Group Blog
 
All Blogs
 
ครู...อย่าทำร้ายหนู

หลายวันก่อน ขณะที่ผมกำลังนั่งทานอาหารอยู่ในศูนย์อาหารแห่งหนึ่ง ซึ่งแออัดไปด้วยลูกค้ายามพักเที่ยง มีสาววัยสามสิบเศษสองคนกับหญิงชราคนหนึ่งยืนมองซ้ายมองขวาหาที่นั่งทานอาหารอยู่ใกล้ๆ ผมจึงเชิญชวนให้มาร่วมโต๊ะ เพราะวันนั้นผมนั่งทานอาหารคนเดียว ยังมีเก้าอี้ว่างพอนั่งได้อีกสามที่

หลังจากกล่าวขอบคุณผมแล้ว ทั้งสามก็นั่งลงทานอาหารที่ยกมาพร้อมพูดคุยกันอย่างเคร่ง เครียด ตอนแรกผมไม่สนใจอะไรกับสิ่งที่พวกเธอคุยกันหรอกครับ แต่เนื่องด้วยนั่งร่วมโต๊ะทำให้ได้ยินเรื่องราวต่างๆอย่างชัดเจน

ต่อไปนี้คือเรื่องราวที่พวกเธอคุยกันครับ...

“ไหน...เมื่อกี้ฟังไม่ถนัด ป้าลองเล่าอีกทีสิ ว่าครูกุ้งทำอย่างไรกับน้องศีล” สาวร่างท้วมถามหญิงชราวัยเกษียณซึ่งนั่งอยู่ข้างผม

หญิงชราเล่าว่า “คือ...น้องศีล แกเป็นเด็กเงียบๆ ไม่ค่อยชอบพูด ยิ่งกับคนแปลกหน้า ไม่ใช่คุณตาคุณยาย ไม่ใช่พ่อแม่แล้วแกยิ่งไม่พูดด้วย ทำอะไรเองก็ยังไม่ค่อยเป็น ใส่เสื้อผ้าก็ยังไม่ได้ คุณตาของน้องศีลยังเป็นห่วงเลยว่า อายุสามขวบเศษแล้วต้องเข้าเรียนอนุบาล ไม่รู้จะทำอย่างไร พวกเราเลยพยายามหาโรงเรียนอนุบาลดีๆให้น้องศีล...

...เราเลือกโรงเรียนนี้แม้จะอยู่ไกลบ้านไปหน่อย เพราะเชื่อในชื่อเสียงของโรงเรียนว่ามีการเรียนการสอนแบบมุ่งพัฒนาการเด็ก ไม่เน้นวิชาการ เพราะเรารู้ว่าน้องศีลคงเรียนแบบเน้นขีดเขียน เน้นอ่านหนังสือไม่ได้แน่...

...เรียนไปได้เดือนสองเดือน ครูกุ้งก็มาบอกฉันว่า น้องศีลท่าทางเป็นเด็กออทิสติก ทุกคนในบ้านเครียดกันใหญ่ แม่น้องศีลร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวร พาไปหาหมอพัฒนาการหลายโรงพยาบาล เขาก็บอกว่า ตอนนี้ยังบอกไม่ได้ว่าเป็นหรือไม่ ต้องรอโตกว่านี้ แต่เท่าที่ตรวจดูก็ปกติดี เพียงแต่น้องศีลเป็นเด็กขี้อาย ขี้กลัว ไปหน่อย…

…แต่เรื่องนี้ฉันก็ไม่โทษครูกุ้งแกที่ด่วนสรุปนะคะ ยังนึกขอบใจแกที่ดูแล ห่วงใยหลานฉัน แต่มารู้ทีหลังว่าแกเที่ยวบอกแม่ของเด็กๆในห้อง ที่ซนๆ ดื้อๆหน่อย หรือพวกซึมๆอย่างน้องศีล ว่าอาจเป็นออทิสติก ทำให้ทุกคนเครียดไปหมด...

