Secret of a happy life. Eat as if you are a horse. Drink as if you are a whale.

Hokkaido F1 Wine Pairing dinner @KRBB The Boutique Butcher

ชื่อร้าน : KRBB The Boutique Butcher
รายการอาหาร : Wine Pairing dinner
ที่ตั้งร้าน : Habito Mall, กรุงเทพมหานคร พระโขนง Thailand
พิกัด GPS : 13° 42' 45.14" N 100° 36' 2.82" E




ร้าน KRBB The Boutique Butcher ใน Habito Mall เป็นร้านขายเนื้อวัวญี่ปุ่นและวัวไทยระดับพรีเมียม รายละเอียดของเนื้อประเภทต่าง ๆ ที่ทางร้านจำหน่ายหาอ่านได้จาก reviewฉบับก่อนหน้านี้ เลยครับ







ปกติเนื้อที่ซื้อสามารถทานในร้านได้โดยมีค่าปรุงอาหารท่านละ 350บาท+ สามารถเลือกปรุงเป็น shabushabu / sukiyaki / yakiniku / steak
แต่ว่าเฉพาะวันที่ 29 ของทุกเดือน ทางร้านจะจัดอาหารมื้อพิเศษในรูปแบบของ Wine Pairing dinner คือ อาหาร 1 คอร์สจับคู่กับไวน์
ทั้งนี้สาเหตุที่เลือกวันที่ 29 ของทุกเดือนก็เพราะว่า ในภาษาญี่ปุ่น เลข 2 อ่านออกเสียงได้ว่า Ni และเลข 9 ออกเสียงว่า Ku  เอามารวมกันเป็นคำว่า Niku ซึ่งพ้องเสียงกับคำว่าเนื้อครับ









วันที่ 23 - 24 ก.พ. ที่ผ่านมาทางร้านได้จัด wine dinner ครั้งแรก (พอดีเดือนก.พ. 2017 ไม่มีวันที่ 29 เลยเลื่อนมาจัดวันที่ 23-24แทน) ดดยได้เชิญเชฟแบล็ค จากร้าน Blackitch Artisan Kitchen จังหวัดเชียงใหม่ มาปรุงอาหาร 9 จาน โดยใช้วัตุดิบเป็น Hokkaido F1 Beef คือ วัวญี่ปุ่นที่ cross breed ระหว่างวัวญี่ปุ่นพันธ์ขนดำ Kuroge Wagyu กับวัวนมพันธ์ Holsteins อาหารทั้ง 9 จานเสิร์ฟพร้อมกับไวน์ Francis Ford Coppola ทั้ง Diamond Collection และ Director's Cut รวมทั้งหมด 3 ชนิด ราคาของมื้อนี้อยู่ที่ 4,500Bnett (รวมทั้งค่าอาหารและไวน์) โดยตัวเชฟเองออกมาอธิบายแนวคิดและขั้นตอนการอาหารให้เราฟังทุกจานที่เสิร์ฟ และมีเจ้าของร้าน KRBB คุณบิ๊ก อิทธิชัย เบญจธนสมบัติ มาให้ความรู้เรื่องไวน์ที่เสิร์ฟคู่กับอาหารอย่างละเอียดด้วยครับ




อันนี้เป็น motto ในการทำอาหารของเชฟแบล็คครับ นอกจากจะอร่อยและแปลกใหม่แล้ว เชฟยังให้ความสำคัญกับการใช้วัตถุดิบในท้องถิ่นด้วย



บรรยากาศของวันงาน เป็นโต๊ะยาวนั่งทานภายในร้านที่ตกแต่งสวยงาม และผ่อนคลายผิดกับ image ร้านขายเนื้อทั่วๆไป





ก่อนจะเริ่มมื้ออาหารก็ เปิดมื้อกันด้วย Freixenet Vintage Cava Brut Nature 2014 เป็น sparkling wine จากสเปนที่หอมหวานออกไปทางพวก dried fruit มี finish dry เล็กน้อยและค่อนข้าง crisp






อาหารจานแรกในคอร์ส เป็นส้าเนื้อ หรือลาบเนื้อดิบแบบของภาคเหนือที่หอมกลิ่นมะแขว่นเป็นเอกลักษณ์
เชฟเอาส่วนZabuton (Chunk Flap) สันคอบนมาสับแล้วผสมเครื่องเทศ ปั้นเป็นก้อน ลนไฟให้สุกเฉพาะผิวนอก
เสิร์ฟกับต้นหอมเผาและมะเขือยาวเผาไฟ โดยแนะนำให้ทานกับต้นหอมก่อน แล้วค่อยทานกับมะเขือยาวเผา
condiment ที่มาด้วยกัน คือ ceviche แห้วกับมะเขือเทศจิ๋วในซอสไข่แดงที่ทำจากไข่แดงของไข่ไก่ดำ



ด้านในยังดิบตามแบบส้าเนื้อ ออกคล้าย beef tartare (เนื้อดิบคลุกไข่แดงแบบฝรั่งเศส)ที่ปรุงรสด้วยเครื่องเทศแบบไทยๆ เพราะมีทั้ง yolk หอมมันจากไข่ของไก่ดำ และผักมาตัดรส





