคำถามถึงคุณภาพชีวิตของคนไทยไม่ได้
ใช่ครับ แม้ว่าขณะนี้เมืองไทยจะมีกฎหมายบังคับให้ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ทุกคน รวมถึงผู้นั่งซ้อนท้ายต้องสวมใส่หมวกนิรภัย แต่โดยความเป็นจริงแล้วยังมีคนนั่งมอเตอร์ไซด์จำนวนมากเพิกเฉยต่อกฎระเบียบนี้ และดูเหมือนผู้ควบคุมกฎระเบียบก็ปล่อยปละละเลย นานๆถึงเข้มงวดกวดจับสักครั้ง ด้วยเหตุนี้ เราจึงเห็นเด็กไทยตัวน้อยๆต้องเสี่ยงตายแบบรายวันบนรถจักรยานยนต์
นอกจากการเสี่ยงตายในรูปแบบนี้แล้ว เด็กไทยยังเสี่ยงตายอีกหลายอย่าง อาทิเช่น เสี่ยงตายจากการโดยสารรถประจำทาง เนื่องเพราะผู้ขับรถโดยสารประจำทางจำนวนไม่น้อยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้โดยสาร พวกเขาขับรถอย่างโลดโผนหวาดเสียว ผิดกฎ...ละเมิดกติกาการจราจรเป็นประจำ
พูดง่ายๆว่า บทอยากจะจอดรถกลางถนนก็จอดไล่ผู้โดยสารให้รีบลงรถ หรือผู้โดยสารเพียงก้าวขาเหยียบบันไดก็กระชากรถออกโดยไม่สนใจว่าจะล้มลุกคลุกคลานอย่างไร
ตัวอย่างของการเสี่ยงตายของเด็กไทยอีกอย่างคือ การเสี่ยงตายจากการข้ามถนนบนทางม้าลาย เพราะตอนนี้แทบจะไม่มีรถยนต์คันใดยอมหยุดรถให้คนข้ามไปก่อน ทั้งที่ในหลายๆประเทศเขาให้สิทธิแก่คนข้ามถนนตรงทางข้ามเหนือกว่าคนขับรถยนต์
หมายความว่า ถ้าขับรถมาแล้วเห็นคนอยู่ตรงทางข้าม...ทางม้าลาย คนขับต้องจอดรถให้สนิท เพื่อให้คนข้ามถนนให้เรียบร้อยก่อนจึงสามารถออกรถ หากฝ่าฝืนมีโทษหนัก ด้วยเหตุนี้พอคนเดินถึงทางม้าลายเขาจะรีบเดินข้ามไปเลย ไม่รอให้รถหยุดก่อน เพราะคนขับรถมีหน้าที่จอดให้ทางกับคนเดินข้าม
แต่ถ้าเดินข้ามถนนแบบนี้ในเมืองไทย มีหวังโดนรถสอยไปนอนข้างถนน เรียกว่าสามารถตายได้บนทางม้าลาย
เหล่านี้ล้วนเป็นตัวอย่างบางส่วนของการเสี่ยงตายรายวันของเด็กไทย
ถึงเวลาหรือยังครับ ที่หน่วยงานราชการและองค์กรเอกชนจะลุกขึ้นมาตรวจสอบดูความเสี่ยงในการใช้ชีวิตของคนไทย แล้วร่วมกันหามาตรการป้องกันไม่ให้โศกนาฏกรรมเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ขณะเดียวกัน ในฐานะพ่อแม่ผู้ปกครอง เราคงต้องหันมาตรวจสอบความเสี่ยงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับลูกหลานของเราด้วยเช่นกัน
เราคงต้องระมัดระวังเรื่องความปลอดภัยในชีวิตของลูกหลานให้มากขึ้น พฤติกรรมความเคยชินที่เสี่ยงต่ออันตรายคงต้องลดละเลิก เพื่อหาทางป้องกันก่อนน้ำตาแห่งความสูญเสียจะเกิดขึ้น
....................................................................................................................................................................... บทความนี้ผมเขียนลง ตีพิมพ์ครั้งแรกในนิตยสาร Mother & Care ฉบับที่ 70 เดือน ตุลาคม 2553
Create Date : 05 พฤศจิกายน 2553 |
Last Update : 5 พฤศจิกายน 2553 19:04:17 น. |
|
0 comments
|
Counter : 658 Pageviews. |
|
|
|
| |
|
|