...เรื่องนี้ก็เอาเหอะ...แต่ที่ฉันทนไม่ได้คือเรื่องทำร้ายน้องศีล อย่างเมื่ออาทิตย์ก่อนตอนมารับน้องศีล เห็นน้องเขาเงียบซึมมากผิดปกติ หูแดงจัดไปด้านหนึ่ง จึงน้องศีลว่าเป็นอะไร บอกยายสิ ตอนแรกน้องศีลเขาไม่ยอมบอก จนมาถึงบ้าน คุณตาแกตะล่อมถามถึงรู้ว่า วันนั้น น้องศีลดื้อ ครูพูดแล้วไม่ได้สนใจฟัง หรือทำอะไรไม่ถูกสักอย่าง ครูกุ้งเลยดึงหูน้องศีล บอกว่า หูมีไว้ฟัง วันหลังพูดแล้วต้องฟัง คุณตารู้เรื่องโกรธมากจะเอาเรื่องครูกุ้ง ดีว่าฉันบอกว่าขอคุยกับครูก่อน พอเช้าขึ้นมาถามครูกุ้งกับครูพี่เลี้ยง พวกแกก็พูดแบบตลกๆว่า น้องศีลเรื่องแค่นี้ไปฟ้องคุณยายด้วยหรือ...

...ฉันคุยเรื่องนี้กับผู้ปกครองคนอื่นในห้อง เขาก็บอกว่าลูกเขาก็ถูกครูกุ้งทำโทษแบบแปลกๆ ขีดปากกาแดงกากะบาดตรงขา ตรงแขน เหมือนประจานเด็ก บางทีก็จับขังในห้องส้วม บางทีก็แอบหยิกเด็ก ตอนแรกที่พวกลูกๆหลานๆเล่า พวกพ่อแม่ก็เข้าใจว่าเด็กคิดไปเองว่าถูกครูหยิก ครูดึงหู จนเจ็บ หรือคิดว่าเป็นวิธีสอนเด็ก แต่พอมาคุยกันถึงรู้ว่าเด็กโดนครูกุ้งทำโทษแบบนี้กันหลายคน...”

ครับ...นั่นคือเรื่องราวที่ผมพอจะปะติดปะต่อจากการฟังเพื่อนร่วมโต๊ะอาหารพูดคุยกัน ผมไม่ทราบว่าข้อเท็จจริงจะเป็นเหมือนกับคุณยายคนนี้เล่าหรือไม่ แต่มีประเด็นให้ขบคิดกันต่อว่า จริงๆในสังคมเรา มีคุณครูอนุบาลแบบนี้จริงหรือไม่ ถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นกับลูกหลานของเรา เราควรทำอย่างไร

ทุกวันนี้ อาชีพคุณครูต้องยอมรับว่าเป็นอาชีพที่รับบทหนักมาก ยิ่งเป็นคุณครูโรงเรียนอนุบาลนี่ ผมยังต้องยกนิ้วให้เรื่องของความฮึด ความอดทน และใจรัก เนื่องเพราะต้องผจญกับวายร้ายตัวน้อยๆหลายสิบคน

ประเภทว่า...เดี๋ยวคนนี้จะร้องไห้ เดี๋ยวคนนี้จะนอน คนนั้นจะฉี่ คนโน้นกำลังทะเลาะแย่งของเล่นกัน

ครูอนุบาลนอกจากจะมีหน้าที่สอนและดูแลเด็กตัวน้อยๆแล้ว ยังต้องสวมบทบาทอีกหลายอย่าง บางคนมีเวรต้องมาถึงโรงเรียนแต่เช้ามืด เพื่อมารอรับเด็กตัวน้อยๆอยู่หน้าโรงเรียน ครูบางคนต้องช่วยโรงเรียนจัดกิจกรรม ฯลฯ

ภาระรับผิดชอบอันหนักหน่วง ความเครียดสูง แลกกับผลตอบแทนที่ไม่มากนัก ทำให้อาชีพของครูโรงเรียนอนุบาลมีการลาออกกันมาก

ครูจบใหม่จากรั้วสถาบันอุดมศึกษาหลายคน เลือกไปประกอบอาชีพที่สร้างรายได้ สร้างความมั่นคงในชีวิตมากกว่า ส่วนครูอนุบาลที่มีประสบการณ์การสอนเด็กมานานๆก็อาจถูกซื้อตัวไปประจำโรงเรียนใหม่

ทำให้โรงเรียนอนุบาลหลายแห่งเกิดภาวะขาดแคลนครูอนุบาลที่มีความรู้ ความสามารถและใจรักเด็กอย่างแท้จริง

แน่นอนครับว่า ทำให้โรงเรียนอนุบาลบางแห่งจำต้องรับครูอนุบาลที่ด้อยทักษะ ขาดประสบ การณ์และปราศจากคุณธรรม จริยธรรมในการดูแล สั่งสอนเด็กปฐมวัย