อาหารจานที่ 2 ทอดมันเนื้อพับนอก (Outside) หรือส่วนที่เรึยกว่า Sotomomo เอามาสไลซ์บาง แล้วปั้นรวมทอดมันปลาน้ำดอกไม้ ผสมทั้งถั่วพูและถั่วแระญี่ปุ่นเพิ่ม Japanese essence เข้าไปผสมผสาน เชฟแนะนำให้แบ่งเป็นสองคำเพื่อทานคู่กับอาจาดมะละกอดองที่ให้มาในจาน (แต่คำใหย่พอควร ผมเลยแบ่งเล็กกว่านั้นแล้วทานอาจาดคั่นเอา) มี Bloody Mary สูตรของเชฟเองใส่แก้วมาให้ดื่มตบท้ายด้วยครับ Bloody Mary นี่ทำจากมะเขือส้ม (มะเขือลูกเล็กกลมของภาคเหนือ) รสออกไปทางอมเปรี้ยวและน้ำค่อนข้างใส ดื่มแล้วสดชื่นดี








Wine ตัวแรกของ wine paring dinner มื้อนี้เป็นไวน์ Chardonnay ปี 2014 ของ Francis Ford Coppola Diamond Collection Gold Label
โดยไวน์ตัวนี้มี base เป็น Chardonnay แต่มีการ blend Riesling ไวน์ลงไปด้วย 2% ช่วย balance out ให้อาหารที่มีกลิ่นรสเครื่องเทศละมุนลิ้นขึ้น
ตัวไวน์หอมโทนผลไม้แบบ tropical อย่างสัปปะรด และมีรสหวานสดชื่นแบบ apple หรือ pear มี finish ที่ติดลิ้นคล้ายคาราเมล เข้ากับอาหาร 2 จานแรกได้ดีมาก





อาหารจานที่ 3 เนื้อTomo Sankaku (Tri Tip) หางตะเข้ ที่ตัดมาจากท้าย ๆ ของ bottom sirloin มี texture ค่อนข้างสู้ฟัน เอามาสไลซ์แบบหนาหน่อย ย่างสุกทานคู่กับซอสไวน์แดงที่ผสมสาเกลงไปด้วยเพิ่มความแปลกใหม่ เสิร์ฟพร้อมไข่นกกระทามาในถ้วยที่ทำจากหัวหอมย่างแบบยังคงความกรอบ ๆ และเผ็ดซ่านิดๆตามแบบหัวหอมเลย เชฟแนะนำให้ทานคำเดียวหมด คำแอบใหญ่ไปนิด แต่กลัวซอสในถ้วยหัวหอมจะหกเลยไม่กล้าตัดแบ่งทาน เนื้อสู้ฟันกว่าหลายๆจานในมื้อนี้ แต่ไม่เหนียว ตัว condiment เป็นคะน้าลวกกรอบ ๆ ฝานบางแช่เย็นกับหนังไก่ทอด ส่วนด้านล่างเป็น puree สายบัวครับ   






อาหารจานที่ 4 เป็น Ribroll หรือส่วนริบอาย แผ่นใหญ่ สไลซ์บางเฉียบ สะดุ้งไฟเล็กน้อย ห่อด้วยผักกรอบ ๆ หลายชนิดเช่น ผักเชียงดา พริกสด ลูกมะเดื่อดอง ราดด้วยซอสมะขามเปรี่้ยวหวาน ออกมาเป็นเมี่ยงผักที่ห่อด้วยเนื้อที่ไขมันแทรกพร้อมละลายใยนปาก พอเราเคี้ยวไปเนื้อจะละลายหายวับไปก่อนอย่างกับเนย เพราะไขมันของวัวญี่ปุ่นละลายง่ายมาก ในปากจะเหลือแต่ผักให้เคี้ยวต่อผสมเข้ากับน้ำมันเนื้อที่เหลือในปาก ไอเดียนี้ playful มากเป็นหนึ่งในจานที่ผมชอบที่สุดในมื้อนี้ด้วยครับ








อาหารจานที่ 5 เนื้อ Zabuton (Chunk Flap) หรือสันคอบน แล่บาง โปะด้วยมิโสะที่ผสมน้ำมันจากการเคี่ยวมันวัวลงไปด้วยเพิ่มความหอมมันเข้มข้น ด้านใต้แผ่นเนื้อวัวบาง ๆ มีเผือกทอดใส่เนื้อปู condiment เป็นอาจาดที่ทำจากแตงกวาดองน้ำสับปะรดช่วยตัดเลี่ยน










อาหารทั้งสามจานด้านบน (จานที่ 3-5) จับคู่กับไวน์แดง Diamond Collection ของ Francis Ford Coppola คือ  Claret Black Label 2014
ไวน์ตัวนี้เป็น Bordeaux Blend ทำจากองุ่น 4 ชนิด โดยมี Cabernet Sauvignon เป็นส่วนผสมหลัก และมีการผสมองุ่น Petit Verdot, Cabernet Franc และ Merlot ลงไปด้วย
มี tannin ที่ละมุนลิ้นดื่มง่าย หอมหวานแบบ grapefruit และ plum มี finish แบบ oriental spice อย่าง anise ตบท้าย เหมาะกับอาหารที่ไม่หนักมากอย่างอาหารจานที่ 3, 4 และ 5 ของคอร์สนี้








อาหารจานที่ 6 เจลลี่ที่ทำจากมันเนื้อของวัว Hokkaido F1 ราดซุปหางวัวร้อน ๆ ตัวซุปหางวัวเข้มข้นแต่ไม่เลี่ยน ปรุงรสง่ายด้วยมะเขือเทศกับใบโหระพา ตัวเจลลีเนื้อจะละลายเยิ้ม ๆ หน่อย เข้ากันมาก










อาหารจานที่ 7 เป็น main จานแรก คือ สเต็กจากเนื้อส่วนสะโพะกที่เรียกว่า Ichibo จานนี้ก็เป็นอีกจานที่เลือกใช้เนื้อที่สุ้่่ฟันหน่อยมาเสิร์ฟกับผักทั้งหมด 6 ชนิด ปรุงรส 6 แบบ มีทั้งรากบัว / baby broccoli / เห็ด / ถั่วหวาน / ข้าวโพดอ่อน / แครอท โดยตั้งใจให้ทานเรียงลำดับจากรสอ่อนไปหาเข้ม โดยส่วนตัวประทับใจเห็ดที่ราดซอสเขียวสไตล์ Argentina ที่เรียกว่า chimichurri  มากเลยครับ





อาหารจานที่ 8 เป็นของคาวจานสุดท้าย คือ ข้าวหน้าเนื้อสูตรพิเศษของเชฟแบล็ค ทำจากเนื้อ สันนอกแล่บาง เอาไปลวกในน้ำซุปที่ปรุงรสแบบ Sukiyaki สไตล์ญี่ปุ่น โรยหน้าด้วยหอมทอด และทีเด้ดประจำจานนี้ คือ ไขกระดูกวัวคลุกแป้งขนมปังอบกรอบ เป็น Bone Marrow Crumble  เรียกได้ว่าใครยังไม่อิ่มก็คงมามาจุกเอาจานนี้ ในจานนี้เชฟปรุงรสแบบเข้มข้นโดยไม่มีอะไรมาตัดรสเลย เพราะถือว่าเป็นของคาวจานสุดท้ายแล้ว และยังมีไวน์เสิร์ฟมาด้วยช่วย wash out อยู่แล้ว






ไวน์ตัวสุดท้าย ที่เสิร์ฟคู่กับอาหารจานที่ 6-8 คือ Director's Cut Alexander Valley Cabernet Sauvignon 2014

ไวน์ตัวนี้เป็น Bordeaux Blend เช่นเดียวกันกับตัวก่อนหน้านี้ แต่ประกอบด้วยองุ่น 3 ชนิด โดยมีตัวหลักคือ Cabernet Sauvignon และผสม Petit Verdot กับ Cabernet Franc
เหมาะกับอาหารรสเข้มข้นเพราะมีความเข้มข้นระดับ full bodied รสหวานหอมไปทาง berries หรือ blackcurrant มีกลิ่น spice ไม่แรงเท่าตัวก่อนและได้กลิ่นคล้ายช็อกโกแลตด้วย







จานที่ 9 อันเป็นของหวานปิดท้ายมื้อ คือมันเทศญี่ปุ่นอบราดด้วย caramel ที่ทำจาก beef jus ออกมาเป็นคาราเมลที่ใช้มันเนื้อแทนเนย ด้วยความที่ไขมันของวัวญี่ปุ่นละลายง่ายและไม่เกาะติดโพรงปากนาน เลยแทบไม่รู้สึกถึงความเป็น animal fat ในตัวคาราเมลเลยครับ เสิร์ฟมากับ sorbet แอปเปิ้ลเขียว รสเปรี้ยวสดชื่นและ almond crumble





เป็นอันปิดท้ายมื้อไปอย่างตัว สำหรับงาน wine pairing dinner ครั้งแรกของร้าน KRBB The Boutique Butcher นะครับ
สำหรับงาน wine pairing dinner ของร้านนี้จะจัดขึ้นทุกวันที่ 29 ของทุกเดือน เรียกว่า Niku day สามารถติดตามรายละเอียดได้จากหน้า Page Facebook ของทางร้าน หรือสอบถามได้ที่ทางร้านโดยตรงครับ



KRBB @ชั้น 3 Habito, Sukhumvit Soi 77, Bangkok, Thailand

02-090-9697



Create Date : 26 กุมภาพันธ์ 2560
Last Update : 4 มีนาคม 2560 15:02:56 น. 1 comments
Counter : 2676 Pageviews.  

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณlife for eat and travel


 
โหวตร้านอาหารให้ค่าา เนื้อลายสวยดูดีสมราคามากค่ะ


โดย: life for eat and travel วันที่: 27 กุมภาพันธ์ 2560 เวลา:13:18:14 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

amenochikara
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 28 คน [?]




[Add amenochikara's blog to your web]

MY VIP Friend