ดังนั้น สิ่งที่เราๆท่านๆ ซึ่งเป็นผู้ปกครองควรทำ เพื่อช่วยเหลือไม่ให้ลูกหลายเราจะต้องเจอกับการกระทำที่ขาดการยั้งคิดของคุณครูเหล่านี้คือการหมั่นพูดคุยกับคุณครู สอบถามถึงพฤติกรรมของลูกหลานเรากับคุณครู ลองพูดคุยซักถามดูว่าเมื่อเด็กประพฤติตัวไม่เหมาะสม ดื้อ ซน ไม่ยอมกินข้าว ไม่ยอมนอนตอนกลางวัน คุณครูใช้วิธีไหนในการแก้ปัญหา

ขณะเดียวกัน ต้องหมั่นพูดคุยกับลูกหลานว่า คุณครูลงโทษลูกหลานหรือเพื่อนๆเวลาดื้อ หรือซนอย่างไร แล้วอย่าลืมสังเกตร่างกายของเด็กด้วยนะครับ ว่าพบบาดแผล รอยพกช้ำ หรือรอยขีดข่วนอย่างไร ถ้ามีก็สอบถามกับเจ้าตัวเล็กว่ารอยแผลเหล่านี้เกิดจากอะไร ใครทำ

รวมทั้งสังเกตดูพฤติกรรมของลูกหลานว่า เซื่องซึม งอแง หวาดกลัวครูหรือเกลียดโรงเรียนอย่างผิดปกติหรือไม่

นอกจากนั้นควรมีการพูดคุยกันระหว่างผู้ปกครองในห้องเรียนเดียวกันกับลูกหลาน เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการเรียนการสอนของคุณครู และเมื่อมีเหตุผิดปกติอันเกิดจากการทำโทษของคุณครูก็ลองปรึกษาหารือกันในหมู่ผู้ปกครอง ก่อนขอเข้าพบผู้บริหารของโรงเรียนเพื่อเล่าให้ฟังถึงข้อเท็จจริงที่ประสบ

ผมเชื่อแน่ว่า ผู้บริหารโรงเรียนอนุบาลที่ดีๆมีชื่อเสียงล้วนเป็นบุคคลที่มีพื้นฐานรักเด็ก มองนักเรียนตัวน้อยๆที่ร่ำเรียนอยู่ในโรงเรียนเหมือนลูกหลานของตนเอง หากผู้บริหารเหล่านี้ทราบข้อมูลข้อเท็จจริงย่อมตระหนักถึงปัญหาที่ต้องเร่งแก้ไข

ครับ มาช่วยกัน อย่าให้เจ้าตัวเล็กต้องนอนฝันร้ายหวาดผวาคุณครูแต่เด็กเลย

.......................................................................................................................................................................
บทความนี้ผมเขียนลง ตีพิมพ์ครั้งแรกในนิตยสาร Mother & Care ฉบับที่ 41 เดือน พฤษภาคม 2551






Create Date : 11 สิงหาคม 2551
Last Update : 11 สิงหาคม 2551 23:30:17 น. 3 comments
Counter : 653 Pageviews.

 


โดย: MONROVIA วันที่: 12 สิงหาคม 2551 เวลา:6:36:21 น.  

 
ถ้ามีครูแบบนี้จริง ก็น่าเป็นห่วงลูก ห่วงหลาน นะค่ะ แต่น่าจะเป็นส่วนน้อย
เพราะเท่าที่เห็นครูเด็กอนุบาล น่ารัก น่ารัก ก็มีเยอะค่ะ บางทีเด็กตัวเล็กๆนี่แหละ ทำเอาครูหัวหมุน


โดย: ปลายดินสอ วันที่: 12 สิงหาคม 2551 เวลา:16:05:40 น.  

 
ที่ดีก็มีมาก ที่แย่มากก็ยังมี....เยอะ นะคะเคยเจอมาแล้วไม่เฉพาะเด็กเล็กหรอกเด็กมัธยมก็มี่ค่ะ เรื่องบิดหูพูดจาว่าร้ายเนี่ย ยังเคืองอยู่เลย ขาดจิตวิญญาณความเป็นครู เป็นได้เพียงผู้สอนอ้ะค่ะ...ขอบคุณสำหรับเรื่องราวค่ะ


โดย: จันทร์กระจ่างฟ้า IP: 202.21.144.143 วันที่: 3 ธันวาคม 2551 เวลา:12:36:33 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สายน้ำกับสายเมฆ
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Locations of visitors to this page

Tracked by Histats.com
Friends' blogs
[Add สายน้ำกับสายเมฆ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.